ตอนที่ 140 เกือบเอาชีวิตไม่รอด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 140 เกือบเอาชีวิตไม่รอด
ต๭นที่ 140 เกือบเอาชีวิตไม่รอด ทุกคนต่างก็กลั้นหายใจ ประจักษ์เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างปาริฏิหารย์ เด็กน้อยยังไม่ฟื้นตื่นขึ้นมา ชูเซี่ยพูดกับเชียนซานว่า "เจ้าประคองเด็กลุกขึ้นหน่อย!" เชียนซานยังไม่ทันขยับตัว คุณชายจางก็รีบเข้ามาอุ้มเด็กขึ้นทันที พลางใช้สายตาเลื่อมใสระคนยินดีมองชูเซี่ย "แบบนี้หรือ" ชูเซี่ยพยักหน้า จากนั้ก็หยิบเข็มที่ค่อนข้างหนาออกมาหนึ่งเล่ม จากนั้นก็ฝังเข้าไปตรงด้านหลังศีรษะของเด็กน้อย นางบอกว่า "กระโหลศีรษะของเขาตกเลือด ต้องระบายออกทันที เพื่อลดความดันในกะโหลกศีรษะลง ท่านอย่าเพิ่งปล่อยนะ อุ้มเอาไว้แบบนั้นแหละ!" คุณชายจางพยักหน้าติด ๆ กันทันที "พ่ะย่ะค่ะ พ่ะย่ะค่ะ!" เชียรซานยังไม่กล้าคลายจุดใต้เท้าซือคง นางรู้ว่าตาเฒ่าคนนี้ไม่ดื้อรันแบบธรรมดาทั่วไป หากเขาเป็นอิสระแล้วผลักชูเซี่ยออก ไม่ยอมให้ชูเซี่ยรักษาหลานของเขา ก็คงเป็นเรื่องที่จะจัดการได้ยาก ฮูหยินน้อยหยุดร้องไห้แล้ว นางเอนพิงในอ้อมแขนของสาวใช้ มองชูเซี่ยฝังเข็มด้วยความตื่นเต้น ไม่กล้าเดินเข้าไป เพราะกลัวว่าจะทำให้ชูเซี่ยตกใจ เข็มของชูเซี่ยแทงเข้าไป ตอนแรกยังไม่มีปฏิกิริยาใด นางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็หยิบเข็มเล่มยาวค่อนข้างเล็กออกมาอีกหนึ่งเล่ม ครั้งนี้นางฝังเจ้าไปลึกมาก จากนั้นฝังที่ขมับอีกหนึ่งเข็ม จากนั้นก็พูดกับเชียนซาน "เจ้าช่วยกดที่จุดไป๋ฮุ่ยแรง ๆ ขับเลือดให้ไหลออกมาที!" จูเก๋อหมิงพูดขึ้นว่า "ข้าทำเอง!" เขาลุกขึ้นเดินไปอยู่ข้างชูเซี่ย ยื่นสองนิ้วออกมาแล้วกดไปที่จุดไป๋ฮุ่ยของเด็กน้อย เดินลมปราณแล้วกดลงไปแรง ๆ อีกครั้ง ชูเซี่ยลงมือร่วมกับเขาฝังเข็มต่อไปเรื่อย ๆ พอฝังเข้าไปก็ดึงออกมาอีก ทำแบบนี้ซ้ำไปมาอยู่หลายครั้งจนใบหน้าของเด็กน้อยฉายความเจ็บปวดทรมานขึ้นมา ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ วองชูเซี่ยอย่างล้าไร้เรี่ยวแรงอยู่สักพัก จากนั้นก็ค่อย ๆ ปิดลงอีกครั้ง ชูเซี่ยใช้เข็มทองฝังแบบนี้ลงไปอีกเพื่อกระตุ้นเซลล์และประสาทในสมองของเขา ดังนั้นเขาจึงฟื้นขึ้นมา แต่ทว่ายังอ่อนแออยู่มาก ไร้เรี่ยวแรงที่จะพูดจา แม้แต่ลืมตาก็ยังยากยิ่ง คุณชายจางถามชูเซี่ยอย่างระมัดระวัง "ตอนนี้ต้องทำยังไงเขาถึงจะดีขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ" ชูเซี่ยพูดเสียงเบา "ก็ทำเหมือนเมื่อครู่นี่แหละ ต้องระบายเลือดส่วนเกินที่อยู่ในกะโหลกศีรษะเขาออกมา แล้วก็ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี!" คุณชายจางพูดกับเด็กน้อยเสียงเบา "เสวียนเอ๋อร์ เจ้าฮึดสู้หน่อยนะ อดทนเอาไว้ พ่อกับแม่จะคอยอยู่ข้าง ๆ เจ้า!" ตาของเด็กน้อยค่อยเปิดขึ้นมาอีกครั้ง ในดวงตามีความตกใจผวา น้ำตาคลอเต็มเบ้า ทว่าก็ไม่ได้ไหลออกมา แต่ละคนต่างก็มองอย่างปวดใจ เด็กน้อยเพิ่งอายุได้ไม่เท่าไรก็ต้องมาประสบกับความทุกข์ทรมานเช่นนี้แล้ว เมื่อก่อนนี้เขาเป็นเด็กน่ารัก ใคร ๆ ต่างก็หลงรัก แม้ใต้เท้าซือคงจะถูกสกัดจุดเอาไว้ แต่ดวงตาทั้งสองก็ไร้การขัดขวาง ความรู้สึกบนใบหน้าเขาหวั่นไหวอย่างมา ปากสั่นเล็กน้อย เขาจ้องมองหลานของตนอย่างมั่นคง จากนั้นก็ละสายตาไปมองหน้าที่ใจจดใจจ่อของชูเซี่ยด้วยอารมณ์ซับซ้อนและคลุมเครือ ในที่สุด สิ่งที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง กะโหลกศีรษะของเด็กร้อยเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาแล้ว ชูเซี่ยมีใจฮึกเหิมพูดกับจูเก๋อหมิงว่า "ทำต่อไป!" จูเก๋อหมิงพยักหน้า "อื้ม!" เขาหลับตา เดินลมปราณอีกครั้ง ลมปราณบริสุทธิ์และความอุ่นไหลพุ่งเข้าสู่ใจกลางกะโหลกศีรษะของเขา มือของชูเซี่ยดึงเข็มแต่ละเล่มออกอย่างรวดเร็ว ยามที่เข็มทองออกจากศีรษะเด็ก น้ำเลือดสายเล็ก ๆ ก็ถูกจูเก๋อหมิงใช้กำลังภายในเค้นออกมา ละอองเลือดสีแดงสดพ่นเต็มหน้าและร่างกายของคุณชายจาง แต่ละคนต่างก็ไม่มีใครเอ่ยปากพูด ระหว่างที่เฝ้าคอยก็ได้ยินเสียงสะอื้นของฮูหยินน้อยแซ่จางที่กลั้นเอาไว้ นางอดทนต่อความเหนื่อยล้ากายใจอย่างมากที่จะไม่พุ่งเข้าไปโอบกอดลูกของตน นางใช้สายตาเคารพยำเกรงและซาบซึ้งมองชูเซี่ย สำหรับนางแล้วชูเซี่ยในเวลานี้เปรียบเสมือนดั่งเซียนบนสวรรค์ลงมาจุติบนโลกมนุษย์ ทั้งงดงาม ศักดิ์สิทธิ์และมีเมตตา ในที่สุดเลือดก็ค่อย ๆ หมดลง ชูเซี่ยเองก็รู้สึกเบาใจลงเช่นกัน นางบอกกับจูเก๋หมิงว่า "ถอยก่อน!" จูเก๋อหมิงดึงมือกลับ ปรับลมปราณสักพักแล้วถาม "อาการเป็นอย่างไรบ้าง" ชูเซี่ยตรวจอาการเด็กน้อยอยู่สักพัก จากนั้นก็พูดขึ้น "แม้จะดึงชีวิตกลับคืนมาได้ แต่เพราะเคยประสบกับภาวะที่ร่างกายเสียเลือดจนความดันเลือดต่ำมาก คาดว่าจะมีข้างเคียงบางอย่างเล็กน้อยตามมา" คุณชายจางวางเด็กน้อยลง จากนั้นก็คุกเข่าโขกศีรษะ ยามที่เงยหน้าน้ำตาคลอเต็มเบ้า "หวงกุ้ยเฟย ท่านเป็นผู้มีพระคุณของบ้านเราแล้ว!" ในเวลานี้เชียนซานตั้งใจจะคลายจุดให้ใต้เท้าซือคง นางถามอย่างมีชัย "ตาเฒ่า เจ้าคิดว่าเจ้านายข้าเป็นตัวกาลกินีหรือผู้มีพระคุณกัน" สีหน้าของใต้เท้าซือคงพอจะเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว ทั้งความกระอักกระอ่วน ชิงชัง ซาบซึ้ง สับสน และอารมณ์อื่น ๆ อีกมากมายที่ยากจะอ่านได้เข้าใจ เชียนซานไม่เคยเห็นว่าคน ๆ นึงมีอารมณ์ได้หลากหลายขนาดนี้มาก่อนเลย ชูเซี่ยจงใจที่จะไม่มองเขา ยื่นมือไปประคองคุณชายจางลุกขึ้น “ข้าเป็นหมอ นี่เป็นหน้าที่ของข้า” เสียงของนางเพิ่งจะสิ้นลง ใต้เท้าซือคงก็พูดขึ้นมา "แม้ท่านจะช่วยหลานกระหม่อม กระหม่อมรู้สึกซาบซึ้งท่าน แต่ก็ใช่ว่าจะเห็นด้วยกับสิ่งอื่นที่ท่านทำ มีคำกล่าวว่าาไร้กฎก็ไร้กรอบล้อมรอบ หากหนึ่งครอบครัวกระทำเช่นนี้ก็ไม่ต้องกล่าวถึงประเทศอันกว้างใหญ่เลย พระคุณของท่านในวันนี้ กระหม่อมจะต้องตอบแทนในวันข้างหน้าโดยไม่เอาเปรียบแม้เพียงนิด" ชูเซี่ยลุกขึ้น มองเขาเงียบ ๆ แวบหนึ่งแล้วกล่าว “ไม่ต้องตอบแทนวันหน้าหรอก หากท่านจะตอบแทนข้าก็ง่ายมาก...” ใต้เท้าซือคงพูดแทรกทันที "ท่านว่ามาเถิด หากต้องการชีวิตของกระหม่อม กระหม่อมก็มอบให้ท่านได้ แต่บางเรื่อง ถึงตายกระหม่อมก็ไม่ยอม!" กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เขายังคงไม่เห็นด้วยกับการที่นางอยู่ข้างกายหลี่เฉินเย่น ชูเซี่ยหัวเราะเย้ยหยัน "ข้าจะเอาชีวิตท่านไปทำไม ท่านแค่ให้เงินข้าก็พอแล้ว" ใต้เท้าซือคงเหมือนจะเบาใจ เขาพลันพูดขึ้นมาทันที "ต่อให้ครอบครัวล่มจมก็ไม่เสียดาย!" ชูเซี่ยเอ่ยปากทันที "ครอบครัวล่มจม? ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ค่ารักษาในเมืองหลวงไม่ได้สูงมากขนาดนั้น ค่าใช้จ่ายในการออกตรวจก็จ่ายสองตำลึงเงิน ค่ารักษาสองตำลึง ค่าตรวจสามอีแปะ นอกจากนี้ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้ท่าน พวกท่านก็ไปจัดหาเอาเอง ค่ายาไม่ต้องจ่ายให้ข้า โดยที่วไปแล้ว ใต้เท้าซือคงจ่ายข้าสองตำลึงสามอีแปะก็พอ!" "สองตำลึงสามอีแปะ?" ใต้เท้าซือคงถลนออกมา มองนางอย่างตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าที่นางพูดจะหมายถึงเงินค่ารักษา ตอนแรกยังคิดว่านางจะเอาของตอบแทนที่ล้ำค่าหรือไม่ก็เงื่อนไขที่ยากจะทำให้สำเร็จเสียอีก ชูเซี่ยตอบเขา "ใช่ อีกอย่างค่าออกตรวจไม่อาจติดค้างได้ หากท่านเลือกจะมาหยิบยาที่โรงหมอของเราก็สามารถติดค่ายาได้" พูดจบ นางก็สะพายล่วมยาแล้วหันไปพูดกับเชียนซาน "เจ้าอยู่เก็บเงินที่นี่ ข้าจะไปรอเจ้าข้างนอก!" คุณชายจางพลันลุกขึ้นรั้งชูเซี่ยเอาไว้พลางกล่าวอย่างเร่งรีบ "หวงกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่เสวียนเอ๋อร์ท่านก็ยังช่วยได้ ได้โปรดช่วยไปดูมารดาข้าหน่อยเถิด" ใต้เท้าซือคงอึ้งไปชั่วครู่และมองชูเซี่ยอย่างกระตือรือร้น ปากของเขาขมุบขมิบสักพัก ทว่ากลับไม่พูดอะไร ความจริงเป็นดังที่หลวี่หนิงว่าไว้ เขาเป็นคนรักหน้าตามาก แม้จะเป็นชีวิตภรรยาของตนก็ไม่ยอมที่จะก้มหน้าลงมาขอร้องชูเซี่ย ชูเซี่ยหันกายกลับ "แต่ข้าไม่แน่ใจว่าจะรักษานางได้!" ความเศร้าโศกพลันฉายขึ้นมาบนหน้าคุณชายจาง "หากช่วยไม่ได้ก็เป็นชะตาของนางแล้ว ขอแค่หวงกุ้ยเฟยโปรดเมตตา ไปตรวจดูเสียหน่อย!" เชียนซานก้าวไปขวางคุณชายจางไว้ นางพูดอย่างเย็นชา "เดิมทีเจ้านายข้าก็มาเพื่อช่วยมารดาเจ้า แต่เมื่อครู่พวกเจ้าห้ามไม่ให้นางเข้าไป ตอนนี้นางช่วยเจ้าหมาน้อยของเจ้าแล้ว พวกเจ้าก็ช่วยนางเองก็แล้วกัน เจ้านายของเราเป็นคนที่พวกเข้าคิดจะ..." "พอแล้ว เชียนซาน ไปดูหน่อยเถอะ!" ชูเซี่ยพูดแทรกเชียนซานเสียงเรียบ ความจริงแล้วเชียนซานก็พูดความน้อยเรื้อต่ำใจในใจนางออกมา แต่การพูดตำหนิควรทำแค่พอหอมปากหอมคอก็พอแล้ว ตอนที่ใต้เท้าซือคงได้ยินคำพูดของเชียนซานสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่อย่างมาก แต่ดวงตาของเขายังคงมีความปรารถนา หวังว่าชูเซี่ยจะไปช่วยฮูหยินของเขา ดังนั้น พอได้ยินชูเซี่ยพูดว่าไปดู เขาก็รู้สึกเบาใจ เป็นสามีภรรยากันมานานหลายปี เขาหวังว่าภรรยาจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัย แต่ละคนต่างก็คิดว่าอาการของฮูหยินเฒ่านั่นค่อนข้างดีกว่าคุณชายน้อย แต่ตอนที่ชูเซี่ยเห็นนางก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจ ไม้ไผ่แทงทะลุท้อง บาดแผลทุกส่วนทั้งบนและล่างถูกผ้าพันแผลพันเอาไว้ เลือดกับยาผงไหลซึมออกมาทุกทิศ แม้เลือดจะหยุดไหลชั่วคราวก็ตาม ส่วนหน้ามีแผลถลอก บนร่างกายมีบาดแผลอยู่หลายที่ แต่ไม่ได้หนักหนามาก สตินางยังคงแจ่มชัดอยู่ แต่จิตใจเศร้าโศกมาก โดยเฉพาะคุณชายจางทั้งสองที่คนคอยเฝ้าปรนนิบัติพลางปลอบประโลมนาง พอนางเห็นใต้เท้าซือคงมา ใบหน้าที่อ่อนแอและขาวซีกก็หันไปมองเขา สายตาเผยถึงคำถาม ปากอ้าเปิดเล็กน้อยถามด้วยเสียงแหบแห้ง "เสวียนเอ๋อร์..." ใต้เท้าซือคงเข้าไปกุมมือนาง ส่วนอีกมือพลางลูบไล้ใบหน้านาง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น "เสวียนเอ๋อร์ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้ว… อย่าได้เป็นห่วงไปเลย ให้ท่าน…ท่านหมอผู้นี้รักษาเจ้าเถอะ สามีจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเอง" ใจของชูเซี่ยสัมผัสได้ นางจำได้ว่าเมื่อก่อนเคยเห็นผู้ป่วยเนื้องอกในสมองในโรงหมอ ก่อนจะตาย สามีของนางโอบกอดนางไว้ตลอดเวลา กุมมือนาง กระซิบข้างหูนาง พูดเรื่องตอนที่ยังหนุ่มสาวที่เคยพร่ำบอกคำหวาน หลังจากนั้นภรรยาคนนั้นก็จากไปอย่างสงบและมีความสุข ปากยังคงยกยิ้ม ตอนนั้นนางก็เคยคิดว่า แต่ละคนต่างก็ต้องเผชิญกับความตาย หากรอความมั่งคั่ง รอความสำเร็จ สิ่งพวกนี้ล้วนแต่ไม่จำเป็นต้องรอ แต่หากรอความตาย คนเราสามารถรอได้ เพราะทุกคนต่างก็เหมือน ๆ กัน แต่ยามที่มนุษย์เผชิญกับความตายอาจจะหวาดกลัวไม่มากก็น้อย หากสามารถมีใครสักคนที่เป็นคนสนิทชิดเชื้อเชื่อใจได้มากที่สุดอยู่ข้างกาย เฝ้ารอความตายที่จะมาเยือนด้วยกัน ขจัดความกลัวและความโศกเศร้าจากก้นบึ้งในใจ สิ่งนี้ถึงจะเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ตอนที่ชูเซี่ยตรวจอาหารฮูหยินเฒ่าก็ให้คนที่ไม่มีหน้าที่อะไรออกไปจนหมด เหลือเพียงแค่จูเก๋อหมิง เชียนซานและใต้เท้าซือคงเท่านั้น นางเปิดเสื้อของฮูหยินเฒ่าออก จากนั้นก็เริ่มแตะคลำนางไปเรื่อย ๆ พลางถามนาง “ตรงนี้เจ็บไหม” ฮูหยินเฒ่าบอกว่าไม่เจ็บ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือไม่มีอาการบาดเจ็บภายใน ยามที่ตรวจกระดูกข้อเท้า ชูเซี่ยก็เห็นว่าหัวเข่าบวมแดงอย่างมาก อีกทั้งกระดูกยังทะลุออกมาข้างนอก เป็นอาการกระดูกหัก ใต้เท้าซือคงที่เห็นว่าภรรยาได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ก็หน้าซีดทันที ความรู้สึกเจ็บปวดสงสารเผยออกมาอย่างโจ่งแจ้ง แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ได้แค่จ้องมองภรรยาอย่างไงม่ละสายตาด้วยสีหน้าเหยเกเพราะความเจ็บปวด ชูเซี่ยพูดกับจูเก๋อหมิงว่า “เราต้องสกัดจุดใหญ่ ๆ ภายในหลายจุด เพื่อระงับความเจ็บปวด จากนั้นค่อยดึงเอาไม้ไผ่ออก แล้วก็ต้องใช้มีดผ่าเอาหักตูกที่แตกหักออกมา นี่เป็นการผ่าตัดครั้งใหญ่ ข้าต้องให้เจ้าช่วย!” จูเก๋อหมิงตอบรับนาง “ได้ ข้าจะอยู่ที่นี่แหละ จะเริ่มเมื่อไหร่ก็ได้!” ชูเซี่ยพูดขึ้นมาอีกว่า “แต่การสกัดจุดไม่อาจอยู่ได้นาน ไม่เช่นนั้นเลือดในร่างกายนางจะไม่ไหลเวียนจนทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวแล้วตายได้ ฉะนั้น พวกเราต้องทำเวลา” นางหันไปพูดกับใต้เท้าซือคง “ข้าขอคุยกับท่านหน่อย!” นางพูดพลางลุกขึ้นยืนแล้วดึงตัวใต้เท้าซือคงไปอีกฟากแล้วพูดกระซิบ “ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่อาการบาดเจ็บของฮูหยินสาหัสมาก ตกอยู่ในอันตรายและอาจสิ้นใจระหว่างการผ่าตัดได้ตลอดเวลา นางเวียเลือดไปมาก ระหว่างผ่าตัดยังคงต้องเสียดเลือดอีกมาก ดังนั้น ข้าขอให้ท่านเตรียมใจเอาไว้ด้วย ความหวังที่จะอยู่รอดมีเพียงสองส่วนเท่านั้น!” ใต้เท้าซือคงได้ยินก็มีท่าทางมึนงงไปเล็กน้อย นิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ถึงได้เอ่ยปาก “กระหม่อมเข้าใจแล้ว!” เครื่องมือในการผ่าตัดไม่สมบูรณ์ โชคดีที่ยุคสมัยนี้ยาห้ามเลือดมีประสิทธิภาพมาก บวกกับนางชำนาญในการใช้เข็มทองสกัดจุดมากแล้ว หากรวมกับช่วงที่ดึงวิญญาณนางกลับมาแดนมนุษย์ก็น่าจะอยู่ใช้เวลาประมาณสองชั่วยาม คนอื่น ๆ ถูกไล่ออกไปแล้ว รวมถึงใต้เท้าซือคงกับเชียนซานด้วย เหลือเพียงแค่ชูเซี่ยกับจูเก๋อหมิงที่อยู่ในห้องเท่านั้น เดิมทีเชียนซานคิดจะถากถางใต้เท้าซือคงสักสองสามประโยค แต่พอเห็นเขานั่งอยู่ตรงระเบียงด้วยท่าทางเหนื่อยล้าเศร้าโศก ความน่าเกรงขามหายไปจนสิ้น แววตาสับสนทั้งยังเจ็บปวด นางก็ไม่ใจแข็งที่จะพูดกับเขา เพียงแค่ถือสุราแล้วนั่งลงข้างเขา จากนั้นก็ยื่นมันให้เขา “ดื่มเสียหน่อยสิ!” 
已经是最新一章了
加载中