ตอนที่ 143 หญิงสาวที่หายตัวไป
1/
ตอนที่ 143 หญิงสาวที่หายตัวไป
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 143 หญิงสาวที่หายตัวไป
ตนที่ 143 หญิงสาวที่หายตัวไป คุณชายใหญ่ตระกูลจางเห็นท่าทางของชูเซี่ยและเชียนซานไม่เชื่อถือคำพูดของพวกเขานักก็รีบเอ่ย “แม่นางเชียนซาน เจ้าลองดูที่แขนขวาของเจ้าดูเถิดว่ามีรอยแผลไหม้หรือไม่ เพราะว่ารอยไหม้นั่นทำให้แม่นมของเราลักพาตัวเจ้าไป” เชียนซานจ้องเขม็งไปที่คุณชายใหญ่ตระกูลจางจากนั้นก็หันกลับมามองชูเซี่ยก็พบว่าชูเซี่ยก็กำลังจ้องมาที่นางด้วยประกายสงสัย หญิงสาวจึงหันหลังกลับ “ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น!” กล่าวจบนางก็ใช้วิชาตัวเบาเหาะออกไปข้างนอก คุณชายทั้งสามตั้งใจจะวิ่งตามนางไปแต่ชูเซี่ยกลับหยุดพวกเขาไว้ “ไม่ต้องตาม ให้นางสงบสติอารมณ์คนเดียวก่อนเถิด!” หลวี่หนิงทำสีหน้าประหลาดพิกล ดวงตาเย็นชาของเขากวาดมองไปรอบๆโดยคิดในใจ ‘ที่แท้แม่นางเชียนซานก็คือบุตรสาวที่พลัดพรากของอาจารย์หญิงเจ้างั้นหรือ นี่มันจะบังเอิญเกินไปหน่อยแล้ว! แต่ทว่ายามนี้อาจารย์หญิงเจ้าเป็นตายเราก็ยังไม่รู้ อาจารย์หญิงเจ้านางต้องนึกไม่ถึงแน่ว่าบุตรสาวของนางก็อยู่ตรงหน้านางแล้ว หากนางเป็นอะไรขึ้นมานางก็ไม่อาจพบหน้าบุตรสาวของนางอีกตลอดชีวิตแล้ว เพียงแค่คิดเขาก็หวาดกลัวขึ้นมา’ ชูเซี่ยมองหน้าท่านใต้เท้าซือคงก่อนเอ่ยถามอย่างสงสัย “ที่แท้แล้วเรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่ หากว่าพวกท่านเป็นครอบครัวของนางจริงๆแล้วเหตุใดที่ผ่านมานางถึงบอกว่าเป็นเด็กกำพร้ากัน” ท่านใต้เท้าซือคงเห็นว่าชูเซี่ยเป็นผู้ช่วยชีวิตคนสำคัญทั้งสองของเขาอีกทั้งยังมีเรื่องที่เชียนซานเล่าให้ฟังก่อนหน้านั้นอีก แม้ว่ายามนี้เขาจะยังไม่ได้เลือกข้างแต่หัวใจของเขาก็หาใช่ทำจากก้อนหินไม่ มายามนี้ความเกลียดชังและความไม่พอใจต่อชูเซี่ยหายไปจนแทบไม่เหลือแล้ว ยิ่งได้ยินคำพูดของนางที่เอ่ยถามก็รู้ว่านางคงมีแก่ใจต้องการช่วยเหลือเขา ชายวัยกลางคนจึงเดินไปนั่งลงตรงหน้านาง ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาให้อีกฝ่ายฟังโดยละเอียด “หลายปีก่อนฮูหยินของข้าให้กำเนิดบุตรชายมาแล้วถึงสามคน ไม่ว่าผู้ใดต่างก็รู้สึกอิจฉาตระกูลเรา แต่ในใจของข้าอยากได้บุตรสาวสักคน ว่ากันว่าลูกสาวก็เหมือนไข่มุกล้ำค้าที่บิดามารดาต้องถนอมเลี้ยงดู แต่ทว่าหลังจากให้กำเนิดบุตรชายมาแล้วถึงสามคน ร่างกายของฮูหยินก็อ่อนแอลง ทั้งยังหมดสติและปวดหัวใจอยู่บ่อยครั้ง เพื่อที่จะรักษาร่างกายของนางพวกเราสองสามีภรรยาจึงยอมถอดใจเรื่องบุตรสาวไป ในตอนนั้นเองที่ฮูหยินของท่านจิ้งกั๋วโฮ่วให้กำเนิดบุตรสาว ตอนนั้นท่านจิ้งกั๋วโฮ่วและฮูหยินของเขาเข้าวังหลวงเพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาทพอดีกับที่พวกเราสองสามีภรรยาก็เข้าวังเช่นกัน เด็กทารกหญิงคนนั้นทั้งอ้วนกลมทั้งขาวเหมือนก้องแป้งดูน่ารักน่าชังเหลือเกิน ข้าแค่เห็นนางเพียงครั้งเดียวก็ลืมไม่ลง นอกจากฮองเฮาที่ทรงอุ้มทารกน้อยคนนั้นไม่ยอมปล่อยมือก็มีข้าที่หน้าด้านหน้าทนขอท่านจิ้งกั๋วโฮ่วอุปเด็กน้อยคนนั้นสักครั้งแล้วก็ไม่ยอมปล่อยเลยทีเดียว ฮูหยินของข้าเห็นเช่นนั้นเมื่อกลับมาถึงจวนก็เลยกล่าวกับข้าเรื่องแต่งหญิงอื่นเข้าจวน ตอนนั้นข้าปฎิเสธนางไปแล้ว แต่หลังจากนั้นผ่านไปไม่นานนางก็รับหญิงสาวผู้หนึ่งเข้าจวน หญิงสาวผู้นั้นมีชื่อว่าเสี่ยวเหลียน ฮูหยินอยากให้ข้ารับนางเป็นฮูหยินรองแต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ยินยอม ฮูหยินก็เลยตัดสินใจรับนางมาเป็นน้องสาวทั้งยังให้อยู่ในจวนด้วยกัน ตอนนั้นข้าย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าฮูหยินตั้งใจจะให้ข้าผูกพันธ์กับเสี่ยวเหลียนแล้ววันหนึ่งก็จะเปิดใจรับนางเอง เป็นคู่สามีภรรยากันมาตั้งกี่ปี นางคิดอย่างไรมีหรือข้าจะไม่รู้ ดังนั้นเมื่อนางเข้ามาอยู่ได้สองเดือนข้าก็จัดจากหาองครักษ์ผู้หนึ่งให้นางได้แต่งออกไป ซิ่วยิงเห็นเช่นนั้นก็ไม่สนใจร่างกายตนเองหาท่านหมอผู้หนึ่งกลับมาบำรุงนางตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนเต็มจนในที่สุดก็ตั้งครรภ์ขึ้นมาจริงๆ แต่ตอนที่นางตั้งครรภ์อยู่นั้นร่างกายอ่อนแอลงอย่างมาก ท่านหมอบอกว่าหากนางยังเก็บครรภ์นี้ไว้ก็จะมีอันตรายถึงชีวิตได้ เพียงไม่มีรู้สาวข้าก็แค่รู้สึกเสียดาย แต่ความเสียดายที่ต้องแลกมาด้วยชีวิตที่ล้ำค่าของฮูหยินใครจะไปยอมกันเล่า หากว่าปราศจากนางแล้วข้าก็คงไม่อาจยิ้มได้อีกต่อไป ข้าจึงเข้าไปในวังหลวงเพื่อจะขอยาทำแท้งจากหมอหลวงมาให้นาง แต่ยิ่งข้ารู้ใจนางมากเพียงใดนางเองก็รู้ใจข้าไม่น้อยกว่านั้นหรอก นางจึงหนีออกจากจวนไปในที่สุด ในช่วงเวลานั้นทำให้ข้าเหมือนกับคนเสียสติก็ไม่ปาน ข้าตามหานางไปทั่ว เพื่อตามหานางทำให้ข้าถึงกับยอมขัดรับสั่งของฮ่องเต้จนพระองค์ทรงกริ้วหนักจะลงอาญาข้า ท่านพ่อเพื่อช่วยข้าแล้วก็พยายามช่วยเหลือข้าจนในที่สุดฮ่องเต้ก็ทรงมอบโทษตายให้แก่เขา ตอนนั้นเองที่อดีตไทเฮาทรงช่วยชีวิตท่านพ่อ...” เมื่อท่านใต้เท้าซือคงพูดถึงตรงนี้สีหน้าก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ก็ตรงนี้เองที่ฮูหยินชราเมื่อครู่พูดว่าพรรคมังกรเหินมีบุญคุณยิ่งใหญ่กับตระกูลจาง ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยแทรกคำพูดของเขาเลย กลับกันคุณชายตระกูลจางทั้งสามต่างมีสีหน้าตื่นตะลึงไปหมด แม้ว่าเรื่องราวพวกนี้พวกเขาจะเคยรู้มาก่อนแล้ว แต่ที่พวกเขาตกใจก็คือแต่ไหนแต่ไรมาบิดาของพวกเขาเป็นคนที่มักจะเก็บความรู้สึกไว้ในใจอยู่เสมอแทบจะไม่เคยแสดงความรู้สึกจากใจออกมา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้เลยว่าช่วงเวลานั้นบิดาของพวกเขาหัวใจสลายเพียงใด ด้านชูเซี่ยที่ได้ยินเขาเล่าถึงเรื่องราวที่ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วอุ้มเด็กทารกหญิงคนหนึ่งหัวใจก็เต้นแรงขึ้นมา หลายปีก่อนเด็กทารกหญิงที่ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วอุ้มจะเป็นหลิวหยิงหลงหรือไม่นะ เป็นเพราะนางจึงได้มีเชียนซานในวันนี้ใช่หรือไม่ ใต้เท้าซือคงยกน้ำขึ้นมาจิบอึกหนึ่งก่อนปรายตามองภรรยาของตนที่ยังไม่ได้สติ ชายวัยกลางคนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จากนั้นก็ค่อยๆเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี “โชคยังดีนักที่ใช้เวลาไม่นานก็พบนางในที่สุด แต่ทว่าการคลอดบุตรในครั้งนั้นเป็นดังช่วงเวลาหายนะของนางเหลือเกิน เพียงแค่คลอดเด็กคนนี้ออกมานางถึงกับยอมเอาชีวิตของตนเองมาเสี่ยง” เพียงแค่คิดถึงช่วงเวลาที่นางให้กำเนิดบุตรสาวคนนั้นหัวใจของเขาก็หวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง เพราะความเจ็บปวดในครั้งนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะเอ่ยออกมาละเอียดมากนัก ชูเซี่ยมองเห็นีหน้าของชายวัยกลางคนผู้นี้ก็ทำให้นึกถึงตอนที่พระชายาเจิ้นหยวนให้กำเนิดอานเหยียน ตอนนั้นเจิ้นหยวนอ๋องก็มีอาการหัวใจสลายเช่นกัน ดูท่าความรักในตัวของภรรยาของทั้งคู่ก็คงไม่ต่างกันเท่าใดนัก! “หลังจากที่เด็กคลอดออกมาแล้ว เป็นเด็กทารกหญิง เพราะนางเกิดมาโดยเกือบต้องแลกด้วยชีวิตของมารดา กว่าจะได้เด็กคนนี้มาช่างยากเย็นนัก ข้าเห็นนางเป็นเหมือนไข่มุกล้ำค่าที่อยู่ในมือจึงตั้งชื่อนางให้ชื่อ จางหมิงจู แต่อาการของซิ่วยิงหลังจากที่คลอดออกมานางก็ย่ำแย่ลง มีไข้ขึ้นสูงตลอด แม้กระทั่งน้ำนมที่จะป้อนให้ลูกยังไม่มี ข้าเองก็ตั้งใจจะหาแม่นมคนหนึ่งกลับมาทำหน้าที่เลี้ยงเด็ก ตอนนั้นเองที่เสี่ยวหลานถูกสามีทิ้งหลังจากที่นางเพิ่งให้กำเนิดบุตรออกมา ฮูหยินของข้านางโทษว่าเป็นความผิดของนางเอง หากว่าตอนนั้นนางไม่รับเสี่ยวเหลียนเข้าจวน ข้าก็คงไม่ให้นางแต่งออกไปกับองครักษ์ผู้นั้นและนางก็คงไม่ถูกสามีทอดทิ้ง ฮูหยินจึงตามเสี่ยวเหลียนกลับมาอยู่ด้วยกันที่จวนและให้นางเป็นแม่นมของหมิงจู ตอนนั้นเสี่ยวเหลียนกล่าวว่าตัวนางเองไร้วาสนาที่จะดูแลบุตรของตนนางจะเลี้ยงดูหมิงจูให้ดีที่สุด” ใต้เท้าซือคงกล่าวถึงตรงนี้ก็ขมวดคิ้วจนย่นไปหมด มุมปากโค้งคว่ำแสดงออกถึงความเจ็บปวด เขาค่อยๆกล่าวออกมา “แต่ทว่าพวกเราต่างก็มองนางผิดไป นางเลือกที่จะเป็นแม่นมของหมิงจูก็เพื่อแก้แค้น นางทำให้หมิงจูไม่สบายอยู่บ่อยครั้ง ตอนนั้นพวกเราต่างก็คิดว่าที่หมิงจูอ่อนแอเป็นเพราะนางคลอดออกมาก่อนกำหนด ไม่มีผู้ใดคาดถึงว่าจะเป็นฝีมือของนาง แต่เพราะไม่มีผู้ใดรู้นั่นก็ยิ่งทำให้นางได้ใจมากขึ้น เมื่อหมิงจูอายุได้สามขวบนางก็ตั้งใจเอาน้ำมันราดลงที่แขนของหมิงจูจนเป็นรอยแผลเป็น เหตุการณ์ตอนนั้นมีสาวใช้คนอื่นเห็นจึงรีบนำมาบอกแก่ท่านแม่ ท่านแม่เองก็โมโหมากถึงขั้นจะจับนางส่งทางการแต่เป็นซิ่วยิงที่ขอร้องเอาไว้ ทั้งยังบอกให้นางยอมออกไปจากจวนแต่โดยดี ท่านแม่ตามใจซิ่วยิงจึงทำเพียงแค่ลงโทษโบยนางเท่านั้น ซิ่วยิงพยายามเกลี้ยกล่อมนางให้จากไปแต่โดยดี เสี่ยวเหลียนเองก็อ้อนวอนขอร้องให้นางได้อยู่ในจวนต่อไป แม้ว่าซิ่วยิงจะรักและเอ็นดูเสี่ยวเหลียนมากเพียงใดก็ไม่อาจให้นางอยู่ต่อไปได้ สุดท้ายเสี่ยวเหลียนก็ลักพาตัวหมิงจูออกไปจากจวน เพราะเรื่องนี้เองที่ทำให้ซิ่วยิงเสียใจจนแทบบ้าสุดท้ายก็ล้มป่วย พวกข้าเองก็ระดมกำลังกันตามหานางและหมิงจูถึงสองปี ตอนนั้นนางลักพาตัวหมิงจูเข้าไปในหุบเขาแห่งหนึ่งและก็ได้ขโมยปิ่นปักผลจากซิ่วยิงออกไปชิ้นหนึ่ง หุบเขานั่นมีชื่อว่าหุบเขาหมาป่าและแน่นอนว่าเราต่างก็สันนิษฐานว่าเด็กคงถูกหมาป่ากินไปแล้ว แต่มีเพียงซิ่วยิงที่ไม่ยอมถอดใจ นางยังคงให้คนออกตามหา ในใจนางคิดเพียงว่าจะต้องมีผู้มีเมตตาผ่านมาและช่วยเหลือหมิงจูไว้ได้แน่ แต่ตลอดหลายปีมานี้ก็ไม่พบเบาะแสใดๆเลย จนกระทั่งมาวันนี้ที่ข้าได้เห็นปิ่นปักผมของแม่นางเชียนซาน...” ชายวัยกลางคนหันมาส่งสายตาอ้อนวอนต่อชูเซี่ย “แม่นาง ชีวิตของข้าแทบจะไม่เคยขอร้องผู้ใด แต่ทว่าข้าอยากขอร้องท่านให้ช่วยตรวจดูที่แขนของแม่นางเชียนซานว่าแขนขวาของนางมีรอยแผลไฟไหม้ได้หรือไม่หรือว่าท่านพอจะทราบเรื่องชาติกำเนิดของนาง แล้วเหตุใดนางจึงเป็นคนของพรรคมังกรเหินได้” ชูเซี่ยนึกย้อนกลับไป มีครั้งหนึ่งนางเคยให้ชุดใหม่แก่เชียนซาน ตอนนั้นเชียนซานเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้านาง ที่แขนขวาของนางมีรอยแผลอยู่จริงๆ รอยไหม้กับรอยมีดไม่เหมือนกัน รอยมีดส่วนใหญ่จะไม่ลึกและแทบจะไม่เหลือ แตกต่างจากรอยไหม้ที่จะทำให้เป็นรอยแผลเป็นทั้งยังมีลักษณะไม่น่าดูเท่าใดนักด้วย ตอนนั้นนางเองก็ถามเชียนซานเรื่องที่มาของแผลเช่นกัน แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ตอบนาง ชูเซี่ยเลือกที่จะบอกอีกฝ่ายตามตรง “ที่แขนของเชียนซานมีรอยไหม้อยู่จริงๆ แต่ทว่าเรื่องชาติกำเนิดของนางข้าเองก็ไม่แน่ชัด นางบอกกับข้าเพียงแค่ว่านางเป็นเด็กกำพร้าที่โตมาในพรรคมังกรเหินโดยมีแม่นางลวี่ที่คอยเลี้ยงดูและสั่งสอนวรยุทธให้แก่นาง แม่นางลวี่บอกว่ามารดาของเชียนซานตายไปแล้วทั้งยังเหลือปิ่นหยกปักผมให้เชียนซานเป็นของดูต่างหน้าเท่านั้น ดังนั้นปิ่นนั่นจึงเป็นของมีค่าสำหรับนางมาก” หลวี่หนิงได้ยินเช่นนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่น “ใช่แล้ว ตอนนั้นข้ามีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับหวงกุ้ยเฟยที่ตำหนักฉายเวย ต่อมาก็เกิดการทะเลาะวิวาทกลับแม่นางเชียนซานจนทำให้ปิ่นปักผมของแม่นางเชียนซานหัก ตอนนั้นนางโกรธข้ามากทั้งยังลงไม้ลงมือกับข้าเสียน่วม” การที่เขากล่าวเช่นนี้เหมือนเป็นการยืนยันว่าการที่เชียนซานลงไม้ลงมือกับเขาหนักถึงเพียงนั้นก็ยิ่งชัดเจนว่านางเห็น ‘ของต่างหน้า’ จากมารดาของนางสำคัญเพียงใด! จูเก๋อหมิงก็เอ่ยขึ้นมา “หากว่าแม่นางเชียนซานก็คือคุณหนูหมิงจูจริงๆ เช่นนั้นนี่ก็เป็นเรื่องดีไม่ว่าจะกับตัวนางเอง หรือจวนตระกูลจางไม่ใช่หรือ ยิ่งไปกว่านั้นสายเลือดที่พลัดพรากจากกันมานานต้องทนทุกข์ทรมานมานานหลายปีในที่สุดก็ได้พร้อมหน้า นี่เป็นเรื่องจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไรแล้ว” ฮูหยินชราเดินมานั่งข้างกายนางทั้งยังเอื้อมมือมาบีบมือของชูเซี่ยไว้ “ท่านหมอเวิน ข้าขอไม่เรียกท่านว่าหวงกุ้ยเฟยนะ เพราะว่าท่านเป็นผู้ที่อดีตไทเฮาทรงมั่นหมายให้แก่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ดังนั้นในใจของข้าท่านย่อมไม่ใช่หวงกุ้ยเฟยอีกต่อไป” กล่าวมาถึงตอนนี้ฮูหยินชราก็หันกลับมามองบุตรชายของตนเองก่อนจะหันมาเอ่ยต่อ “ข้าเองก็เหมือบุตรชายที่ซื่อตรงต่อคุณธรรมมากเกินไป แต่ทว่าสำหรับข้านั้นข้ายึดมั่นในตัวของอดีตไทเฮามากกว่าอดีตฮ่องเต้นัก” ชูเซี่ยได้ยินนางกล่าวเช่นนั้นความซาบซึ้งก็ตีตื้นขึ้นมา กระบอกตาของนางร้อนผ่าวและเฝ้ารอว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยคำพูดใดออกมาอีก “ดังนั้นข้าจึงเรียกท่านว่าท่านหมอเวินก็เพราะมีเรื่องที่อยากขอร้องท่าน หากว่าเชียนซานเป็นหมิงจูก็พวกข้าจริงๆ ข้าก็อยากขอให้ท่าหมอเวินช่วยเหลือพวกเรา ขอให้ท่านช่วยเกลี้ยกล่อมนางและเล่าถึงเรื่องราวทั้งหมดให้นางฟัง ข้าก็จะถือว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่สำหรับตระกูลจางของเรา และจากนี้ไปไม่ว่าท่านจะให้ข้าไปบุกน้ำลุยไฟหรือแลกด้วยชีวิตข้าก็ยินดี!” น้ำเสียงของฮูหยินชราเต็มไปด้วยการอ้อนวอนและขมขื่นอย่างมาก ความเจ็บปวดนี้กัดกินนางและครอบครัวของนางมานานสิบกว่าปี “ข้าเองก็อายุมากแล้ว ว่ากันตามจริงก็เหลือเวลาอีกไม่นานนักหรอก หากว่าท่านทำให้นางยอมรับสายเลือดของพวกเราต่อให้แลกด้วยอายุขัยที่เหลืออยู่ทั้งหมดข้าก็ยินดี!” ชูเซี่ยกลัวที่สุดก็คือการที่มีคนเฒ่าคนแก่มาเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเช่นนี้ โดยเฉพาะหญิงชราที่มีความปรารถนาแรงกล้าเช่นนี้ด้วยแล้ว นางจึงรีบร้อนเอ่ยห้าม “ท่านอย่าได้กล่าวเช่นนี้เลย หากว่าเชียนซานเป็นคุณหนูตระกูลจางของพวกท่านจริงๆข้าเองก็ยินดีกับนางด้วย เด็กคนนี้...” ชูเซี่ยถอนหายใจออกมาแผ่วเบาก่อนจะเอ่ยอย่างเวทนา “นางคิดดูถูกตนเองมาตลอดว่าตอนเองเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้า!” ใต้เท้าซือคงรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง “หลายปีมานี้นางต้องอยู่อย่างลำบากมากเป็นแน่!” “เมื่อก่อนอาจไม่ดีตอนแต่นี้ไปก็จะดีแน่ เพราะชีวิตที่ผ่านมาของนางลำบากจึงได้หล่อหลอมให้นางเป็นนางอย่างทุกวันนี้ เติบโตมาได้อย่างเข้มแข็งและงดงาม หากว่านางเป็นบุตรสาวของท่านใต้เท้าซือคงจริงๆท่านก็ต้องทำให้นางยอมรับในตัวพวกท่านเอง!” เมื่อชูเซี่ยกล่าวมาเช่นนี้ก็ทำให้ใต้เท้าซือคงรู้สึกภูมิใจขึ้นมา ครั้งหนึ่งเขาเคยนึกถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นกับบุตรสาวคนนี้มากมายนับไม่ถ้วน แต่ส่วนใหญ่จะคิดเพียงว่าหากว่านางไม่ถูกหมาป่าจับกินก็คงถูกคนจับตัวไปแล้ว แต่ทว่าครอบครัวทั่วไปมีหรือจะรับบุตรของคนอื่นมาเลี้ยงง่ายๆนอกเสียจากครอบครัวที่ไม่อาจให้กำเนิดบุตรเองได้ หากว่าฮูหยินของบ้านนั้นไม่อาจให้กำเนิดบุตรได้ สามีก็สามารถรับภรรยารอง ภรรยาสาม สี่ มาได้อีกมากมาย ดังนั้นหากจะมีใครรับบุตรสาวของเขาไปก็คงเป็นครอบครัวยากจน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นเมื่อนางอายุได้สิบหกสิบเจ็ดก็คงออกเรือนแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา ทั้งยังทำงานบ้านดูแลครอบครัวเลี้ยงดูบุตรไปแล้ว แต่ทว่ายามนี้เชียนซานเป็นสาวใช้ข้างกายของหัวหน้าพรรคมังกรเหิน หากว่ามีผู้ใดทราบว่าบุตรสาวคนสำคัญของตระกูลจางตอนนี้กลายเป็นเพียงแค่สาวใช้นั่นก็นับว่าเป็นเรื่องอัปยศอดสูมากเหลือเกิน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 143 หญิงสาวที่หายตัวไป
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A