ตอนที่ 144 กระทบใหญ่   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 144 กระทบใหญ่
ต๭นที่ 144 กระทบใหญ่ ผู้ใดเล่าจะคาดคิดว่าสาวใช้ข้างกายของหัวหน้าพรรคมังกรเหินผู้นี้ นอกเหนือจากตัวหัวหน้าพรรคแล้วตำแหน่งของนางก็นับว่าสูงส่งกว่าทุกคนในพรรคเลยก็ว่าได้ คำว่าสาวใช้นั่นก็เป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น เพราะนอกจากคำสั่งของหัวหน้าพรรคแล้ว ทุกคนในพรรคก็ล้วนต้องเชื่อฟังคำสั่งของเชียนซานเช่นกัน เป็นเพียงแค่สาวน้อยวัยแรกแย้มแต่ทว่ากลับได้รับความสำคัญจากองค์ไทเฮาเห็นได้ชัดว่านางช่างมีวาสนาและความสามารถมากเพียงใด! ความรักของบิดาเป็นเช่นไร ชูเซี่ยย่อมเข้าใจดี นางจำได้ว่าครั้งแรกที่นางทำการผ่าตัดใหญ่สำเร็จ บิดาของนางก็แสดงความภาคภูมิใจต่อนางอย่างไม่คิดปิดบัง ทำราวกับว่านางเลิศเลอมากกว่าใคร ความภาคภูมิใจของบิดาและท่าทางของเขาจนถึงตอนนี้นางก็ยังจำได้ไม่ลืม หัวใจของนางรู้สึกวูบโหว่งขึ้นมาเมื่อนึกถึงครอบครัวของตนเอง ด้วยเหตุนี้หากว่าใต้เท้าซือคงเป็นบิดาของเชียนซานจริงๆ เช่นนั้นแล้วนางก็รู้สึกดีใจกับพวกเขาจริงๆที่ครอบครัวจะได้พร้อมหน้าพร้อมตาสักที ชูเซี่ยใช้เวลาพักผ่อนเกือบสองชั่วยามด้วยกัน ข่าวดีก็คืออาการของฮูหยินจางยังทรงตัวดีเยี่ยม ชีพจรของนางก็เต้นอย่างสม่ำเสมอซึ่งนั่นก็ทำให้จูเก๋อหมิงและชูเซี่ยวางใจลงมาได้ แต่ทว่าคืนนี้ชูเซี่ยก็ยังจำเป็นที่จะต้องพักค้างคืนที่จวนตระกูลจางหนึ่งคืน ฮูหยินชราตระกูลจางจัดห้องรับรองต้อนรับนางอย่างดีทั้งยังกล่าวอีกด้วยว่ามันคงจะดีกว่าการที่ให้นางนอนบนต่างยาวทั้งยังอยู่ห้องข้างๆง่ายต่อการสังเกตการณ์อีกด้วย ตกกลางคืนฮูหยินเสนาบดีมีไข้ขึ้นสูง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติของคนไข้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดมาแผลย่อมมีการอักเสบเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ชูเซี่ยเป็นห่วงมากที่สุดก็คือเรื่องที่เลือดของนางจะสามารถเข้ากันได้กับตัวผู้ป่วยหรือไม่มากกว่า และคืนนี้ทั้งคืนชูเซี่ยก็ไม่ได้พักผ่อนเลยแม้แต่น้อยรวมไปถึงใต้เท้าซือคงและเหล่าคุณชายทั้งหลายที่คอยอยู่ข้างเตียงของฮูหยินตระกูลจางทั้งคืน หลังจากล่วงเลยมากลางดึก จู่ๆฮูหยินเสนาบดีก็เกิดทางเดินหายใจล้มเหลวทำให้หยุดหายใจกระทันหัน เมื่อไม่มีเครื่องช่วยหายใจชูเซี่ยจึงใช้วิธีภายปอดให้นางแทน ส่วนจูเก๋อหมิงก็คอยถ่ายกำลังภายในปรับเลือดลมให้นางอย่างต่อเนื่อง ในยุคนี้อุปกรณ์การแพทย์ล้าหลังอย่างมาก แต่โชคยังดีที่โลกนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่ากำลังภายในอยู่ด้วย เพราะกำลังภายในของคนในยุคนี้สามารถกระตุ้นหัวใจของผู้ป่วยได้ใกล้เคียงกับเครื่องมือในโลกของนางทำให้ผู้ป่วยสามารถผ่านพ้นวิกฤติหัวใจล้มเหลวไปได้เช่นกัน จูเก๋อหมิงและชูเซี่ยทุ่มเทกำลังกันมาตลอดทั้งคืนจนในที่สุดไข้สูงของฮูหยินก็เริ่มลดลงในยามฟ้าสาง ชูเซี่ยเห็นว่านางไม่ได้มีอาการแทรกซ้อนอื่นๆรวมไปถึงอาการปฎิเสธเลือด นางก็รู้สึกเหมือนกับยกภูเขาออกจากอก ชูเซี่ยหันมากล่าวกับจูเก๋อหมิง “ตอนนี้ท่านกลับไปพักผ่อนก่อนเถิดแล้วคืนนี้ท่านก็มาแลกเวรกับข้า แม้ว่าตอนนี้ไข้ของนางจะลดแล้วแต่ก็ยังอยู่ในช่วงวิกฤติ พวกเราไม่อาจมองข้ามได้!” จูเก๋อหมิงมองดวงตาทั้งสองข้างที่แดงก่ำของนางก็รู้สึกรักใคร่สงสาร “ไม่ ข้ายังทนไหวอยู่ เจ้าต่างหากที่ควรไปพักผ่อนสักหน่อย ตอนเย็นค่อยมาแลกเวรกับข้า ช่วงกลางวันมีข้าคนเดียวก็พอแล้ว” ชูเซี่ยอ้าปากกำลังจะเอ่ยอะไรออกมาแต่ก็ถูกจูเก๋อหมิงห้ามทั้งยังกึ่งลากกึ่งจูงนางไปจนถึงประตูหน้าห้อง แม้ว่าคนทั้งตระกูลจางจะไม่อยากให้หญิงสาวออกไปจากห้อง แต่ทว่านางเองก็ตรากตรำมาทั้งคืนแล้วทั้งยังเป็นเพียงสตรีตัวเล็กๆจะให้ทนเหนื่อยถึงเพียงนี้ได้อย่างไร สุดท้ายพวกเขาจึงตกลงกันว่าจะให้นางไปนอนพักผ่อนเสียก่อน ก่อนที่นางจะไปพักท่านใต้เท้าซือคงก็กล่าวกับนาง “ท่านหมอเวิน หากว่าท่านมีโอกาสได้พบหมิงจู...เอ่อ แม่นางเชียนซานท่านก็ช่วยคุยกับนางหน่อยเถิด!” จากนั้นเขาก็เอ่ยต่อ “ขอร้องท่าน!” แค่เขาไม่เรียกนางว่าหวงกุ้ยเฟยชูเซี่ยก็รู้สึกดีมากแล้ว ยิ่งชายผู้นี้ใช้น้ำเสียงของความเป็นบิดาขอร้องนางอีกใจนางจะทนไหวได้อย่างไร อีกอย่างตอนนี้นางก็ห่วงเชียนซานมาก ไม่รู้ว่าป่านนี้นางจะคิดมากไปถึงไหนต่อไหน ยิ่งในเวลาเช่นนี้เชียนซานก็คงต้องการถังขยะไว้ให้ตัวนางเองระบายความอัดอั้นตันใจไม่น้อย! และถ้าหากว่าฮูหยินนางทราบว่าบุตรสาวของตนยังมีชีวิตอยู่แล้วล่ะก็ นางจะต้องมีความสุขและมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับโรคร้ายนี้ต่อไปแน่! นางหันมาเอ่ยกับเสนาบดีด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “หากว่าวันนี้มีคนถามถึงอาการของฮูหยินท่านก็จงไปบอกแก่สาวใช้และบ่าวของท่านด้วยเถิดว่าอย่าได้แพร่งพรายออกไป หรือถ้าจะพูดก็ให้พูดว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนักอย่าได้บอกว่าอาการดีขึ้นแล้วเป็นอันขาด” ท่านใต้เท้าซือคงมองนางอย่างไม่เข้าใจระคนสงสัย “เพราะเหตุใดกัน” ชูเซี่ยยิ้มอย่างมีเลศนัย “แค่ทำตามที่ข้าพูดก็พอแล้วเจ้าค่ะ ไม่ต้องถามอะไรมากหรอก เรื่องบางเรื่องพูดออกไปตามตรงก็ไม่มีความหมาย!” กล่าวจบนางก็โบกไม้โบกมือและเดินจากไป ท่านใต้เท้าซือคงมองตามแผ่นหลังของชูเซี่ยไปด้วยความสับสน เมื่อวานเขายังรังเกียจผู้หญิงคนนี้มากแต่มาตอนนี้เขากลับรู้สึกเคารพนับถือนางเหลือเกิน หากว่าไม่ได้คำบอกเล่าของเชียนซานเมื่อวานเขาก็คงไม่เปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับชูเซี่ยได้เร็วถึงเพียงนี้ก็เป็นได้ ในโลกใบนี้บางครั้งก็น่าแปลก เรื่องที่ไม่ใช่ความจริงกลับถูกทำให้เป็นจริง แต่เรื่องบางเรื่องที่เป็นความจริงกลับถูกบิดเบือนจนพาให้ผู้คนดวงตามืดบอดและปฎิเสธที่จะเชื่อในสิ่งเหล่านั้น การที่อดีตฮ่องเต้จะทรงทำเรื่องเช่นนี้ความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแม้แต่น้อย เมื่อก่อนพระองค์ก็ทรงไว้พระทัยในตัวท่านราชครูมากกว่าใคร แต่ไม่ว่าผู้ใดก็นึกไม่ถึงว่าแท้จริงแล้วท่านราชครูจะเป็นหลานชายแท้ๆของพระองค์ที่กลับมาเพื่อล้างแค้น เมื่อชูเซี่ยกลับมาถึงเรือนหลังน้อยของตนก็พบว่าเชียนซานอยู่ที่นี่อยู่ก่อนแล้ว เมื่อหญิงสาวเห็นว่าชูเซี่ยกลับมาแล้วก็หยิบไม้กวาดที่อยู่มุมห้องขึ้นมาทำทีเป็นกำลังทำความสะอาดบ้านเป็นปกติทั้งยังเอ่ยถามไม่หยุด “กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ แล้วฮูหยินผู้นั้นเป็นเช่นไรบ้าง” ชูเซี่ยลอบยิ้มในใจแต่กลับแสร้งตีหน้าเจ็บปวดเสียเต็มประดา นางถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปในจวนไม่พูดไม่จา เชียนซานเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ตกใจจนทิ้งไม้กวาดลงกับพื้นและวิ่งตามเข้าไป นางเห็นชูเซี่ยนั่งลงที่เก้าอี้ไม้และดื่มชาจึงเดินตามไปนั่งด้วยจิตใจที่ไม่สงบนัก หญิงสาวจ้องมองชูเซี่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจแต่ทว่าก็ไม่กล้าเอ่ยถามคล้ายกับจะรอให้อีกฝ่ายเปิดปากเล่าออกมาเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรชูเซี่ยก็ไม่ยอมพูดออกมาทั้งยังเอาแต่ถอนหายใจออกมาไม่หยุด ตอนนั้นเองที่เชียนซานอดรนทนไม่ไหวต้องเอ่ยปากถามออกมา “ผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ชูเซี่ยมองเชียนซานด้วยหางตาก่อนถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้าเป็นห่วงนางหรือ” “ผู้ใดเป็นห่วนางกัน ข้ากับนางไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย” เชียนซานเม้มริมฝีปาก ทั้งยังแสร้งทำสีหน้าเฉยชา ความจริงแล้วนางและใต้เท้าซือคงเหมือนกันมาก นิสัยก็เหมือน ทั้งการดื้อรั้นและชอบตีหน้าตาย “ในเมื่อไม่ห่วงแล้วจะถามถึงนางทำไมกัน” เชียนซานกัดปากน้อยๆ “ในฐานะที่ข้าเป็นคนดี ข้าก็ย่อมอยากให้นางไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว” “ไม่ใช่ว่าเจ้าเกลียดคนบ้านนั้นมากหรืออย่างไร” ชูเซี่ยถามนางกลับขณะที่นางกำลังเปิดกล่องยาของตนเพื่อนำเข็มทองของนางออกมาฆ่าเชื้อ เชียนซานเห็นว่านายหญิงของนางกำลังวุ่นวายอยู่กับเข็มพวกนั้นก็รู้สึกฉุนขึ้นมา “ตาแก่นั่นต่างหากที่นิสัยแย่ แต่ทว่าฮูหยินเป็นคนดีนะ!” “โอ้ เจ้าไม่เคยรู้จักนาง ไม่เคยพูดคุยกับนาง แล้วเหตุใดจึงบอกว่านางเป็นคนดีกันเล่า เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องมาวุ่นวายในห้องนี้แล้ว ออกไปกวาดพื้นต่อเถิด!” ชูเซี่ยไล่นางออกไป เชียนซานรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา เวลานี้นางคล้ายกับมดตัวน้อยตัวหนึ่งที่เดินวนไปมาอยู่บนกระทะร้อนๆจนควันขึ้นหัว แต่ทว่าชูเซี่ยกำลังยุ่งอยู่ หากว่านางยังถามต่อไปอีกก็เท่ากับว่านางกำลังสนใจเรื่องนี้อย่างมาก นางไม่ได้สนใจสักหน่อย อย่างน้อยในใจของนางก็คิดเช่นนั้น ดังนั้นแล้วนางจึงยอมถอยออกมาแล้วก็เดินไปหยิบไม้กวาดไปกวาดใบไม้ใบหญ้าที่ลานกว้างแต่โดยดี ชูเซี่ยเห็นท่าทางเป็นเดือนเป็นร้อนของนางก็หัวเราะในใจ ทั้งๆที่สนใจขนาดนั้นแท้ๆแต่กลับแกล้งทำเป็นไม่รู้ก็ไม่เป็นไรเสียนี่ ดูท่านางคงไม่ต้องการถังขยะไว้ระบายความอัดอั้นหรอก แต่นางต้องการยาขมเสียมากกว่า! สุดท้ายเชียนซานก็ไม่อาจทนได้นางทิ้งไม้กวาดลงกับพื้นอีกครั้งแต่วิ่งเข้ามาในห้องชนเก้าอี้จนล้มก่อนจะมาหยุดยืนอยู่หน้าชูเซี่ย ชูเซี่ยนางเงยหน้าขึ้นมองไม่รอให้เชียนซานเอ่ยถามนางก็เป็นฝ่ายอ้าปากบอกเอง “เอาล่ะเอาล่ะ ยอมเจ้าแล้ว อย่ามายุ่งกับข้าอีกนะข้ากำลังยุ่ง ข้าจะบอกความจริงกับเจ้าก็ได้ อาการของนางย่ำแย่เหลือเกิน เกรงว่าคงอยู่ไม่พ้นคืนนี้แล้วล่ะ!” ใบหน้าของเชียนซานซีดขาว ดวงตาเบิกกว้าง “พูดเหลวไหล หากว่าอาการนางย่ำแย่จริงท่านจะกลับมาได้อย่างไร คนอย่างท่านต้องมั่นใจว่าผู้ป่วยปลอดภัยแล้วถึงจะกล้าวางใจกลับมาพักถึงจะถูก อีกอย่างท่านเป็นคนที่เก่งกาจวิชาแพทย์ถึงเพียงนี้ต้องช่วยนางได้อยู่แล้ว ขนาดคุณชายจางคนเล็กที่ตายไปแล้วท่านยังช่วยกลับมาได้แล้วเหตุใดจะช่วยนางไม่ได้เล่า” ชูเซี่ยจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่ผิด ข้าย่อมสามารถช่วยนางได้อยู่แล้ว แต่ทว่าเจ้าก็เป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือว่าพวกเขาตั้งใจขับไล่ข้า ตั้งใจทำให้ข้าต้องพลัดพรากจากคนที่ข้ารักแล้วเหตุใดข้าจะต้องช่วยภรรยาของเขาด้วยเล่า ข้าเองก็อยากให้เขาได้ลิ้มรสชาติของการพลาดจากคนรักบ้างเช่นกัน!” คราวนี้ดวงตาของเชียนซานเบิกกว้างกว่าเดิม สีหน้าของนางเริ่มกังวลมากขึ้น “คนที่ไล่ทันไม่ใช่ฮูหยินเสียหน่อย ท่านเห็นคนใกล้ตายไม่ยอมช่วยเหลือได้อย่างไร อีกอย่างหากท่านไม่พอใจอะไรก็ไปลงกับตาแก่...ใต้เท้าซือคงผู้นั้นสิ ฮูหยินของเขาไม่เกี่ยวข้องด้วยนี่” ชูเซี่ยเงยหน้ามองเชียนซานอย่างประหลาดใจ “เหตุใดเจ้าจึงกล่าวเช่นนี้เล่า หรือว่าเจ้าคิดจะเปลี่ยนข้างเสียแล้วล่ะ เจ้าอย่าได้ลืมนะว่าเจ้าเป็นคนของข้า ก่อนหน้านี้ข้ามีใจที่จะช่วยฮูหยินผู้นั้นจริงๆแต่ทว่าสามีของนางเป็นฝ่ายหยุดข้าไว้เอง ก็อย่างที่เจ้าพูดว่าคนพวกนั้นถือสิทธิ์อะไรมาสั่งคนอย่างข้ากัน การที่ข้าคอยรักษานางมาตลอดทั้งคืนก็นับว่ามากพอแล้ว หากว่านางยังไม่ดีขึ้นมานั่นก็เป็นโชคชะตาของนางเอง แต่ว่าก่อนที่ข้าจะกลับมานางก็เริ่มได้สติแล้ว เจ้าก็รู้ใช่หรือไม่ว่าคนเราก่อนตายมักจะได้สติอยู่เสมอเพื่อสั่งเสีย ข้าได้ยินนางเอาแต่เรียกชื่อคนที่ชื่อว่าหมิงจูบ้าง ลูกสาวบ้าง ฟังแล้วก็ช่างหดหู่เวทนาเหลือเกิน” ชูเซี่ยเล่าจบนางก็ก้มหน้าก้มตาฆ่าเชื้อเข็มทองของนางต่อไปไม่ได้สนใจเชียนซานอีก เชียนซานกระทืบเท้า “ช่วยคนสามารถทำครึ่งๆกลางๆได้หรือ หากคิดจะช่วยก็ย่อมต้องช่วยสุดความสามารถ ท่านดูสิ ผู้อื่นยังไม่ทันหาบุตรสาวที่พลัดพรากของตนพบก็ต้องมาตายก่อน น่าสงสารแค่ไหน! เหตุใดท่านจึงใจดำได้ถึงเพียงนี้ เห็นคนใกล้ตายแล้วไม่ยอมช่วย ท่านทำเกินไปแล้ว!” ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นหยุดมือของนางก่อนจะจ้องมาที่เชียนซานด้วยสายตาขุ่นเคือง “เชียนซาน เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังพูดอยู่กับใครกัน” เชียนซานตื่นตะลึง นับตั้งแต่นางติดตามชูเซี่ยไม่มีสักครั้งที่จะเห็นว่านายหญิงแสดงความโกรธเคืองหรือไม่พอใจออกมา ทันใดนั้นนางก็รู้สึกผิดทั้งยังเอ่ยเสียงอ่อนลงมามาก “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นนะเจ้าคะ ข้าเพียงแค่คิดว่านายหญิงเป็นคนใจดีมีเมตตามีหรือเห็นคนใกล้ตายจะไม่ยอมช่วยเหลือ เรื่องนี้หากมีผู้ใดรู้เข้าอาจจะทำให้ชื่อเสียงของท่านต้องมัวหมองได้นะเจ้าคะ!” ชูเซี่ยเอ่ยออกมาเสียงเย็น “ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่านายหญิงเช่นนั้นก็คงทราบถึงฐานะของตนเองใช่หรือไม่ เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้ หากไม่มีคำสั่งของข้าห้ามเข้ามาเด็ดขาด!” เชียนซานยังอยากเอ่ยอะไรออกมาอีกแต่เมื่อสบเข้ากับสายตาขุ่นเคืองของชูเซี่ยก็พูดอะไรไม่ออก แม้ว่าจะไม่เต็มใจแต่นางก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกและยอมถอยออกไปจากห้องแต่โดยดี แต่ทว่าเพียงถอยหลังออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ใช้วิชาตัวเบาพุ่งทะยานออกไป! ชูเซี่ยมองตามเงาของนางที่พุ่งออกไปริมฝีปากก็แย้มรอยยิ้มอ่อนโยนระคนเอือมระอา “เด็กโง่ หากข้าไม่บีบบังคับเจ้าเช่นนี้เจ้าก็คงไม่กล้าเผชิญหน้ากับความรู้สึกจริงๆของเจ้าหรอก!” เชียนซานไม่ได้เป็นคนไปสืบข่าวด้วยตนเองแต่นางกลับไปพรรคมังกรเหินสั่งให้คนในพรรคไปสืบ แต่ไม่ว่าจะส่งคนไปกี่คนก็สืบข่าวได้เหมือนกันหมด นั่นก็คืออาการของฮูหยินจางย่ำแย่มาก เหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว! ชูเซี่ยยังคงนั่งรออยู่ในบ้านของตนเองอย่างใจจดใจจ่อ นางรู้ดีว่าอีกไม่นาน แม่นางที่แสนโง่งมของนางก็จะต้องกลับมาอ้อนวอนขอร้องให้นางช่วยรักษาฮูหยินจางอย่างแน่นอน! เชียนซานเป็นหญิงสาวโชคร้ายที่ถูกลักพาตัวไปจากอ้อมกอดบิดามารดาตั้งแต่ยังเล็ก หลายปีมานี้ก็ตัวคนเดียวมาตลอด เพราะคิดว่าบิดามารดาของตนเองตายไปหมดแล้วจึงได้ปักใจอยู่กับปิ่นหยกชิ้นนั้นให้เป็นของต่างหน้าของบิดามารดาของตนมาโดยตลอด แต่โชคดีของเชียนซานก็คือการที่พรรคมังกรเหินเป็นผู้ไปพบนางและชุบเลี้ยงนางมาทั้งยังสอนวรยุทธให้นางจนสูงส่ง ต่อมาก็ได้พระทัยของไทเฮาอีก แล้วมาวันนี้นางก็กำลังจะได้กลับไปพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวของนางแล้ว ส่วนนาง ครั้งหนึ่งก็เคยมีวาสนาดีเช่นนั้น แต่ยามที่มีบิดามารดาอยู่ข้างกาย นางกลับมัวแต่ยุ่งกับหน้าที่การงานจนแทบไม่มีเวลาอยู่กับพวกท่าน มาตอนนี้แม้ว่าอยากจะเจอหน้าพวกท่านอีกสักครั้ง ต่อให้นางตายในโลกใบนี้ก็คงกลับไปหาพวกท่านได้เพียงวิญญาณ 
已经是最新一章了
加载中