ตอนที่ 147 คืนดีน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 147 คืนดีน
ต๭นที่ 147 คืนดีน ผู้คนที่อยู่นอกห้องเมื่อเหนเชียนซานพุ่งออกมาจากห้องต่างก็ตื่นตระหนกกันหมด ชูเซี่ยที่รู้สึกตัวก่อนใครเพื่อนก็วิ่งตามเชียนซานออกไป ใต้เท้าซือคงคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับฮูหยินก็รีบวิ่งเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นว่าภรรยาของตนฟื้นขึ้นมาแล้วและพยายามหยัดกายขึ้นมา แต่เพราะบาดแผลยังมีและเจ็บเกินกว่าจะทนไหวท้ายที่สุดก็เอนกายลงนอนตามเดิม เขารีบเอ่ยห้ามเสียงดัง “อย่าขยับ!” ก่อนจะวิ่งไปจับร่างของนางไว้ “อย่าขยับส่งเดช แผลเจ้าจะเปิดได้!” ฮูหยินดึงชายเสื้อของสามีตนไว้ ใบหน้าของนายฉายแววร้อนใจ “เมื่อครู่...แม่นางคนเมื่อครู่เป็นใครกันเจ้าคะ ท่านพี่ เมื่อครู่ข้าได้ยินนางเรียกข้าว่าท่านแม่ นางเป็นใครกัน หรือว่า...” ดวงตาของนางเป็นประกายขณะกวาดสายตามองไปรอบๆ “นางไปไหนแล้วเจ้าคะ เร็ว รีบไปพานางกลับมา!” ใต้เท้าซือคงยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมาน้อยๆ “ใช่แล้วฮูหยิน นางก็คือหมิงจู เป็นบุตรสาวของพวกเราอย่างไรเล่า!” ฮูหยินจางตื่นตะลึงก่อนที่ความตกใจจะค่อยๆกลายเป็นความปลื้มปิติจนร้องไห้ออกมา น้ำตาของนางไหลทะลักลงมาไม่ขาดสายราวกับไม่สามารถหยุดมันได้อีกแล้ว ไม่ว่าใต้เท้าซือคงจะช่วยเช็ดเท่าไหร่ก็ไม่หมดเสียที ชูเซี่ยตามไป ‘จับ’ เชียนซานกลับมาแล้ว แต่ทว่าไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ยอมเข้าไปข้างใน ไม่ว่าชูเซี่ยพยายามจะผลักจะลากนางเพียงใดนางก็ไม่ยอมเข้าไป ชูเซี่ยจึงเอ่ยอย่างอ่อนใจ “นางฟื้นขึ้นมาแล้ว เจ้าไม่อยากไปคุยกับนางหน่อยหรือ” เชียนซานส่ายหน้าเร็วๆ “ข้าไม่เข้าไป ข้าไม่กล้า!” แต่ทว่าตอนที่นางได้ยินเสียงไร้เรี่ยวแรงแต่ทว่าก็ยังฟังออกถึงความอ่อนโยนของคนที่อยู่ในห้องหญิงสาวก็ชะงักไป ขาทั้งสองข้างของนางก็ก้าวเดินเข้าไปโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ หญิงสาวยืนเก้ๆกังๆอยู่ข้างเตียงนางหลุบตาลงไม่กล้ามองไปที่สตรีที่อยู่บนเตียง ใต้เท้าซือคงถอยออกไปจากปลายเตียงแล้ว เขาจงใจเหลือที่ว่างให้แก่แม่ลูกคู่นี้ ฮูหยินจางเช็ดน้ำตาของตนจนแห้ง นางพยายามเพ่งมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า แต่ทว่าไม่ว่านางจะพยายามมากเพียงใดนางก็ยังเห็นภาพตรงหน้าไม่ชัด ราวกับว่านี่เป็นความฝันที่นางต้องการฝันเห็นมาตลอด นางอยากจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อโอบกอดบุตรสาวของตนเองไว้ แต่ทว่านางก็กลัวเหลือเกินว่าถ้าหากทำเช่นนั้นบุตรสาวที่อยู่ตรงหน้าของนางจะหายไป ฮูหยินยังคงร้องไห้ออกมาอย่างต่อเนื่องและดูจะทวีความดังมากขึ้น เชียนซานเห็นนางร้องไห้เช่นนั้นก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก นากตกใจลนลานทำอะไรไม่ถูกได้แต่วิ่งไปนั่งข้างเตียงช่วยฮูหยินเช็ดน้ำตาออก ตอนนั้นเองที่ฮูหยินจับมือของนางไว้และวางทาบลงบนใบหน้าของตนจากนั้นก็ร้องไห้แทบขาดใจ! “ลูกสาว ลูกสาวที่น่าสงสารของข้า...แม่คิดถึงเจ้ามาตลอดสิบแปดปี สิบแปดปีมานี้เจ้าไปอยู่ที่ใดกัน” นางพูดไปร้องไห้ไป น้ำตาก็ไหลลงมาจนน่าสงสาร มือของนางยึดแขนเสื้อของเชียนซานไว้แน่น จากนั้นก็ลูบคลำร่างกายของหญิงสาวตรงหน้าอย่างต้องการจะสำรวจโดยไม่สนใจบาดแผลของตนเองแม้แต่น้อย “แม่กำลังฝันไปอยู่ใช่หรือไม่ หากว่านี่เป็นความฝันแม้ก้ขออยู่แต่ในความฝันไม่ขอตื่นอีกแล้ว!” เชียนซานเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดน้ำตาของตนถึงไหลลงมามากมายได้ถึงเพียงนี้ นางอยากเช็ดน้ำตาของตนเองทิ้งแต่มือของนางกลับถูกสตรีตรงหน้าจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย สุดท้ายนางก็ได้แต่ปล่อยให้มันไหลอยู่เช่นนั้นทั้งยังปล่อยโฮออกมาเสียงดัง “ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าฝันอยู่หรือไม่ แต่ข้าก็คิดว่านี่อาจจะเป็นความฝันก็ได้ ข้าไม่เคยมีท่านแม่ ตั้งแต่เล็กข้าก็ไม่เคยมีท่านแม่เหมือนคนอื่นเขา มีเพื่อนคนหนึ่งชอบล้อว่าข้าเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีพ่อแม่แต่ข้าก็ต่อยพวกนั้นคว่ำไปแล้ว แต่แม่ของเด็กคนนั้นกลับไม่ได้ตำหนิข้าทั้งยังให้ลูกกวาดข้ากินอีกด้วย แต่ข้ากลับเก็บไว้ไม่กล้ากินมัน ไม่ใช่ว่าข้าไม่สนใจท่านแม่ หรือไม่สนใจลูกกวาด แต่เพราะข้ารู้ดี ว่านั่นเป็นเพราะข้ากลัว ช้ากลัวว่าหากข้ากินลูกกวาดนั่นไปแล้ว ข้าก็จะไม่มีท่านแม่ที่ให้ลูกกวาดข้าอีก...” ฮูหยินจางได้ยินเช่นนั้นก็ปวดใจเหลือเกิน นางเอื้อมมือหมายจะลูบใบหน้าของเชียนซาน แต่ทว่าเรี่ยวแรงของนางยังไม่ฟื้นดีจึงทำเพียงแค่เอ่ยปลอบโยน “ลูกสาวที่น่าสงสารของข้า ต่อจากนี้ไม่มีอีกแล้ว แม่จะอยู่กับเจ้า จะอยู่ตลอดไป ตลอดชีวิตนี้แม่จะไม่ยอมห่างเจ้าอีก ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัวนะ อย่าร้อง...” คนที่ยืนฟังเรื่องราวทั้งหมดอยู่นอกประตูต่างก็ซาบซึ้งและเวทนาสงสารจนดวงตาแดงก่ำ เชียนซานนางเอาแต่บอกว่าไม่ได้สนใจ แต่มาวันนี้ได้ยินความในใจของนางก็ทำให้พวกเขารู้ว่าภายนอกของนางแม้จะดูเข้มแข็งเยงใด แต่ภายในนางก็เป็นเพียงเด็กน้อยน่าสงสารคนหนึ่งเท่านั้น ใต้เท้าซือคงแหงนหน้าขึ้นและถอนหายใจออกมายาวๆ หัวใจของเขาโศกเศร้าเหลือเกิน ดูท่าหากว่านี่เป็นความฝันก็คงเป็นฝันที่เขาเฝ้าฝันมานานเหลือเกิน เขาก็กลัวเหลือเกินว่าหากตื่นขึ้นมาแล้วบุตรสาวคนี้จะหายไป ในใจของชูเซี่ยกำลังร้องไห้และเจ็บปวด นางไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าตอนที่พ่อแม่ของนางรู้ข่าวการตายของนางพวกเขาจะทุกข์ทรมานมากแค่ไหน ตอนนี้นางรู้สึกอิจฉาเชียนซานเหลือเกิน อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยังได้กลับมาพบบิดามารดาของตนเอง แต่นางไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว! ใต้เท้าซือคงส่งคนให้กลับมาส่งชูเซี่ยถึงบ้านของนางพร้อมทั้งจดหมายอีกฉบับหนึ่ง ชูเซี่ยเปิดอ่านเนื้อความในจดหมายก็เห็นว่าบนนั้นไม่ได้เขียนอะไรมากนัก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการขออภัยและจะไม่พูดถึงเรื่องที่เสนอให้ไล่นางออกจากวังไปอีก หญิงสาววางจดหมายในมือลง แม้ว่าในใจจะมีความสุขอยู่แต่ก็มีความรู้สึกสายหนึ่งเกิดขึ้น ความรู้สึกที่นางเองก้ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ความสุขของนางกว่าจะมาได้ต้องสูญเสียและผ่านความลำบากมามากเหลือเกิน อีกสองวันถัดมาเชียนซานจึงจะค่อยกลับมาหานาง ท่าทางของนางร่าเริงกว่าเดิมมากทั้งยังจ้อไม่หยุด “นี่คือปิ่นปักผมที่ท่านย่ามอบให้ข้า นายหญิงว่ามันสวยหรือไม่เจ้าคะ” “พี่ใหญ่มอบมีดสั้นให้แก่ข้า มันคมมากเลยเจ้าค่ะ พี่ใหญ่บอกว่ามันสร้างมาจากเหล็กชนิดเดียวกันและเตาหลอมเดียวกันกับดาบของเจิ้นหยวนอ๋องด้วยนะเจ้าคะ” “วันนี้ท่านแม่ลงมือทำบัวลอยห้าสีให้ข้ากินเองกับมือ หวานมากเลยเจ้าค่ะ!” “...” เมื่อเห็นท่าทางที่สนิทสนมคุ้นเคยของเชียนซานกับผู้คนที่จวนใต้เท้าซือคงได้เร็วยิ่งกอปรกับใบหน้าที่เคยนิ่งเป็นน้ำแข็งบัดนี้กลายเป็นหญิงสาวผู้ร่าเริงยิ้มง่ายก็ทำชูเซี่ยดีใจกับอีกฝ่ายเหลือเกิน “เอาล่ะพอแล้ว ถ้าเจ้ายังพูดไม่หยุดอีกข้าจะแย่งมาให้หมดเลย!” เชียนซานก็ใจกว้างยิ่งนัก หญิงสาววางข้าวของที่ตนเองได้มาลงบนโต๊ะทั้งหมด “ข้าให้ท่านหมดนี่เลยเจ้าค่ะ ของทุกอย่างของข้าล้วนยอมแบ่งให้ทัน!” เชียนซานยิ้มให้นางอย่างอบอุ่นและมันก็สามารถถ่ายทอดความอบอุ่นมาถึงชูเซี่ยได้อีกด้วย ชูเซี่ยเงยหน้ามองนาง นางรู้สึกดีใจแทนเชียนซานยิ่งนัก แต่ทว่าในความดีใจมันกลับมีความไม่สบายใจอยู่ ในสถานการณ์เช่นนี้มันกลับยิ่งทำให้นางคิดถึงคนที่บ้านของนางมากเหลือเกิน นางผิดหวังที่ชั่วชีวิตนี้นางก็คงไม่อาจสัมผัสความสุขเช่นนี้ได้อีกต่อไปแล้ว! ตกค่ำหลี่เฉินเย่นก็มารับชูเซี่ยกลับวังด้วยตนเอง เรื่องที่ชูเซี่ยตั้งใจจะออกไปจากวังถูกพับเก็บไปเสียแล้ว ตอนนี้นางอยากจะลองเห็นแก่ตัวขวนขวายความสุขมาให้ตนเองดูบ้าง นางสูญเสียพ่อกับแม่ไปแล้ว นางไม่อยากสูญเสียหลี่เฉินเย่นไปอีก ไม่อย่างนั้นนางคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แน่ ไทเฮาทรงมีรับสั่งให้ปลดตำแหน่งหวงกุ้ยเฟยของชูเซี่ยออกและให้นางอยู่ในตำหนักฉ่ายเหว่ยต่อในฐานะท่านหมอผู้หนึ่งเท่านั้น เมื่อก่อนอดีตฮ่องเต้ทรงบังคับให้ชูเซี่ยถวายตัวเข้าวังหลวงทั้งยังแต่งตั้งให้เป็นหวงกุ้ยเฟย แต่ทว่าด้วยความที่นางเป็นเจ้าสำนักมังกรเหินจึงทำให้อดีตฮ่องเต้ไม่กล้าแตะต้องนาง ดังนั้นระหว่างพวกเขาจึงยังไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆกันทั้งสิ้น เมื่อคืนอิสระภาพให้แก่ชูเซี่ยแล้วก็ย่อมมีคนหานินทาในตัวนางอยู่แล้ว แม้ว่าหลี่เฉินเย่นจะพยายามแก้ข่าวลือให้นางเพียงใดแต่ความจริงที่ว่านางเคยเป็นหวงกุ้ยเฟยก้ไม่อาจลบล้างออกไปได้ พวกประชาชนไม่ผิดที่จะลือกันเช่นนั้น แต่ทว่าตอนนี้นางก็อยู่แต่ภายในวังเมื่อไม่ได้ยินก็ถือเสียว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน ฤดูร้อนกำลังจะผ่านพ้นไปแล้วอีกทั้งตอนนี้ทั้งแคว้นกำลังรื่นเริงกับงานเฉลิมฉลองฤดูใบไม้ผลิ! หลังจากผ่านช่วงเทศกาลใบไม้ร่วงมาอากาศก็เริ่มเย็นลงแล้ว เดิมทีฮ่องเต้ทรงหมายจะร่างราชโองการแต่งตั้งให้ชูเซี่ยเป็นฮองเฮาแต่ทว่าไทเฮากลับทรงห้ามไว้เสียก่อน ทรงกล่าวให้รอพวกข่าวลือภายนอกจางหายไปเสียก่อนจึงค่อยร่างก็ไม่สาย หลี่เฉินเย่นรู้สึกว่าเวลาช่างเดินช้าเหลือเกิน ช้าจนเขาทนแทบไม่ไหวแต่เขาก็ไม่อยากให้ชูเซี่ยต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านได้ หลวี่หนิงก็ยังเป็นราชองครักษ์ของตำหนักฉ่ายเหว่ยเช่นเดิม เขาและเชียนซานที่เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดตลอดนี้ก็ญาติดีกันมากแล้ว ว่ากันว่าหากไม่ทะเลาะกันก็คงไม่มีวันสนิทเห็นจะจริง ตอนนี้เขาและนางเป็นสหายที่สนิทสนมกันมาก เชียนซานรู้สึกสงสารอีกฝ่ายที่มารดาเสียไปแล้ว ดังนั้นทุกคืนที่อยู่ในวังหลวงนางมักจะกล่าวกับหลวี่หนิงเสมอ “แม่ของข้าก็เหมือนแม่ของเจ้า พวกเราเป็นพี่น้องกัน!” หลวี่หนิงมองหญิงสาวด้วยตาเป็นประกาย คำพูดของนางทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากจริงๆ เขารู้ดีว่าเชียนซานไม่ได้คิดอย่างที่เขากำลังคิด แต่ทว่าเขาก็ยังอยากคิดเข้าข้างตัวเองอยู่เช่นนี้ ชายหนุ่มเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อใดที่เขาค่อยๆตกหลุมรักเชียนซาน! ร่างกายของโหร่วเฟยดีขึ้นมากแล้ว แรกเริ่มนางก็ไม่กล้าไปตำหนักฉ่ายเหว่ยเพื่อหาชูเซี่ย แต่ทว่าต่อมาชูเซี่ยก็มักจะมาตรวจชีพจรและฝังเข็มให้นางอยู่เสมอ หลังจากที่พูดคุยกันนานวันเข้าทั้งสองก็เริ่มสนิทใจ นางก็ไปหาชูเซี่ยที่ตำหนักบ่อยขึ้น บ่อยยิ่งกว่าฉ่ายเวินเสียอีก ท่านใต้เท้าซือคงเห็นว่าครั้งหนึ่งชูเซี่ยเคยช่วยเหลือฮูหยินและหลานชายของเขา ทั้งยังนำลูกสาวกลับมาสู่อ้อมอกของเขา ความเกลียดชังแต่เดิมก็กลับกลายเป็นความซาบซึ้ง ฮูหยินเสนาบดีก็เช่นกัน นางมักจะเข้าวังมาถวายบังคมไทเฮาและหาโอกาสมาหาบุตรสาวที่ตำหนักของชูเซี่ยบ่อยครั้ง วันเวลาในวังหลวงน่าเบื่อยิ่งนัก แต่ทว่าสำหรับชูเซี่ยแล้วนี่เป็นช่วงเวลาที่งดงามและสุขสบายที่สุดนับตั้งแต่นางมาอยู่ในยุคนี้ เพราะว่านางและหลี่เฉินเย่นสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสุขและราบรื่น! แม้ว่ายามนี้นางจะไม่ได้มีฐานะอะไรในวังหลังเลยก็ตาม แต่ทว่าทุกคืนหลี่เฉินเย่นก็มาค้างคืนกับนางที่ตำหนักฉ่ายเหว่ยเสมอ แม้ว่าชูเซี่ยในตอนนี้จะไม่ได้เป็นภรรยาของเขาโดยสมบูรณ์ แต่ทว่าในใจของเขานางก็เป็นมานานแล้ว อีกอย่างเมื่อสามปีก่อนชูเซี่ยก็เป็นพระชายาของเขาแต่แรกแล้ว แม้จะเป็นคนละร่างแต่ก็นับว่าเป็น! ฉ่ายเวินก็มักจะมาเยี่ยมเยียนนางที่ตำหนักอยู่เสมอ แต่นางก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานของตนเองเลยทั้งยังไม่ยอมพูดถึงชายในดวงใจอีกด้วย ทุกๆครั้งที่หลี่เฉินเย่นถามนาง นางก็มักจะทำเป็นหูทวนลมจนสุดท้ายหลี่เฉินเย่นก็จนปัญญาทั้งยังบอกว่านางชอบหรืออยากทำอะไรก็ทำ วันเวลาดีๆเช่นนี้ทำให้ทุกคนต่างก็ผ่อนคลาย วันวันหนึ่งชูเซี่ยก็มักจะขังตนเองอยู่ในตำหนักอ่านตำราแพทย์อย่างสบายอกสบายใจ สุขภาพของโหร่วยเฟยก็นับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังนับว่าอ่อนแออยู่ ชูเซี่ยจึงคิดจะหาอาหารดีๆมาบำรุงให้อีกฝ่ายเสียหน่อย ตอนนี้หลี่อวิ่นกังก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นเจิ้งกั๋วอ๋อง ในทุกๆวันเขาก็มีงานบ้านงานเมืองรัดตัวจนยุ่งอยู่เสมอ พระชายาเจิ้งกั๋วก็มักจะพาอานเหยียนเข้าวังมาพบชูเซี่ยและหรงกุ้ยไท่เฟยอยู่ตลอด วังหลังที่เคยมีแต่การแก่งแย่งยามนี้มีเพียงความรักใครกลมเกลียวกัน ไทเฮาที่ทรงเห็นอานเหยียนขยับร่างป้อมๆวิ่งไปมาก็อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อใดที่พระองค์จะมีโอกาศได้อุ้มหลานแท้ๆของตนเองบ้าง กล่าวจบพระองค์ก็เพ่งมองหน้าท้องของชูเซี่ยด้วยสายพระเนตรเป็นประกายคาดหวัง แม้ว่าในวังหลวงแห่งนี้ชูเซี่ยจะไม่ได้มีฐานะหรือตำแหน่งใดๆแต่ทุกคนในวังต่างก็ปรนนิบัติและดูแลนางเทียบเท่ากับฮองเฮาเลยก็ว่าได้ ขาดก็แต่ชื่อเรียกขานเท่านั้น ดังนั้นหากว่านางตั้งครรภ์ขึ้นมาไม่เพียงแต่ไทเฮาแต่เหล่าไท่เฟยทุกคนก็จะต้องยินดีอย่างมากแน่นอน! แต่ทว่าหน้าท้องของชูเซี่ยก็ดูจะไร้วี่แวว เดิมทีชูเซี่ยก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร แต่ทว่าเมื่อเห็นสายตาคาดหวังของทุกคนนาง นางเองก็วางแผนอนาคตของตนเองไว้บ้างแล้ว พูดขึ้นมาแล้วนางก็รู้สึกว่าหลายเดือนมานี้นางก็อยู่กับหลี่เฉินเย่นมาตลอด แต่เหตุใดจึงไม่มีวี่แววจะมีข่าวดีบ้างนะ เช้าวันนี้หลี่เฉินเย่นตื่นขึ้นมา ชูเซี่ยที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งก็หันหลังกลับมามองเขาและเอ่ยด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง “เจ้าว่า เป็นเจ้าหรือข้าที่ไร้น้ำยากันแน่ นี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วเหตุใดจึงยังไม่มีข่าวดีนะ” หลี่เฉินเย่นหัวเราะออกมา “เจ้าใจร้อนอยากเป็นมารดาในเร็ววันหรือ ข้าไม่ใจร้อนแล้วเจ้าจะใจร้อนไปทำไมกัน อีกอย่างข้าไร้น้ำยาหรือไม่เจ้าเองก็น่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือ” กล่าวจบชายหนุ่มก็ยิ้มกรุ้มกริ่มใส่นาง ชูเซี่ยก็เถียงกลับ “ข้าไม่ได้หมายถึงพละกำลังของเจ้าเสียหน่อย ในความเป็นจริงต่อให้มันทำงานได้ปกติก็ใช่ว่าจะไม่ได้มีปัญหาภายในนี่!” หลี่เฉินเย่นกลอกตา“เอาล่ะ ยิ่งเจ้าพูดก็ยิ่งประหลาด ค่อยๆเป็นค่อยๆไปเถิดไม่จำเป็นต้องรีบหรอก ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็ขึ้นอยู่กับวาสนา บางทีวาสนาของพวกเรากับพวกเขาอาจจะยังไม่ถึงก็ได้” ชายหนุ่มเอ่ยปลอบโยนนางก็จะก้มหน้าลงมาจุมพิตนางเบาๆจากนั้นก็ออกไปว่าราชการเช้า 
已经是最新一章了
加载中