ตอนที่ 148 นั่งดื่มสุราโดยไม่ได้มุ่งเสพรสชาติของสุรา
1/
ตอนที่ 148 นั่งดื่มสุราโดยไม่ได้มุ่งเสพรสชาติของสุรา
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 148 นั่งดื่มสุราโดยไม่ได้มุ่งเสพรสชาติของสุรา
ตนที่ 148 นั่งดื่มสุราโดยไม่ได้มุ่งเสพรสชาติของสุรา ก่อนหน้านี้ชูเซี่ยมักจะสั่งให้คนคอยจับตาดูฉ่ายเวินอยู่ตลอด แต่ทว่าหลังจากเฝ้าจับตาดูแล้วก็ไม่พบว่าฉ่ายเวินจะมีพฤติกรรมน่าสงสัยอะไร อีกอย่างวังหลังในตอนนี้ก็ปกติสุขดีชูเซี่ยจึงถอนคำสั่งในที่สุด ฉ่ายเวินระยะนี้ก็เป็นมิตรกับนางมาตลอดนางจึงคิดว่าตนเองคงคิดมากไปเอง แต่ทว่าแม้จะปลอบใจตนเองแค่ไหนแต่นางก็ไม่อาจลืมเรื่องการตายของเฉินอวี่จู๋ได้จริงๆ ดังนั้นวันนี้ที่ฉ่ายเวินมาหานางถึงตำหนัก พอดีกกับที่เย่เอ๋อและโหร่วเฟยก็อยู่นางจึงตั้งใจเอ่ยเรื่องของเฉินอวี่จู๋ขึ้นมา “ทุกวันนี้ข้ายังรู้สึกผิดต่อตนเองมาตลอดว่าตอนนั้นไม่สามารถช่วยเหลืออวี่จู๋ได้ จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่รู้ว่านางเป็นโรคอะไรกันแน่!” แม้ว่าชูเซี่ยจะตั้งใจพูดขึ้นลองใจแต่ความรู้สึกผิดนั้นเป็นเรื่องจริง การตายของอวี่จู๋ยังคงติดอยู่ในใจของนางมาโดยตลอดไม่มีวันใดที่นางจะปล่อยวางลงได้ “การตายของพระชายาหนิงอานไม่เกี่ยวกับเจ้าเสียหน่อย เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดไปหรอก!” โหร่วเฟยเอ่ยปลอบนางอย่างนุ่มนวล ความจริงแล้วนับตั้งแต่หลี่เฉินเย่นขึ้นครองบัลลังก์ก็ควรเรียกทั้งหลิวหยิงหลงและเฉินอวี่จู๋ว่าเป็นฮองเฮาจึงจะถูก แต่ในเมื่อพวกนางก็ไม่อยู่แล้วทุกคนจึงพร้อมใจกันเรียกขานว่าพระชายาหนิงอานจะเหมาะกว่า เย่เอ๋อก็ถอนหายใจ “นี่มันชะตากรรมของนางไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้าเสียหน่อย เจ้าเองก็ไม่ใช่คนที่ทำร้ายนางสักหน่อย!” ฉ่ายเวินขมวดคิ้ว “แม้ว่าข้าจะไม่ชอบนาง แต่ทว่าการตายของนางก็ทำให้ข้าเสียใจเช่นกัน ต่อให้เสียใจอย่างไรเราก็ต้องผ่านไปให้ได้ พี่สาวเองก็ทุ่มเทสุดความสามารถช่วยเหลือนางแล้วอย่าได้รู้สึกผิดอีกเลย!” ชูเซี่ยหันมามองฉ่ายเวิน “ในบรรดาพวกเราทั้งหมดเจ้าคือคนที่ใช้เวลากับนางมากที่สุด เจ้าคิดว่าคนข้างกายของนางเป็นอย่างไรบ้าง ข้ากำลังสงสัยว่านางอาจจะถูกคนวางยาพิษ” ฉ่ายเวินส่ายศีรษะ “เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่ได้สังเกต แม้ว่าข้ากับนางจะอยู่จวนเดียวกันแต่ทว่าเรื่องของนางข้าล้วนไม่เคยถามถึง เรื่องของนางข้าไม่เคยสนใจ พวกเราสองคนพบเจอกันน้อยมากจริงๆ ข้าจึงไม่เคยสังเกตว่าคนข้างกายนางเป็นอย่างไร” โหร่วเฟยเงยหน้าจ้องเขม็งมาที่ฉ่ายเวินจากนั้นก็ถอนหายใจ “มันก็คงเป็นแค่อาการป่วยเท่านั้น อย่าได้เดาสุ่มกันส่งเดชเลย!” ชูเซี่ยนึกถึงตอนที่นางไปเยี่ยมโหร่วเฟย ตอนนั้นโหร่วเฟยพูดจาโหดร้ายกับนางทั้งๆที่ก่อนหน้ากล่าวกับนางว่าไม่ได้เป็นคนวางยาพิษ แต่ทว่าต่อมานางก็บอกว่านางเป็นคนวาง เรื่องนี้นางเองก็เคยสั่งให้คนคอยจับตัวโหร่วเฟยเช่นกันแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา คนที่นางให้ไปแฝงตัวในตำหนักของฉ่ายเวินก็บอกกับนางว่าฉ่ายเวินก็มักจะไปหาโหร่วเฟยเป็นประจำ แต่ทว่าก็ไม่ได้กล่าวอะไรที่น่าสงสัย เพียงแค่พบหน้าและพูดคุยกันไม่กี่คนเท่านั้น อารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมือเป็นหน้ามือหลังหมือของโหร่วเฟยทำให้ชูเซี่ยสับสนอย่างมาก ชูเซี่ยสังหรณ์ใจว่านางจะต้องรู้อะไรบางอย่าง แต่ไม่ว่าชูเซี่ยจะพยายามถามนางอย่างไร นางก็มักจะบอกว่าตอนนั้นนางเพียงแค่โมโหเกินไปเท่านั้นจึงพูดจาส่งเดชออกไป ไม่ได้มีอะไร นางกล่าวยืนกรานเช่นนั้นชูเซี่ยก็จนปัญญา การที่ชูเซี่ยยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกครั้งหลังจากที่ผ่านมานานแล้วก้เพ่อทำให้ผู้ลงมือเกิดอาการตื่นกลัวขึ้นมาอีกครั้ง ผ่านไปชั่วพริบตาก็ใกล้ถึงงานพระราชสมภพของไทเฮาแล้ว แต่เพราะว่าวังหลวงยังอยู่ในช่วงการไว้ทุกข์ให้อดีตฮ่องเต้จึงไม่อาจจัดงานเฉลิมฉลองได้ ดังนั้นจึงจัดงานเล็กๆเลี้ยงฉลอง ฝ่าบาททรงส่งเทียบเชิญถึงเหล่าขุนนางคนสนิทและเหล่าเครือญาติที่สนิทกันให้เข้าวังเท่านั้น จูเก๋อหมิงเองก็ได้รับเทียบเชิญเช่นกัน ของขวัญที่จูเก๋อหมิงถวายให้แก่ไทเฮาคือของที่มาจากความใส่ใจของเขา เขารู้มาว่าพระองค์ทรงชอบงานปักยิ่งนัก ดังนั้นท่านหมอหนุ่มจึงลงมือปักเจ้าแม่กวนอิมเป็นของขวัญแก่พระองค์ ไทเฮาทรงชื่นชอบมันมาทั้งยังพระราชทานสร้อยไข่มุกจากทะเลตะวันออกให้แก่เขา ทั้งยังทรงตรัสว่าให้เขานำไปมอบให้แก่ฮูหยินของตนในอนาคตอีกด้วย ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วและฮูหยินของเขาก็เข้าวังมาเช่นกัน ชูเซี่ยใจหนึ่งอยากเจอพวกเขามาตลอดแต่อีกใจหนึ่งนางก็ไม่กล้าพบ นางยังมีความทรงจำของหลิวหยิงหลงอยู่ดังนั้นนางจึงรักและเคารพพวกเขาสองสามีภรรยาอย่างมาก นางไม่กล้าให้ความสนิทสนมมากจนเกินไปเพราะตอนนี้นางเองก็ไม่ใช่หลิวหยิงหลงอีกต่อไปแล้ว หลิวหยิงหลงตายไปตั้งแต่สามปีก่อนแล้ว นางไม่ต้องการจะไปสะกิดบาดแผลในใจของพวกเขาขึ้นมาอีก เพราะว่าหลี่เฉินเย่นเคยเล่าให้นางฟังว่าท่านจิ้งกั๋วโฮ่วรู้มาแต่แรกแล้วว่านางคือชูเซี่ย นางไม่รู้ว่าพวกเขาจะโกรธแค้นนางหรือไม่ที่ครั้งหนึ่งนางเคยเข้ามาอาศัยอยู่ร่างกายบุตรสาวของพวกเขา ในเมื่อพวกเขาไม่เคยเอ่ยขึ้นมานางก็ไม่กล้าพูด เพราะความรู้สึกรักและเคารพที่ยังหลงเหลืออยู่ในความทรงจำทำให้นางไม่กล้าเผชิญหน้ากับพวกเขา นางกลัวว่าหากพวเขาเกลียดชังนาง นางจะทนไม่ไหว บางอย่างยิ่งเก็บมาคิดมากเท่าไหร่ก็รังแต่จะทำให้เร้าใจมากขึ้นเท่านั้น ความเจ็บปวดจากการสูญเสียบุตรสาวเป็นความเจ็บปวดเรื้อรังที่ไม่อาจลืมเลือนได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆอยู่แล้ว นางหรือจะกล้าไปสะกิดบาดแผลพวกเขาให้เจ็บปวดขึ้นมาอีก นางไม่กล้าเอ่ยถึงคนที่ตายไปแล้วขึ้นมาแล้วทำให้พวกเขาทรมานอีกแน่ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วและฮุหยินมาเยี่ยมเยียนโหร่วเฟยในวังและมาถวายบังคมไทเฮา แต่เพียงแค่ชูเซี่ยได้ยินว่าพวกเขามานางก็หนีแทบไม่ทัน ไม่ใช่ว่านางไม่อยากพบพวกเขา แต่ในใจของนางหวาดกลัวเกินไปต่างหาก! ดังนั้นตอนที่นางไดยินว่าหลี่เฉินเย่นจะส่งเทียบเชิญพวกเขานางก็รู้สึกกระวนกระวายอยู่ไม่สุขขึ้นมา หลี่เฉินเย่นรู้ว่าในใจของนางคิดอะไรจึงเอ่ยปลอบใจ “พวกเขาสองสามีภรรยาจิตใจงดงามมาก อีกอย่างพวกเขาไม่รู้เสียหน่อยว่าเจ้าก็คือชูเซี่ยที่เคยใช้ร่างบุตรสาวของพวกเขา แต่ต่อให้รู้พวกเขาก็ไม่มีทางโทษว่าเป็นความผิดเจ้าแน่ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ทำให้หลิวหยิงหลงตายไม่ใช่เจ้าเสียหน่อย!” ชูเซี่ยมือไม้เย็นเฉียบก่อนจะยิ้มเหย “ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!” งานเลี้ยงฉลองจัดขึ้นในห้องโถงขนาดใหญ่ใจกลางตำหนักหลวง โต๊ะยาวถูกจัดเรียงอยู่ขนาบข้างทั้งสองฝั่ง ประตูทางเข้าก็ถูกตกแต่งและขยายจนโอ่โถงหรูหรา วันนี้ไทเฮาทรงฉลองพระองค์สีทองตระการตา มงกุฎที่ประดับอยู่เหนื่อยพระเศียรฝังประดับไปด้วยเพชรน้ำงามแซมไปด้วยมรกตเนื้อดี ตรงใจกลางมงกุฎถูกฝังไว้ด้วยไข่มุกเม็ดใหญ่ที่มีค่าควรเมือง ข้างกายของพระองค์มีหรงกุ้ยไท่เฟย หลิงกุ้ยไท่เฟยและฉินไท่เฟยนั่งอยู่ พวกนางแต่ละคนก็แต่งกายอย่างปรานิตงดงาม ท่าทางของหลิงกุ้ยไท่เฟยดูไม่มีความสุขมากเท่าใดนัก ดวงตาของนางจับจ้องไปที่ชูเซี่ยด้วยสายตาเคียดแค้นชิงชัง ครั้งหนึ่งนางเคยโดดเด่นและงดงามเหนือผู้ใดในวันหลัง แต่มาบัดนี้นางกลับต้องใช้คำว่าไท่เฟยรั้งท้ายชื่อของนาง ซึ่งเป็นตำแหน่งของพวกสนมแก่รอวันตายในวังหลัง ยามนี้นางจึงนั่งอยู่ข้างกายไทเฉาด้วยท่าทีอับเฉาเหมือนปลาขาดน้ำ คนที่ทำให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ก็คือชูเซี่ย นางไม่เชื่อหรอกว่าชูเซี่ยจะไม่ใช่ผู้ที่ปลงพระชนมฝ่าบาท มีหลักฐานมากมายที่ชี้ว่าหญิงสาวผู้นั้นเป็นคนลงมือ แต่ฮ่องเต้กลับทรงแก่ต่างให้นางและยังทรงสั่งห้ามให้ผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ในวันนี้หญิงผู้นั้นยังกล้าเสนอหน้ามานั่งเคียงข้างฝ่าบาททั่งยังเสวยสุขบนกองเงินกองทอง ราวกับว่าชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองของนางกำลังเริ่มต้นอย่างไรอย่างนั้น ชูเซี่ยสัมผัสได้ถึงสายตาอาฆาตแค้นของหลิงกุ้ยเฟยที่ส่งมาที่นางได้แต่นางไม่มีเวลาให้ความสนใจเพราะว่าตอนนี้ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วและฮูหยินของเขากำลังค่อยๆเดินมาทางนี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ชูเซี่ยได้พบหน้าฮูหยินจวนจิ้งกั๋วโฮ่ว ฮูหยินจวนจิ้งกั๋วโฮ่วช่างงดงามยิ่งนัก นางงดงามราวกับไข่มุกล้ำค่า ทั้งยังเปร่งประกายโดดเด่น แม้ว่าอายุจะล่วงเลยมาสี่สิบกว่าแล้วแต่นางก็ยังดูแลตนเงเป็นอย่างดีจนคล้ายหญิงสาวอายุสามสิบต้นๆเท่านั้น นางและหลิวหยิงหลงหน้าตาคล้ายกันมากเหลือเกิน ว่ากันตามตรงตอนนางยังสาวก็คงเหมือนหลิวหยิงหลงยังกับแกะแน่นอน ใบหน้าของท่านจิ้งกั๋วโฮ่วก็มีเคราดกดำสง่างามน่าเกรงขราม ทั้งท่วงท่าและการเดินเหินดูองอาจ คาดว่าตอนที่พวกเขายังหนุ่มยังสาวจะต้องเป็นหนุ่มหล่อสาวงามแน่ ไม่แปลกใจเลยที่โหร่วเฟยและหลิวหยิงหลงจะมีใบหน้างามพิลาศล้ำแบบทุกวันนี้ มือไม้ของชูเซี่ยพันกันไปหมด นางเริ่มนั่งไม่ติดที่ นางอยากดูแต่ก็ไม่กล้าเผชิญหน้า จนกระทั่งพวกเขาเดินมาหยุดลงตรงหน้าหลี่เฉินเย่น ชูเซี่ยก็ก้มหน้างุด ไม่กล้าสบสายตาสองคู่ที่จ้องมาอย่างเป็นประกายตรงหน้า “ถวายบังคมฝ่าบาทพะย่ะค่ะ!” “ถวายบังคมเพคะ!” ทั้งสองคนทำความเคารพอย่างถูกต้องตามขนบธรรมเนียม หลี่เฉินเย่นยิ้มน้อยๆ “ไม่ต้องมากพิธี พวกท่านก็มานั่งข้างๆโหร่วเฟยเถิด คงมีเรื่องให้คุยกันมากมายนัก!” “ขอบพระทัยฝ่าบาท” ทั้งสองคนกล่าวจบก็เหลือบมองชูเซี่ย ชูเซี่ยรู้ตัวดีว่าที่นางทำเช่นนี้เป็นการเยมารยาทแต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาอยู่ดี ทำเพียงแค่ก้มหน้าก้มตาเอามือจิกแขนเสื้อตนเองไว้อย่างไม่สบายใจ ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วและฮูหยินของเขาเดินเข้ามาถวายพระพรแด่องค์ไทเฮาจากนั้นก็มานั่งข้างกายโหร่วเฟย โหร่วยเฟยนั่งอยู่ด้านซ้ายมือของหลี่เฉินเย่นห่างจากชูเซี่ยไปสองตัว ดังนั้นบทสนทนาระหว่างโหร่วยเฟยและสองสามีภรรยาจวนจิ้งกั๋วโฮ่วนางจึงได้ยินชัดเจน “ช่วงนี้ร่างกายดีขึ้นบ้างหรือไม่” ฮูหยินหลิวเอ่ยถามบุตรสาวเสียงอ่อนโยน โหร่วเฟยยิ้มให้มารดาของตน “ดีขึ้นมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านหมอเวินช่วยเหลือข้าตลอด เกือบจะหายเป็นปกติแล้วเจ้าค่ะ!” ฮูหยินหลิวหันมามองชูเซี่ยแวบหนึ่งพอดีกับที่ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมาพอดีจึงสบตากัน ชูเซี่ยรีบก้มหน้าลงตื่นเต้นจนมือไม้ชื้นเหงื่อไปหมด แต่ที่ชูเซี่ยนึกไม่ถึงก็คือฮูหยินจิ้งกั๋วโฮ่วจะลุกขึ้นมาและเดินมาหยุดข้างกายนางจากนั้นก็ย่อกายเล็กน้อย “ขอบคุณท่านหมอเวินเหลือเกินที่ดูแลโหร่วเฟยอย่างดี!” เพราะแบบนั้นชูเซี่ยจึงไม่อาจหลบหน้าอีกฝ่ายได้อีก หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาจากนั้นก็ยิ้มให้อีกฝ่าย “ฮูหยินอย่าได้เกรงใจไปเลยเจ้าค่ะ ข้าเป็นท่านหมอ นี่ย่อมเป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำ!” ฮูหยินจวนจิ้งกั๋วโฮ่วมองหน้านางก็จะยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน นางพิจารณามองชูเซี่ยอยู่นานก่อนจะเอ่ย “ท่านหมอเวินงดงามยิ่งนัก!” ชูเซี่ยนิ่งงันไป ก่อนจะเอ่ยอย่างถ่อมตัว “ฮูหยินยอข้าเกินไปแล้ว!” ฮูหยินจวนจิ้งกั๋วโฮ่วก็ถามขึ้นมาอีก “ข้าสามารถมาหาท่านหมอเวินในวังบ่อยๆได้หรือไม่เจ้าคะ” ยังไม่ทันที่ชูเซี่ยจะหายอึ้งนางก็ตกใจมากขึ้นอีกเมื่อได้ยินคำขอของอีกฝ่าย ชูเซี่ยรีบปรายตามองหลี่เฉินเย่น หลี่เฉินเย่นกำลังมองมาที่นางและเอื้อมมือมากอบกุมมือนางไว้ ดวงตาคมที่มองมาที่นางเต็มไปด้วยความอบอุ่น นางจึงหันไปตอบฮูหยินจวนจิ้งกั๋วโฮ่ว “ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ!” ฮูหยินจวนจิ้งกั๋วโฮ่วยิ้มออกมา “เช่นนั้นก็ดีเหลือเกิน!” กล่าวจบนางก็มองชูเซี่ยอีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิม ช่วงเวลางานเลี้ยงเต็มไปด้วยสีสันและเสียงหัวเราะ เสียงดนตรีก็ดังครึกครื้นสนุกสนาน ไทเฮาก็ทรงรื่นเริงพระทัยเป็นพิเศษถึงกับร่ำสุราไปหลายจอก แต่เพราะไม่ได้ดื่มมานานจึงทำให้สุดท้ายก็ไม่ไหว หรงกุ้ยไท่เฟยจึงเป็นผู้พยุงพระองค์กลับตำหนักด้วยตนเอง ชูเซี่ยก็ดื่มไปหลายจอกจนเริ่มเวียนหัวขึ้นมา นางรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย สุราที่ใช้ในค่ำคื่นนี้คือสุรากุ้ยฮวา มีรสชาติหวานละมุนลิ้นทั้งยังมีกลิ่นหอม นางมองปลาเปรี้ยวหวานที่อยู่ตรงหน้า ตั้งใจว่าจะกินเพื่อล้างท้องเสียหน่อย เมื่อกินไปสักพักก็รู้สึกว่าอาการเวียนหัวหายไปมาก จากนั้นก็ดื่มไปอีกหลายจอกก็ไม่รู้สึกเวียนหัวอะไร นางข้าหลวงที่มีหน้าที่รินสุราให้ก็รินมาเรื่อยๆ สุราไหหนึ่งก็ดื่มกินกันหลายคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดมีปัญหาอะไร แต่เพื่อความปลอดภัยแล้วนางจึงแอบเอาเข็มทองจุ่มลงบไปในสุราเพื่อพิสูจน์พิษ เพราะนับตั้งแต่ที่นางเคยถูกวางยาพิษนางก็ระมัดระวังในสำรับอาหารของตนเองมาโดยตลอด แม้ว่ายามอยู่ตำหนักนางจะเป็นคนดูแลเรื่องอาหารด้วยตนเองแต่นางก็มักจะใช้เข็มทองอยู่เสมอ เมื่อเห็นว่าเข็มทองไม่ได้เปลี่ยนสีนั่นก็แสดงว่าไม่มีพิษเจือปนอย่างแน่นอน นางก็วางใจลงทั้งยังอดตำหนิความคิดมากของตนเองไม่ได้ ชูเซี่ยลอบมองฉ่ายเวินก็เห็นว่าหญิงสาวกำลังดื่มสุราอยู่เช่นกันทั้งยิ้มหัวเราะร่าเริงกับคู่สนทนาในงานเลี้ยง คืนนี้ฉ่ายเวินดูโดดเด่นมากเหลือเกิน วันนี้นางสวมชุดปักลายดอกสีชมพูอมส้มทั้งชุด ริมฝีปากอิ่มและคิ้วที่ถูกแต่งอย่างปรานีต ตลอดคืนนี้หลี่ซี่จับจ้องใบหน้าของสาวงามผู้นี้ไม่ละสายตาเลยสักชั่วขณะ
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 148 นั่งดื่มสุราโดยไม่ได้มุ่งเสพรสชาติของสุรา
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A