ตอนที่ 149 เสื้อยุ่งหยิง
1/
ตอนที่ 149 เสื้อยุ่งหยิง
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 149 เสื้อยุ่งหยิง
ตนที่ 149 เสื้อยุ่งหยิง ชูเซี่ยรู้สึกว่าร่างกายของนางอ่อนแรงอย่างประหลาด หลี่เฉินเย่นเองก็เห็นว่าใบหน้าของนางซีดเผือด จึงเอ่ยถามโดยจับมือนางไว้ใต้โต๊ะอย่างกังวล “เจ้าเป็นอะไรหรือไม่” ชูเซี่ยพยายามส่ายหน้า “สงสัยข้าคงเมานะเจ้าค่ะ!” “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะให้เชียนซานไปส่ง” กล่าวจบ ชายหนุ่มก็เรียกเชียนซานมาใกล้ๆและก้มลงกระซิบบางอย่าง จากนั้นเชียนซานก็พยุงร่างของชูเซี่ยกลับไป เพราะมีเชียนซานคอยพยุงร่างของนางไว้ชูเซี่ยจึงจะค่อยๆเดินได้ตลอดทางจนถึงตำหนัก เชียนซานเห็นท่าทางเช่นนั้นก็อดเอ่ยถามไม่ได้ “นายหญิง ท่านดื่มไปเยอะมากเลยหรือเจ้าคะ เหตุใดจึงเมามายจงทรงตัวไม่ได้เช่นนี้” น้อยครั้งนักที่นายหญิงของตนเองจะมีท่าทีอ่อนแรงเช่นนี้ดังนั้นเชียนซานจึงคิดว่านั่นต้องเป็นเพราะอีกฝ่ายดื่มมากเกินไป ชูเซี่ยพยายามส่ายศีรษะขับไล่ความมึนงง นางรู้สึกมึนศีรษะและมีอาการคลื่นไส้เล็กน้อย หญิงสาวเอามมือกุมหน้าอกไว้ “ข้าเพียงดื่มไปไม่กี่แก้วเท่านั้น ” “ถ้าเช่นนั้นก็แปลกเหลือเกิน เหล้าในคืนนี้แม้จะเป็นสุราชั้นดีแต่ก็ฤทธิ์ไม่แรง เมื่อครู่ข้าก็ดื่มไปสองจอกยังไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ!” เมื่อกลับมาถึงตำหนักฉ่ายเหว่ย ชูเซี่ยก็ให้เชียนซานเปิดหน้าต่าง “เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้านอนพักสักครู่ก็คงหาย” “ข้าไม่ไปไหนหรอกเจ้าค่ะ ข้าจะอยู่ในห้องนี้กับท่าน ท่านก็นอนเถิด!” ชูเซี่ยเวียนหัวอยู่จึงไม่คิดจะโต้เถียงกับนาง หญิงสาวผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเหลือเพียงชุดในสีขาวเบาบางจากนั้นก็ถอดเครื่องประดับออกจนหมดและล้มตัวลงบนเตียงบรรทม กลิ่นหอมของกำยานที่ถูกจุดขึ้นภายในตำหนักทำให้ชูเซี่ยรู้สึกร้อนรุ่มอย่างประหลาด นางจึงถอดชุดตัวในบางขาวออกจากร่างจนเหลือเพียงชุดชั้นในที่ตัวนางเย็บขึ้นมาเอง ภายในตำหนักของนางเองไม่มีทางที่คนนอกจะย่างกรายเข้ามาได้ ดังนั้นนางจึงไม่ได้ระมัดระวังตัวมาก ภายนอกห้องมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เป็นเสี่ยวหว่านสาวใช้ข้างกายของนางในตำหนักฉ่ายเหว่ยนั่นเอง นางเดินมาหาเชียนซานและเอ่ยอย่างร้อนใจ “แม่นางเชียนซาน ข้าได้ยินคนจากตำหนักกานซินกล่าวว่าฮูหยินซือคงหัวใจกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว ท่านรีบไปดูเถิด!” เรื่องที่เชียนซานเป็นบุตรสาวของใต้เท้าซือคงทุกคนในวังต่างก็ทราบกันหมดแล้ว เชียนซานตื่นตระหนกไปหมด นางรีบหันมาหาชูเซี่ยที่นอนอยู่บนเตียง “ได้ ข้าจะรีบไป เจ้าอยู่ที่นี้คอยดูแลให้ดีนะ!” ช่วงเวลานั้นชูเซี่ยสลึมสลือ แต่เมื่อหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นนางก็พยายามเปิดเปลือกตาอย่างยากลำบาก “เชียนซาน เจ้ารีบไปดูเถิด ร่างหายของฮูหยินไม่ค่อยจะดีนัก ข้ากลัวว่านางจะป่วยหนักเอาได้!” เชียนซานหันกลับมาหาชูเซี่ย “เจ้าค่ะ ข้าจะรีบไปรีบกลับ ท่านพักผ่อนดีๆนะเจ้าคะ!” กล่าวจบนางก็รีบวิ่งออกไปทันที เสี่ยวหว่านเดินมาหยุดข้างเตียงบรรทมของนาง “ท่านหมอเวิน ดื่มน้ำหน่อยเถิดเจ้าค่ะ” ชูเซี่ยเองก็รู้สึกคอแห้งอยู่บ้างจึงเอ่ย “ดี ขอบใจมาก!” เสี่ยวหว่านรินน้ำแล้วเดินมาพยุงร่างของชูเซี่ยขึ้นดื่มน้ำ “ท่านนอนพักก่อนนะเจ้าคะ ช่วงนี้อากาศค่อนข้างเย็นท่านอาจหนาวแล้วมาดื่มสุราที่มีฤทธิ์ร้อนเข้าไปอีกอาจทำให้ร่างกายรับไม่ไหว นอนพักสักหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ!” ชูเซี่ยขานรับในลำคอจากนั้นก็ปิดตาลงและไม่ได้สติอีกเลย ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด นางรู้สึกว่ามีใครบางคนล้มตัวลงนอนข้างๆนางทั้งยังลูบศีรษะนางอย่างแผ่วเบาก่อนรวบร่างของนางไปกอดไว้อย่างทนุถนอม นางรู้ว่าต้องเป็นหลี่เฉินเย่นแน่จึงยอมนอนหลับปล่อยให้เขาโอบกอดร่างนางเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างสบายใจ ชูเซี่ยถูกปลุกขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงกรีดร้องของใครบางคน ชูเซี่ยค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ แสงสว่างที่ถูกจุดขึ้นภายในห้องจนสว่างโร่ทำให้นางต้องปิดตาตนเองลงอีกครั้ง แต่ทว่านางก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอีกครั้ง นางจำได้ในที่สุดว่านั่นเป็นเสียงของฉ่ายเวิน และคนที่ยืนอยู่ข้างๆนางก็คือหลี่เฉินเย่น ถ้าเช่นนั้นคนที่โอบกอดร่างของนางอยู่คือผู้ใดกัน? ชูเซี่ยรีบผุดลุกขึ้นจ้องมองไปยังบุรุษที่อยู่ข้างกายนาง ชายผู้นั้นก็ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆเช่นกัน เมื่อปรับสายตาชัดเจนชายหนุ่มก็เด้งตัวลุกขึ้นมาอย่างตกใจ เมื่อผุดลุกขึ้นมาเขาก็พบว่าร่างกายของตนเองกำลังเปลือยเปล่าก็รีบร้อนนอนกลับลงไปทั้งยังมองไปรอบๆห้องอย่างตื่นตระหนก ชูเซี่ยหันไปมองหลี่เฉินเย่นก็พบว่าชายหนุ่มเองก็มองมาที่นางเช่นกัน ดวงตาคมของเขาฉายแววเจ็บปวดและโกรธแค้น แต่ทว่าบนใบหน้าหล่อเหลากลับไม่มีการแสดงออกมา แต่ผู้ที่รู้จักชายหนุ่มดีจะรู้ว่าถายใต้สีหน้าที่สงบนิ่งนั้นภายในหาได้สงบเช่นนั้นไม่ ดวงตาของเขาเป็นเหมือนดวงตาของหมาป่าที่ส่องแสงในความมืด ทำให้ผู้คนต่างหวดกลัวไม่กล้าสบตามอง! ฉ่ายเวินโวยวายออกมา “พวกท่านสองคนกล้าทำพฤติกรรมเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานได้อย่างไร ที่นี่มันวังหลังพวกท่านทำเรื่องสำส่อนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน พี่สาว ข้ามองท่านผิดไปจริงๆ แม้แต่ท่านพี่จูเก๋อท่านก็ยังกล้าคบชู้หรือ!” ผู้หญิงที่อ่อนหวานและร่าเริงอย่างฉ่ายเวิน หญิงสาวที่จิตใจดีและสวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์ แต่ยามนี้ในสายตาของชูเซี่ยหญิงสาวตรงหน้าช่างราวกับปีศาจร้ายน่ากลัวเหลือเกิน หลี่เฉินเย่นละสายตาออกมาจากชูเซี่ยหันไปหาฉ่ายเวิน “เจ้าออกไป!” ฉ่ายเวินมองหลี่เฉินเย่นอย่างไม่เชื่อสายตา “ศิษย์พี่...” “ออกไป!” ดวงตาของหลี่เฉินเย่นเปร่งประกายรุนแรงขึ้นจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเก่า ฉ่ายเวินหันมามองชูเซี่ยด้วยสายตาอำมหิต ความเกลียดชังเช่นนี้ดูเหมือนจะสะสมอยู่ในใจของนางมานานมากแล้วและตอนนี้มันก็ถูกระเบิดออกมาโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่คิดจะปกปิด ชูเซี่ยเพิ่งเข้าใจจริงๆก็วันนี้ว่าแท้จริงแล้วฉ่ายเวินก็คือหญิงสาวที่มีจิตใจล้ำลึกมากที่สุด ทั้งๆที่หญิงสาวเกลียดนางมากถึงเพียงนี้แต่ก็ยังเรียกขานนางว่าพี่สาวอยู่เสมอ ทั้งยังแย้มรอยยิ้ม ‘จริงใจ’ ให้นางอยู่เสมอ ริมฝีปากของฉ่ายเวินค่อยๆเผยรอยยิ้มอันพึงพอใจที่มุมปากทั้งยังเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเกลียดชังอย่างปิดไม่มิด “พี่สาว ท่านช่างทำให้ข้าผิดหวังเหลือเกิน” กล่าวจบนางก็หมุนกายจากไป! จูเก๋อหมิงรีบร้อนใส่เสื้อผ้าของตนจนเรียบร้อยดีแล้ว ท่านหมอหนุ่มมองหน้าหลี่เฉินเย่นก่อนจะเอ่ยอย่างทุกข์ร้อน “ข้าไม่รู้ว่าทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ เฉินเย่น มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ!” เขาอยากแก้ตัวแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี เพราะว่าตัวเขาเองก็ยังสับสนว่าแท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หลี่เฉินเย่นหันมามองจูเก๋อหมิงนิ่งๆ เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดโปน ชานหนุ่มกำหมัดแน่นและร่างกายสั่นเทิ้มไปด้วยโทสะ ชูเซี่ยเห็นท่าทางของคนทั้งสองก็กลัวว่าพวกเขาจะลงไม้ลงมือกันขึ้นมานางจึงเอ่ยเรียกอีกฝ่ายอย่างร้อนใจ “เฉินเย่น!” หลี่เฉินเย่นละสายตาออกจากจูเก๋อหมิงมาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของนาง ดวงตาของเขาและนางสบกันอยู่เช่นนั้นก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะค่อยๆอ่อนลง จากนั้นเขาก็หันกลับพูดกับจูเก๋อหมิงด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เจ้าดื่มมากเกินไปจึงเข้าห้องผิด แต่ว่าเรื่องนี้จะไม่มีผู้ใดรู้หรอก กลับออกไปเถิด!” จูเก๋อหมิงตั้งใจจะอ้าปากเอ่ยคำอธิบายแต่หลี่เฉินเย่นก็เอ่ยคำสั่งเสียงดังขึ้นอีกครั้งจนแทบจะตะคอก “เราบอกว่าเรากับฮองเฮาของเราจะพักผ่อน เจ้าออกไป!” จูเก๋อหมิงนิ่งไป “เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดจะต้องมีคนตั้งใจใส่ร้าย...” “จงเจิ้ง เชิญท่านหมอจูเก๋อออกไป!” หลี่เฉินเย่นสั่งอีกครั้ง! จงเจิ้งที่อยู่นอกตำหนักมาตลอดไม่กล้าเข้ามาเมื่อได้ยินหลี่เฉินเย่นพูดเช่นนั้นก็รีบพุ่งเข้ามาในห้อง แต่ก็ก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองชูเซี่ยที่แต่งกายไม่เรียบร้อยอยู่บนเตียงบรรทม “ท่านหมอจูเก๋อ เชิญขอรับ!” จูเก๋อหมิงจึงได้แต่ต้องจำยอมออกไป! ภายในตำหนักจึงเหลือเพียงชูเซี่ยและหลี่เฉินเย่นสองคน ความเงียบปกคลุมระหว่างคนทั้งคู่ ชูเซี่ยพยายามย้อนนึกกลับไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ทว่าในหัวสมองของนางก็ว่างเปล่าไปหมด คล้ายกับเรื่องที่เกิดก่อนหน้าเป็นเพียงแค่ความฝัน หญิงสาวเม้มปากก่อนเป็นฝ่ายเอ่ยกับหลี่เฉินเย่นก่อน “ข้าไม่รู้ว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เฉินเย่น เจ้าต้องเชื่อข้านะ” หลี่เฉินเย่นเดินไปหานางก่อนจะก้มลงหยิบเสื้อผ้าของนางที่ปลายเตียงขึ้นมา ดวงตาที่จ้องมองหญิงสาวฉายแววเย็นชาอยู่บ้างก่อนที่มือหนาจะเอื้อมไปลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ เสี่ยงทุ้มเอ่ยถามอย่างนุ่มนวล “ยังเวียนหัวอยู่หรือไม่” หญิงสาวเอื้อมมือไปดึงมือของเขาไว้จากนั้นก็เอ่ยเสียงหนักแน่นขึ้น “เชื่อข้านะ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!” หลี่เฉินเย่นดึงมือของตนเองออกจากมือของนางอย่างแผ่วเบา “ข้าย่อมต้องเชื่อเจ้าอยู่แล้ว!” ชูเซี่ยลอบมองสีหน้าของเขา สีหน้าของเขาดูเรียบเฉยเสียจนนางมองไม่ออกว่าฉายหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ทว่านางก็ไม่รู้จะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างไรดี แม้ว่าสีหน้าเขาจะดูไม่โกรธแต่ทว่าไม่ว่าใครเจอเหตุการณ์เช่นนี้ก็ล้วนโกรธกันทั้งสิ้น หน้าต่างทุกบานในตำหนักถูกปิดจนหมดและไม่มีลมเข้ามาเลยแม้แต่น้อย เปลวไฟจากตะเกียงภายในห้องถูกจุดสะท้อนให้เห็นร่างสองร่างอยู่บนผนังห้อง ทั้งยังทำให้บรรยากาศภายในห้องดูเงียบเหงาวังเวงเข้าไปอีก ทันใดนั้นนางก็หวนคิดไปถึงอดีตฮ่องเต้สมัยที่พระองค์ยังอยู่ พระองค์ก็มีบรรยากาศกดดันเช่นนี้อยู่รอบๆกายเสมอ ไม่ว่าจะโกรธหรือเฉยชาก็จะมีบรรยากาศเช่นนี้ เฉินเย่นเองก็เหมือนกัน แม้ว่าท่าทางจะดูสงบนิ่งเพียงใดแต่ท่าทางก็หาได้เป็นเช่นนั้น ยามนี้ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความอดทนและกระวนกระวาย หญิงสาวพยายามเรียบเรียงคำพูดมากมายเพื่อที่พูดคุยกับเขาให้รู้เรื่อง แต่ก้นบึ้งในจิตใจของนางก็มีเรื่องราวมากมายที่สับสนจนไม่อาจเชื่อมโยงกันได้ นางไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่นางและจูเก๋อหมิงนอนด้วยกันบนเตียงเช่นนี้ และท่าทางตื่นตระหนกของจูเก๋อหมิงเมื่อครู่ก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แม้ว่าปากของหลี่เฉินเย่นจะบอกว่าเชื่อคำพูดของนางแต่นั่นไม่ใช่ความจริงที่ออกมาจากใจของชายหนุ่มเลยสักนิด ตอนนี้เขาพยายามที่จะระงับอารมณ์ของเขาและพยายามบังคับตนเองให้เชื่อนางมากกว่า แต่ทว่าหากเป็นใครมาเจอหญิงสาวของตนเองนอนอยู่บนเตียงกับชายอื่นโดยไม่มีผ้าผ่อนก็คงไม่เชื่อกันทั้งนั้น “จงเจิ้ง!” น้ำเสียงของหลี่เฉินเย่นทำให้ชูเซี่ยหลุดออกจากภวังค์ จงเจิ้งรีบเข้ามาในห้องคุกเข่าลงตรงหน้า “ฝ่าบาท กระหม่อมอยู่นี่!” หลี่เฉินเย่นออกคำสั่งเสียงเย็น “เอาข้าวของบนเตียงทั้งหมดไปเผาทิ้งให้หมด!” จงเจิ้งน้อมรับคำสั่งจากนั้นก็เรียกนางกำนัลเข้ามาหลายคนและช่วยกันเอาข้าวของบนเตียงออกไปทำลายและเผาทิ้งจนหมด! ชูเซี่ยเงยหน้ามองหลี่เฉินเย่น ยามนี้ใบหน้าของเขากลับมาเป็นปกติแล้วทั้งยังหันมาส่งยิ้มให้นาง “ข้ายังไม่ได้อาบน้ำเลย เจ้าจะอาบเป็นเพื่อนข้าหรือไม่” เดิมทีชูเซี่ยตั้งใจจะปฎิเสธเพราะว่าคืนนี้นางอาบไปแล้วทั้งยังไม่ได้ที่ทำให้เหงื่อออกเลยสักนิด แต่ทว่าดูจากสีหน้าท่าทางของเขานางก็ยอมพยักหน้าเบาๆ “เจ้าค่ะ!” ตำหนักฉ่ายเหว่ยมีสระน้ำอุ่นขนาดใหญ่ เป็นน้ำร้อนที่มาจากบ่อน้ำพุร้อนบนเขาโดยตรง ค่าใช้จ่ายในการทำค่อนข้างสูงแต่มันก็เป็นสิ่งที่หลี่เฉินเย่นตั้งใจทำมันเพื่อชูเซี่ยโดยเฉพาะ หลี่เฉินเย่นเป็นผู้ลงมือถอดผ้าผ่อนของชูเซี่ยออกด้วยตนเอง เดิมทีแล้วการขัดถูร่างกายจะเป็นหน้าที่ของนางกำนัลที่คอยเข้ามาปรนนิบัติ แต่ยามนี้ชายหนุ่มกลับเป็นผู้ลงมือขัดถูทำความสะอาดร่างกายของนางด้วยตนเอง แปรงที่ขัดถูร่างกายทำมาจากใยบวบแม้ว่าจะไม่หยาบมากแต่แรงของชายหนุ่มที่ขัดถูลงมาบนร่างของชายหนุ่มก็ทำให้เกิดรอยแดงเป็นปื้นไปทั้งร่าง ชูเซี่ยพยายามอดทนต่อความเจ็บไม่กล้าส่งเสียงใดๆออกมาแต่ทว่าในใจของนางกลับตีกันยุ่งเหยิงไปหมดเพราะเดิมทีเชียนเป็นคนที่ทนุถนอมนางค่อนข้างมากแม้กระทั่งนางจามเขาก็ยังเป็นกังวล นางบาดเจ็บเล็กน้อยเขาก็ทำหน้าเจ็บปวดราวกับว่าตนเองเป็นผู้ได้แผลเสียเอง แต่การที่เขาลงแรงขัดถึงเพียงนั้นหรือเขาลืมไปแล้วว่านางก็รู้สึกเจ็บเป็น “เจ็บหรือไม่” ชายหนุ่มเงยหน้ามองนาง ดวงตาของชายหนุ่มไม่มีแววตาอ่อนโยนเหมือนน้ำเสียงที่กล่าวออกมา เหมือนกับรอยยิ้มที่ไม่อาจไปถึงดวงตา “ไม่เจ็บ!” นางกัดฟันพูดแม้ว่าดวงตากลมโตในยามนี้จะเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา “เจ็บก็ต้องทน อีกไม่นานก็หายแล้ว อีกเดี๋ยวก็จะสะอาดเหมือนเดิม!” คำพูดที่หลี่เฉินเย่นกล่าวมาเหมือนจะเอ่ยพูดให้นางฟังและตนเองฟังไปด้วย ชายหนุ่มออกแรงขัดตัวของนางมากขึ้น ทั้งยังจับนางพลิกกายหันหลังและขัดหลังของนางอย่างแรงจนเกิดรอยแดงห้อเลือด เมื่อแช่ในน้ำอุ่นเช่นนี้ก็ทำให้มีเลือดไหลซึมออกมาและแดงเถือกไปทั่ว น้ำตาของนางค่อยๆไหลออกมาแต่นางก็เช็ดออกไปอย่างรวดเร็วและกัดหันกลั้นเสียงสะอื้นไว้ หลังจากถูกกระทำเช่นนี้สติของนางก็ค่อยๆแจ่มชัดมากขึ้น แรกเริ่มนางรู้สึกเวียนหัวแต่ก็ยังมีสติอยู่จนกระทั่งเสี่ยวหว่านเอาน้ำมาให้นางดื่ม หลังจากที่นางดื่มน้ำนั่นเข้าไปแล้วก็ค่อยๆรู้สึกดีขึ้น แต่ทว่ากลับรู้สึกเวียนหัวหนักมากขึ้นจนในที่สุดแม้แต่เปลือกตาก็ลืมไม่ขึ้นและหมดสติไปในที่สุด จากนั้นนางก็รู้สึกว่ามีใครไม่รู้ปีนขึ้นมาบนเตียงของนางและรู้สึกว่ามือของจูเก๋อหมิงวางลงบนร่างของตน แต่ทว่านางกลับไร้เรี่ยวแรงที่จะเปิดเปลือกตาของตนเอง ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นการจัดฉากของใครแต่เสี่ยวหว่านเป็นผู้ให้ความร่วมมืออย่างไม่ต้องสงสัย! ดวงตาของหญิงสาวค่อยๆเย็นเยียบขึ้น ความอ่อนโยนของนางมีไว้สำหรับคนดีเท่านั้น แต่ผู้ใดที่มันกล้าลงมือทำร้ายนางก่อนก็อย่าหาว่านางใจร้ายก็แล้วกัน!
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 149 เสื้อยุ่งหยิง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A