ตอนที่152 ในใจถือสา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่152 ในใจถือสา
ต๭นที่152 ในใจถือสา เชียนซานผลักนางล้มลงไปอีกที ทำให้ฉ่ายเวินที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวล้มลงไปทันทีน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ที่ตาไหลออกมาทันทีและมองเชียนซานอย่างกลัวๆจากนั้นเธอก็ไม่ลุกขึ้นและรีบพูดอธิบายอย่างน่าสงสาร: “เชียนซานเจ้าเข้าใจผิดแล้วล่ะ พี่สาวข้าบอกเจ้าใช่ไหมว่าข้าวางยาใส่นาง?ขอให้เจ้าไปอธิบายกับนางหน่อยได้ไหมว่าข้าไม่ได้ทำจริงๆข้าเสียท่านแม่ไปตั้งแต่ยังวัยเยาว์ท่านพ่อก็มาเสียไปอีกข้ามีแค่ศิษย์พี่และพี่สาวข้ารักพวกเขาแล้วข้าจะไปทำร้ายพี่สาวได้อย่างไรกัน?” เชียนซานมองนางอย่างน่าสมเพศ “แสดงเก่งจริงๆเลยนะเจ้าน่ะ เดี๋ยวข้าจะตบเจ้าให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!” หลวี่หนิงโกรธขึ้นมาจริงๆแล้วและรับไปพยุงฉ่ายเวินลุกขึ้นมาจากนั้นก็ตะโกนด่าเชียนซานอย่างโมโห: “เจ้าบ้าพอหรือยัง?หลักฐานสักอย่างก็ไม่มีแล้วยังมาอลาวาดที่ตำหนักคนอื่นอีก เจ้ามีฝีมือการต่อสู้ที่เก่งกาจก็เลยใช้ความสามารถของตัวเองมาทำร้ายคนอื่นแบบนี้เหรอ?บอกว่าคนอื่นกลั่นแกล้งพวกเจ้า ข้าว่านะพวกเจ้านั่นแหละที่กำลังกลั่นแกล้งนางอยู่ เชียนซานข้าผิดหวังในตัวเจ้าจริงๆ!” เขามองฉ่ายเวินและถามอย่างเป็นห่วงเป็นใยว่า: “ฉ่ายเวิน ไม่เป็นไรใช่ไหม?บาดเจ็บที่ใดหรือเปล่า?” ฉ่ายเวินส่ายหัว “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ขอบคุณเพคะ คุณชายหลวี่!” เชียนซานเห็นว่าหลวี่หนิงช่วยฉ่ายเวินไฟแห่งความแค้นก็ลุกโชนขึ้นทันทีและตะโกนอย่างเดือดดาลว่า: “ใช่สิข้ามันเหมือนหมาบ้า ส่วนนางก็เป็นนางฟ้า หลวี่หนิงเชิญเจ้าเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวต่อไปเถอะนะ วันหลังก็อย่ามาหาข้าอีกล่ะ!”พูดจบนางก็กลับหลังหันและเดินจากไปเลย! หลวี่หนิงก็ตอบกลับไปว่า: “เจ้าวางใจได้ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่พูด ข้าก็ไม่ไปหาเจ้าอยู่แล้ว เจ้ามันบ้าไม่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเลย!” เชียนซานโกรธจนแทบจะฆ่าคนได้เลย นางเก็บหินขึ้นมาก้อนหนึ่งและโยนใส่หลวี่หนิง ฉ่ายเวินกรีดร้องอย่างตกใจแต่ก็ยังไปบังหน้าหลวี่หนิงไว้ไม่ให้โดนหินนางใช้หลังรับหินก้อนนั้นไว้ นางล้มลงไปที่อ้อมกอดของหลวี่หนิงจากนั้นเขาก็รีบยื่นมือไปรับนางไว้สีหน้าตื่นตระหนกตกใจ เขาไม่ทันได้ด่าเชียนซานและก้มหน้าลงถามว่า: “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?เจ็บที่ใดหรือไม่?” สีหน้าฉ่ายเวินเจ็บปวดมากน้ำตาไหลออกมาไม่หยุดและกัดฟันพูดว่า: “ไม่เจ็บเจ้าค่ะไม่เป็นไร ท่านอย่าไปโทษนางเลยเจ้าค่ะ!” หลวี่หนิงพยุงนางขึ้นมาและโกรธจนตัวสั่น เขาด่าเชียนซานไปว่า: “เจ้ามันบ้าไปแล้ว!”จากนั้นก็อุ้มฉ่ายเวินเข้าห้องประทับไป! เชียนซานมองดูแผ่นหลังของหลวี่หนิงที่เดินจากไป นางกระทืบเท้าขอบตานางแดงขึ้นมาเรื่อยๆ นางอยากจะพุ่งไปและตบหน้าหลวี่หนิงแรงๆสักฉากแต่นางต้องอดทนเอาไว้จากนั้นนางก็หันหลังและเดินออกไปเลย! เชียนซานกลับมาที่ตำหนักฉ่ายเหว่ยมองเห็นชูเซี่ยก็ยิ่งกลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่และนางก็ร้องไห้ออกมาทันที นางเป็นแบบนี้แล้วก็ทำเอาชูเซี่ยตกใจเอามากๆ ชูเซี่ยรีบถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางทันที เชียนซานพูดสิ่งที่หลวี่หนิงทำกับนางออกมาทั้งหมดนางกัดฟันพูดว่า: “ข้าจะไม่ไปเจอเพื่อนชั่วคนนี้อีก เห็นหญิงสาวดีกว่าเพื่อน!” ชูเซี่ยถามอย่างสงสัยว่า: “เจ้าบอกว่าหลวี่หนิงด่าเจ้าเพื่อฉ่ายเวินงั้นเหรอ?จากนั้นก็อุ้มนางเข้าห้องประทับไป?” เชียนซานตอบอย่างแค้นเคือง: “ใช่เจ้าค่ะ พวกเขาสวีทหวานกันจนคนอิจฉา!” ชูเซี่ยหัวเราะ “พวกเขาหวานกัน ทำไมเจ้าต้องโกรธด้วยเล่า?” เชียนซานนิ่งไปสักพักและตอบไปว่า: “ข้าแค่โกรธเขาที่ไม่แยกเรื่องดีชั่วออกมา เขาอยากจะหวานกับใครนั่นมันก็เรื่องของเขา ข้าจะโกรธอะไรกัน?” “แต่ว่าเจ้ากำลังโกรธอยู่ เจ้าไม่ได้โกรธเพราะฉ่ายเวินแกล้งทำเป็นน่าสงสารแต่เจ้าโกรธที่นางกับหลวี่หนิงสวีทหวานกัน เจ้าโกรธหลวี่หนิงที่ไปเป็นห่วงนางมากกว่า เจ้าโกรธที่หลวี่หนิงด่าเจ้าเพราะนาง……” เชียนซานรีบลุกขึ้นทันทีตาเบิกกว้างขึ้น “หยุดเลยเจ้าค่ะ ทำไมนายหญิงถึงพูดเช่นนี้ล่ะเจ้าค่ะ?ท่านฟังที่ข้าเล่าไปแล้วไม่โกรธเลยเหรอเจ้าค่ะ?เขาเปลี่ยนข้างและไปช่วยฝ่ายศัตรูแทนท่านไม่โกรธจริงเหรอเจ้าค่ะ?ที่ข้าโกรธก็สมเหตุสมผลแล้วนะเจ้าค่ะ!” ชูเซี่ยยื่นมือไปชงชาและพูดว่า: “เปลี่ยนข้าง?ไม่ขนาดนั้นหรอก เขาไม่เชื่ออยู่แล้วว่าฉ่ายเวินเป็นคนร้ายที่วางยา!” “ทำไมเขาไม่เชื่อล่ะเจ้าค่ะ……” “งั้นทำไมเขาต้องเชื่อพวกเราด้วยล่ะ?”ชูเซี่ยเงยหน้ามองเชียนซาน ยื่นมือไปแตะไหล่นางให้นั่งลงและเริ่มต้นพูดว่า: “เชียนซาน ตลอดทางที่พวกเราเดินมา พวกเราต้องเจอทั้งลมฝนพายุที่รุนแรง พวกเรารักกันดั่งพี่น้องดังนั้นตอนนี้ใจเราตรงกัน ข้าต้องถูกใส่ร้าย ถูกวางยาพิษ เจ้าก็อยู่ช่วยข้าตลอดเพราะว่าพวกเราเคยมีความทรงจำร่วมกันมาตลอดแต่ว่าหลวี่หนิงไม่มี หลวี่หนิงกับพวกเราไม่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขนาดนี้พูดตามตรงแล้วเขาก็แค่คนนอกคนหนึ่ง เจ้าเข้าใจใช่ไหม?” เชียนซานมองนางอย่างอึ้งๆและพูดเสียงสั่นๆว่า: “คนนอก?เขาเป็นแค่คนนอก?”พูดจบ นางก็ยิ้มมุมปากอย่างเจ็บปวด “ใช่สิพูดแล้ว เขาก็แค่คนนอกคนหนึ่งเป็นคนนอกที่เลวมาก!” ชูเซี่ยก็ยกถ้วยชาขึ้นมาและนั่งคิดอยู่สักพัก นางก็ถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดอีกครั้ง เชียนซานก็สงบจิตสงบใจลงและพูดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ชูเซี่ยฟัง ท้ายสุด ชูเซี่ยก็ยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจและมองเชียนซานพร้อมพูดว่า: “ถ้าเกิดว่ามีวันหนึ่ง เจ้าแต่งงานแล้ว หลวี่หนิงเป็นชายที่คู่ควรกับเจ้าอยู่เหมือนกันนะ!” เชียนซานตอบกลับว่า “ข้าไม่มีทางแต่งงานกับเขาหรอก ถ้าจะแต่งงานจริง ข้าไปแต่งกับหมูหมายังดีว่าแต่งงานกับเขาเสียอีก!” ชูเซี่ยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเลห์ หว่านเหนียงไปสืบความมาได้อย่างรวดเร็วนางพูดข้างหูชูเซี่ยเบาๆว่า: “เป็นไปอย่างที่ท่านหมอเวินเดาเลยเจ้าค่ะ วันนั้นมีทหารโดนตีจนสลบเจ้าค่ะและยังถูกขโมยเสื้อผ้ากับรองเท้าบูทไปอีกเจ้าค่ะแต่เพราะว่าตอนนั้นในวังกำลังกลหล เขาเลยไม่กล้าพูดเรื่องนี้ออกไป เขาแค่พูดเรื่องนี้กับเพื่อนสนิทของเขาเท่านั้นและบ่าวก็มีบุญคุณต่อทหารนายนั้นพอได้ยินว่าบ่าวกำลังสืบเรื่องนี้อยู่ก็แอบมาบอกให้บ่าวเจ้าค่ะ!” “เป็นเรื่องจริงสินะ!”สายตาชูเซี่ยเปลี่ยนไปแต่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่นางคิดไม่ออก ถ้าเกิดว่าฉ่ายเวินแต่งเป็นทหารแล้วแอบลอบเข้ามาในตำหนักฉ่ายเหว่ย ทำไมคนด้านนอกถึงไม่ขัดขวาง?เพราะว่าตอนนั้นท่านราชครูกับหลี่อวิ๋นลี่วางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้วน่าจะไม่อนุญาติให้ใครเข้ามาในนี้สิ ถ้าเกิดว่าคนนั้นเป็นฉ่ายเวินจริง นางใช้วิธีไหนเข้ามากันแน่?เวลานั้นฮ่องเต้ถูกวางยามันเป็นเวลาที่ราชครูคิดไว้ นอกจากว่ายาพิษออกฤทธิ์ก่อน! ฉ่ายเวินช่างเป็นนักวางยาที่เก่งกาจเหลือเกินแต่ว่าตอนนั้นนางไม่ได้เข้ามาในนี้แล้วทำให้อดีตฮ่องเต้โดนยาพิษได้อย่างไร? ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมองหว่านเหนียงพร้อมกับถามว่า: “หว่านเหนียงถ้าสมมุติว่าข้าจะวางยาพิษคนๆหนึ่งแต่ว่าข้าแตะต้องตัวเขาไม่ได้อีกอย่างคนผู้นั้นยังห่างจากห้องข้าไปหนึ่งห้อง ถ้างั้นเจ้ามีทางที่จะวางยาใส่เขาไหม?” หว่านเหนียงขมวดคิ้วและนั่งคิดสักพักแลพพูดว่า: “ท่านหมอเวินมีวิธีสิค่ะ ท่านรอบ่าวสักแป๊บนะเจ้าค่ะ!”พูดจบนางก็เดินออกไป ชูเซี่ยไม่รู้ว่านางจะทำอะไรแต่ว่าเห็นสีหน้าที่มั่นใจของนางและนางอาจจะมีวิธีก็ได้ หว่านเหนียงเข้ามาในห้องอีกครั้งแต่ว่าในมือก็ถือหลอดไม้ไผ่เข้ามาหลอดไม้ไผ่นี้มีความสั้นยาวแค่สิบเซนมันเล็กมาก หว่านเหนียงยื่นให้ชูเซี่ยและพูดว่า: “นี่เป็นหลอดสามารถใช้หลอดไม้ไผ่นี้เป่าเศษผงพิษเข้ามาได้!” ชูเซี่ยนั่งอึ้งและตบหัวตัวเองไปทีหนึ่งพร้อมกับพูดว่า: “ใช่สิเมื่อก่อนข้าดูละครต่อสู้กันที่โรงละครก็มีฉากนี้ ทำไมข้าถึงลืมไปได้เนี่ย สมองข้านี้มันถูกนายท่านเหมาเตะมาแน่เลยถึงลืมบ่อยขนาดนี้!” “นายท่านเหมา?มันคือลาเหรอเจ้าค่ะ?ท่านโดนเตะมาเหรอเจ้าค่ะ?” ถึงแม้ว่าชูเซี่ยอยากจะหัวเราะมากเพียงใดแต่ว่าก็ยิ้มไม่ออกถ้าเกิดว่าวันนั้นฉ่ายเวินลอบสังหารฮ่องเต้จริงจากนั้นก็เอาดาบสั้นเล่มนั้นมาไว้ที่มือของนาง ถ้าอย่างงั้นนางก็เจ้าเลห์มากเลยนะเนี่ย ข้าพูดจริงจังกับหว่านเหนียงว่า: “ข้าให้เจ้าไปสืบความมาอีกเรื่อง เจ้าอย่าพูดเรื่องนี้ให้ผู้ใดฟังเด็ดขาด เจ้าก็ต้องไปเตือนทหารสองนายนั้นด้วยว่าเรื่องนี้รู้แค่พวกเราสี่คนก็พอแล้ว อย่าให้คนที่ห้ารู้เด็ดขาด!” หว่านเหนียงก็จริงจังขึ้นมาเช่นกันพร้อมกับพูดว่า: “ท่านหมอเวิน เรื่องที่ท่านสั่งให้ตายอย่างไรบ่าวก็จะไม่พูดออกไปเด็ดขาดเจ้าค่ะ!” หว่านเหนียงเดินออกมา ชูเซี่ยก็จัดการกับความคิดตัวเองและวางแผน นางรู้ว่าถ้าเป็นฉ่ายเวินวางแผนเรื่องนี้คนเดียวทั้งหมดคงไม่ไหว นางต้องมีคนช่วยแน่ หลี่ซี่?หลี่ซี่เป็นคนที่น่าสงสัยที่สุดเพราะว่าเขารักฉ่ายเวินถึงแม่จะรู้ว่าฉ่ายเวินไม่รักเขาแต่ความรักบางครั้งก็ทำให้คนตาบอดได้และอาจจะทำเรื่องที่โง่ที่สุดออกมาก็ได้ นอกจากหลี่ซี่และหลิงกุ้ยไท่เฟยก็มีโอกาสเป็นไปได้ นางเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นและฉ่ายเวินก็สังเกตใจของคนเป็น นางมองออกว่าหลิงกุ้ยไท่เฟยต้องการอะไรก็ไปเลียแข้งเลียขานางจากนั้นก็หลอกใช้นาง อำนาจของหลิงกุ้ยไท่เฟยล้นเหลือและยังบวกกับหน้าที่การงานและตำแหน่งของท่านพ่อนาง ถ้านางจะทำอะไรก็ง่ายขึ้น กำลังคิดอยู่นั้น หลี่เฉินเย่นก็เดินเข้ามา ตั้งแต่เกิดเรื่องคืนนั้นขึ้นเขาพึ่งเหยียบเข้ามาในตำหนักฉ่ายเหว่ยเป็นครั้งแรก สีหน้าเขาเริ่มไม่ดีใต้คล้ำๆขอบตาดำๆนัยน์ตาสะลืมสะลือเหมือนกับว่าสองวันมานี้เขาไม่ได้นอนเลย เขามองชูเซี่ยค้างไว้และยื่นมือไปกระชากนางเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอดจากนั้นก็ถอดหายใจและพูดว่า: “หว่านเหนียงบอกว่าช่วงนี้เจ้าไม่กินข้าว เจ้าไม่อยากอาหารเหรอ?” ในใจของชูเซี่ยรู้สึกน้อยใจที่สองวันมานี้เขาไม่มาหาตัวเองเลย นางรู้สึกเสียใจ นางแค่อยากให้พื้นที่ส่วนตัวกับเขาให้เขาสงบจิตใจลงมาและคิดเรื่องทั้งหมดดีๆ วันนี้ที่เขามาหาก็เป็นเพราะเขาคงเป็นห่วง ความคิดถึงของตลอดสองวันมานี้ก็เผยออกมา ขอบตานางเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆและพูดเสียงสั่นว่า: “คิดถึง!” หลี่เฉินเย่นถอนหายใจและใช้คางเท้ากับบนหัวนางไว้และพูดว่า: “ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน?” ความคิดถึงเป็นเหมือนดั่งยาพิษมันจะเข้าสู่ร่างกายจิตใจวิญญาณอย่างช้าๆและในเวลาสั้นๆเพียงแค่สองวันทั้งสองก็ผอมลงไปเยอะมาก หลี่เฉินเย่นจับมือนางไว้และบอกเรื่องบ้านเมืองของตลอดสองวันมานี้กับนาง บรรยากาศช่างแสนอบอุ่นมาก แต่ว่าชูเซี่ยรู้สึกว่าเขานั้นรักษาระยะห่างกันตัวเองเอาไว้ สายตาที่เขามองนางมัยเปลี่ยนไปแต่ในสายตานั้นยังคงมีความอบอุ่นที่ใกล้จะหายไปช้าๆ เขายังคงสงสัยอยู่ ถ้าเรื่องนี้ไม่สืบจนรู้เรื่อง เขากไม่มีทางปล่อยวางแน่นอน! ถ้าเป็นแบบนี้แล้วชูเซี่ยยิ่งมั่นใจขึ้นมาว่านางจะสืบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด นางไม่อยากถูกใส่ร้ายแบบนี้ ถ้าหญิงใดไม่บริสุทธิ์เป็นความผิดที่หนักมากไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาอดีตหรือปัจจุบันก็เป็นเรื่องที่น่าเกียจ หลี่เฉินเย่นบอกว่าตอนนี้เฉินหยวนชิ่งกลับเข้าเมือง ชูเซี่ยถามกลับไปว่า “อ้อ เขากลับเข้าเมืองมากี่วันแล้ว?ข้าไม่เจอกับเขามานานแล้ว!” “เป็นเวลาครึ่งเดือน เวลาช่วงนี้เขาเตรียมตัวเพื่อฝึกซ้อมอยู่!”เรื่องที่หลี่เฉินเย่นกับชูเซี่ยพูดวันนี้มีแต่เรื่องการเมือง เรื่องของตัวเองกลับไม่พูดเลย ทั้งสองดูเหมือนพูดกันมานานแล้วแต่เรื่องจริงนั้น นางไม่อาจรู้ได้ว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่ เขาก็ไม่คิดจะไปเดาว่าตอนนี้นางคิดอะไรอยู่ นี้คงจะเป็นดั่งสุภาษิตที่ว่าเจอหน้ากันแล้วแต่กลับพูดไม่ออกสักคำ!
已经是最新一章了
加载中