ตอนที่ 155 ปล่อยนางออกวัง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 155 ปล่อยนางออกวัง
ต๭นที่ 155 ปล่อยนางออกวัง อาหารส่งมา เสียวไฉกับข้ารับใช้คนอื่นนำอาหารมาแล้วก็ยื่นอยู่ข้างๆ หลี่เฉินเย่นตักอาหารให้นางและพูดว่า: “กินสิ!” ชูเซี่ยส่ายหัว “ข้าไม่หิว!” หลี่เฉินเย่นเปลี่ยนสีหน้าและออกคำสั่ง: “กินเข้าไป นี่เป็นคำสั่ง!” ชูเซี่ยเงยหน้ามองเขาและมองเห็นสายตาที่โกรธของเขา แสงเทียนที่ส่องกระทบที่ใบหน้าของเขาก็เห็นสีหน้าที่เย็นชาของเขาชัดขึ้น นางตกใจอึ้งสักพักก็ตอบว่า: “เพค่ะ!” นางยกตะเกียบขึ้นมาก้มหน้าและคีบอาหารที่เข้าส่งมากิน นางกินเร็วมาก นางยัดอาหารเข้าปากไม่หยุด ความจริงแล้วนางไม่อยากโกรธเขาแต่ว่าเขากลับมาพูดประชดนางว่ากินซะนี่เป็นคำสั่ง ใช่สิ ความสัมพันธ์ระหว่างเราตอนนี้มันก็แค่ฮ่องเต้และประชาชนต้อยต่ำ นี่เป็นอาณาจักรของเขา เขาว่ายังไงนางก็ต้องฟัง เขามองรางค้างไว้ สายตามีแต่ความโกรธและทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นมายื่นมือไปและแย่งตะเกียบในมือนางมาโยนลงพื้นและตะโกนไปอย่างโมโหว่า: “ไม่ต้องกินแล้ว!” ชูเซี่ยก็เก็บขึ้นมาและกินมันต่อ ทำเหมือนกับว่าเขาไม่อยู่ นางกินเร็วมากเร็จจนกระเพาะเจ็บ นางถึงจะหยุดกินเริ่มรู้สึกว่ากระเพาะนางเจ็บจี๊ด นางรีบนั่งลงที่พื้นจับท้องตัวเองไว้และอ้วกออกมาไม่หยุด หลี่เฉินเย่นปัดอาหารที่อยู่บนโต๊ะลงพื้นหมดและตะโกนไปข้างนอกคนที่อยู่ด้านนอกก็รีบเข้ามาพอเห็นว่าฮ่องเต้โกรธโมโหอย่างมากทุกคนก็คุกเข่าลงพื้นไป สีหน้าที่เย็นชาของหลี่เฉินเย่นทำเอาทุกคนกลัวแต่ในความเย็นชานี้ยังมีความสงสารแฝงอยู่แต่ว่าเขาก็ใช้ความโกระเข้ามาแทนและเขาก็พูดไปว่า: “ชูเซี่ย เจ้านี้มันเป็นผู้หญิงที่ควรไปลงนรกซะ!” ชูเซี่ยยังคงอ้วกไม่หยุด ความเหม็นเปรี้ยวยังคงอบครวญอยู่ที่คอนางไม่หายของที่นางกินไปเมื่อสักครู่ก็อ้วกออกมาเสียหมดแต่ว่ากระเพาะนางก็ยังเจ็บจี๊ดอยู่ เสียวไฉเข้ามาอยากจะเข้าพยุงนางแต่ก็ถูกหลี่เฉินเย่นห้ามไว้และพูดว่า: “ออกไปให้หมดเลยไม่มีคำสั่งของข้าก็อย่าเข้ามา!” เสียวไฉรีบก้มหัวและพูดว่า: “ฝ่าบาท ร่างกายของนายหญิงไม่ค่อยสบายมาหลายวันแล้วเพค่ะ โปรดฝ่าบาทเมตตา อย่าทรมาณนานน้อยเลยเพค่ะ!” หลี่เฉินเย่นนิ่สักพักก็เอาความโกรธลงใส่เสียวไฉทั้งหมดเขาพูดไปว่า: “ทำไม?เจ้ากำลังช่วยนางงั้นเหรอ?พวกเจ้านี้มันเป็นนายบ่าวที่รักกันซะจริงนะ ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่รู้นะว่าใครเป็นเจ้านานของวังนี้หรือจะให้ข้าใช้คนลงโทษเจ้าโดยการเฆี่ยนดีถึงจะรู้ว่าใครเป็นนายของที่นี้?” เสียวไฉ่กลัวจนตัวสั่นและทำได้แต่ก้มลงกราบ: “โปรดฝ่าบาทเมตตา บ่าวผิดไปแล้วบ่าวไม่ได้หมายความเช่นนั้นเพค่ะ โปรดฝ่าบาทเมตตา!” ชูเซี่ยจับอกตัวเองยื่นมือไปและเช็ดมุมปาก ทำใจสงบและพูดว่า: “เจ้าไม่ต้องไปใส่อารมณ์ใส่นางหรอก?นางเป็นแค่เด็กสาวไม่รู้อะไร ถ้ามีเรื่องอะไรไม่พอใจก็ลงใส่ข้าเถอะ!” หลี่เฉินเย่นเห็นสีหน้านางซีดขาว ผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายที่ไม่มีแรง ความโกรธบนใบหน้าเขาก็ได้หายไปสายตาแค้นก็หายไปด้วย เขาสงบลงและพูดอย่างเจ็บปวดว่า:“ขนาดข้ารับใช้เจ้ายังไม่ยอมให้ข้า ยังว่า แต่เจ้ากลับยอมให้ข้าเจ็บปวดใจ” ชูเซี่ยลุกขึ้นมาและเดินไประหว่างที่เดินนั้นมีเศษจานที่แตกลงพื้น เศษถ้วยที่แหลมคมแทงทะลุเข้าไปในรองเท้าผ้าของนาง เศษนั้นแทงทะลุเข้าเท้านางลึกมากจนเลือดไหลออกมา แต่ในแสงไฟที่สลัวๆเขากลับไม่เห็นเลือดที่เท้านางเลยแต่เห็นแค่ว่านางเดินเข้ามาหาเขาเรื่อยๆเดินมาจนถึงหน้าเขา เขาก็ยื่นมือไปและกอดเขาเอาไว้จากนั้นก็พูดว่า: “คนสองคนอยู่ด้วยกันต้องมีความสุขแต่ระหว่างเราช่วงเวลานั้นมันได้หายไปแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจทำให้เจ้าเจ็บปวดแต่เจาตั้งใจทำให้ข้าเจ็บปวด แต่ช่างมันเถอะว่าเจ้าจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ความห่างระหว่างเราก็ได้เกิดขึ้นแล้วและยังไม่สามารถหายไปได้ ระหว่างเรามีจุดเริ่มต้นแล้วก็ต้องมีจุดจบ!” เขารีบถามกลับไปต่อว่า “จุดจบพวกเราคืออะไร?” ชูเซี่ยผละออกจากอ้อดกอดเขาและมองเขาสายตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับเสียงเย็นชาที่ฟังแล้วถึงกับขนลุก“เจ้ารู้” สีหน้าหลี่เฉินเย่นเริ่มเศร้าขึ้นสายตาที่ชูเซี่ยมองเขาก็เย็นชาขึ้นมาก“ข้าสั่งให้คนตรวจสอบอาหารถ้วยช้อนและทั้งหมดของวันนั้นแล้ววันนี้เจ้าเป็นอะไรอีก?” “ฝ่าบาทตรวจไม่เจอยาพิษใช่หรือไม่เพค่ะ?”ชูเซี่ยถามต่อ หลี่เฉินเย่นทำหน้ารำคาน“ใช่ของทุกอย่างที่ข้าตรวจไม่มียาพิษขนาดน้ำในคืนนั้นที่เจ้าดื่มของที่เจ้าสัมผัสข้ายังสั่งให้คนตรวจเลยแต่มันไม่มียาพิษ คืนนั้นของที่จูเก๋อหมิงเคยจับยังไม่มียาพิษเลย ทั้งหมดนี้มันแสดงได้ว่าวันนั้นพวกเจ้าไม่ได้ถูกวางยา!” ชูเซี่ยนึกไว้อยู่แล้วว่าถ้านางมีความสามารถในการวางยาก็ต้องมีความสามารถในการทำความสะอาดทุกอย่างด้วยแต่นางทำเร็วมากจนทำเอานางตกใจที่หลี่เฉินเย่นตรวจสอบมันอยู่ในคืนนั้นเลยนางวางยาพิษทั่วเลยแต่นางก็เก็บกวาดได้เร็วมาก ถ้าคนที่ถูกวางยาใช่ตัวเองถ้าเช่นนั้นชูเซี่ยจะลุกขึ้นตบมือเลย หน้าขาวเรียวของหลี่เฉินเย่นเริ่มเปลี่ยนไป เขามองนางด้วยสายตาที่เย็นชา พูดว่า: “ข้ามีความหวังกว่าเจ้าเสียอีกว่าจะตรวจเจอยาพิษอะไร ข้าหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราจะเหมือนเดิมแต่ว่าชูเซี่ยหลักฐานทั้งหมดมันชี้ว่าเจ้าเป็นคนโกหกข้าทรยศข้า!” เขามองนางเงียบๆขนาดเสียงก็เริ่มอ่อนโยนขึ้นแต่เนื้อหาที่เขาพูดกับนางมันเหมือนธนูที่แทงลงใจชูเซี่ยจนทะลุแต่ว่าชูเซี่ยก็รู้ว่าธนูนี้แทงทะลุเข้าหัวใจนางก็แทงทะลุเข้าหัวใจเข้าเช่นกัน “ข้าบอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไรขอแค่เจ้าอยู่กับข้าก็พอหัวใจเจ้าไม่อยู่ที่นี้ก็ไม่เป็นไร ข้าเคยเสียเจ้าไปครั้งหนึ่งสองครั้งข้าจะไม่ยอมเสียเจ้าไปเป็นครั้งที่สามอีก”สายตาของเขาโศกเศร้าและพูดต่อว่า :“แต่ว่าข้าไม่สามารถที่จะหลอกตัวเองได้อีกแล้วชูเซี่ย ข้าลืมไม่ได้เรื่องที่เห็นระหว่างเจ้ากับเขาที่อยู่บนเตียงเสื้อผ้ารุดหลุ่ย ภาพนี้ปรากฏขึ้นทุกครั้งที่ข้าอยู่ที่ประชุม ห้องหนังสือ โต๊ะกินข้าวก็ปรากฏมาเรื่อยๆ ข้ามันเป็นคนจำแลวไม่ลืมข้าใจน้อยยิ่งนัก ข้าเคยคิดที่บอกกับตัวเองว่าวันนั้นเจ้าเคยเห็นข้ากับมี่เหอคนล่ะครั้งถือว่าเสมอโมฆะ ครั้งนั้นเจ้ายกโทษให้ข้า ทำไมครั้งนี้ข้าจะยกโทษให้เจ้าไม่ได้?ข้าลองพูดกับตัวเองให้ปล่อยวางพอเริ่มมาสองวันข้าคิดว่าตัวเองจะทำได้ ข้าอยู่ข้างเจ้ามองดูเจ้ากินข้าวแต่ว่าในสมองก็คิดว่าเจ้ากับเขาเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่?เจ้ารักเขามากกว่าหรือข้ามากกว่า?เจ้ากับเขาจะกลับมาหากันอีกไหม?ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะไม่เห็นหน้ากันแล้วเจ้าจะคิดถึงเขาไหม?เห็นเจ้าเหมอลอยข้าแทบเป็นบ้านึกว่าเจ้ากำลังคิดถึงเขาอยู่ ชูเซี่ย ข้าหึงจนจะเป็นบ้าเจ้ารู้บ้างไหม?สุดท้าย ข้าทำไม่ได้ที่จะทำเหมือนเรื่องทุกอย่างนี้ไม่เคยเกิดขึ้น...... เสียงของเขาต่ำลงเรื่อยๆสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ชูเซี่ยกลั่นน้ำตาไว้สุดชีวิตเห็นหลี่เฉินเย่นเป็นแบบนี้นางก็สงสารมาก นางรักเขาสุดหัวใจถึงแม้ว่าจะบอกกับตัวเองว่าอย่าไปอ่อนไหวต่อความอ่อนโยนของเขาอีกแต่ความรักที่มีให้เขาในตอนนี้มันลบออกไปจากหัวใจไม่ได้เลย สุดท้ายนางก็กลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่ นางส่ายหัวและพูดทั้งน้ำตาว่า:“ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ข้าไม่เคยรักเจ้าเลย!” หลี่เฉินเย่นมองนางและพูดว่า:“ดูสิขนาดข้าเห็นเจ้าเสียน้ำตาข้าก็เจ็บปวดใจมากแล้ว เจ้าบอกว่าเจ้าไม่เคยรักข้าเลย เจ้าก็พิสูจน์ให้ข้าเห็นสิว่าเหตุการณ์นั้นเกิดจากการใส่ร้ายเป็นการวางแผนมาอย่างดีถึงแม้ว่าจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดข้าก็ยอมรับได้!” “ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นแต่ว่าไม่ใช่เพื่อให้พวกเราเดินทางต่อไปความจริงแล้วระหว่างพวกเราน่าจะเดินมาสุดทางแล้วล่ะ เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแล้วข้าไม่อยากบังคับให้เจ้ามาเชื่อข้าเพราะว่าเจ้าเห็นมากับตาและข้าก็ไม่มีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่าข้าบริสุทธิ์จริงจะให้เจ้าไม่เชื่อตาตัวเองก็ไม่ได้แต่ว่าเฉินเย่นมันก็ถูกที่เจ้าพูดมาทั้งหมดข้าเคยเห็นเจ้าและโหร่วยเฟยอยู่ด้วยกันหนึ่งครั้งข้าอภัยให้เจ้า เจ้าคิดว่าจะมีครั้งต่อไปเหรอ?ถ้ามีวันหนึ่งข้าพิสูจน์ตัวเองได้ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็ควรรู้ว่าความรักมันไม่มีการยกเว้นใดๆทั้งสิ้น เจ้าไม่ยอมข้าก็ไม่ยอมเช่นกัน” ชูเซี่ยพูดอย่างเย็นช้า หลี่เฉินเย่นส่ายหัวเขาพูดตอบว่า:“ข้าทำผิดต่อมี่เหอมามากชีวิตนี้ข้าอยากจะทดแทนนาง” เขาพูดแบบนี้กะทันหันทำเอาชูเซี่ยอึ้งแต่นางก็ตอบกลับไปเร็วมากว่า:“ขอให้เจ้าโชคดี!” หลี่เฉินเย่นมองนางนานมากถึงจะปริปากพูดต่อว่า:“เจ้าก็เช่นกัน รักษาตัวเองด้วยถ้าเจ้าอยากออกจากวังข้าก็จะอนุญาติ!”พูดจบเขาก็ไม่มองชูเซี่ยอีกเลยและก็กลับหลังหันเดินไปทันที ชูเซี่ยรู้สึกเจ็บปวดหัวใจนางนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง นี่เขาออกคำสั่งกับข้าแล้วเหรอ?จะให้นางออกไปจากวังจริงเหรอ?เขามองไปออกเหรอว่านางไม่อยากไป?ล้วที่เขาพูดเรื่องทั้งหมดเมื่อกี้หมายความว่าอย่างไร? นางทนไม่ได้จนสุดท้ายร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดหัวใจ หลี่เฉินเย่นเดินออกมาจากตำหนักฉ่ายเหว่ยด้านหลังมีจงเจิ้งเดินตามเขามาออกจากตำหนักฉ่ายเหว่ยแล้วเดินไปตามทางยาวก็มีเงาเดินผ่านไป หลี่เฉินเย่นหยุดเดินและมองไปรอบๆ “เป็นอย่างไรบ้าง?” คนที่ปรากฏคือทหารลบซ้อนหลางเยว่:“เป็นอย่างที่ท่านคิดไว้ตำหนักฉ่ายเหว่ยมีคนแอบดูตลอด!” “เป็นใคร?เจ้าจำได้ไหม?”หลี่เฉินเย่นรีบถาม หลางเยว่พยักหน้า“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมจำไว้หมดแล้ว กระหม่อมจะสั่งกองกำลังจับตามองคนพวกนี้ให้ดีและก็มีทหารมาบอกว่าวันนี้ทางคุณหนูฉ่ายเวินได้ไปพบกับเฉินหยวนชิ่งทั้งสองคุยกันเกือบชั่วโมงแต่ว่าเราอยู่ไกลเกินเลยฟังไม่ออกว่าพวกเขาพูดอะไรกัน” หลี่เฉินเย่นพูดต่อว่า:“เขาเพราะว่าเฉินอวี่จู๋ตายเขาก็เลยแค้นชูเซี่ย!” จงเจิ้งก็เดินมาและทูลว่า:“ฝ่าบาทยังมีสิ่งที่หว่านเหนียงพูดมาก็ไม่หมดมีหลายเรื่องที่นางไม่ได้ทูล หว่านเหนียงยังเชื่อได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ?” หลี่เฉินเย่นตอบต่อว่า:“ไม่นางซื่อสัตย์ต่อชูเซี่ยและยังเป็นคนของท่านย่านางไม่ทรยศข้าหรอกและก็ไม่ทรยศชูเซี่ยเช่นกัน กลับกันถ้ามีนางอยู่ข้างชูเซี่ยข้าถึงจะวางใจได้!” จงเจิ้งถอนหายใจ“ดีแล้วบ่าวคิดมากไปเอง!” หลี่เฉินเย่นพูดกับหลางเยว่ว่า:“เจ้าสั่งกำลังคนดูการเคลื่อนไหวของฉ่ายเวินไว้ให้ดี ดูเฉินหยวนชิ่งและยังมีจูเก๋อหมิงด้วยเช่นกัน!” หลางเยว่ตอบว่า:“พ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเย่นทำสีหน้าเย็นชาและสั่งเสียงแข็งว่า:“ไม่ว่าจะเป็นใครถ้าทำร้ายนางแล้วข้าไม่ปล่อยไว้เป็นแน่ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหรือว่าพี่น้องศิษย์น้องข้าก็ไม่ปล่อยไปเช่นกัน!” จงเจิ้งพูดว่าเป็นห่วงว่า:“งั้นทางโหร่วยเฟย……” หลี่เฉินเย่นทำสีหน้าเศร้าๆและพูดว่า:“ชาตินี้ข้าคงต้องทำผิดต่อนาง!” สมองของหลี่เฉินเย่นมีภาพสีหน้าที่เศร้าโศกและแววตาของชูเซี่ยลอยขึ้นมาหัวใจก็เจ็บจี๊ดมาก การแสดงละครในคืนนี้เขาแสดงได้เจ็บปวดมากเขาสงสารนางแต่ก็แสดงออกมาไม่ได้กลัวคนที่มาสังเกตการณ์เห็นอะไรผิดปกติก็เลยทำได้แต่ทรมาณนาง แต่ว่าคืนนี้ที่พูดมาทั้งหมดบางอันก็ไม่ใช่การแสดงความจริงแล้วหลายวันมานี้ในหัวเขามีแต่ภาพของคืนนั้นทั้งหมดแต่ทั้งหมดนี้ก็เตือนเขาเช่นกันว่าชูเซี่ยไม่ได้นอกใจแค่คนที่ทำร้ายนางชั่วช้ามากเรื่องนี้เตือนเขาว่าต้องหาคนร้ายเจอให้ได้ แต่หลายวันมานี้คำพูดที่คิดมากที่สุดคือคำพูดที่อาจารย์ของชูเซี่ยพูดไว้ว่าชูเซี่ยอยู่ข้างเขาแล้วจะนำพาความหายนะมาได้เพราะว่าคำนี้เขานอนไม่หลับหลายคืนเขาจะให้เกิดเรื่องแบบนี้ไม่ได้เป็นอันขาดดังนั้นถึงแม้ว่าวันนี้ต้องทำร้ายนาง เขาก็ต้องจำใจทำ เขาต้องลากคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้ถึงจะสบายใจได้!
已经是最新一章了
加载中