ตอนที่ 161 สอดแนม   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 161 สอดแนม
ต๭นที่ 161 สอดแนม เรื่องที่ซูเซี่ยออกจากวังหลวง หลี่เฉินเย่นรู้อยู่ก่อนแล้ว เขารู้ไม่อาจต้านทานนางได้ แม้ว่าไม่อยากให้นางออกไป แต่รู้ว่านางและเชียนซานมีความสัมพันธ์ของคนทั้งสองแน่นแฟ้นหยั่งลึก เกิดเรื่องขึ้นกับเชียนซาน นางไม่อาจนิ่งดูดาย ดังนั้นความจริงแล้วคืนนั้นเขาวางแผนให้องค์รักษ์ที่เฝ้าอยู่ที่ประตูข้างถอนตัวออกไป ให้นางออกจากวังอย่างสะดวก เรื่องการป่วยของเชียนซาน เขาได้กำชับสั่งให้ปิดข่าวนี้เป็นความลับ นางเชื่อว่าซูเซี่ยมีความฝีมือเพียงพอที่จะช่วยเชียนซานได้ แต่ว่าเขาไม่อาจให้ผู้ใดล่วงรู้การป่วยของเชียนซาน และไม่อาจให้ผู้คนรอบข้างรู้ว่าซูเซี่ยและผู้ป่วยอย่างเชียนซานอยู่ด้วยกัน เพราะบางเรื่องถึงแม้จะเป็นฮ่องเต้ ก็ไม่มีวิธีที่จะยับยั้ง นั่นคือโรคติดต่อ กฎหมายข้อบังคับ แต่ทุกอย่างที่เป็นโรคบ้าหรือว่าโรคระบาดเหมือนกันหมดต้องส่งไปกักกั้นอยู่บน เกาะร้าง เพราะตอนที่บรรพบุรุษเริ่มก่อตั้งแคว้นไม่นาน เคยเกิดเรื่องคนบ้าไล่ฟันคนที่ถือได้ว่าเป็นเรื่องร้ายแรงขึ้นมาครั้งหนึ่ง ยังผลให้คนกว่าร้อยคนบาดเจ็บล้มตาย ดังนั้นแค่วันเดียวที่เกิดโรคบ้าขึ้นก็มีแนวโน้มที่จะใช้อำนาจบังคับ จักต้องส่งไปกักกั้นที่ เกาะร้าง และหนึ่งปีก่อนที่บรรพบุรุษที่ได้เริ่มก่อตั้งแคว้นเสียชีวิต พื้นที่แถบจี้โจวมีคนเป็นโรคบ้า เวลานั้นหมอต่างพูดกันว่าเป็นโรคติดต่อ แต่ท้องที่ไม่ได้เห็นว่าสำคัญ กระทั่งไม่ได้แยกทำการรักษา ส่งผลให้พื้นที่ขนาดใหญ่ทั่วแคว้นเกิดโรคติดต่อขึ้น ล้มตายไปเกือบสองหมื่นคน ขณะนั้นทั่วแคว้นทั้งราชสำนักและราษฎรล้วนพากันตื่นตะหนกตกใจ ต่างพากันสงสัยว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นโรคติดต่อ สุดท้ายระดับของการคาดเดาก็ถึงขั้นลงมือฆ่าฟันคน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นไม่สามารถที่จะควบคุมได้เลย เมื่อเกิดความวุ่นวายในหมู่ประชาชน บรรพบุรุษจึงออกคำสั่งรวดเดียวลงไปให้เจ้าหน้าที่ในท้องที่ทั้งหมดทำการสอบสวนลงโทษ และปรับปรุงแก้ไขกฎข้อบังคับ เพียงวันเดียวที่พบต้นตอของโรคติดต่อ จักต้องคัดแยกออกไป กฎหมายคือจำเป็นต้องแก้ไขให้ถูกต้องและสมบูรณ์อยู่เสมอ แต่กฎหมายข้อนี้กลับได้รับการสนับสนุนจากทั่วแคว้นและเหวินอู่ป่ายกวาน ถึงแม้ว่าขณะนี้ต้องปรับปรุงแก้ไขอีกครั้ง และต้องใช้เวลาหนึ่งปีครึ่ง และไม่ใช่ออกคำสั่งไปแล้วจะสามารถทำเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จได้ ดังนั้นหลังจากที่หมอหลวงวินิจฉัยโรคกลับมา เขาจึงเก็บข่าวสารนั้นไว้เป็นความลับ ส่วนหว่านเหนียงและหลวี่หนิงรู้ได้อย่างไร เพราะว่าหมอหลวงได้รับคำสั่งจากหลวี่หนิงให้ออกจากวังไป แรกเริ่มนั้นหลี่เฉินเย่นกลัวว่าซูเซี่ยจะรู้เรื่อง นางจะต้องยืนยันที่จะออกจากวังไปแล้วได้รับการติดเชื้อจากโรคติดต่อ แต่เขาคิดได้ทีหลังว่ารู้ว่าไม่สามารถห้ามซูเซี่ยได้ นางจะต้องออกจากวังอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงคิดขึ้นได้ว่าต้องให้นางออกไปอย่างไร้อุปสรรคใด ๆ เมื่อเริ่มจากหลังการออกจากวังหลวงของซูเซี่ย หลี่เฉินเย่นก็กระวนกระวายใจอยู่ตลอด เชียนซานป่วยอย่างไม่รู้สาเหตุ เรื่องนี้เดิมทีจึงค่อนข้างน่าประหลาดใจ หลายปีมานี้น้อยนักที่จะได้ยินมีคนเป็นโรคทรพิษ ต้องคัดแยกออกมาทำการรักษาทำให้โรคติดต่อที่รุนแรงอยู่ทั่วแคว้นก็ได้สูญหายไป กระทั่งถูกกำจัดให้สูญสิ้นไป บางครั้งมีอาการของโรคบางอย่างปรากฏขึ้นมาก็ล้วนถูกส่งแยกออกไปที่ เกาะร้างทันที แม้ว่าจะเป็นวิธีการที่ช่างโหดเหี้ยม แต่ว่าหลายปีมานี้ ทั่วแคว้นล้วนไม่ได้มีโรคบ้าระบาดและโรคติดต่อเกิดขึ้นเลย กลับมีกฎหมายข้อนี้ขึ้นมา “ทูลฝ่าบาท ท่านหญิงฉ่ายเวินมาถึงแล้วพะย่ะคะ” จงเจิ้งเข้ามาทราบทูลรายงาน หลี่เฉินเย่นขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “เวลานี้แล้ว นางมีธุระอันใดกันหรือ” จงเจิ้งเอ่ยว่า “เอ่ยว่ามีเรื่องด่วนต้องกราบทูลฝ่าบาทพะย่ะคะ” หลี่เฉินเย่นบ่นพึมพำว่า “ให้นางเข้ามา” จงเจิ้งถอยออกไปไม่นานก็เห็นฉ่ายเวินที่ร่าเริงมีรอยยิ้มบนใบหน้าเดินเข้ามา “ศิษย์พี่ เวลานี้แล้วยังยุ่งจัดการงานราชการอยู่อีกเรหอเจ้าคะ” หลี่เฉินเย่นหัวเราะออกมา “ข้ายังคิดว่าเจ้าคงนำของกินอร่อยๆ มาให้ข้าซะอีก แต่กลับไม่มีสิ่งใดติดมือมา มาเพื่อสิ่งใดกันหรือ” ฉ่ายเวินตรงไปที่ข้างกายของหลี่เฉินเย่น เขย่าแขนของเขาไปมา เอ่ยอย่างงอนๆว่า “ข้าคิดถึงศิษย์พี่นิเจ้าคะ อีกอย่างตอนนี้ท่านเป็นฮ่องเต้แล้ว อยากกินสิ่งใดล้วนมีพร้อม ยังจะให้ข้าทำของว่างมาอีกหรือเพคะ ” หลี่เฉินเย่นมองดูศิษย์น้องของตน เขาคิดว่านางคือน้องสาวนของตนตลอดเวลา วางในใจรักอย่างสุดซึ้ง หวังว่านางจะเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา ก่อนหน้านี้คิดดีแล้วว่าจะหาสามีที่ดีให้กับนาง ให้นางมีความสุขปราศจากความทุกข์ตลอดชีวิต หากที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้คือฝีมือของนาง อย่างนั้นเขาอาจจะต้องเสียใจภายหลังที่พานางลงจากเขามา แต่หากไม่ได้พานางลงเขามา วันนี้นางอาจจะยังเป็นหญิงสาวธรรมดาผู้นั้นอยู่ก็ได้ “ศิษย์พี่ มองข้าทำไมกันหรือ” ฉ่ายเวินเห็นสายตาของหลี่เฉินเย่นจ้องมองมาที่ตนอย่างไม่กระพริบตา จึงยื่นมือออกไปผลักเขาเล็กน้อย ในใจเกิดกระแสของความเย็นชาขึ้นมาทันที นางเกลียดสายตาเช่นนี้ยิ่งนัก คล้ายกับตอนที่นางยังอายุสิบสอง เขาใช้สายตาแบบศิษย์พี่ศิษย์น้องมองมายังนาง ที่นางต้องการมาเนิ่นนานนั้นไม่ใช่เป็นเพียงความสัมพันธ์แบบศิษย์พี่ศิษย์น้อง หลี่เฉินเย่นเก็บสายตากลับมา เอ่ยด้วยมุมปากประดับด้วยเสี้ยวของรอยยิ้มว่า “ไม่มีสิ่งใด ข้าเพียงกำลังคิดว่าควรที่จะแต่งตั้งน้องสาวของพวกเราเป็นองค์หญิง มีฐานะที่ดีอย่างองค์หญิงแต่งออกไป” สีหน้าของฉ่ายเวินมีความสงสัยขึ้นมาทันที แล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ว่าอย่างไรนะเพคะ ตอนนี้ข้าไปขัดขวางอะไรของศิษย์พี่หรอ ถึงอยากจะให้ข้าแต่งออกไป ยิ่งไปกว่านั้นการแต่งกับผู้ใดก็ต้องมีคนรักก่อน แล้วจะให้ข้าแต่งให้กับผู้ใดกัน” “ถ้าเช่นนั้นระหว่างหลี่ซี่และหลวี่หนิง เจ้าชอบใครมากกว่ากันหรือ” หลี่เฉินเย่นเอ่ยถามฉ่ายเวิน ฉ่ายเวินยิ้มออกมาบางๆ แล้วเอ่ยว่า “ทั้งชอบและไม่ชอบเพคะ” “เจ้าพูดถึงสิ่งใดกัน” หลี่เฉินเย่นขมวดคิ้วอย่างสงสัยมองไปที่นาง ฉ่ายเวินเบียดตัวนั่งลงข้างกายของหลี่เฉินเย่น ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้มังกรในห้องทรงพระอักษร แต่ไหนแต่ไรมามีเพียงฮองเฮาที่จะสามารถนั่งเคียงกายฮ่องเต้อยู่บนเก้าอี้เช่นนี้ได้ และยังต้องได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้อีกด้วย แต่นางกลับไม่สนใจผู้ใดเช่นนี้นั่งลงติดข้างกายของ เขา เมื่อตอนยังเด็กพวกเขาก็ทำเช่นนี้บ่อยๆ นางเอาศีรษะซบลงบนไหล่ของหลี่เฉินเย่น แล้วเอ่ยว่า “ข้าชอบพวกเขาทั้งสองคน เหมือนกับที่ชอบพี่สาวและหวงไทเฮา เช่นกัน ความชอบประเภทนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรักเพคะ” หลี่เฉินเย่นเคลื่อนตัวออกห่างนางอย่างช้าๆ แล้วหับกลับไปมองที่นาง “เจ้าชอบพี่สาวของเจ้ามากขนาดนั้นหรือ” ฉ่ายเวินยิ้มแย้มอย่างแจ่มใสเอยว่า “ในใจของฉ่ายเวิน พี่สาวและศิษย์พี่เหมือนกันเพคะ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสามารถทำให้เกิดความรู้สึกและเกลียดชังขึ้นในใจของข้าเพคะ” นางเอ่ยจบแล้วจึงยิ้มออกมาอย่างดูซุกซน ความรักและเกลียดชังหรือ หลี่เฉินเย่นเบนสายตาออกมา “ยังทั้งรักทั้งเกลียด เจ้ารู้ความหมายจริงๆ ของมันหรือไม่” “พูดเล่นไปอย่างนั้นเพคะ ในใจของฉ่ายเวินท่านและพี่สาวล้วนเป็นคนที่สำคัญที่สุดเพคะ” ฉ่ายเวินเอ่ยออกมาอย่างเบาๆ แล้วเอ่ยต่ออีกว่า “วันนี้ที่ข้ามาพบท่าน คือมีเรื่องเกี่ยวกับพี่สาวที่อยากจะพูดคุยกับท่าน” หลี่เฉินเย่นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติว่า “เรื่องอันใดหรือ ว่ามาเถอะ” ฉ่ายเวินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เบาลงว่า “ข้าได้ยินว่าในวังหลังมีคนเล่าลือกันว่าพี่สาวคือหลิวหยิงหลงในอดีต พูดถึงเรื่องการกลับมาของวิญญาณ พวกเขาเอ่ยถึงเรื่องนี้อย่างกับว่าเป็นเรื่องจริง ศิษย์พี่เคยได้ยินมาบ้างหรือไม่เพคะ” หลี่เฉินเย่นหัวเราะอย่างเย้ยหยันออกมา “เจ้าได้ยินใครพูดกันหรือ เรื่องไร้สาระพันนี้ คนก็ได้ตายไปแล้ว ยังจะสามารถกลับมาอยู่ในร่างใหม่ได้อีกหรือ พูดจาเหลวไหลสิ้นดี” แต่ในใจกลับสั่นไหวขึ้นทันที แม้อาจจะพูดได้ว่าคนที่รู้เรื่องนี้มีไม่น้อย แต่ก็ล้วนคือคนในราชวงศ์ ปกติแล้วไม่พูดออกไปอยู่แล้ว นางรับรู้เรื่องนี้มาจากที่ใดกัน มามาและเสี่ยวจูที่อยู่ข้างกายซูเซี่ยในตอนนั้นก็ถูกส่งออกแล้ว ด้วยกลัวว่าจะมีคนรู้ถึงสถานะที่แท้จริงของซูเซี่ย ใบหน้าของฉ่ายเวินมองไปยังหลี่เฉินเย่นแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “วังหลังล้วนพูดกันอย่างมากมาย ว่าท่านหมอเวินก็คือพระชายานิงอันหลิวหยิงหลงในตอนนั้น ยังมีตอนที่หยิงหลงช่วยทำคลอดให้กับพระชายาเจิ้งกั๋ว หลังจากที่ชีวิตของอานเหยียนนั้นเหมือนแขวนอยู่บนเส้ยด้าย พี่หยิงหลงก็ช่วยเขาเอาไว้ ใช้วิชาแพทย์ที่น่าตกตะลึง อีกทั้งตอนนี้พี่สาวก็รู้วิชาแพทย์และยังทำให้องค์ชายน้อยที่ไม่มีลมหายใจแล้วฝืนกลับมา เรื่องราวก่อนและหลังนี้ล้วนทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยกันขึ้นเพคะ ” หลี่เฉินเย่นยิ้มหยัน “พูดจาเหลวไหลสิ้นดี บนโลกนี้อาจมีคนที่รู้วิชาการแพทย์มากมาย จะถือโอกาสนำเอาเรื่องนี้มายืนยันเรื่องราวไร้สาระพันนี้ได้อย่างไร” หลี่เฉินเย่นเกิดความสนใจในเรื่องที่ฉ่ายเวินนั้นเรียกหยิงหลงว่าพี่สาว ในใจของนางไม่ใช่ควรที่จะเคียดแค้นหลิวหยิงหลงหรอกหรือ เพราะหลิวหยิงหลงเป็นคนผลักนางตกลงไปในแม่น้ำ ทำให้นางนอนซมอยู่หลายปี แทบที่จะไม่รู้สึกตัวขึ้นมาเลย ในใจที่มีความเคียดแค้นคนผู้หนึ่ง เอ่ยถึงคนผู้นั้นคราใดก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง ไฉนยังจะสามารถเรียกด้วยถ้อยคำที่ดูสุภาพว่าพี่สาวเช่นนี้ ฉ่ายเวินมองหลี่เฉินเย่นแล้วเอ่ยว่า “แต่ว่า ผู้คนด้านนอกล้วนพูดกันว่าศิษย์พี่นั้นมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งแน่นแฟ้นยิ่งต่อพี่หยิงหลง หลังจากที่นางตายไป กระทั่งไม่มีความคิดที่จะแต่งงานใหม่อีกครั้ง แต่เพียงเพราะพี่ซูเซี่ยปรากฏตัวออกมา ศิษย์พี่ก็ตกหลุมรักนางเข้าแล้ว และถึงแม้ตายไปแล้วก็ยังมั่นคงเช่นเดิมมิใช่หรือเพคะ” ประโยคที่ออกมานี้ไม่ใช่การหยั่งเชิงแล้ว แม้ว่าจะใช้ที่น้ำเสียงที่หยั่งเชิงเพียงใด แต่ว่าน้ำเสียงที่ออกมาส่วนใหญ่ก็ล้วนแสดงถึงการบีบคั้นให้ได้คำตอบ หลี่เฉินเย่นที่ไม่ได้เตรียมใจไว้ก็หัวเราะออกมา เอื้อมมือไปหยีที่ผมของฉ่ายเวินแล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้ปฏิบัติต่อผู้ใดโดยไม่เปลี่ยนแปลงตราบเท่าชีวาวาย ก่อนนี้ที่ปฏิบัติเช่นนั้นต่อซูเซี่ย ความจริงแล้วคือความรู้สึกที่แท้จริงนั้นยังอยู่ แต่ว่าเพราะสถานะของนางคือนายพรรคมังกรเหิน และก่อนที่นางจะเป็นนายพรรคมังกรเหิน นางคือสตรีที่มีสถานะสูงส่งและมีค่า ตอนนั้นไม่ใช่แค่ฮ่องเต้ทรงเชื่อข่าวลือเช่นนี้แม้แต่ข้าก็ล้วนเชื่อเช่นกันว่าซูเซี่ยคือผู้ที่ล่วงรู้ทุกสิ่งในใต้หล้านี้ คิดไปแล้วก็น่าขันสุดท้ายฮ่องเต้สามารถได้ตัวนางไป แต่กลับสูญเสียไปซึ่งทุกอย่างในใต้หล้านี้ไป” เมื่อต้องการที่จะสบประมาทความรู้สึกที่ตนมีต่อซูเซี่ย จึงจำต้องทำเช่นนี้ หากฉ่ายเวินต้องการที่จะวางยาพิษฆ่าผู้อื่นเช่นนี้ เขาก็ไม่อาจที่จะไม่เตรียมใจไว้จริงๆแล้ว เพราะมีเพียงเขาที่รู้ดีถึงฝีมือในการวางยาพิษของฉ่ายเวินว่าเชี่ยวชาญชำนาญมากขนาดไหน ตอนนี้ใช้ระยะห่างระหว่างเขาและซูเซี่ยก็ไกลออกไปกว่าเดิม ซึ่งที่ใช้โหร่วยเฟยก็เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของฉ่ายเวิน ตามคำพูดของนักบวช ในใจของเขานั้นได้เกิดเป็นความลุ่มหลงในเพศตรงข้าม เขากลัวเป็นอย่างมาก กลัวว่าคำพูดของนักบวชนี้จะกลายเป็นจริง ซูเซี่ยยังคงอยู่ข้างกายเขา เขาจึงยากที่จะหลบหนีได้ตลอดชีวิต ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีการทุกอย่างจัดการทำให้หายนะต่างๆรอบตัวของนางหมดสิ้นไป เพียงเช่นนี้เท่านั้นจึงจะสามารถกำจัดความหวาดกลัวในใจของเขาได้ สูญเสียนางไปครั้งหนึ่งแล้ว เขาไม่ยอมให้มีครั้งสองอีกเป็นแน่ ฉ่ายเวินมองเขาอย่างคับข้องใจ “ศิษย์พี่พูดออกมาจากใจจริงๆหรือเพคะ” หลี่เฉินเย่นยิ้มออกมา เอ่ยคล้ายเอ็นดูรักใคร่ว่า “ข้าเคยพูดโกหกเจ้าเมื่อไหร่หรือ ฉ่ายเวินตอนนี้ไม่เชื่อในตัวข้องศิษย์พี่แล้วหรือ อีกอย่างเรื่องนี้จะโกหกเจ้าทำไมหรือ ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบ หากก่อนหน้านี้พูดว่าชอบ แต่นางและจูเก๋อหมิงหักหลังข้าเช่นนี้ หากไม่เพราะเห็นแก่พรรคมังกรเหิน ข้าก็ขับไล่นางออกจากวังไปแล้ว” ฉ่ายเวินจึงยิ้มออกมา “คำพูดของศิษย์พี่ล้วนถูกต้องเพคะ แต่พี่สาวก็เป็นสตรีที่ดีที่หาได้ยากยิ่งนัก มิฉะนั้นวันนั้นศิษย์พี่ก็คงไม่ปฏิเสธเรื่องการสมรสเพื่อสันติภาพกับแคว้นหนานจ้าวเพื่อนางใช่หรือไม่เพคะ” เอ่ยจบแล้วนางจึงเบนสายตาขึ้นมองยังหลี่เฉินเย่น หลี่เฉินเย่นไม่ได้ปฏิเสธหรือยอมรับ เพียงแต่ยิ้มออกมาเท่านั้น เงียบเป็นเวลานานแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าคือการสมรสเพื่อสันติภาพจริงหรือ องค์หญิงของหนานจ้าวผู้นั้นฉลาดเฉลียว เป็นคนที่มีความคิดที่ลึกซึ้ง นางมาเพื่อเป็นไส้ศึกต่างหากเล่า พอนางเข้ามาในวังหลัง ข้าก็ไม่อาจสังหารนางได้ อีกทั้งไม่อาจดูและนางได้ ซึ่งเป็นสองด้านที่ยากข้าจะทำให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นได้อย่างไร ฉ่ายเวินไม่ใช่คนโง่เขลา ไฉนเรื่องพวกนี้จึงคิดไม่คิดหรือ ” ฉ่ายเวินตะลึงงันไปเล็กน้อย “ผู้นำของแคว้นหนานจ้าวมีความคิดเช่นนี้หรอกหรือ สมควรตายเสียจริง” “มิน่าเขาถึงต้องรับผิดชอบเอาตัวเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆของแคว้น เขาคือฮ่องเต้ของแคว้นหนานจ้าว จึงต้องทำเพื่อความสุขของคนในหนานจ้าว ในตอนนั้นหนานจ้าวพ่ายแพ้ยับเยิน เพราะทหารของพี่ใช้ยุทธวิธีที่สลับซับซ้อน พูดไปแล้วก็คือกลอุบาย หากยึดมั่นในคุณธรรม พวกเราคงไม่สามารถได้รับชัยชนะรวดเร็วถึงเพียงนี้ เดิมทีหนานจ้าวก็ไม่อาจดูแคลนได้ ฉ่ายเวินถอนหายใจยาวๆออกมา “คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องที่เก็บไว้ในใจ เพียงในตอนที่ออกศึก การทหารไม่เบื่อหน่ายกลอุบาย หนานจ้าวจึงแพ้ศึก ไม่มีอะไรที่จะต้องถกเถียงกันอีกแล้ว ” หลี่เฉินเย่นดึงเรื่องราวกลับมาที่นาง “เจ้ายังจะพูดกับพี่ว่า ในใจมีคนที่เจ้าชอบพออยู่แล้วอีกหรือ ถ้าหากว่ามีเรื่องแต่งงานของเจ้าก็จะต้องรีบเร่งจัดการให้เรียบร้อย สองวันก่อนพี่ฝันถึงอาจารย์ เรื่องที่ท่านได้ฝากฝังไว้กับพี่ก่อนตาย เวลานี้พี่ก็ยังทำไม่สำเร็จ ในใจรู้สึกผิดและละลายใจเป็นอย่างยิ่ง ” ฉ่ายเวินแลบลิ้นออกมาแล้วเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นรอให้ศิษย์พี่พบคนที่ท่านรักที่สุดผ๔นั้นแล้ว ค่อยคิดเรื่องของฉ่ายเวินเถิดเพคะ” หลี่เฉินเย่นพยัดหน้า “เด็กโง่ รออีกไม่นานเจ้าก็จะได้เป็นท่านอาหญิงแล้ว โหร่วยเฟยตั้งครรภ์แล้ว อีกแปดเดือนหลานชายของเจ้าก็จะคลอดออกมาแล้ว ” ฉ่ายเวินยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ข้ารู้ดีเจ้าคะ แต่ข้าแค่ตื่นเต้นรอให้หลานชายคลอดออกมาไม่ไว้เท่านั้น” หลี่เฉินเย่นเอ่ยว่า “สุขภาพของโหร่วยเฟยไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เจ้าไม่มีเรื่องอันใดก็ไม่ต้องไปรบกวนนาง ให้นางพักผ่อนเถิด” สีหน้าของฉ่ายเวินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วหัวเราะออกมาว่า “ดูแล้วศิษย์พี่ดีกับโหร่วยเฟยอย่างยิ่ง งั้นข้าก็จะทำตามที่ศิษย์พี่บอกเพคะ” 
已经是最新一章了
加载中