ตอนที่ 163 เพื่อนทรยศ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 163 เพื่อนทรยศ
ต๭นที่ 163 เพื่อนทรยศ ห้าวันแล้วที่ซูเซี่ยได้ออกจากวังไป ตอนนี้อาการเบื้องต้นของเชียนซานได้คงที่แล้ว อย่างน้อยไข้ที่สูงก็ลดลง ตุ่มเม็ดของโรคทรพิษที่ขึ้นตามใบหน้าก็เริ่มที่จะตกเป็นสะเก็ดแล้ว บนใบหน้าของเชียนซานไม่มีรอยแผลเป็นเหลืออยู่ให้เกิดข้อสงสัยเลย ดังนั้นซูเซี่ยจึงออกจากวังไปตามหาซื้อตัวยาบางอย่างกลับมา ใช้วิธีการฝังเข็มให้ยาซึมซามลงไปตามจุดทำให้รอยแผลเป็นหายไป หลักทั่วไปคล้ายกับการรักษาด้วยเข็มเล็กๆ เพื่อความสวยงาม(MTS)ในสมัยปัจจุบัน ใช้ลูกกลิ้งเข็มจิ้มให้เกิดรูเล็กๆ ลงบนใบหน้า หลังจากนั้นทุกวันทาตัวยาลงบนใบหน้า ทิ้งไว้รอให้ตัวยาซึมซาบเข้าไป ทำให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นดูมีชีวิตชีวา ข้างกายนางไม่ได้นำผู้ติดตามหรือสาวใช้ติดตามมาด้วย มาพูดคุยกับจูเก๋อหมิงที่โรงแพทย์เพียงลำพัง ตั้งแต่หลังจากครั้งนั้น นางก็ไม่เคยได้พบกับจูเก๋อหมิงอีกเลย เมื่อจูเก๋อหมิงเห็นนางปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูของโรงแพทย์ ท่าทางแสดงออกมาคล้ายตกตะลึง หลังจากที่ภายในใจนั้นอยากหลบหายไป ซูเซี่ยยังทักทายอย่างสง่างามขึ้นว่า “จูเก๋อ ไม่เจอกันซะนานเลยนะ” จูเก๋อหมิงแสร้งหัวเราะออกมา “ใช่แล้ว เจ้าออกจากวังมาหรือ” ซูเซี่ยเอ่ยว่า “ใช่ ข้าออกจากวังมาหลายวันแล้ว ตอนนี้อาศัยอยู่ในจวนซือคง ” “เรื่องเกิดอะไรขึ้นใช่หรือไม่” เขาเอ่ยถามอย่างสงสัยขึ้น ซูเซี่ยส่ายหน้า “ไม่มีเรื่องอะไรหรอก เพียงคิดอยากจะออกจากวังมาพำนักที่ด้านนอกสักระยะหนึ่งเท่านั้น” ในใจของซูเซี่ยนั้นจะต้องปกปิดเรื่องการป่วยของเชียนซาน ก่อนหน้านี้นางและจูเก๋อหมิงล้วนไม่มีความลับต่อกัน พูดได้ว่าจูเก๋อหมิงคือเพื่อนที่รู้ใจของนาง ไม่ว่าในใจคิดสิ่งใด เกิดเรื่องราวอันใดกับนาง นางล้วนสามารถพูดกับจูเก๋อหมิงได้ แต่ว่าตอนนี้มองดูท่าทางที่ไม่ปกติของบุรุษตรงหน้าแล้ว ในใจของนางจึงต้องเพิ่มการป้องกันขึ้น นางยื่นใบสั่งยาส่งให้กับเขา แล้วเอ่ยว่า “ข้าอยากได้ซื้อยาชุด” จูเก๋อหมิงนำใบสั่งยาขึ้นมาอยู่ แล้วเอ่ยว่า “โอ้ว เจ้าใช้เองหรือ” ใบสั่งยานี้สามารถพูดได้ว่าคือตำรับยาสำหรับความสวยงาม ตัวยาในนี้ส่วนใหญ่ล้วนใช้ต้มหรือว่าบดให้เป็นผง “ใช่แล้ว” ซูเซี่ยเอ่ยขึ้น จูเก๋อหมิงพยักหน้า นำตำยาส่งให้กับหมอที่อยู่ข้างกาย แล้วเอ่ยว่า “รบกวนเจ้าไปช่วยจัดยาชุดนี้ให้กับท่านหมอเวิน” เมื่อหมอได้รับใบสั่งยาแล้วก็เดินไปทันที จูเก๋อหมิงเชื้อเชิญให้ซูเซี่ยเข้าไปนั่งในห้องโถงด้านใน มีแพทย์ฝึกหัดยาชาเข้ามาวางไว้ ในมือของซูเซี่ยกุมถ้วยชาเอาไว้ เมื่อครู่ที่เดินทางมาค่อนข้างเปียกชื้น นางจึงคิดว่าหนาวเย็นเล็กน้อย เมื่อนั่งลงแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าเย็นเหมือนน้ำแข็ง มือที่กุมถ้วยชาอยู่นี่จึงให้ความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงได้มาถึงแล้ว “ฝนตกลงมาแล้วหลายวัน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จึงจะหยุดสักที” จูเก๋อหมิงไม่มีคำพูดใดๆจะเอ่ย เขาลุกกายขึ้นผลักบานหน้าต่างเปิดออก ซูเซี่ยเอ่ยขึ้นว่า “ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฝนจึงจะหยุด” ความเงียบเข้ามาปกคลุมคนทั้งสองอีกครั้ง บรรยากาศที่ดูน่าอึดอัดเช่นนี้ ทำให้ซูเซี่ยนึกเสียใจเล็กน้อยที่มาที่นี่ซื้อยาชุด ในที่สุดเวลาผ่านไปไม่นาน จูเก๋อหมิงก็เอ่ยเบาๆว่า “ข้าขอโทษ” ซูเซี่ยดึงสายตามองยังเขา สีหน้าคล้ายเย็นชา “คืนนั้นเจ้าไม่ได้ถูกคนวางยาใช่หรือไม่” จูเก๋อหมิงฝืนยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ท้ายที่สุดแล้วก็ปิดบังเจ้าไม่ได้ ไม่ผิด คืนนั้นข้ารู้อยู่ก่อนแล้วว่าแก้วของข้าถูกคนวางยาสลบ ข้าก็ยังดื่มไปเล็กน้อย ” “แต่ในแก้วของข้าไม่ได้ถูกวางยา” ซูเซี่ยรู้สึกไม่เข้าใจ “ยังจำปลาผัดเปรี้ยวหวานในคืนนั้นได้หรือไม่ ปลาเปรี้ยวหวานที่อยู่ด้านหน้าของเจ้า ในแก้วของเจ้าและปลาเปรี้ยวหวานนั้นล้วนถูกวางยา ยาสองชนิดนี้แยกด้วยตาเปล่าไม่ออก แต่ว่าหากยาทั้งสองชนิดนี้ถูกผสมเข้าด้วยกันเมื่อไหร่ก็จะเปลี่ยนเป็นยาสลบ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ากลับวังไปแล้วดื่มน้ำเข้าไป ตัวยาในน้ำบนแก้วของเจ้าก็สามารถที่จะทำให้ร่างกายของเจ้าได้รับยาสลบเข้าไปอย่างรวดเร็ว สติของเจ้าจึงไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ” จูเก๋อหมิงเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ ซูเซี่ยยิ้มเยาะออกมา ให้กับสายตาที่คมคายคู่นั้นที่กำลังเพ่งมองนาง “ดีเสียจริง ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าเป็นคนหลอกลวง เจ้าทำเพื่อต้องการสิ่งใดกันแน่ เจ้าต้องการทำเช่นนี้เพื่อทำร้ายข้าหรือ เจ้าไม่กลัวว่าเขาจะฆ่าเจ้าใช่หรือไม่ ” จูเก๋อหมิงเอียงหน้าขึ้นหัวเราะออกมาคล้ายไร้พิษสง “ตอนนั้น ข้าไม่ได้คิดอะไรมาก อาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ และอาจจะเป็นที่ถูกฉ่ายเวินวางยาทำให้จิตใจหลงผิดไป สรุปแล้วนางพูดว่ามีวิธีการที่ทำให้เจ้าออกจากวังมาอยู่กับข้า ข้ายอมรับว่าถูกคำพูดของนางดึงดูดความสนใจไป ดังนั้นข้าปล่อยให้นางวางยาในแก้วของตัวเอง แต่ว่าฤทธิ์ของยาที่ข้าดื่มเข้าไปไม่ได้มากพอที่จะทำให้ข้าหลงผิดได้ ” ซูเซี่ยเกิดข้อสงสัยขึ้นจึงเอ่ยว่า “แต่ที่เฉินเย่นพูดกับข้าไม่ได้มีการทดสอบว่าในแก้วคือสิ่งใด” “เป็นไปไม่ได้ ที่ขอบแก้วยังต้องมีผงยาติดอยู่ นั่นคือข้าตั้งใจหลงเหลือเอาไว้ ข้ายืนยันว่าเฉินเย่นจะต้องรู้ว่าพวกเราถูกวางยาจากเพราะผงยาพวกนั้น พวกเราสองคนถูกคนใส่ร้าย เขาไม่สมควรที่จะโทษพวกเรา แต่ว่าเขาคือคนที่มั่นใจในตัวเองสูง เห็นกับตาด้วยตนเองว่าข้าและเจ้าอยู่ด้วยกันบนเตียง เขาอาจจะคิดว่าช่างน่าอัปยศอดสูอย่างมาก ข้าคิดว่าเขาคงยินยอมที่จะปล่อยเจ้าไป ” จูเก๋อหมิงยิ้มอย่างเศร้าหมองแล้วเอ่ยต่อว่า “แต่ข้ายังประเมินความรู้สึกที่เขามีต่อเจ้าต่ำเกินไป เขากลับไม่ถือสาใดๆเลย” ซูเซี่ยรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที จนหายใจถี่ขึ้น “เจ้าคิดว่าตนวางแผนให้ข้าเป็นเช่นนี้แล้ว ถึงแม้ว่าข้าจะออกจากวังหลวงแล้วจะสามารถอยู่ร่วมกันกับเจ้าได้อีกหรือ ข้ามีเพียงจะเกลียดเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าคือเพื่อน เชื่อใจเจ้าทุกอย่าง เจ้ากลับคิดทำเช่นนี้กับข้า ข้าเกลียดชังความรู้สึกที่ถูกผู้อื่นใส่ร้ายป้ายความผิดประเภทนี้สิ้นดี โดยเฉพาะคนผู้นั้นเป็นเจ้า” จูเก๋อหมิงจ้องมองซูเซี่ย ใบหน้ามีร่องรอยของความทุกข์เศร้าปรากฏขึ้นมาจึงเอ่ยว่า “เจ้าอาจจะไม่เชื่อ หลังจากเกิดเรื่องราวนี้ขึ้นข้าทุกข์ใจอยู่ตลอดเวลา ข้าไม่มีหน้าที่จะไปพบเจ้ากับเฉินเย่น ข้ารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก” ซูเซี่ยส่ายหน้า แล้วเอ่ยขึ้นอย่างผิดหวังว่า “ข้าไม่กล้าที่จะเชื่อแล้วจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะช่วยฉ่ายเวินวางแผนมาทำร้ายข้า เรื่องที่นางต้องการทำร้ายข้าเจ้าก็รู้ก่อนอย่างเต็มอก นางเป็นคนเช่นไรเจ้าย่อมรู้ชัดเจนกว่าข้า แต่เจ้ากลับสมรู้ร่วมคิดกับนางทำเรื่องที่เลวร้าย จูเก๋อหมิง หลังจากนี้พวกเราไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไปแล้ว” จูเก๋อหมิงอยู่ในอารมณที่น่าหดหู่ใจเอ่ยบ่นพึมพำว่า “ตอนนั้น นางพูดกับข้าว่าเพียงเจ้าออกจากวังหลวง ก็จะสามารถคุ้มครองเจ้าจากอันตรายได้ จุดประสงค์ของข้ามีเพียงอยากให้เจ้าออกจากวังหลวง ไม่ได้มีความคิดอื่นใดเลย” ประโยคนี้ของเขาแม้ตนเองก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ สุดท้ายทำได้เพียงก้มหน้าลงและไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา ท่านหมอเคาะประตูก่อนเข้ามา แล้วเอ่ยว่า “ท่านหมอเวิน ยาชุดของท่านจัดเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ” ซูเซี่ยลุกกายขึ้น หยิบยาในมือของท่านหมอมา แล้วเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ หันหลังกลับแล้วล้วงเงินออกมาวางบนโต๊ะก่อนเอ่ยว่า “นี่คือค่ายา” หลังจากนั้นก็หมุนตัวจากไป จูเก๋อหมิงมองแท่งเงินที่อยู่ด้านหน้าของตน สีหน้าปรากฏรอยยิ้มที่เศร้าหมองออกมา ในคืนนั้นเมื่อเข้าวังแล้ว ฉ่ายเวินก็หยุดการเคลื่อนไหวของเขาแล้ว นางพูดว่ารู้ดีว่าเขาชอบพอซูเซี่ย นางสามารถที่จะช่วยเหลือเขาได้ เดิมที่เขาไม่เห็นด้วย แต่ถูกประโยคสุดท้ายของฉ่ายเวินแทงเข้าในใจ เวลานั้นนางกลับตาลปัตรเอ่ยอยู่ด้านหลังของเขาว่า “เจ้าวางใจปล่อยให้นางอยู่ในวัง หรือไม่กลัวว่านางจะประสบกับสิ่งที่คาดไม่ถึง ” ประโยคนี้เหมือนเป็นคำขู่ เขารู้ว่าตนไม่มีทางเลือกแล้ว จึงเลือกร่วมมือกับนางทำเรื่องเลวร้ายขึ้น เมื่อเริ่มลงมือเขาก็รู้สึกโกรธแค้นตนเองทันที เป็นเรื่องดีที่อย่างน้อยสามารถพิสูจน์ว่าเฉินเย่นรักนางจากใจจริงๆ เกิดเรื่องราวนี้ขึ้นเขาก็ไม่ได้สนใจไม่แยแสสักนิดเดียว แต่ตัวเขาเองอดกลั้นเอาไว้อย่างยิ่ง หากไม่ได้มองถึงไมตรีที่มีในอดีต เกรงว่าสถานะของเขาในวันนี้ คงจัดการให้โทษตายแก่เขาไปแล้ว บ่อยครั้งเขาคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน แล้วตนเองละเป็นเช่นไร หลังจากที่ซูเซี่ยออกจากโรงแพทย์ไป คิดเพียงว่าสายตาของตนนั้นช่างมืดหม่น มีคล้ายหมอกปกคลุมขึ้นเรื่อยๆ ในใจของนางก็คิดว่าไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง แม้ก่อนหน้านี้จะเคยคาดเดาว่าจูเก๋อหมิงมีสติ เพราะความทรงจำของนางหลังจากเกิดเรื่องขึ้น ท่าทางของจูเก๋อหมิงไม่ได้ทำไม่โดยไม่รู้ตัว กระทั่งเขายังเอ่ยกระซิบข้างหูนาง ส่วนพูดอะไรนั้น ตอนนี้นางจำไม่ได้ แต่ในใจรู้สึกชัดเจนอย่างมากว่าเขายังมีสติอยู่ นางลังเลในการตามหาคำตอบอยู่ตลอดเวลา แต่ว่าวันนี้จูเก๋อหมิงกลับยอมรับสารภาพ จะทำเช่นไร นางได้สูญเสียเพื่อนไปแล้วหนึ่งคน สิ่งที่นางมีทั้งหมดล้วนไม่มากมายอยู่แล้ว แต่ยังต้องสูญเสียเพิ่มขึ้นอีก ในใจนั้นว่างเปล่าอย่างยิ่ง หลี่เฉินเย่นไม่เชื่อนาง จูเก๋อหมิงก็ใส่ความนาง ถึงแม้ว่านางต้องการที่จะจากไป ก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปที่ใดแล้ว ซูเซี่ยเดินไปอย่างคนที่ไร้วิญญาณ ทันใดนั้นก็มองเห็นกลุ่มคนห้อมล้อมกันอยู่ด้านหน้า ชี้แนะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเซ็งแซ่ ซูเซี่ยเดินเข้าไปมองดูใกล้ๆ แวบหนึ่ง เห็นเพียงหญิงสาวที่อ่อนวัยคุกเข่าลงอยู่บนมุมถนน ร่างกายของนางสวมใส่เสื้อผ้าสีขาวธรรมดา ผมเผ้ายุ่งเหยิง บนใบหน้าที่งดงามนั้นเต็มไปด้วยหยดน้ำตา ดังกับหยาดน้ำตาของดอกแพร์ ผิวพรรณดูสวยงาม ซูเซี่ยคิดเสมอว่าฉ่ายเวินคือหญิงงามแล้ว แต่วันนี้เห็นหญิงสาวผู้นี้แล้ว นางงดงามกว่าฉ่ายเวินสามส่วน แม้ว่าร่างกายจะเป็นสตรี นางก็อดไม่ได้ที่จะถูกดึงดูดสายตาไป ด้านหน้าของหญิงสาวผู้นั้นมีป้ายหนึ่งวางอยู่ ด้านบนเขียนว่าขายตัวเพื่อฝังศพบิดา ซูเซี่ยถอนหายใจอย่างเงียบๆ กลับเป็นหญิงสาวที่มีใจกตัญญูนางหนึ่ง แต่ชีวิตนนั่นช่างทุกข์ยากเสียจริง เหล่าคุณชายคหบดีร่ำรวยมากมายหรือจะเป็นผู้เฒ่าที่แสนอัปลักษณ์ต่างพากันหยอกล้ออยู่ด้านหน้า หญิงสาวผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองผู้คนที่ลุมล้อมอย่างหวาดหวั่น ร่างกายหดย่อลงเล็กน้อย หลังจากนั้นคุกเข่าโขกศีรษะเอ่ยเล่าด้วยน้ำตาว่า “ลุงป้าน้าอาทุกท่าน ข้าน้อยเป็นคนที่มาจากต่างถิ่น ท่านพ่อตกทุกข์ได้ยากอยู่ที่นี่ จึงเจ็บป่วยร้ายแรงไร้หนทางรักษา ข้าน้อยไม่มีกำลังที่จะฝังศพ จึงยินยอมที่จะขายตัวเป็นสาวใช้ ขอร้องลุงป้าน้าอาทุกท่านโปรดเมตตา ซื้อข้ากลับไป ข้ายินยอมที่จะเป็นวัวเป็นม้า ตอบแทนบุญคุณของลุงป้าน้าอาทุกท่าน ” หรือพูดได้ว่า นางจะยินยอมเพียงขายตัวเป็นสาวใช้เท่านั้น บุรุษที่สวมใส่เสื้อผ้าซาตินสีน้ำเงินก้าวออกไปด้านหน้า ยืนมือออกไปจับที่คางของหญิงสาว สายตาดูจาบจ้วง เอ่ยหัวเราะอย่างสนุกสนานว่า “ไอ้หยา แม่นางน้อยผิวทั้งนุ่มทั้งลื่น นายท่านอย่างข้าจะทำใจให้เจ้าเป็นสาวใช้ได้เช่นไร เจ้าเอาเงินนี้กลับไปจัดการศพของพ่อเจ้าให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็ไปกับเข้าจวนไปกับข้า รับรองว่าจะทำให้เจ้ามีชีวิตที่สุขสบายไปตลอดชีวิต เสวยสุขกับความมั่งคั่งร่ำรวย ” พูดจบแล้วก็ยืนมืออกไปดึงหญิงสาวผู้นั้น หญิงสาวตื่นตระหนกส่ายหน้า แล้วรีบร้อนเอ่ยว่า “นายท่าน ข้ายินยอมเป็นเพียงสาวใช้ ไม่ได้คิดที่จะขายร่างกาย นายท่านหากในจวนของท่านขาดสาวใช้ ข้าน้อยก็จะไปกับท่าน....ไอ้หยา” นางกำลังขัดขืน บุรุษผู้นั้นจึงยืนมือจับที่หน้าอกของหญิงสาว หญิงสาวกระดากอายจนหน้าแดง คุกเข่ากอดตัวเองอยู่บนพื้นไม่กล้าที่จะพากายลุกขึ้นมา ในที่นั่นบางคนโกรธเคือง บางคนก็มองดูความคิกคักแล้วหัวเราะเบิกบานใจ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าวิพากษ์วิจารณ์บุรุษผู้นั้น เพราะล้วนรู้ถึงสถานะของเขา คนผู้นี้เป็นถึงลูกชายของหลิวอันขุนางใหญ่ในราชสำนัก ในอดีตที่ผ่านมาวางอำนาจบาตรใหญ่ เอารัดเอาเปรียบผู้คนที่ทำอาชีพเดียวกัน รังแกผู้ที่อ่อนแอ่กว่า ชาวบ้านต่างพากันหน้าชื่นอกตรม ดังนั้น ตอนนี้จึงไม่มีผู้ใดยื่นมีเข้ามายับยั้ง สถานภาพของหญิงสาวผู้นั้นเห็นได้ชัดว่าน่าเศร้าสลดยิ่งนัก ซูเซี่ยเดือดเป็นฟืนเป็นไฟจึงเอ่ยอย่างโมโหว่า “ปล่อยมือนางลงซะ” บุรุษผู้นั้นยังไม่ได้หันกลับมา ผู้ติดตามสองคนที่มีร่างกายกำยำที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ก้าวออกมา หนึ่งในนั้นที่ปิดบังใบหน้ามองยังซูเซี่ย เอ่ยอย่างทะเล้นว่า “โอ้มีสาวน้อยเข้ามาอีกคน นายท่านต้องการให้นำกลับจวนหรือไม่ขอรับ ” บุรุษอัปลักษณ์ผู้นั้นหันกลับมา ใช้สายตากวาดมองไปทั่วร่างของซูเซี่ย แล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ขึ้นว่า “แม้จะสวยไม่เท่ากับสาวน้อยผู้นี้ กลับเป็นสินค้าที่ดูเหนือกว่า จะต้องนำกลับจวน” เมื่อเขาเพิ่งเอ่ยจบไป ผู้ติดตามทั้งสองคนก็กระโจนเข้ามาโดยเจตนาที่จะจับตัวซูเซี่ยกลับไปด้วยเช่นกัน แต่ว่าพวกเขาทั้งสองยังไม่ได้เข้าใกล้ซูเซี่ย ก็เห็นบุรุษสองคนโดดลงมาจากบนฟ้า ถึงแม้ว่ายังจะไม่ทันมองให้ชัดเจน ผู้ติดตามสองคนนั้นก็ถูกบุรุษนั้นเตะลอยออกไปแล้ว กระแทกเข้ากับผนังแล้วตกล้มลงมาบนพื้นดิน บุรุษสองคนยืนอารักขาอยู่ด้านหน้าของซูเซี่ย เอ่ยด้วยน้ำสียงที่ทุ้มต้ำอย่างโมโหว่า “ผู้ใดกล้าลงมือกับนายท่านของพวกเขาเช่นนั้นหรือ” ทั้งสองคนล้วนเป็นผู้พิทักษ์ของพรรคมังกรเหิน รับผิดชอบคุ้มกันความปลอดภัยและอันตรายให้กับซูเซี่ยอย่างลับๆ บุรุษที่อัปลักษณ์ถูกรังสีของคนสองนั้นขู่ให้กลัว เขาพยามยามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้มั่นคงแล้วคำรามว่า “พวกเจ้าไม่รู้ว่าข้าคือใครใช่หรือไม่ กล้าขัดขวางข้าหรือ เชื่อหรือไม่ว่าข้า.....” เขายังพูดไม่จบก็ถูกหนึ่งในผู้พิทักษ์ชกกระเด็นออกไป ชาวบ้านที่มุ่งดูเหตุการณ์อยู่รอบๆ ต่างพากกันเอ่ยชมกันขึ้น อันธพาลผู้นี้เป็นคนน่าหมั่นไส้ แต่ก่อนผู้คนในนี้ล้วนหวังว่าจะมีคนออกมาสั่งคนเขา คิดไม่ถึงในที่สุดวันนี้ก็ได้รับโทษจากคนที่แข็งแกร่งกว่าเขา ช่างสะใจเสียจริง ๆ ซูเซี่ยเข้าไปประคองหญิงสาวขึ้นมา แล้วล้วงแท่งเงินออกมาเอ่ยว่า “สาวน้อย เงินนี้เจ้ารับไปแล้วกลับไปฝังศพบิดาของเจ้า หลังจากนั้นก็ออกจากเมืองหลวงกลับบ้านเกิดเถิด” หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น คุกเข่าโขกศีรษะอยู่บนพื้น หลังจากนั้นเงยหน้าขึ้นเอ่ยว่า “แม่นาง ข้าน้อยไม่มีบ้านที่จะกลับไปแล้ว ขอร้องท่านรับข้าไว้ด้วยเถิด ข้ายินยอมเป็นวัวเป็นม้า คอยรับใช้ท่านเป็นตลอดชีวิต” เดิมทีซูเซี่ยไม่นางนำนางกลับไป แต่มองเห็นสีหน้าที่ดูงดงามหมดจด อยู่ที่นี่ก็ไม่มีคนที่รู้จักมักจี่ หากปล่อยให้อยู่ตามลำพัง กลัวว่าอาจจะประสบกับเรื่องที่ไม่ดี จึงคิดไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้ากลับไปพร้อมข้าก่อน รอให้ข้าจัดการเรื่องราวของตนเรียบร้อยแล้วค่อยวางแผนว่าจะให้เจ้าไปที่ใดอีกครั้ง” หญิงสาวโขลกศีรษะขอบคุณไม่หยุด
已经是最新一章了
加载中