ตอนที่ 169 ฉีกหน้า
1/
ตอนที่ 169 ฉีกหน้า
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 169 ฉีกหน้า
ตนที่ 169 ฉีกหน้า คืนนั้น หลี่เฉินเย่นพาตัวซูเชี่ยกลับเข้าวังหลวง เดิมซูเซี่ยคิดจะให้ขู่เอ่อร์อยู่ที่จวนซือคง แต่ขู่เอ่อร์ยืนกรานว่าต้องการเข้าวังไปกับนาง ซูเซี่ยไม่อาจต้านทานนางได้ จึงได้แต่พานางกลับเข้าวังหลวงด้วยกัน เหตุการณ์ไข้ทรพิษที่วุ่นวาย คล้ายกับการเล่นตลกฉากหนึ่ง เข้าร่วมการเล่นตลกครั้งนี้คิดไม่ถึงว่าจะยังมีเหล่าขุนนางและทหารทั่วราชสำนัก ป่าวประกาศออกไปคงทำให้ตกเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะเยาะของผู้คนจริงๆแล้ว หลี่ซี่พูดขึ้นว่าเฉินหยวนชิ่งเคยเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาในท้องพระโรง นั่นก็เป็นการยืนยันว่าเชียนซานไม่ได้ป่วยเป็นโรคทรพิษ เขาจะต้องคุกเข่าไปที่จวนซือคงเพื่อรับโทษอย่างใหญ่หลวงเป็นแน่ ในใจของหลี่เฉินเย่นเข้าใจดีว่าคำพูดของเฉินหยวนชิ่งไม่ใช่ไม่เป็นความจริง เชียนซานนั้นป่วยเป็นไข้ทรพิษจริง เขาพูดของเขาจึงถือเป็นเรื่องจริง ดังนั้นหลี่เฉินเย่นจึงไม่คิดที่จะไต่สวนเรื่องนี้ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อถึงวันที่สองตอนเช้าตรู่ เฉินหยวนชิ่งก็คุกเข่าแสดงความเคารพไปตลอดทางจากถนนด้านทิศตะวันออกของจวนจนถึงประตูใหญ่ของจวนซือคงแล้วขอเข้าพบกับใต้เท้าจางซือคง ใต้เท้าจางไม่ได้กลั่นแกล้งเขา เอ่ยเตือนเบาๆเพียงไม่กี่ประโยค เรื่องนี้ก็เหมือนกับว่าได้ผ่านพ้นไปแล้ว ตอนบ่ายเฉินหยวนชิ่งเข้ามาที่วังหลวง ของเข้าพบหลี่เฉินเย่น ภายในตำหนักหย่งหมิง ฉ่ายเวินนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ในระเบียงด้านหน้า คนปรนนิบัติข้างกายของนางสับเปลี่ยนไปมาชุดแล้วชุดเล่า ตอนนี้คนปรนนิบัติชุดนี้ก็เพิ่งเปลี่ยนมาได้เพียงไม่กี่วัน “นายหญิง สำรับจัดเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าคะ” ชิงฮัวเข้ามาเอ่ยขึ้นเบาๆ เมื่อวันก่อนนางเพิ่งถูกคัดเลือกมาจากห้องครัวหลวง เดิมก่อนนี้นางทำงานเบ็ดเสร็จอยู่ในห้องครัวหลวง เป็นสาวใช้ที่ทำงานหนัก ไม่คิดว่าจะถูกตาของฉ่ายเวิน จึงถูกย้ายมาเป็นสาวใช้ข้างกายของนายตำหนักหย่งหมิง ฉ่ายเวินลืมตาทั้งสองข้างขึ้น เพ่งมองแสงอรุณที่กระทบก้อนกรวดเล็กบนพื้น เอ่ยถามขึ้นอย่างเบื่อหน่ายว่า “กุ้ยไท่เฟยได้ส่งคนมาที่นี่หรือไม่” “นายหญิง กุ้ยไท่เฟยไม่ได้ส่งคนมาเจ้าคะ” ชิงฮัวเอ่ยตอบ ฉ่ายเวินรู้สึกงุนงงอยู่ชั่วครู่ แล้วเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งว่า “เช่นนั้นเมื่อคืนวานฮ่องเต้ได้กลับเข้ามาในวังหรือไม่” “ได้ยินมาว่ากลับมาแล้วเจ้าคะ ยังมีท่านหมอเวินก็กลับมาแล้วเช่นกัน เป็นฮ่องเต้ทรงเสร็จไปรับนางกลับมาเจ้าคะ” ชิงฮัวเอ่ยตอบ สายตาของฉ่ายเวินจึงดูดุดันขึ้นทันที ลุกยืนขึ้นอย่างรุนแรง “นางก็กลับมาอย่างนั้นหรือ เจ้าแน่ใจหรือว่าฮ่องเต้เป็นคนไปรับนางกลับมา” ชิงฮัวเห็นปฏิกิริยาของนางรุนแรงเกินควรเช่นนี้ จึงรู้สึกตกใจเอ่ยขึ้นอย่างอึกอักว่า “นี่...นี่บ่าวไม่แน่ใจเจ้าคะ เพียงได้ยินมาเท่านั้นเจ้าคะ” ฉ่ายเวินเอ่ยขึ้นอย่างโมโหว่า “เรื่องราวที่ได้ยินมาก็กล้าที่จะนำมาตอบคำถามของข้างั้นหรือ รีบไปสอบถามให้ชัดเจนแล้วคอยกลับมาบอกข้าเดี๋ยวนี้” เพิ่งสิ้นเสียงคำพูดนี้ลงไป ด้านนอกก็มีเสียงประกาศดังก้องดังกังวานขึ้นมาว่า “ฮ่องเต้เสด็จ” ฉ่ายเวินงุนงงเล็กน้อย รีบร้อนจัดการอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ แล้วรีบย่อกายลงรับเสด็จ นางยิ้มอย่างอ่อนหวานมองยังหลี่เฉินเย่นที่ก้าวเข้ามายังประตูตำหนัก แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาตรงใบหน้าของเขา นางตรวจดูสีหน้าของเขาอย่างละเอียด เห็นเขาคล้ายกับมีเรื่องที่น่ายินดีปรีดาปรากฏออกมา ก็รู้สึกหนักในใจขึ้นมาเล็กน้อย ดูแล้วการเล่นงานเมื่อวานคงไม่สำเร็จสินะ เมื่อวาน นางได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เดิมทีคิดว่าสามารถเหยี่ยวรั้งซูเซี่ยและเชียนซาน หรือแม้ผู้คนในจวนซือคงเอาไว้ได้ แต่ล่วงเลยมานานข่าวคราวก็ไม่มีส่งกลับมา คนของหลิงกุ้ยไท่เฟยก็ไม่ได้มา อีกทั้งคนของเฉินหยวนชิ่งก็ล้วนไม่ได้มา นี่จึงทำให้นางนอนไม่หลับทั้งคืน แต่นางก็ไม่สะดวกที่จะสั่งให้คนออกไปสืบข่าวคราว “ศิษย์พี่ ใยท่านจึงมาแต่เช้าตรู่เช่นนี้ละเจ้าคะ วันนี้ไม่ว่าราชการตอนเช้าหรือเจ้าคะ ” ฉ่ายเวินเดินเข้าไปต้อนรับแล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม จังหวะการก้าวเดินของหลี่เฉินเย่นนั้นดูสบายอกสบายใจ อารมณ์ที่แสดงออกมาบนใบหน้าก็ดูดีอกดีใจ จ้องมองยังฉ่ายเวินแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเดาดูสิว่าข้าพาผู้ใดกลับมาด้วย” ใบหน้าที่ดูอ่อนเพลียอยู่บางส่วนของฉ่ายเวิน กลับยังคงต้องฝืนยิ้มที่ดูเหมือนทั้งตกใจและดีใจออกมา “พี่สาวกลับมาแล้วใช่หรือเปล่าเจ้าคะ เชียนซานไม่ได้มีปัญหาแล้วหรือเจ้าคะ” หลี่เฉินเย่นยื่นนิ้วออกมาแล้วส่ายไปมา เอ่ยอย่างดูลึกลับอย่างมากขึ้นว่า “พี่สาวของเจ้าไม่ช้าก็เร็วต้องกลับมาอยู่แล้ว จะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจได้อย่างไร ลองเดาดูอีกครั้งเถิด” ฉ่ายเวินประหลาดเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้า “ไม่ใช่พี่สาวงั้นคือผู้ใดกันหรือเจ้าคะ ข้าเดาไม่ออกเจ้าคะ” นางเอ่ยอย่างหมดความสนใจ ผู้ใดปรากฏตัวขึ้นสำหรับนางแล้วพูดได้ว่าล้วนไม่สามารถนางประหลาดใจและดีใจได้ คนที่นางใส่ใจมีเพียงบุคคลตรงหน้าเท่านั้น หลี่เฉินเย่นยิ้มออกมา ใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยความประหลาดใจและดีใจ แล้วจึงหันศีรษะกลับร้องตะโกนขึ้นว่า “ออกมาเถอะ” ฉ่ายเวินเงยหน้าขึ้น มองไปทางประตูโค้งที่สดใสงดงามของแสงแดด เพียงเห็นเงาสีฟ้าของร่างที่ปรากฏออกมาจากหน้าประตูที่ค่อยๆเดินออกมาอย่างไม่รีบร้อน เลือดทั่วร่างของฉ่ายเวินก็แข็งตัวทันที สีหน้าของนางนั้นดูตกตะลึง รีบถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว ทั่วร่างสั่นเล็กน้อย น้ำเสียงก็ปรับเปลี่ยนไป “เจ้า....” หลี่เฉินเย่นมองยังนาง ก็พลันมีรอยยิ้มที่คาดเดาได้ยากปรากฏออกมา “เหมือนกับชิงเอ๋ออย่างมากใช่หรือไม่” ขู่เอ่อร์เข้ามาแสดงความเคารพ “ขู่เอ่อร์คาระวะฉ่ายเวินนายหญิงเจ้าคะ” ฉ่ายเวินอ้าปากค้าง ยังคงยากจะปกปิดอารมณืที่แสดงถึงความประหลาดใจ ชี้ไปที่ขู่เอ่อร์แล้วเอ่ยถามหลี่เฉินเย่นว่า “ศิษย์พี่....นางคือ....” หลี่เฉินเย่นดึงขู่เอ่อร์ให้ลูกขึ้น ยิ้มแล้วแนะนำว่า “นางมีนามว่าขู่เอ่อร์ เป็นสาวใชที่คอยปรนนิบัติข้างกายพี่สาวของเจ้า เหมือนกับชิงเอ๋อมากใช่หรือไม่ ตอนที่ข้าพบนางก็ตกใจอย่างมาก ยังคิดว่าชิงเอ๋อกลับมาแล้วซะอีก” ฉ่ายเวินจึงเพิ่งยิ้มออกมาได้ แต่ยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติอย่างมาก หัวเราะเฮอะเฮอะออกมาครู่หนึ่ง สายตาจับจ้องขู่เอ่อร์อย่างไม่วางตา พึมพำเอ่ยขึ้นว่า “เหมือนอย่างมากจริงๆเจ้าคะ ข้าก็ตกใจเช่นกัน” หลี่เฉินเย่นจ้องมองฉ่ายเวิน แล้วเอ่ยว่า “เห็นนางแล้ว ข้าจึงคิดถึงชิงเอ๋อมากทีเดียว ที่จริงคิดว่าจะออกคำสั่งให้คนออกตามหาพวกเขาสามีภรรยาไม่ได้คิดขอให้กลับมาอยู่ด้วยกัน เพียงคิดอยากรู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่อย่างสุขสบายดีหรือไม่” ฉ่ายเวินเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เอ่ยอย่างไม่ทันคิดว่า “นางจะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน พวกเราล้วนอย่าไปรบกวนพวกเขาเลยเจ้าคะ” หน้าตาของหลี่เฉินเย่นดูเคร่งขรึมลง บนใบหน้าดูมีอารมณ์ที่สงบนิ่ง “อืม พี่จะทำตามที่เจ้าบอก” ฉ่ายเวินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ นางมองยังขู่เอ่อร์อย่างมีข้อสงสัยแล้วเอ่ยว่า “เจ้าก่อนไปก่อนเถอะ ข้าต้องการพูดคุยกับศิษย์พี่สักครู่” ขู่เอ่อร์ย่อกายคารวะ แล้วเอ่ยอย่างหวาดกลัวขึ้นว่า “เจ้าคะ” พูดจบ ก็บิดตัวถอยหลังออกไป ทุกท่วงท่าล้วนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองฉ่ายเวินแม้แวบเดียว หลี่เฉินเย่นจับจูงที่ข้อมือของฉ่ายเวินแล้วเอ่ยถามว่า “เจ้าดูเหมือนไม่ชอบขู่เอ่อร์” ฉ่ายเวินฝืนใจยิ้มออกมา แล้วเอ่ยว่า “นางไม่ใช่ศิษย์พี่ชิงเอ๋อ ข้าจะชื่นชอบนางไปเพื่อสิ่งใดละเจ้าคะ แม้นางจะเหมือนกับศิษย์พี่อย่างมาก แต่ไม่สามารถเทียบกับศิษย์พี่ได้เลย นางก็เป็นแค่สาวน้อยชนบทผู้หนึ่ง” หลี่เฉินเย่นส่ายหน้า เอ่ยอย่างรักใคร่ว่า “เด็กโง่ ชิงเอ๋อก็เป็นสาวน้อยชนบทผู้หนึ่งเช่นกัน” เติบโตในหุบเขา ใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขา ถูกบรรยากาศที่แสนบริสุทธ์ในหุบเขาชักจูง ชิงเอ๋อบริสุทธิ์ดั่งเช่นกับลำธารเล็กๆบนภูเขาที่น้ำใสสะอาดบริสุทธิ์ เวลานั้นฉ่ายเวินก็เป็นเช่นนั้นเช่นเดียวกัน ฉ่ายเวินนั้นเงียบขรึม มองหลี่เฉินเย่นเดินเข้าไปในด้านในตำหนักอยู่เงียบๆ เพิ่งนั่งลง หลี่เฉินเย่นก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าได้สั่งให้กรมพิธีการเลือกวันเวลา ที่จะจัดงานพิธีการแต่งตั้งเจ้าเป็นองค์หญิง ต่อไปเจ้าและข้าก็จะเป็นพี่น้องที่แท้จริงกันแล้ว หลังแต่งตั้งเจ้าแล้ว ข้าจะจัดพิธีอภิเษกสมรสกับซูเซี่ย แต่งตั้งนางขึ้นเป็นฮองเฮา ต่อไปครอบครัวของพวกเราก็จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเบิกบานใจแล้ว” คำพูดที่เขาเอ่ยออกมานี้ดูไม่สมเหตุสมผลอย่างมาก แต่กลับเป็นการรอคอยที่แสดงงดงาม แม้เขาจะเป็นฮ่องเต้ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่หวังอย่างยิ่งว่าจะเป็นคนที่มีความสุขใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เขามีคนที่เขาใส่ใจ และมีเรื่องที่ใส่ใจเช่นกัน ฉ่ายเวินนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองหลี่เฉินเย่น เอ่ยขึ้นอย่างเงียบๆว่า “ทั้งหมดนี้ ศิษย์พี่จะตัดสินใจเองแต่เพียงผู้เดียวไม่ได้เจ้าคะ ” หลี่เฉินเย่นถอนหายใจออกมา เขาจ้องมองฉ่ายเวินแล้วเอ่ยถามว่า “เจ้ามีสิ่งใดที่จะพูดกับข้าหรือไม่ ข้ารับปากเจ้าไม่ว่าก่อนหน้านี้เจ้าเคยทำอะไร ข้าล้วนที่จะสามารถทำเป็นว่าไม่ได้เกิดสิ่งใดขึ้นมาเลย เจ้ายังคงเป็นศิษย์น้องของข้า” ฉ่ายเวินเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างดุดัน สายตายมีความตกตะลึงพาดผ่านขึ้นมาครู่หนึ่ง หลี่เฉินเย่นเอ่ยช้าช้าขึ้นว่า “ความแตกต่างของคนที่ฉลาดคนหนึ่งกับคนหนึ่งที่คิดว่าตนเองนั้นฉลาดอยู่ที่ คนฉลาดลงมือทำสิ่งใด หากไม่อยากให้คนรอบตัวรู้ คนรอบตัวก็ไม่อาจรู้ได้ ส่วนคนที่ทำตัวว่าเป็นคนฉลาด ไม่ว่าจะคิดวิธีการออกมาบทสุดท้ายล้วนถูกคนรู้เห็นอย่างชัดเจนอยู่ดี ฉ่ายเวินข้าไม่พูดไม่ได้หมายความว่าสิ่งใดล้วนไม่รู้ บางครั้งที่ไม่พูดเป็นเพราะยังคำนึงถึงไมตรีที่มีต่อกันในอดีต แต่ในใจของทุกคนล้วนมีขีดจำกัด บนขีดจำกัดเจ้าทำสิ่งใดข้าล้วนสามารถอดกลั้น แต่พอไปถึงขีดสุดแล้ว เช่นนั้นไม่ว่าไมตรีในอดีตที่ผ่านมาจะลึกซึ้งมากเพียงใด ล้วนไม่สามารถทำให้ข้าให้อภัยกับเหตุผลของเจ้าได้อีก” สีหน้าของฉ่ายเวินปรากฏความไม่พอใจขึ้นครู่หนึ่ง “คำพูดพวกนี้ที่ศิษย์พี่พูด เป็นเพราะว่ามีคนฟ้องท่านใช่หรือไม่ ศิษย์พี่เชื่อนางกลับไม่เชื่อข้าเช่นนั้นหรือ” เขาออกจากวังไปรอบแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงไปเรียบร้อยแล้ว จากที่นางดูแล้วคงเป็นซูเซี่ยที่เอ่ยพูดอะไรต่อหน้าเขา นางไม่เข้าใจว่าเกิดปัญหาได้อย่างไรกัน เรื่องนี้ตามเหตุผลแล้วพูดได้ว่าไม่สามารถที่จะกลับหาทางหนีทีไล่ได้ ตามกฏระเบียบผู้คนในตำหนักฉ่ายเหว่ยล้วนต้องส่งตัวไปยัง เกาะร้าง แม้ว่าเขามีใจปกป้องคนผิด แต่กฎหมายของบรรพบุรุษล้วนไม่อนุญาตให้ทำได้ เหล่าขุนนางในราชสำนักก็คงไม่ยืนเฝ้าดูอย่างนิ่งเฉยแน่นอน ในใจของหลี่เฉินเย่นนั้นรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เขาล้วนพูดออกมาอย่างชัดเจนแล้ว แต่นางกลับยังคงคิดว่ามีคนพูดจาทำให้นางเสียหายเช่นเดิม เขาจึงเอ่ยว่า “ด้วยความรู้สึกของข้าที่มีต่อเจ้า เจ้าไม่เคยทำเรื่องราวใดๆเลย ไม่ว่าผู้ใดจะพูดต่อหน้าข้าว่าเป็นเจ้าใช่หรือไม่ ข้าก็ล้วนไม่เชื่อ” “ถ้าอย่างนั้นศิษย์พี่ต้องการจะพูดว่าข้าทำสิ่งใดกันหรือเจ้าคะ” ฉ่ายเวินลุกยินขึ้นอย่างรีบร้อน แล้วเอ่ยถามขึ้นเสียงดัง หลี่เฉินเย่นเอียงตัวลงพิงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลัง ยกตาขึ้นสายตามีความดุดัน มุมปากยกโค้งขึ้นคล้ายมีความไม่พอใจอยู่เล็กน้อย “ฉ่ายเวิน ไม่ต้องทำให้ข้าเป็นเหมือนคนโง่งม วันนั้นคนที่วางยาพิษซูเซี่ย ไม่ใช่โหร่วยเฟย แต่เป็นเจ้า ข้าเห็นแก่มิตรภาพของศิษย์พี่ศิษย์น้องของพวกเรา จึงให้โหร่วยเฟยแบกรับความผิดนี้แทนเจ้ามาตลอด แต่เจ้ากลับได้คืบจะเอาศอก ไม่คิดกลับตัวกลับใจ เจ้าคิดว่าที่จริงแล้วข้ารักใคร่เอ็นดูเจ้าตลอด เจ้าก็สามารถทำผิดตามอำเภอใจใช่หรือไม่ ” ฉ่ายเวินหัวเราะขึ้นทันที แต่น้ำเสียงกลับเยือกเย็นอย่างหาสิ่งใดเปรียบมิได้ “มิน่าช่วงนี้ท่านจึงดีต่อโหร่วยเฟยขึ้นมา เดิมทีรู้อยู่ก่อนแล้วว่านางโดนใส่ร้าย ถ้าอย่างนั้นศิษย์พี่พูดมาเถิด ว่าข้าทำไมต้องวางยาพิษสตรีผู้นั้นกันหรือ” หลี่เฉินเย่นมองนางอย่างแน่วแน่ แต่ไม่ได้เอ่ยคำพูดใดออกมา ฉ่ายเวินหัวเราะอย่างเย็นชาต่อแล้วเอ่ยว่า “ศิษาย์พี่พูดไม่ออกหรือว่าไม่กล้าที่จะพูดกันแน่เจ้าคะ เป็นเพราะเหตุใดหรือเจ้าคะ เป็นเพราะในใจของข้าไม่ได้คิดว่าท่านเป็นศิษย์พี่ของข้าตั้งแต่แรก ข้าชื่นชอบท่าน ข้าต้องการแต่งให้กับท่าน ข้าต้องการเป็นภรรยาของท่าน...” เขานิ่งเงียบ แล้วเอ่ยขัดจังหวะคำพูดของนางขึ้นที่แฝงด้วยความโหดเหี้ยมบางส่วนว่า “ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ควรที่จะรู้ดีว่าภรรยาของข้ามีเพียงคนผู้นั้น ชั่วชีวิตนี้ ชีวิตต่อไปในภายภาคหน้าล้วนไม่สามารถเป็นเจ้าได้” ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่ก่อนแล้ว แต่เขาพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ยังทำให้ใจของนางเจ็บปวดเกลียดความเจ็บปวดนี้ นางมองที่เขาอย่างแค้นใจ บีบถามขึ้นว่า “เพราะเหตุใดหรือ ข้าสู้นางไม่ได้ตรงไหนหรือ” หลี่เฉินเย่นเอ่ย “ไม่ใช่ว่าเจ้าสู้นางไม่ได้ แต่เจ้าคือศิษย์น้องข้าข้า แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยคิดที่จะอยู่ร่วมกับเจ้า” ฉ่ายเวินยิ้มอย่างเย็นชาขึ้น “หรือว่าศิษย์พี่ชิงเอ๋อไม่ไช่ศิษย์น้องของท่านหรือ ตอนแรกทำท่านจึงชื่นชองนางกันหรือ ในเมื่อท่านสามารถชื่นชอบศิษย์พี่ชิงเอ๋อได้ ก็ต้องสามารถชื่นชอบข้าได้เหมือนกัน” “ความรักไม่สามารถฝืนใจได้ ฉ่ายเวิน เจ้าน่าจะเข้าใจดี” หลี่เฉินเย่นเห็นนางยิ่งพูดยิ่งควบคุมตนเองไม่ได้ จึงอดไม่ได้ที่จะเสียใจ วันนี้ความจริงไม่ใช่โอกาสที่เหมาะแก่การเปิดไพ่ในมือ วันนี้เขาได้สั่งการให้ออกตามหาตัวชิงเอ๋อก่อนแล้ว อาจจะควรที่จะรอให้ตามหาชิงเอ๋อพบแล้วค่อยพูดเรื่องนี้กับฉ่ายเวินอีกครั้ง ฉ่ายเวินหมุนกาย แล้วเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ใช่แล้ว ความรักไม่สามารถที่จะฝืนใจกันได้ ข้าไม่ได้ฝืนใจศิษย์พี่ให้ชื่นชอบข้า แต่ศิษย์พี่ก็ไม่ต้องฝืนใจข้าที่ไม่สามารถชื่นชอบท่านได้” หลี่เฉินเย่นเพียงลุกขึ้น เขามองแผ่นหลังของฉ่ายเวินแล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่อาจฝืนใจเจ้าได้ แต่ข้าจะบอกกับเจ้าก่อนว่า เจ้าไม่สามารถทำเช่นนี้เพราะเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองแล้วลงมือทำร้ายผู้อื่น มิฉะนั้น...” หลี่เฉินเย่นยังเอ่ยพูดไม่จบ ฉ่ายเวินก็หมุนกายกลับมา สีหน้าแฝงด้วยการประชดแล้วเอ่ยถามอย่างไม่แยแสว่า “มิฉะนั้นจะเป็นเช่นไนกันหรือ ต้องการสังหารข้าใช่หรือไม่ ศิษย์พี่เพียงจดจำการรับปากท่านพ่อในวันนั้น พูดว่าเพื่อข้าจะหาคู่ครองที่ดีให้กับข้า กลับลืมแล้ว่าท่านพ่อเคยต้องการท่านตกลงว่าไม่ว่าวันข้างหน้าข้าจะทำผิดอะไร ล้วนจะไม่ถือสาโกรธเคืองข้าใช่หรือไม่ ” หลี่เฉินเย่นมองฉ่ายเวินอย่างตะลึงงันเล็กน้อย “ข้าไม่ได้ลืม เพียงในใจของข้าเจ้าล้วนเป็นสาวน้อยที่จิตใจดีผู้นั้นตลอดเวลา ตอนนั้นข้าคิดว่าฉ่ายเวินลงมือทำเรื่องใด ล้วนไม่อาจทำให้ข้าโกรธเคืองจริงๆได้หรอก” ฉ่ายเวินส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมาอย่างหดหู่ “ศิษย์พี่ เชื่อมั่นในตัวข้าเช่นนี้ ข้าดีใจยิ่งนัก แต่ว่าก็แสดงให้เห็นว่าความจริงแล้วท่านไม่ได้ปฏิบัติต่อข้าอย่างที่ควรปฏิบัติกับหญิงสาวผู้หนึ่ง ในใจของท่าน ข้าล้วนเป็นเพียงเด็กสาวในหุบเขาผู้นั้นตลอดไป” หลี่เฉินเย่นเอ่ยว่า “เจ้าเป็นเด็กสาวที่อยู่ในหุบเขาตลอดไปไม่ดีหรือ เจ้าไม่เหมาะที่จะเป็นคนที่เหี้ยมโหด กลับตัวซะ ฉ่ายเวิน อย่างต้องทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกเลย” “ข้าไม่ได้โหดเหี้ยม ข้าเพียงปกป้องความสุขของตนเองเท่านั้น” ฉ่ายเวินเอ่ยอย่างไม่แยแสว่า “ข้าต้องการหวีผมล้างหน้าและแต่งตัวแล้ว ขอให้ศิษย์พี่กลับไปซะเถอะ” พูดแล้วก็เดินเข้าไปให้ห้องนอนเงียบๆ ไม่สนใจไยดีหลี่เฉินเย่นอีกเลย หลี่เฉินเย่นสับสนอยู่เป็นเวลานาน ในใจก็รู้สึกท้อแท้หมดหวัง ไร้เดียงดาคือเขา คือเขาที่คิดตลอดว่าฉ่ายเวินในความทรงจำของตนไม่เคยเปลี่ยนไป แต่ความจริงแล้ว ฉ่ายเวินไม่ใช่ฉ่ายเวินในอดีตมาตั้งนานแล้ว
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 169 ฉีกหน้า
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A