ตอนที่ 171 โหดร้าย
1/
ตอนที่ 171 โหดร้าย
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 171 โหดร้าย
ตนที่ 171 โหดร้าย หลี่เฉินเย่นถลาไปข้างหน้า ชายหนุ่มผลักชูเซี่ยออกไปก่อนจะตรงเข้าไปรับร่างของฉ่ายเวินเข้ามาในอ้อมกอด “ทำไมเจ้าจึงทำเรื่องโง่เช่นนี้” ฉ่ายเวินแย้มรอยยิ้มขมขื่นก่อนมือน้อยๆของนางจะชี้ไปที่ชูเซี่ย “นางกล่าวหาว่าข้าฆ่าท่านพ่อ ฆ่าศิษย์พี่หญิง ทั้กล่าวหาว่าข้าฆ่าเฉินอวี่จู๋ มาตอนนี้ก็ยังคิดจะวางยาพิษสังหารโหร่วยเฟยอีก ข้าไม่ได้ทำ ศิษย์พี่ ข้ายอมรับว่าข้าโกหกท่าน ความจริงแล้วข้าชอบท่านมาตลอด ข้าไม่ชอบชูเซี่ย ข้าเคยวางยานางก็จริงอยู่ แต่ข้าไม่เคยคิดจะฆ่านาง พิษที่ข้าวางไม่สามารถทำให้คนตายได้ ข้าไม่เคยฆ่าคน นางใส่ร้ายข้า!” ชูเซี่ยดวงตาเบิกกว้างมองนางอย่างไม่เชื่อสายตา หญิงสาวส่ายหน้าไปมา “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ข้าเคยพูดเรื่องเช่นนี้ตอนไหนกัน” ฉ่ายเวินจับหน้าอกข่มความเจ็บปวดของตนไว้ มุมปากของนางมีเลือดไหลออกมา ใบหน้างามขาวซีด นางพยายามอ้าปากเอ่ยออกมาอย่างยากเย็น “ท่านไม่ได้พูด? เช่นนั้นท่านกล้าสาบานหรือไม่เล่า” ฉ่ายเวินหันกลับมามองหน้าหลี่เฉินเย่นก่อนจะแนบหน้านางลงแผ่นอกกว้างของชายหนุ่มอย่างอ่อนแรงพร้อมทั้งเอ่ยเสียงแหบแห้ง “ศิษย์พี่ ข้าใกล้จะตายอยู่แล้วข้าไม่มีทางโกหกท่าน เรื่องที่ข้าทำข้าล้วนยอมรับแต่เรื่องใดที่ข้าไม่ได้ทำข้าจะไม่มีวันยอมรับโดยเด็ดขาด ครั้งนั้น… ” หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อรวบรวมกำลังที่จะพูดต่อไปทั้งยังแสดงท่าทางเจ็บปวด “ครั้งนั้นข้าแอบวางยานางกับจูเก๋อหมิงก็จริง แต่นั่นก็เพราะจูเก๋อหมิงมาบอกข้าว่าเขารักนางมาก อยากพานางออกไปจากวังนี้พร้อมกับเขา เพราะเช่นนั้นข้าจึงได้ช่วย… พวกเขา ก่อนหน้านี้พวกเขาก็อยู่ด้วยกันมาก่อนแล้ว จริงๆนะเจ้าคะ หากท่านไม่เชื่อ ครั้งหนึ่งข้าเคยได้ยินนางกับจูฟางหยวนกำลังพูดคุยกัน จูฟางหยวนเตือนสตินางให้รู้จักเห็นค่าของท่าน แต่ทว่านางกลับไม่อาจปล่อยวางจูเก๋อหมิงได้… ” นางกล่าวไปร่างบางก็สั่นสะท้าน น้ำตาไหลรินลงมาอาบแก้ม ดวงตาฉายแววล้ำลึก “เรื่องที่ข้ากล่าวไปทั้งหมดไม่มีการโกหกแม้แต่น้อน หากว่าท่านคิดว่าข้าโกหกก็สามารถโบยข้า… ” จากนั้นนางก็กระอักเลือดออกมา เลือดที่ออกมาเป็นสีดำจนน่ากลัว ร่างทั้งร่างของนางสั่นสะท้านไม่รู้ว่าเป็นเพราะความหนาวเหน็บหรือความเจ็บปวด หลี่เฉินเย่นโอบกอดร่างของฉ่ายเวินไว้ ชายหนุ่มมองร่างกายที่อ่อนแอลงเรื่อยๆของนางด้วยหัวใจที่สั่นไหวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองชูเซี่ย “เจ้ายังไม่รีบมาช่วยนางอีกหรือ” ชูเซี่ยนิ่งไป แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่นางจะต้องมาใส่ใจกับท่าทางของเขา นางก้าวไปข้างหน้าเพื่อจะช่วยฉ่ายเวินห้ามเลือด แต่ฉ่ายเวินกลับใช้ขาถีบนางจนนางซึ่งยังไม่เตรียมตัวถึงกลับถูกเตะจนกระเด็นไปกระแทกกับเก้าอี้จนเกิดเสียงดังขึ้น ฉ่ายเวินมองมาที่นางด้วยประกายกร้าว “ข้าเกลียดนาง ข้าไม่ต้องการให้นางมาช่วยข้า ศิษย์พี่ ท่านก็ให้ข้าตายเสียเถิด อย่างไรเสียในใจของท่านข้าก็เป็นเพียงสตรีโหดเหี้ยมผู้หนึ่งเท่านั้น ท่านก็ให้ข้าตายเสียเถิด!” กล่าวจบนางก็ร้องห่มร้องไห้ออกมาเสียงดัง หลี่เฉินเย่นเห็นท่าทางเช่นนั้นก็เอ่ยปลอบโยนนางอย่างลนลาน “ได้ ได้ ไม่ให้นางช่วยเจ้าก็ได้ ศิษย์พี่จะพาเจ้าไปหาหมอหลวงเอง เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร ศิษย์พี่จะไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรแน่!” จากนั้นชายหนุ่มก็อุ้มร่างของนางขึ้นจากพื้นและวิ่งพรวดออกไป ชูเซี่ยทำได้เพียงมองตามหลังของชายหนุ่มด้วยสีหน้ายากจะบรรยาย ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันทำให้หญิงสาวถึงกับมึนงงอยู่ชั่วขณะก่อนที่นางจะค่อยๆคิดถึงท่าทางของหลี่เฉินเย่นเมื่อครู่แล้วก็นิ่งไป เขาเชื่อที่ฉ่ายเวินพูด! ความจริงแล้วฉ่ายเวินนางเป็นคนที่ฉลาดมาก นางรู้ว่าหลี่เฉินเย่นสั่งให้คนคอยจับตาดูตำหนักฉ่ายเหว่ยมาโดยตลอด ดังนั้นหากนางเกิดเรื่องที่นี่หลี่เฉินเย่นจะต้องมาอย่างแน่นอน ละครฉากนี้ของนางล้ำลึกนัก ฉ่ายเวินไม่ได้บอกกล่าวหาว่านางเป็นคนทำร้ายแต่นางตั้งใจจะทำให้ดูเหมือนนางเป็นคนบีบบังคับให้ฉ่ายเวินต้องฆ่าตัวตาย ส่วนตัวนางเองก็ไม่ได้ห้ามนางทำให้หลี่เฉินเย่นมองว่านางเป็นคนที่บับบังคับนางจริงๆ จากนั้นฉ่ายเวินก็ใส่ร้ายนางเพิ่มอีกหลายข้อหา ทั้งเรื่องที่กล่าวว่านางเป็นคนใส่ร้ายว่าฉ่ายเวินสังหารบิดาตนเอง ฆ่าศิษย์พี่หญิงตนเอง วางยาสังหารเฉินอวี่จู๋และโหร่วยเฟยนางก็ล้วนกล่าวมาทั้งหมด อาจารย์ของหลี่เฉินเย่นเป็นผู้ที่หลี่เฉินเย่นรักและให้ความเคารพนับถือมากที่สุด การที่ได้รับรู้ว่าบุตรสาวของท่านอาจารย์เป็นผู้ลงมือสังหารท่านซึ่งเป็นบิดาแท้ๆนั้นชายหนุ่มย่อมไม่มีวันเชื่อและยอมรับได้อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จเขาก็ย่อมเชื่อคำพูดของฉ่ายเวินไม่เชื่อนางแน่ อีกทั้งฉ่ายเวินยังยอมรับผิดเรื่องที่วางยานางและจูเก๋อหมิงแต่โดยดี แต่กลับบอกว่าเรื่องที่นางไม่ได้ทำถึงตายก็ไม่ยอมรับทำให้หลี่เฉินเย่นเข้าใจว่าเป็นนางที่เป็นผู้บีบบังคับให้ฉ่ายเวินต้องยอมรับสิ่งที่ไม่ได้ทำทั้งยังบังคับให้นาง ‘ตาย’ ทางอ้อมอีกด้วย! หว่านเหนียงเดินเข้ามาถามในห้องด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “เกิดอะไรขึ้นหรือ” ชูเซี่ยหันไปมองหน้านางก่อนจะยิ้มขมขื่น “บอกได้แค่ว่านางกำลังวางแผนจัดการเรา ทั้งพวกเรายังยากจะรับมือเสียด้วยสิ!” หว่านเหนี่ยงกระทืบเท้าอย่างขัดใจ “นึกไม่ถึงว่านางจะเป็นสตรีเจ้าเล่ห์ถึงเพียงนี!” ชูเซี่ยคิดถึงคำพูดที่ฉ่ายเวินกล่าวเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าฉ่ายเวินพยายามจะทำให้เชียนคิดว่าที่นางทำไปทั้งหมดนี้เกิดจากการที่นางหึงหวงเขาและโทษว่าทุกอย่างกลายเป็นความผิดของนางเสียเอง แม้ว่านางจะไม่ใช่จิตแพทย์แต่นางก็พอจะดูออกว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติมาก คนคนหนึ่งที่ขวนขวายสิ่งที่ตนเองต้องการมาตลอดชีวิตแต่กลับไม่เคยได้มันก็ต้องมีสักวันที่ความอดทนจะสิ้นสุดและทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ ฉ่ายเวินเองก็เช่นกัน และที่สำคัญที่สุดก็คือคนที่มีปัญหาทางจิตเช่นนี้มักจะสามารถทำสิ่งที่เหลือเชื่อและผู้อื่นคาดไม่ถึงขึ้นมาได้ หือจะกล่าวว่าฉ่ายเวินในตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็สามารถทำได้ทั้งนั้น คนปกตินางยังสามารถคาดเดาพฤติกรรมและหาทางป้องกันได้ แต่สำหรับคนที่มีปัญหาทางจิตเช่นนี้ไม่ว่าอย่างไรเราก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่านางจะคิดทำสิ่งใดและลงมือกับใคร เป็นปัญหาที่แทบจะหาทางป้องกันไม่ได้ ใบหน้าของขู่เอ่อร์ที่ยืนอยู่ข้างประตูมาสักพักค่อยๆปรากฎร่องรอยของความเจ็บปวดและเสียใจขึ้นมา พอดีกับที่ชูเซี่ยกวาดสายตาไปพบเข้าพอดี นางจึงพินิจดูสีหน้าของอีกฝ่ายเงียบๆไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ในเช้าวันที่สองก็มีข่าวแพร่กระจายออกมาจากตำหนักหยงหมิงแต่ทว่ากลับถูกปิดบังไม่ให้มาถึงหูของชูเซี่ย หว่านเหนี่ยงเองจึงถามเอากับข้าหลวงในวัง “เหตุการณ์เป็นอย่างไรบ้าง” ข้าหลวงผู้นั้นจึงบอกข่าวที่ตนเองได้ยินมา “ได้ยินมาว่าฝ่าบาทเรียกหมอหลวงถึงห้าคนไปรักษาองค์หญิงฉ่ายเวินแล้ว ได้ยินมาว่าอาการสาหัสนัก” “ฝ่าบาททรงอยู่ที่ตำหนักหยงหมิงมาตลอดเลยหรือ เช้านี้พระองค์ควรออกว่าราชการไม่ใช่หรือ!” หว่านเหนี่ยงขมวดคิ้ว ข้าหลวงผู้นั้นจึงเอ่ยตอบ “ฝ่าบาทอยู่ที่ตำหนักหยงหมิงทั้งคืนเลย ข้าน้อยได้ยินมาว่าวันนี้ฝ่าบาทไม่ทรงไปออกว่าราชการที่ท้องพระโรงก็ไม่ได้ส่งคนไปบอกกล่าวแก่เหล่าขุนนาง ทรงปล่อยให้เหล่าขุนนางร้อยกว่าชีวิตยืนรออยู่ที่ท้องพระโรงตลอดช่วงเช้าเลยขอรับ!” หว่านเหนี่ยงถามขึ้นด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “องค์หญิงฉ่ายเวินบาดเจ็บหนักถึงเพียงนั้นเลยหรือ” “ได้ยินมาเช่นนั้นขอรับ ทั้งคืนฝ่าบาททรงไม่ออกห่างจากนางแม้แต่ก้าวเดียว!” หว่านเหนียงจึงให้ข้าหลวงผู้นั้นออกไปสืบหาข่าวคราวมาเพิ่ม เมื่อหันหลังกลับไปหว่านเหนียงก็พบว่าชูเซี่ยมายืนอยู่ด้านหลังนางเมื่อใดก็ไม่ทราบทำเอานางถึงกับตกอกตกใจ “นายหญิง ท่านได้ยินทั้งหมดเลยหรือเจ้าคะ” ชูเซี่ยพยักหน้ารับ “เจ้าไปทูลถามฝ่าบาทเถิดว่าต้องการให้ข้าไปหรือไม่!” หว่านเหนียงถึงกับตื่นตระหนก “หากนายหญิงไปในเวลานี้ย่อมเป็นการหาเรื่องใส่ตัวนะเจ้าคะ ฝ่าบาทเองก็ทรงโกรธเคืองท่านมาทั้งคืน หากว่าท่านไปแล้วหญิงผู้นั้นเอ่ยคำพูดให้ร้ายท่านอีกสองสามคำก็เกรงว่าฝ่าบาทจะโทษว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของท่านทั้งหมดแน่เจ้าค่ะ!” ชูเซี่ยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “เขาคิดเห็นเช่นไรก็ปล่อยเขาไปเถิด หากว่าเขาเลือกจะเชื่อฉ่ายเวินแต่ไม่เชื่อข้าข้าเองก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่ทว่าไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่อาจเพิกเฉยต่อคนที่ใกล้จะตายได้!” หว่านเหนี่ยงมองนายหญิงของตนอย่างเวทนาสงสาร “จรรยาบรรณของท่านหมอที่ทุ่มเทเพื่อคนไข้ไม่ใช่ไม่ดี แต่ทว่าก็มีคนบางประเภทที่เมื่อช่วยแล้วก็สามารถทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนได้!” ขู่เอ่อร์ที่นิ่งเงียบมาตลอดเมื่อได้ยินคำพูดของหว่านเหนี่ยงนางก็เงยหน้าขึ้นมามองชูเซี่ยจากนั้นก็ถอนหายใจอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมาบ้าง “แต่ทว่าการเป็นแพทย์นั้นย่อมเห็นแก่การช่วยเหลือผู้ป่วยก่อนสิ่งอื่นใด นี่เป็นสิ่งที่ท่านอาจารย์...ท่านพ่อของข้าสอนเอาไว้เจ้าค่ะ” หว่านเหนี่ยงหันมามองขู่เอ่อร์อย่างแปลกใจ “บิดาของเจ้าเป็นหมอหรือ” ขู่เอ่อร์ส่ายศีรษะ “ไม่เชิงเจ้าค่ะ แต่ก็นับว่าพอรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง ตอนที่อยู่บ้านบางวันเขาก็รักษาพวกกระต่ายกับพวกจิ้งจอก บางวันอาจจะมีชาวบ้านมาให้เขารักษาอยู่บ้างและเขาก็ไม่เคยปฏเสธที่จะช่วยเหลือผู้คนเหล่านั้นเลยสักครั้ง” สีหน้าของขู่เอ่อร์ฉายแววเจ็บปวดจนชูเซี่ยถึงกับนิ่งไปก่อนจะหันมาพูดกับหว่านเหนี่ยง “เจ้าก็ไปถามพระองค์หน่อยเถิด!” หว่านเหนียงจึงรับคำสั่งและเดินออกไป ภายในตำหนักเหลือเพียงแค่ขู่เอ่อร์และชูเซี่ยเท่านั้น นอกตำหนักก็มีเหล่านางกำนัลและข้าหลวงกำลังทำหน้าที่ของตนอยู่ ชูเซี่ยสามารถเห็นร่างของพวกนางเดินไปเดินมาจากหน้าต่างในตำหนัก ชูเซี่ยเอ่ยถามขึ้นทำลายความเงียบ “ขู่เอ่อร์ เจ้าสามารถเล่าเรื่องของเจ้าให้ข้าฟังได้หรือไม่” ขู่เอ่อร์ถึงกับเงยหน้ามองชูเซี่ยอย่างตื่นตะลึง เมื่อสบเข้ากับสายตาเป็นประกายของชูเซี่ยนางก็ทำได้เพียงแค่ส่ายหน้าอย่างเศร้าใจ “หม่อมฉันไม่มีเรื่องอะไรจะเล่าเลยเพคะ!” “ชีวิตคนเราก็ล้วนมีเรื่องอัดอั้นตันใจที่ไม่อาจปล่อยวางได้ด้วยกันทั้งสิ้น เรื่องที่เจ้าเก็บไว้ในใจคงเป็นเรื่องที่ทุกข์ทรมานมากสินะ เจ้าก็ลองระบายออกมาเถิด คิดเสียว่าเป็นการพูดคุยเฉยๆก็ได้” ชูเซี่ยกล่าวจบนางก็สาวเท้าไปลากขู่เอ่อร์มานั่งใกล้ๆ ขู่เอ่อร์นิ่งเงียบไปนานก่อนจะยอมอ้าปากเล่า “เมื่อก่อนข้าเคยมีน้องสาวคนหนึ่ง ข้ารักนางมากจนข้าคิดว่าหากนางต้องการดวงดาวบนท้องฟ้าข้าก็คงต้องตามหามาให้นางแน่ นางไร้เดียงสา มีชีวิตชีวา เรียบง่ายและงดงามราวกับเทพธิดาที่ตกลงมาจากสวรรค์ลงมาอยู่บนโลกมนุษย์” “จากนั้นเล่า” ชูเซี่ยถามต่อ ขู่เอ่อร์ค่อยๆหลับตาลงราวกับข่มกลั้นน้ำตาที่เอ่อออกมาจากนั้นก็หายใจเข้าลึกๆรวบรวมความกล้าที่จะเล่าต่อไป “ตอนนี้ มาตอนนี้นางกลับไม่ใช่น้องสาวของข้าอีกต่อไปแล้ว นางเคยลงมือทำร้ายข้าอย่างโหดเหี้ยม ตัวข้าที่รักนางมากเหลือเกินไม่อาจยอมรับได้จริงๆว่านางจะลงมือทำร้ายข้าได้ ข้าอยากถามนางว่าทำไมแต่ข้าก็ไม่เคยได้ถามออกไป ข้าอยากแก้แค้นแต่ทว่ายามที่ข้าพบนางข้าก็คิดไปถึงช่วงเวลาที่นางยังเป็นเพียงเด็กสาวที่เรียบง่ายและไร้เดียงสาข้าก็ไม่อาจลงมือได้!” ชูเซี่ยก็ถามต่อ “คนผู้นั้นคือฉ่ายเวิน ส่วนเจ้าก็คือชิงเอ๋อใช่หรือไม่” ร่างทั้งร่างของขู่เอ่อร์ยังคงนิ่ง ใบหน้าของนางก็ยังคงเรียบสนิทไม่มีวี่แววตกใจแต่กระนั้นนางก็ยอมพยักหน้ารับแต่โดยดี “ความจริงแล้วที่ข้าขายตัวเพื่อแลกกับการเอาเงินฝังศพบิดานั้นก็เพื่อที่จะหาโอกาสเข้าใกล้ท่าน ตอนที่ข้ากลับมายังเมืองหลวงก็ได้ยินว่าท่านคือหญิงสาวที่ศิษย์พี่รัก ขอเพียงแค่ข้าติดตามท่านท่านก็ต้องเข้าวังแน่ ข้ารู้ว่าฉ่ายเวินนางอยู่ในวัง ตอนนั้นความตั้งใจเดียวของข้าก็คือได้ถามนางจะชัดเจนไปเลยว่านางมีเหตุผลอะไรถึงได้ทำกับข้าเช่นนี้ ข้าเกลียด ข้าเคียดแค้นนางเหลือเกิน แต่ทว่ายามนี้เมื่อรู้ว่านางบาดเจ็บสาหัสข้าก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา แค้นนี้ข้าคงไม่อาจลงมือชำระได้อีกแล้ว” ชูเซี่ยมองหน้านาง “ตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ” ขู่เอ่อร์ก้มหน้าลงซบกับฝ่ามือทั้งสองข้างของตนเอง เมื่อหวนนึกไปถึงเรื่องครั้งนั้นนางก็แทบไม่อยากหายใจ สำหรับนางแล้วเรื่องครั้งนั้นเป็นฝันร้ายที่นางไม่เคยตื่นขึ้นมาเลยสักครั้ง! นานทีเดียวกว่านางจะยอมเงยหน้าขึ้นมาและลูบๆคลำๆบริเวณคางของตนเองจากนั้นก็ดึงหน้ากากหนังออกมาแล้วหันมาทางชูเซี่ย ชูเซี่ยตื่นตระหนกยกมือปิดปากที่เกือบหลุดเสียงร้องออกมา ใบหน้าของขู่เอ่อร์เต็มไปด้วยรอยแผลน่าเกลียดน่ากลัว นอกจากริมฝีปากและดวงตาใบหน้าทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยรอยแผลเป็นมากมายนับไม่ถ้วน หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน “อัปลักษณ์มากเลยใช่หรือไม่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้ายังไม่เคยกล้ามองหน้าของตนเองเลยสักครั้ง!” ชูเซี่ยเอ่ยถามออกมาเสียงเบาแทบจะกระซิบ “เป็นฝีมือของนางหรือ” ขู่เอ่อร์ลูบคลำรอยแผลบนใบหน้าของตนเอง ดวงตาของนางฉับพลันฉายแววเคียดแค้นออกมา นางกัดฟันพูด “เป็นฝีมือของนาง ผู้ใดจะคิดว่าหญิงสาวที่งดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ผู้นั้นจะลงมือกับข้าได้อย่างโหดร้ายถึงเพียงนี้ วันนั้นนางวางยาพิษลงในอาหารของข้า ตอนที่พิษยังไม่กำเริบนั้นฉ่ายเวินพาข้าไปที่ขอบหน้าผาจนเมื่อไปถึงที่นั่นพิษก็กำเริบขึ้นมา แต่ทว่าตอนนั้นข้าไม่คิดว่านางเป็นผู้ลงมือวางยาพิษข้า ข้าคิดเพียงว่าอาจเป็นเพราะข้าไม่ระวังยามฝึกฝนการใช้พิษจึงถูกพิษ เล่นงานเข้าโดยไม่รู้ตัว ข้าให้นางพยุงข้ากลับไปแต่ทว่านางกลับชักกริชออกมาและกรีดมันลงบนใบหน้าของข้าทีละแผลๆ เพราะข้าถูกพิษอยู่จึงไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้านขัดขืนนาง เพราะแบบนี้เองใบหน้าของข้าจึงได้กลับกลายเป็นอย่างทุกวันนี้”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 171 โหดร้าย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A