ตอนที่ 174 ในใจรู้สึกผิด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 174 ในใจรู้สึกผิด
ต๭นที่ 174 ในใจรู้สึกผิด หลังจากที่หลี่เฉินเย่นกลับออกไปหว่านเหนียงก็วิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้อง เชียนซานมองชูเซี่ยด้วยความสงสารเห็นใจ “นายหญิง เหตุใดท่านจึงต้องกล่าวออกไปเช่นนั้น ฝ่าบาทจะต้องคิดว่าท่านเป็นคนทำร้ายเฉินอวี่จู๋จริงๆแน่” หว่านเหนียงเองก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเจ้าค่ะ เมื่อครู่ฝ่าบาททรงพิโรธหนักมาเหลือเกิน พวกเราจะทำเช่นไรกันดี” ชิงเอ๋อที่เยือกเย็นกว่าใครเพื่อนเอ่ยขึ้นมา “ข้ากลับคิดว่าเรื่องที่นายหญิงทำลงไปไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย หากง่าข้าทายไม่ผิดพรุ่งนี้เช้าจะต้องมีข่าวแพร่กระจายออกมาจากตำหนักหยงหมิงว่าฉ่ายเวินพ้นขีดอันตรายแล้วเป็นแน่ ในยามนี้นายหญิงตั้งครรภ์อยู่ การปกปิดเรื่องนี้ไว้นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด หากว่าหญิงผู้นั้นทราบเรื่องที่นายหญิงตั้งครรภ์ของฝ่าบาทนางย่อมไม่มีทางปล่อยท่านไปง่ายๆแน่นอนเจ้าค่ะ” ชูเซี่ยมองไปที่ชิงเอ๋อ ดวงตาของนางยังคงเปียกชื้น “มีเพียงเจ้าที่เข้าใจข้า ใช่ว่าข้าอยากทำเช่นนี้เสียเมื่อไหร่ หากว่าเขามีความไว้เนื้อเชื่อใจให้ข้าสักนิด เขาย่อมไม่มีทางมองว่าข้าเป็นคนผิดโดยเด็ดขาด ในยามนี้เขาเชื่อคำพูดของฉ่ายเวินหมดทั้งใจไม่มีทางที่จะกางแขนปกป้องข้าอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้สิ่งเดียวที่ข้าคิดก็มีเพียงทำอย่างไรจึงจะป้องป้องลูกในท้องของข้าเอาไว้ให้ได้” เชียนซานเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ข้าก็บอกแต่แรกแล้วว่าควรสังหารผู้หญิงคนนั้นเสีย ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า นางมีอำนาจอยู่ในมือแล้วกลายเป็นว่าเราต่างก็ต้องหวาดกลัวนาง” ชูเซี่ยหันมามองเชียนซาน “เจ้าอย่าได้ใจร้อนถึงเพียงนี้เชียว ต่อให้เจ้าไม่คิดแทนข้าเจ้าก็ควรคิดแทนเด็กทารกในครรภ์ของข้าบ้าง จิตใจของฉ่ายเวินล้ำลึกนัก ทั้งยังมีนิสัยใจคออำมหิตผิดมนุษย์มนา ความคิดความอ่านของนางไม่ได้อ่านได้ง่ายๆเหมือนคนทั่วไปอีกทั้งวิชาด้นาพิษของนางก็ร้ายกาจเหลือเกิน พวกเราไม่ควรประมาทแม้แต่น้อยต้องระวังให้มากหน่อยจึงจะดี!” “ถ้าเช่นนั้นเรายังต้องรออีกจนถึงเมื่อใดกันเจ้าคะ” เชียนซานถามอย่างขัดใจ ชูเซี่ยปรายตาไปที่ชิงเอ๋อ “อดทนรอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม!” ชิงเอ๋อไม่ได้หลบสายตาของชูเซี่ย ดวงตาของนางฉายแววกระดาก นางรู้ดีอยู่แก่ใจว่าชูเซี่ยอยากให้นางแสดงตัวและแฉเรื่องทั้งหมดของฉ่ายเวิน แต่ว่าต่อให้นางพูดออกไปศิษย์พี่จะเชื่อนางจริงๆหรือ อีกอย่างหากว่าเขารู้ว่าฉ่ายเวินทำร้ายนางถึงเพียงนี้ เขาจะทนรับได้หรือไม่นะ? เรื่องราวไม่ผิดจากที่ชูเซี่ยคาดไว้แม้แต้น้อย ในเช้าวันถัดมาก็มีข่าวว่าฉ่ายเวินฟื้นขึ้นมาแล้วจริงๆ เชียนซานยิ้มเย็น “สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนของนางจริงๆ!” ชูเซี่ยเองก็ยิ้มอย่างเฉยชา “ใจเย็นหน่อยเถิด นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเราจะต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวให้ถึงที่สุด ห้ามไปมีปัญหากับคนในตำหนักหยงหมิงเด็ดขาด!” “ทำไมพวกเราต้องกลัวคนพวกนั้นด้วยเจ้าคะ พวกเราเป็นคนพรรคมังกรเหินไม่เคยหวาดกลัวต่อผู้ใดอยู่แล้ว” เชียนซานเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดขาด สีหน้าของชูเซี่ยแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นหลายส่วน “พวกเราไม่ได้กลัวเสียหน่อย แต่ทว่าต่อให้อยากยอมรับหรือไม่พวกเราก็ต้องยอมรับอยู่ดีว่าวิชาพิษของฉ่ายเวินล้ำลึกยิ่งนัก หากว่าเป็นไปได้ข้าก็อยากออกไปจากวังหลวงแห่งนี้เหลือเกิน ข้าอยากดูแลเด็กในท้องของข้าอย่างดีมากกว่านี้” ชิงเอ๋อก็กล่าว “ใช่เจ้าค่ะ ในเมื่อเรื่องราวมันกลับกลายเป็นเช่นนี้เราก็ทำได้เพียงอดทนรอไปก่อนจนกระทั่งเด็กคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย” เชียนซานถึงกับถลึงตา “จะต้องรอจนถึงเมื่อไหร่กันเจ้าคะ เมื่อไหร่ที่พวกเราจะสามารถเอาชนะนางได้กัน ต่อไปหากว่านายหญิงคลอดนายน้อยออกมาแล้วก็ต้องมานั่งหวาดระแวงว่านางจะมาวางยานายน้อยอีก ข้าว่าพวกเราฆ่านางตั้งแต่เนิ่นๆย่อมดีกว่า” ชิงเอ๋อฉับพลันก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะโพล่งออกมา “ไม่ได้ ฆ่านางไม่ได้นะ!” เชียนซานมองไปที่ชิงเอ๋อตาเขม็ง “ทำไมจึงไม่ได้ เจ้าไม่คิดว่านางสมควรตายหรือ” ชิงเอ๋อผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่งก่อนจะหันหน้าหนีและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ไม่ใช่ ก็แค่สายสัมพันธ์พี่น้องของพวกเขามันล้ำลึกเกินไป หากว่าฆ่านาง ทั้งฝ่าบาทและนายหญิงก็คงไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว” เชียนซานหันกลับมาหาชูเซี่ย เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายไม่สู้ดีนักก็รู้สึกสงสาร นางคิดไปถึงความสัมพันธ์ระยะนี้ของนายหญิงและหลี่เฉินเย่นช่างระหองระแหงเหลือเกิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะผู้หญิงใจโหดนั่นแต่เพียงผู้เดียว ช่างน่าเสียดายแต่ตอนนี้ก็ทำได้เพียงทนต่อไป ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว หญิงสาวถอนหายใจออกมาแผ่วเบา “ตอนนี้ก็คงต้องทำเช่นนี้ จะหนีไปก็ไม่ได้ จะอยู่ต่อไปก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน ช่างยุ่งยากเสียจริง” ชูเซี่ยก็เอ่ยให้กำลังใจ “ช่วงเวลาที่ยากลำบากกว่านี้เราก็เคยผ่านมาได้แล้วนี่นับว่าเป็นอะไรเล่า ถ้าเทียบกับตอนที่อดีตฮ่องเต้ยังมีพระชนมชีพอยู่นี่นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีมากเลยทีเดียว การที่ฉ่ายเวินถูกแต่งตั้งเป็นพระสนมก็นับว่าดี ระยะนี้นางก็คงไม่ว่างมาหาเรื่องวางยาพิษใครเล่นอีกสักระยะ” ทุกคนในที่นี้ต่างก็รู้ว่าที่ชูเซี่ยกล่าวออกมาเช่นนี้ก็เพื่อไม่ให้พวกนางรู้ว่าแท้จริงแล้วหัวใจนางก็ทุกข์ทรมานไม่แพ้ใคร คนที่ตนเองรักไปแต่งงานกับหญิงอื่น ความเจ็บปวดนี้แม้ว่าจะไม่เคยสัมผัสกับตนเองก็พอที่จะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ทว่าก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา สถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าพวกนางจะพูดอะไรออกไปก็คงไม่อาจช่วยบรรเทาความทุกข์ในใจของชูเซี่ยได้อยู่ดี ยามนี้ทุกคนออกไปจากห้องกันหมดแล้วเหลือไว้เพียงชูเซี่ยอยู่ภายในตำหนักแต่เพียงผู้เดียว ชูเซี่ยรู้สึกขอบคุณพวกนางเหลือเกินที่ยอมเว้นช่องวางให้นาง เว้นช่องวางให้นางได้คิดทบทวนและร้องไห้อยู่คนเดียวบ้าง! แต่ผ่นไปสักพักเชียนซานก็เข้ามาในห้อง “โหร่วยเฟยมาเจ้าค่ะ!” เดิมทีชูเซี่ยกำลังนอนเอนกายอยู่บนเตียงบรรทม เมื่อนางได้ยินเช่นนั้นก็ผงกหัวขึ้นมามอง “ให้นางเข้ามา” เชียนซานชะงักไปครู่หนึ่ง “แต่ว่าเมื่อก่อนนางกับฉ่ายเวินค่อนข้างสนิทกันอยู่มาก เกรงว่า...” ชูเซี่ยส่ายหน้า “ไม่เป็นไร นางและฉ่ายเวินไม่ได้นิสัยเหมือนกันหรอก แต่เพราะฉ่ายเวินกุมความลับของนางไว้ได้ นางไม่อาจไม่ทำตามคำสั่งของฉ่ายเวิน” เชียนซานรับคำ “ความจริงแล้วข้าก็รู้สึกว่าโหร่วยเฟยนางไม่เป็นอันตรายกับท่านเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งท่าทางของนางยามที่มองท่านก็เต็มไปด้วยความเคารพรักด้วยซ้ำ แต่ทว่าท่าทางของนางกับกลับไปกลับมา บางครั้งนางก็เหมือนจะดีแต่บางครั้งนางก็หาทางมาทำร้ายข้า ขัดแย้งในตัวเองเหลือเกิน!” ชูเซี่ยกล่าวต่อ “นางไม่มีทางทำอันตรายต่อข้าได้หรอก ต่อให้นางเป็นนางก็ไม่มีทางทำอะไรข้าได้อยู่แล้ว เจ้าก็ให้นางเข้ามาได้แล้ว!” หญิงสาวเก็บตำราร้อยพิษที่นางมักจะศึกษายัดเข้าไปใต้หมอน ในระยะนี้หากว่านางมีเวลาว่างก็มักจะหยิบมันขึ้นมาศึกษาอยู่เสมอ ความจริงแล้วตำราเล่มนี้ไม่ได้หนา เนื้อหาก็ไม่ได้เยอะแต่ความซับซ้อนค่อนข้างมาก นางต้องอาศัยเวลาในการทำความเข้าใจค่อนข้างนาน โหร่วยเฟยเดินเข้ามาย่อกายตรงหน้านาง “ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ!” ชูเซี่ยนิ่งงัน “ฮองเฮา? โหร่วยเฟยระวังด้วย ข้าไม่ได้เป็นฮองเฮาสักหน่อย!” โหร่วยเฟยอมยิ้ม “ก่อนหน้านี้ฝ่าบาททรงร่างราชโองการไปแล้ว ขอเพียงแค่ป่าวประกาศออกไปท่านก็จะถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮาแน่นอนอยู่แล้ว!” ชูเซี่ยส่ายศีรษะ “จริงหรือ แต่เรื่องต่อจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ตอนนี้ข้าก็ยังเป็นเพียงแค่ชูเซี่ยเท่านั้น” โหร่วยเฟยเดินเข้ามานั่งใกล้ๆนางก่อนจะเอื้อมมือออกไปกุมมือนางไว้ “วันนี้ที่ข้ามาก็เพื่อกล่าวขอโทษท่านสักคำ!” ชูเซี่ยจ้องมองนางนิ่งๆไม่พูดไม่จา ดวงตาของโหร่วยเฟยฉายแววเศร้าหมอง “ที่ข้าเลือกจะเก็บซ่อนสิ่งต่างๆมากมายเอาไว้ก็เพราะฉ่ายเวินนางกุมความลับของข้าไว้ในมือ ชีวิตนี้ของข้าทำเรื่องผิดบาปไปมากมายเหลือเกิน แต่ทว่าก็ไม่มีครั้งใดที่ข้าทำเรื่องเลวร้ายได้เท่ากับครั้งนั้นอีกแล้ว!” ชูเซี่ยเข้าใจในสิ่งที่นางพูดจึงเป็นฝ่ายกอบกุมมือนางแทน “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องคิดมาก คนเราต้องมองไปข้างหน้าไม่ใช่จมปลักอยู่แต่ในอดีต” โหร่วยเฟยส่ายหน้าแล้วยิ้มอย่างเจ็บปวด “ท่านไม่เข้าใจ เรื่องนี้สำหรับข้าแล้วนับว่าเป็นความอัปยศที่แท้จริง ข้ายอมตายดีกว่าจะต้องให้ฝ่าบาททรงรับทราบเรื่องนี้ เมื่อก่อนข้าเคยสารภาพว่าเป็นผู้ทำให้พี่สาวของข้าต้องตายฝ่าบาทก็ทรงโกรธเกลียดข้ามานานถึงสามปี ไม่ง่ายเลยที่ทุกวันนี้ฝ่าบาทจะทรงดีกับข้าอย่างตอนนี้ ข้าไม่อยากให้ฝ่าบาทต้องกลับมาเกลียดชังข้าดังเช่นเมื่อสามปีก่อนอีกแล้ว” ชูเซี่ยนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะมองหน้านาง “เรื่องที่เจ้าผลักนางตกน้ำใช่หรือไม่” โหร่วยเฟยเงยหน้ามองมาที่นางอย่างตื่นตะลึง “ท่านรู้ได้อย่างไรกัน” ชูเซี่ยตอบ “ข้ารู้เรื่องนี้มาตลอด หลิวหยิงหลงไม่ได้เป็นคนที่ผลักฉ่ายเวินตกน้ำ หากไม่ใช่นางก็คงมีเพียงเจ้า” โหร่วยเฟยมองชูเซี่ยอย่างแตกตื่น “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าพี่สาวของข้าไม่ใช่คนที่ผลักฉ่ายเวินตกน้ำ” “ไม่ต้องสนใจหรอกว่าข้ารู้ได้อย่างไร เอาเป็นว่าข้าแน่ใจก็แล้วกันว่าหลิวหยิงหลงไม่ได้เป็นคนผลักฉ่ายเวินตกน้ำแน่!” ชูเซี่ยกล่าวอย่างมั่นใจ ใบหน้าของโหร่วยเฟยเต็มไปด้วยความซับซ้อนมากมาย นานทีเดียวกว่านางจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองชูเซี่ย “ข้าเคยได้ยินข่าวลือมาบ้างว่าพี่สาวของข้าไม่ได้ตายไปจริงๆแต่นางกลับกลายเป็นชูเซี่ยในวันนี้!” ชูเซี่ยยิ้มออกมาบางๆ “เรื่องเช่นนี้เจ้าก็เชื่อหรือ ฟังดูแล้วมันค่อนข้าง” “หลังจากที่พี่สาวของข้าเสีย จิตใจของฝ่าบาทก็คล้ายจะตายไปด้วย องค์ไทเฮาก็ทรงคิดจะแต่งตั้งพระชายาใหม่ให้แก่ฝ่าบาทมาโดยตลอดแต่ก็ถูกพระองค์บอกปัดไม่สนใจ ในใจของเขายังคงคิดถึงพี่สาวไม่เสื่อมคลาย ในเมืองหลวงมีคุณหนูตระกูลใหญ่มากมายที่หวังว่าจะได้ครอบครองหัวใจของเขา แต่เขาก็ไม่เคยเห็นพวกนางอยู่ในสายตาเลยสักครั้ง จนกระทั่งท่านปรากฎตัว...” โหร่วยเฟยกล่าวถึงตรงนี้ก็เหลือบมองชูเซี่ยคล้ายกับลังเลว่าควรจะกล่าวต่อไปดีหรือไม่ หากว่านางเดาผิดนั่นก็เท่ากับว่านางจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างฝ่าบาทและชูเซี่ยสั่นคลอน เพราะคงไม่มีหญิงใดอยากรับรู้ว่าคนที่ตนเองรักเคยรักหญิงอื่นมากเพียงใด ชูเซี่ยทำท่าไม่แยแส นางยิ้มออกมาน้อยๆ “อืม เรื่องของบุพเพวาสนามันเป็นเรื่องที่พูดยาก!” โหร่วยเฟยทอดมองใบหน้าของชูเซี่ยด้วยประกายล้ำลึก นางอยากรู้เหลือเกินว่าแท้จริงแล้วชูเซี่ยคือหลิวหยิงหลงพี่สาวนางจริงหรือไม่ นางหวังอยากให้เป็นเหลือเกิน หากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ความละอายใจและความผิดบาปที่นางต้องแบกรับจะได้จากหายไปบ้าง นางจะได้กล่าวขอโทษกับพี่สาวของตนเองสักคำ แต่ทว่าจนแล้วจนรอดสีหน้าของชูเซี่ยก็ยังคงเงียบสงบจนนางดูไม่ออกว่าชูเซี่ยกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ สุดท้ายนางก็ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา “ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ แต่ว่าขอเพียงแค่เป็นคนที่ฝ่าบาททรงรักข้าก็ย่อมต้องปกป้องนางให้ถึงที่สุดเพราะข้าติดค้างเขามากเหลือเกิน” ชูเซี่ยน้ำตาคลอ “เจ้าไม่ได้ติดค้างนางเสียหน่อย เป็นเขาต่างหากที่ติดค้างเจ้า เดิมทีเจ้ากับเขาก็...” โหร่วยเฟยไม่ปล่อยให้นางกล่าวจนจบก็ยิ้มขมขื่นและกล่าวแทรก “ไม่ ข้ากับเขาไม่เคยรักกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ล้วนเป็นแผนารของข้าทั้งนั้น ตอนนั้นที่เขาแต่งข้าเข้าจวนอ๋องก็เป็นเพราะเขาเห็นเพียงแค่เปลือกนอกที่ข้าเสแสร้งแกล้งทำทั้งสิ้น ตลอดเวลาที่ข้าอยู่กับเขาก็เป็นเพียงแค่ตัวตนที่ข้าสร้างขึ้น แม้กรทั่งเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันกับเขาข้าถึงกลับหาเรื่องใส่ร้ายพี่สาวของตนเองมากมายเพื่อให้เขาเกลียดนาง เพราะว่าเมื่อก่อนเขาเริ่มมีความรู้สึกรักในตัวนางขึ้นมา” ชูเซี่ยไม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมด นางรู้เพียงว่าหลี่เฉินเย่นหลังจากแต่งกับนางก็แต่งโหร่วยเฟยเข้ามาเป็นสนมในจวนด้วยเช่นกัน นางจึงเข้าใจว่าพวกเขาทั้งสองคงรักกัน เมื่อก่อนนางยอมรับว่านางรู้สึกไม่ชอบใจในตัวของโหร่วยเฟยอยู่บ้าง แต่พอมาวันนี้นางกลับไม่สามารถบอกได้เลยว่าที่ผ่านมาโหร่วยเฟยผู้นี้ทำอะไรผิดไปบ้าง ผู้หญิงคนหนึ่งต้องการเรียกร้องความสนใจและครอบครองคนที่ตนเองรักจึงเผลอทำเรื่องผิดพลาดไปบ้างก็เป็นเรื่องที่นางสามารถเข้าใจได้ การที่นางใส่ร้ายหลิวหยิงหลงนั่นก็เป็นเพราะลั่วฝานหึงหลิวหยิงหลงนั่นเอง ความจริงแล้วหลิวหยิงหลงก็เป็นคนที่น่าสงสารเหลือเกิน นางตายอย่างไม่รู้สาเหตุ แม้แต่น้องสาวแท้ๆของตนเองก็คิดจะแก่งแย่งคนที่นางรัก ที่สำคัญที่สุดก็คือหลี่เฉินเย่นก็ทำตัวห่างเหินกับนางมาโดยตลอด อย่าว่าแต่เคยรักเลยแม้แต่ทำดีด้วยก็ไม่เคยเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดชูเซี่ยก็พูดขึ้น “เรื่องมันผ่านมานานแล้วก็อย่าไปคิดถึงมันอีกเลย!” โหร่วยเฟยเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ความจริงแล้วข้าไม่ได้ตั้งครรภ์หรอกเจ้าค่ะ เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นแผนการของฝ่าบาท พระองค์ขอให้ข้าร่วมมือเพื่อที่จะกระชากหน้ากากของหญิงสาวผู้นั้น แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจู่ๆพระองค์ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเชื่อนางอย่างหมดใจเสียนี่ พระองค์ทำแม้กระทั่งแต่งตั้งองค์หญิงให้กลายเป็นหวงกุ้ยเฟย เรื่องเช่นนี้เผยแพร่ออกไปล้วนกลายเป็นเรื่องน่าขบขันของผู้คน” ชูเซี่ยนิ่งงันไป แม้ว่าหลี่เฉินเย่นจะเคยสงสัยในตัวฉ่ายเวินก็จริงแต่ทว่าเขาก็ไม่มีความใจแข็งพอที่จะจัดการกับฉ่ายเวินขั้นเด็ดขาด เขาเอาแต่ลังเลไม่ยอมตัดสินใจ เรื่องบางเรื่องมันก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วแต่ทว่าเขากลับแสร้งทำเป็นมองมันไม่เห็นทั้งยังหลอกตัวเองต่อไป นางรู้ว่าเขาพยายามจะหยุดยั้งมัน ความรู้สึกที่เขามีต่อฉ่ายเวินนั้นก็คือความเป็นพี่น้อง แต่มันก็มีความเป็นไปได้เช่นกันว่าความจริงแล้วในใจลึกๆของเขาก็ชอบฉ่ายเวินมานานแล้วแต่เขาก็ยังเลือกที่จะไม่ยอมรับความรู้สึกนั้นเพราะเสียดายสายสัมพันธ์พี่น้อง เรื่องนี้ใครจะรู้? หากว่าไม่มีความรักผสมอยู่ด้วยมีหรือละครที่ฉ่ายเวินเล่นหลี่เฉินเย่นจะดูมันไม่ออก หัวใจของชูเซี่ยรู้สึกบีบรัดจนเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา นางเริ่มกลับมาจมอยู่กับความคิดและคำถามมากมายในหัวของตนเองอีกครั้ง เรื่องเมื่อเช้านี้เขาทำให้นางรู้สึกว่าการจากไปของนางจะสร้างความเจ็บปวดอย่างยิ่งยวดให้กับเขา หากว่าเฉินเย่นหลงรักฉ่ายเวินจริง เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่านางจะไปจากเขาไม่ใช่หรือ หรือบางทีเขาอาจจะแค่รู้สึกผิดเพียงชั่วระยะหนึ่งเท่านั้นแต่ก็คงไม่ใช่ตลอดไปหรอก
已经是最新一章了
加载中