ตอนที่ 176 การสู้สุดท้าย
1/
ตอนที่ 176 การสู้สุดท้าย
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 176 การสู้สุดท้าย
ตนที่ 176 การสู้สุดท้าย ดวงตาของชูเซี่ยเป็นประกายแข็งกร้าวยามที่ตวัดสายตามองเหล่าองครักษืเบื้องหน้า เหล่าองครักษ์เมื่อเห็นสายตากดดันของนางก็ไม่กล้าผลีผลาม ชูเซี่ยหันมามองหลี่เฉินเย่นก่อนเอ่ยถาม “ข้าขอถามท่านแค่คำเดียว ท่านคิดว่าข้าเป็นคนลงมือสังหารเฉินอวี่จู๋และโหร่วยเฟยใช่หรือไม่” หลี่เฉินเย่นมองนางอย่างปวดใจ “เราก็หวังให้ไม่ใช่อย่างนั้น!” “ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น? ท่านรู้จักข้ามานานถึงเพียงนี้ท่านไม่รู้เชียวหรือว่าแท้จริงแล้วข้าเป็นคนแบบไหนกันแน่ หลี่เฉินเย่น พวกเราสองคนผ่านเรื่องราวด้วยกันมามากมายแต่ท่านกลับมีความเชื่อมั่นในตัวข้าต่ำเหลือเกิน” ชูเซี่ยส่ายหน้าอย่างขมขื่น “ข้ามองท่านผิดไปจริงๆ” หัวใจของหลี่เฉินเย่นเจ็บปวดยิ่งนัก เหตุใดเขาจึงคิดสงสัยนางกันนะ แต่ทว่าใบชาที่ค้นมาได้จากตำหนักของนางมีพิษเจือปนอยู่จริงๆทั้งยังเป็นชนิดเดียวกันกับที่โหร่วยเฟยได้รับ เขาเองก็หวังอย่างยิ่งว่าจะไม่ใช่ฝีมือของนาง “เราจะสืบค้นเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด หากว่าเจ้าไม่ได้ทำจริงๆเราจะคืนความเป็นธรรมให้แก่เจ้าแน่” หลี่เฉินเย่นเอ่ยยืนกราน ชูเซี่ยยิ้มออกมา นางรู้สึกอยากร้องไห้เหลือเกิน แต่ทว่าน้ำตาของนางกลับเหือดแห้งไปหมด นางร้องไห้ไม่ออกอีกต่อไปแล้ว หว่านเหนียงก้าวมาข้างหน้าและคุกเช่าลงกับพื้น “ฝ่าบาท เมื่อคืนโหร่วยเฟยมาที่ตำหนักก็จริงแต่ทว่านางก็ไม่ได้ดื่มชาเลยสักถ้วย นางไม่ได้ถูกพิษที่ตำหนักฉ่ายเหว่ยแน่นอนเพคะ ในวังหลวงแห่งนี้หากจะมีใครสักคนที่เที่ยววางยาพิษผู้อื่นไปทั่วคนผู้นั้นก็ย่อมเป็นหวงกุ้ยเฟยจึงจะถูก นายหญิงของข้านางเป็นแต่ช่วยคนนางทำร้ายคนเป็นเสียที่ไหน หากฝ่าบาทยังทรงไม่รับรู้เรื่องนี้อีกถ้าเช่นนั้นท่านก็ไม่คู่ควรกับความรักที่นายหญิงของข้ามอบให้แก่ท่านเลยแม้แต่น้อย!” ฉ่ายเวินนางเกิดโทสะขึ้นมา นางก้าวมาข้างหน้าเตะลงที่หน้าท้องของหว่านเหนียงอย่างแรง เชียนซานที่อยู่ข้างกายหว่านเหนียงเห็นเช่นนั้นก็ระเบิดความโกรธตวัดฝ่ามือตบเข้าที่ใบหน้าของฉ่ายเวินอย่างแรง ฉ่ายเวินที่ไม่มีวรยุทธถึงกับกระเด็นไปข้างๆ กระแทกเข้ากับกำแพงและกระอักเลือดออกมาคำโต หลี่เฉินเย่นเห็นเช่นนั้นก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า ชายหนุ่มชัดกาบออกมาและพุ่งเข้าหาเชียนซาน แม้ว่าเชียนซานจะเป็นยอดฝีมือของพรรคมังกรเหินแต่นางก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮ่องเต้อยู่ดี พูดอีกอย่างก็คือนางรู้ว่าวรยุธของหลี่เฉินเย่นเก่งกล้ากว่านางมากนางไม่มีทางสู้ได้แน่จึงทำได้เพียงก้าวถอยหลังและหลับตารอดาบของอีกฝ่ายปักลงมายังร่างนางเท่านั้น ในชั่วขณะนั้นเองที่ชูเซี่ยรีบถลามาข้างหน้าและขวางหน้าเชียนซานเอาไว้ หลี่เฉินเย่นตกใจคิดจะชักดาบกลับมาแต่ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้ว ปลายดาบของเขาพุ่งตรงมายังหน้าท้องของนาง ชูเซี่ยตื่นตระหนกไปหมด นางกลัวว่าจะมีอันตรายต่อเด็กในท้องของตนจึงใช้มือเปล่าของตนเองยึดดาบของเขาไว้อย่างไม่ทันคิด ด้วยแรงดาบของหลี่เฉินเย่นต่อให้เขาจะพยายามออมแรงมากเพียงใดก็ทำให้คมมีดบาดมือชูเซี่ยลึกไปถึงกระดูกอยู่ดี ดาบของเขาตกลงสู่พื้น หลี่เฉินเย่นจ้องมองมืดของชูเซี่ยที่เต็มไปด้วยเลือดก็ตกใจรีบตะโกน “หมอหลวง หมอหลวง!” ชายหนุ่มถลาเข้ามาหวังจะกอดนางไว้แต่ชูเซี่ยกลับข่มความเจ็บปวดและก้าวถอยออกมาจากเขา หัวใจของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ดาบเมื่อครู่หากแทงลงบนท้องของนางเกรงว่านางก็คงไม่อาจรักษาเด็กไว้ได้แน่ หัวใจของเชียนซานแทบหลุดออกมาจากอก นางรีบดึงมือของชูเซี่ยไว้และสกัดจุดห้ามเลือดเอาไว้ นางส่ายหน้าซีดเผือดของตนก่อนเอ่ยอย่างลนลาน “นายหญิง ท่านไม่ควรมารับดาบแทนข้าเลย สวรรค์! เลือดออกมาเหลือเกิน” ตอนนั้นเองที่จูฟางหยวนบุกเข้ามาในห้อง เขาพอจะได้ยินเรื่องราวทั้งหมดมาบ้างแล้ง ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่ฝึกวรยุทธอยู่ที่ค่ายทหารมาโดยตลอดเพราะเอาแต่คิดว่าชูเซี่ยคงจะสุขสบายดีอยู่ในวัง แต่พอตกเที่ยงเขาก็ได้ยินว่าโหร่วยเฟยตายแล้วจึงคิดจะมาดูนางเสียหน่อยพอดีกับที่มาเห็นเหตุการณ์นี้เข้า ชายหนุ่มดึงชูเซี่ยเข้ามาในอ้อมแขนก่อนจะฉีกชายผ้าอย่างรวดเร็วและผูกข้อมือของนางเอาไว้จากนั้นก็พูดกับนางด้วยใบหน้าซีดเผือด “ไม่ต้องกลัวนะ ข้าจะพาเจ้าไปจากที่นี่!” เขาช้อนร่างของชูเซี่ยขึ้นมาก่อนจะจ้องหลี่เฉินเย่นด้วยแววตาดุร้าย “ดียิ่ง ตอนนี้ได้เป็นถึงฮ่องเต้แล้วก็ลืมเรื่องราวความรักและบุญคุญของนางไปจนหมด หากชูเซี่ยเป็นอะไรขึ้นมาต่อให้ข้าต้องแลกด้วยชีวิตข้าก็จะให้เจ้าต้องพินาศไปด้วย!” ใบหน้าของหลี่เฉินเย่นฉายแววล้ำลึก เดิมทีเขาก็ไม่ชอบจูฟางหยวนอยู่แล้วแต่เป็นเพราะเห็นแก่อดีตแม่ทัพจูจึงไม่เคยทำอะไรเขาแต่มายามนี้เมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังอุ้มชูเซี่ยอีกทั้งท่าทางของเขาก็ดูเป็นห่วงเป็นใยชูเซี่ยเหลือเกิน เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคงจะมีใจให้ชูเซี่ย หลี่เฉินเย่นจึงเอ่ยคำสั่งเสียงเด็ดขาด “เจ้าเป็นใครกันถึงกล้ามาขัดรับสั่งของเรา ปล่อยนางลงเดี๋ยวนี้!” เชียนซานไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกแล้ว นางหยิบนกหวีดออกมาจากสาบเสื้อและเป่ามันครั้งหนึ่ง เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็ปรากฎร่างชุดดำหลายสิบร่างทะยานเข้ามาในตำหนักล้อมรอบร่างของชูเซี่ยไว้ทั้งยังหันดาบเข้าเผชิญหน้ากับหลี่เฉินเย่นและเหล่าองครักษ์ในวัง เชียนซานออกคำสั่ง “คุ้มครองนายหญิงออกจากวัง!” “ทราบ!” เหล่าคนชุดดำรับคำสั่งกันอย่างพร้อมเพรียง จูฟางหยวนอุ้มร่างของชูเซี่ยออกไปทางประตูตำหนักทันที เหล่าองครักษ์คิดจะตามไป แต่หลี่เฉินเย่นทำเพียงยืนหน้าซีดอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหวไม่ออกคำสั่ง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธจางหายไปหมดแล้วเหลือไว้เพียงความกังวลและความเจ็บปวดฉายชัดอยู่บนนั้น “ไม่ต้องตาม ปล่อยนางไปเถิด!” เขาออกคำสั่งเสียงหนักแน่น หลี่เฉินเย่นหวนนึกถึงคำพูดของอาจารย์ของชูเซี่ยที่เคยกล่าวกับเขาว่าหากยังให้นางอยู่ข้างกายเข้าไม่ช้าก็เร็วนางก็จะต้องตาย “ศิษย์พี่ ท่านจะปล่อยพวกมันไปเช่นนี้หรือเจ้าคะ โหร่วยเฟยตายอย่างน่าเวทนาเกินไปแล้ว!” ฉ่ายเวินที่ยืนอยู่ข้างกายเขาเอ่ยอย่างขุ่นเคือง หลี่เฉินเย่นหันมามองฉ่ายเวินนิ่ง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงบังเกิดความรู้สึกประหลาดในใจของตน ราวกับว่าร่างและจิตใจของเขาไม่ใช่ของเขา เหมือนถูกควบคุมอยู่ ทำไมเขาจึงเชื่อคำพูดของฉ่ายเวินถึงเพียงนี้นะ แล้วเหตุใดเขาถึงได้หวาดระแวงและสงสัยในตัวชูเซี่ยขึ้นมาได้กัน เขาและนางผ่านเรื่องราวลำบากมาด้วยกันมากมาย เขารู้ซึ้งดียิ่งกว่าผู้ใดว่านางมีนิสัยอย่างไร เพียงเพื่อช่วยคนนางถึงขั้นพร้อมจะอุทิศทั้งชีวิตของตนเองด้วยซ้ำ แต่ว่านี่เขาทำอะไรลงไป เขากล่าวหาว่านางเป็นคนทำให้โหร่วยเฟยและเฉินอวี่จู๋ต้องตาย เมื่อนึกถึงแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวดของนางยามที่จ้องมาที่เขาก็ทำให้เลือดในกายของเขาเย็นเฉียบไปหมด ในท้ายที่สุดชายหนุ่มก็กระอักเลือดออกมาคำโตและสิ้นสติไป ก่อนที่สติของเขาจะขาดสะบั้นสิ่งสุดท้ายที่เขาได้เห็นก็คือใบหน้าซีดเผือดของฉ่ายเวินที่มองมา ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนชายหนุ่มก็ค่อยๆฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่ปรากฎสู่สายตาของเขาก็คือไทเฮาและฉ่ายเวิน ลำคอของเขาแห้งผากและแสบร้อนไปหมด เขาอยากเอ่ยอะไรออกมาแต่ก็แสบจนไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้ ไทเฮาเห็นว่าบุตรชายของตนฟื้นก็ทรงรีบร้อนห้ามปราม “อย่าเพิ่งพูด หมอหลวงบอกว่าคอของเจ้าบาดเจ็บสาหัสตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้!” ชายหนุ่มพยายามอ้าปากหวังจะส่งเสียงอะไรออกมาแต่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนสุดท้ายเสียงที่ออกมาก็เป็นเสียงที่แหบเสียจนฟังไม่ได้ศัพท์ ชายหนุ่มจับจ้องไปที่เสด็จแม่ของตนก่อนจะทำไม้ทำมือเป็นเชิงถาม ไทเฮาเอ่ยตอบอย่างเวทนา “หมอหลวงบอกว่าเจ้าถูกความโกรธครอบงำจนธาตุไฟเข้าแทรกจึงกระอักเลือดออกมาแต่ในเลือดที่เจ้ากระอักออกมานั้นมีพิษเจือปนอยู่ด้วย พิษมันกัดกร่อนคอของเจ้าจึงทำให้พูดไม่ได้ชั่วคราว” ฉ่ายเวินเอื้อมมือไปดึงมือของเขาไว้ “ศิษย์พี่ อีกไม่นานท่านก็จะต้องหายดีแน่เจ้าค่ะ ข้าจะอยู่เคียงข้างท่านเอง!” น้ำเสียงของฉ่ายเวินนุ่มนวลอ่อนหวานและเต็มไปด้วยความรัก หลี่เฉินเย่นพยุงกายลุกขึ้นนั่งก่อนจะชักมือของตนกลับ ชายหนุ่มหันมามองไทเฮาก่อนเอ่ยถาม “ชูเซี่ยเล่า?” องค์ไทเฮาถอนพระปัสสาสะออกมา “ไม่รู้จริงๆว่าพวกเจ้าทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร เจ้าเชื่อจริงหรือว่านางเป็นคนทำร้ายโหร่วยเฟย อีกอย่างเจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่านางกับโหร่วยเฟยเป็นเหมือนพี่น้องกัน ผู้อื่นเชื่อเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ก็ช่างมันเถิด แต่เจ้าที่อยู่กับนางมานานรู้นิสัยของนางดีกว่าใครกลับเชื่อเสียนี่ ช่างเถิด แม่ไม่อยากว่าอะไรเจ้าอีกแล้ว เจ้าก็รีบหายแล้วรีบไปรับนางกลับมาก็แล้วกัน เจ้าร่างราชโองการให้นางเป็นฮองเฮาแล้วนางก็ย่อมเป็นลูกสะไภ้ของแม่ แม่ไม่ยอมปล่อยให้นางหนีไปเด็ดขาด” ยังไม่ทันที่หลี่เฉินเย่นจะแสดงท่าทีอะไรออกมาฉ่ายเวินก็หันไปหาฮองเฮาและเอ่ยขึ้น “เสด็จแม่เพคะ หลักฐานชัดเจนถึงเพียงนี้ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่มีทางดิ้นหลุด!” ไทเฮาปรายพระเนตรทอดมองนางด้วยสายตาเรียบเฉย “คำว่าเสด็จแม่นี้เราไม่กล้ารับมันจากเจ้าหรอกนะ อีกอย่างยามนี้ราชโองการยังไม่ถูกเผยแพร่ออกไปด้วยซ้ำ ต่อให้ป่าวประกาศไปแล้วเราก็ไม่อยากได้ยินอยู่ดี ผู้ที่เรียกข้าว่าเสด็จแม่ได้มีเพียงฮองเฮาเท่านั้น!” ใบหน้าของฉ่ายเวินบิดเบี้ยวไม่น่าดูแต่หญิงสาวก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี หลี่เฉินเย่นที่เอนกายอยู่บนเตียงบรรทมลอบเห็นสีหน้าของนาง จากใบหน้างดงามที่เต็มไปด้วยความอ่อนหวานยามนี้ถูกแทนที่ด้วยความโกรธแค้นและดวงตาอำมหิตนั่นทำให้ชายหนุ่มถึงกับตื่นตะลึง “ทูลฝ่าบาท แม่นางขู่เอ่อร์ของตำหนักฉ่ายเหว่ยทรงขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ” จงเจิ้งเข้ามาในห้องเพื่อทูลต่อฝ่าบาท ไทเฮาทรงเลิกพระขนง “คนจากตำหนักฉ่ายเหว่ยแค่ให้ตามเจ้าเข้ามาเสียก็สิ้นเรื่องจะมาทูลฝ่าบาททำไมกัน หรือว่ามีข่าวของชูเซี่ยงั้นหรือ!” จงเจิ้งรีบร้อนรับคำสั่ง “พะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบไปพาตัวนางเข้ามาเดี๋ยวนี้!” ชิงเอ๋อไม่ได้ตามมาที่ตำหนักเพียวสวี่ตั้งแต่ต้น แต่ทว่าเป็นหว่านเหนียงที่กลับไปบอกกับนาง ดังนั้นนางจึงตัดสินใจมาที่นี่ ชิงเอ๋อเดินตามจงเจิ้งเข้ามาในตำหนักก่อนจะย่อกาย “หม่อมฉันถวายบังคมไทเฮา ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ!” ตอนที่ฉ่ายเวินเห็นใบหน้าของนางก็ตกใจจนลุกพรวดขึ้นมาอย่างไม่คิดจะสวมใส่หน้ากากอีกต่อไป จากนั้นเมื่อตั้งสติได้ก็เอ่ยอย่างไม่พอใจ “เจ้ามาทำอะไรที่นี่” ชิงเอ๋อยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของฉ่ายเวิน ใบหน้าของนางมีหลากหลายอารมณ์ ทั้งโกรธแค้น เสียใจ เจ็บปวด...ท้ายที่สุดนางก็ค่อยๆเอ่ยออกมา “ศิษย์น้อง เจ้ากลัวหรือ” ใบหน้าของฉ่ายเวินไร้สีเลือดแต่เพียงไม่นานนางก็เก็บความรู้สึกได้และเอ่ยออกมาเสียงเย็น “ครั้งก่อนเป็นฝ่าบาทที่สั่งให้เจ้าปลอมตัวเป็นศิษย์พี่หญิงของข้า เจ้ามันเป็นเพียงแค่สาวใช้ชั้นต่ำถือดีอย่างไรมาเป็นศิษย์พี่หญิงของข้าได้ หน้าไม่อาย!” ชิงเอ๋อหันไปมองหลี่เฉินเย่น “ศิษย์พี่ แม้แต่เรื่องนี้ท่านก็บอกนางงั้นหรือ ดูท่าฝีมือของนางคงครอบงำท่านได้อย่างสมบูรณ์แล้วสินะเจ้าคะ” หลี่เฉินเย่นมองมาที่ชิงเอ๋อด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลแต่เขาก็ยังพูดอะไรออกมาไม่ได้ ชายหนุ่มทำได้เพียงลุกขึ้นนั่งและเอื้อมมือไปดึงร่างของชิงเอ๋อเข้ามาใกล้ๆตน ชิงเอ๋อยกมือขึ้นวางลงบนใบหน้าของตนก่อนจะพูดกับหลี่เฉินเย่น “ฝ่าบาททรงรับสั่งให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องออกไปก่อนจะดีกว่านะเพคะ” หลี่เฉินเย่นมองมาที่นางอย่างตื่นตะลึง หัวใจของเขาเต้นแรงและจากนั้นก็ทำตามที่นางพูด ชายหนุ่มปัดมือไหล่สองสามครั้งไม่นานคนทั้งหมดที่ไม่เกี่ยวข้องก็ถอยกลับออกไป เมื่อเหล่าองครักษ์และนางกำนัลถอยออกไปหมดแล้วชิงเอ๋อก็ค่อยๆดึงหน้ากากหนังมนุษย์ของนางออกจนเผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลน่าเกลียดน่ากลัวมากมาย ไทเฮาทรงตื่นตกพระทัยจนร่วงลงไปกองกับพื้นทั้งยังตรัสอย่างตื่นกลัว “สวรรค์ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” ใบหน้าของหลี่เฉินเย่นก็ซีดเผือดไร้สีเลือด ชายหนุ่มเพ่งพินิจมองใบหน้าของชิงเอ๋อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเวทนาสงสารและเจ็บปวด ร่างบอบบางของฉ่ายเวินแข็งค้าง นางส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา “เป็นไปไม่ได้ เจ้าไม่มีทางที่จะยังมีชีวิตอยู่!” ชิงเอ๋อยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของตนเองเบาๆก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่น “มันน่าเกลียดมากเลยใช่หรือไม่ ฉ่ายเวิน ตอนที่ข้ายืนอยู่ตรงหน้าเจ้าด้วยใบหน้าที่สมบูรณ์เจ้ากลับไม่เชื่อว่าเป็นข้าก็เพราะว่าเจ้าเป็นคนที่กรีดใบหน้าของข้าจนอัปลักษณ์เช่นนี้ไปแล้ว ต่อให้เป็นแพทย์ที่มีฝีมือล้ำเลิศเพียงใดก็ไม่อาจรักษาใบหน้าของข้าได้อีกแล้ว ดังนั้นเจ้าจึงวางใจ ต่อให้คราแรกที่เจ้าเห็นข้าจะตกใจแต่ต่อมาเจ้าก็ค่อยๆคลายใจลงเพราะเจ้ารู้อยู่แก่ใจดีว่าไม่มีทางเป็นข้าไปได้” หลี่เฉินเย่นเอื้อมมือไปดึงร่างของชิงเอ๋อเข้ามาใกล้ๆก่อนจะอ้าปากตั้งใจจะถามว่าแท้จริงแล้วเรื่องเป็นมาอย่างไรแต่ทว่ากลับ ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากปากของเขา ชายหนุ่มร้อนใจจนเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้าและยังคงพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อจะพูดออกมาให้ได้ ชิงเอ๋อกุมมือของเขาไว้ก่อนเอ่ยปลอบประโลมเสียงเบา “ศิษย์พี่ ข้าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟังแน่นอนเจ้าค่ะ ท่านใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ!” ฉ่ายเวินพุ่งมาข้างหน้าบีบคอของชิงเอ๋อไว้แน่น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดฉายชัดอยู่บนนั้น “เจ้าควรตายไปตั้งนานแล้ว ไม่ควรจะอยู่บนโลกใบนี้อีก ตายเสียเถิด!” จงเจิ้งถลาเข้ามาตั้งใจจะกระชากร่างของฉ่ายเวินออกมา แต่ทว่าจู่ๆร่างกายของเขากลับไร้เรี่ยวแรง มือไม้ของเขาค่อยๆอ่อนแรง ร่างทั้งร่างค่อยๆร่วงลงไปกองกับพื้นจากนั้นสติก็ค่อยๆหลุดลอยไปและหมดสติในที่สุด หลี่เฉินเย่นตกใจรีบลุกขึ้นมาหมายจะดึงมือของฉ่ายเวินไว้ แต่ทว่าเพียงแค่ฉ่ายเวินสะบัดแขนเสื้อก็มีผงสีเขียวจางๆแพร่กระจายออกมา หลี่เฉินเย่นรีบร้อนปิดจมูกแต่ก็ไม่ทันการณ์ ชายหนุ่มค่อยๆล้มลงไปที่พื้นพร้อมกับร่างของไทเฮาที่หมดสติตามไป ชิงเอ๋อพุ่งไปพยุงร่างของไทเฮาเอาไว้และป้ายผงแป้งบางอย่างลงบนพระนาสิกของไทเฮา นางโอบกอดพระวรกายของไทเฮาเอาไว้ก่อนจะมองฉ่ายเวินอย่างเคียดแค้น “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ นี่มันพิษสลายวิญญาณแต่เจ้ากลับใช้มันกับไทเฮาและศิษย์พี่เนี่ยนะ!” ฉ่ายเวินกรีดร้องอย่างเสียสติ “ถ้าจะแค้นก็แค้นตัวเจ้าเองเถิด เจ้าควรตายไปตั้งแต่แรกจะกลับมาอีกทำไมกัน เจ้าเป็นผีก็ควรไปอยู่ที่ปกโลกจึงจะถูก!” กล่าวจบ นางก็หยิบขวดยาออกมาจากอกเสื้อ ในจังหวะนั้นเองที่นางไม่ทันระวังตัวหลี่เฉินเย่นก็ผุดลุกขึ้นมาและเตะร่างของนางจนกระเด็น ศีรษะกระแทกลงพื้นอย่างแรงจนหมดสติไป ชิงเอ๋อค่อยๆถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างของนางอ่อนแรงลงช้าๆ นางยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ในที่สุดนางก็รอด นางค่อยๆวางร่างของไทเฮาลงพื้นอย่างช้าๆก่อนที่ร่างทั้งร่างของนางจะร่วงลงสู่พื้นและหมดสติไป
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 176 การสู้สุดท้าย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A