ตอนที่ 178 หลักฐานแม่นชัด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 178 หลักฐานแม่นชัด
ต๭นที่ 178 หลักฐานแม่นชัด จูฟางหยวนไม่คิดจะสนใจเรื่องพวกนี้ เขารู้เพียงว่าหลี่เฉินเย่นกล้าทำร้ายสหายรักของเขา ดังนั้นไม่ว่าพวกเขากำลังจะพูดคุยเรื่องพิษหัวใจสีชาดอะไรเขาก็ไม่คิดจะสนใจทั้งยังโมดหมากกว่าเดิม “พวกเจ้าก็บอกเองว่าหากว่าหัวใจของเขาแข็งแกร่งพอย่อมไม่อาจจะถูกพิษของฉ่ายเวินเล่นงานได้ นั่นก็เห็นได้ชัดว่าในใจของเขาลึกๆย่อมมีความรู้สึกบางอย่างกับฉ่ายเวินแน่ ดังนั้นสุดท้ายเขาจึงถูกพิษของนางครอบงำอย่างไรเล่า” จูเก๋อหมิงเอ่ยอย่างจนปัญญา “เรื่องนี้จะโทษเขาก็ไม่ได้ ตลอดชีวิตของเขาอยู่กับฉ่ายเวินมาเกือบทั้งชีวิต เขารักนางเหมือนน้องสาวแท้ๆของตนเอง อีกอย่างหัวใจสีชาดเป็นพิษที่ร้ายแรงมากพอสมควร หากว่าเจ้ามีความเข้าใจในพิษชนิดนี้จริงๆเจ้าจะเข้าใจว่าพิษชนิดนี้ร้ายกาจเพียงใด” จูฟางหยวนส่งเสียงเฮอะในลำคอ “ถ้าเช่นนั้นหลังจากที่เขาเห็นเลือดของชูเซี่ยก็ต้องแก้พิษได้แล้วไม่ใช่หรือ แล้วทำไมเขายังไม่ตามมาอีกเล่า รู้ทั้งรู้ว่าชูเซี่ยได้รับบาดเจ็บแท้ๆ!” จูเก๋อหมิงไม่กล้ากล่าวอะไรอีกแล้วเพราะความจริงเขาเองก็ยังไม่ได้เข้าใจในตัวพิษสีชาดนี้มากเท่าใดนัก ในบรรดาพิษทั้งหมดใต้หล้ามีอยู่มากมายนับมุถ้วน เขาเองก็ไม่รู้ว่าพิษหัวใจสีชาดหากถูกถอนไปแล้วจะมีผลกระทบอะไรกับผู้ถูกพิษหรือไม่ ตอนนี้เชียนซานเปลี่ยนฝ่ายกลับมาช่วยหลี่เฉินเย่นพูดแก้ตัวแทน “ช่วงเวลานั้นวุ่นวายมาก อีกอย่างตอนนั้นนายหยิงยังไปโกหกฝ่าบาทอีกว่าแท้จริงนางรักกับคุณชายจูเก๋อ ตอนนั้นเขาก็คงปวดใจมากเป็นแน่!” เชียนซานช่วยหลี่เฉินเย่นแก้ตัวก็เพราะว่าตอนนี้ชูเซี่ยท้องแล้ว เด็กคนนี้จะไม่มีพ่อไม่ได้ จูฟางหยวนจึงยอมรามือ “ได้ เช่นนั้นก็ให้เวลาเขาคิดทบทวนสักหน่อยก็แล้วกัน หากว่าถายในสามวันเขายังไม่มารับชูเซี่ยกลับไปข้าก็จะเป็นคนพาชูเซี่ยหนีไปเอง!” แต่ทว่าจนแล้วจนรอดผ่านไปสามวันในวังหลวงก็ยังไม่มีวี่แววอะไร คราวนี้เชียนซานถึงกับนั่งไม่ติด “ข้าว่าเราสั่งคนเข้าไปสืบข่าวดีกว่า หลายวันมานี้ทั้งหว่านเหนียงและขู่เอ่อต่างก็เงียบหายไปไม่ส่งข่าวใดๆกลับมาเลย ข้าร้อนใจเป็นห่วงพวกนางเหลือเกิน!” ความจริงแล้วใจใจของชูเซี่ยก็กระวนกระวายเช่นกัน นางไม่ได้ห่วงเรื่องที่เฉินเย่นจะมารับนางหรือไม่ นางเป็นห่วงกลัวแค่ว่าในวังจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นมากกว่า มาวันนี้ได้ยินที่เชียนซานพูดนางก็เลยพยักหน้าแทบจะทันที “ก็ดี สั่งให้คนลอบเข้าวังไปสืบข่าวมา ดูว่าหว่านเหนียงและขู่เอ่อร์ยังดีอยู่หรือไม่!” ยังไม่ทันที่เชียนซานจะออกจากประตูหว่านเหนียงก็วิ่งเข้ามาพอดี นางร้องห่มร้องไห้จนดวงตาแดงก่ำไปหมด เมื่อเห็นชูเซี่ยนางก็รีบร้องบอก “นายหญิง ขู่เอ่อร์นางตายแล้วเจ้าค่ะ!” ชูเซี่ยตกใจจนทะลึ่งขึ้นจากที่นอน นางถามทั้งๆที่ดวงตาเบิกกว้าง “เกิดอะไรขึ้น มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือ ใครเป็นคนฆ่านาง” หว่านเหนียงนึกไปถึงการตายของขู่เอ่อร์ก็สงสารนางจนต้องหลั่งน้ำตาอีกครั้ง “ข้าน้อยตั้งใจจะมาบอกนายหญิงตั้งแต่แรกแต่ข้าก็ต้องตามหาศพของขู่เอ่อร์เสียก่อน ตอนนั้นราชองครักษ์คิดว่านางเป็นมือสังหารที่คิดจะมาลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทจึงสังหารนางทิ้ง แม้ว่าต่อมาฝ่าบาทจะทรงรับสั่งให้สังหารราชองครักษ์ผู้นั้นแล้ว แต่ว่าแล้วอย่างไรเล่า ขู่เอ่อร์ก็กลับมาไม่ได้อีกแล้ว!” เชียนซานตกใจจนแข็งค้าง “หว่านเหนียง เจ้ากล่าวมาให้ละเอียดเดี๋ยวนี้ ลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาทอะไรกัน” หว่านเหนียงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นออกมาจากนั้นก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น “ขู่เอ่อร์ตายอย่างน่าเวทนาเหลือเกิน ตอนที่ฝ่าบาทยังไม่ได้สติศพของขู่เอ่อร์ก็ถูกนำไปทิ้งไว้นอกวังหลวง ข้าน้อยทำได้เพียงนำร่างของนางไปฝังศพให้เรียบร้อยเท่านั้น แต่มาวันนี้เมื่อฝ่าบาททรงได้สติก็ทรงรับสั่งคืนความเป็นธรรมให้แก่นางแล้วก็ทำพิธีศพให้นางอย่างถูกต้อง” “ตอนนี้ฝ่าบาทเป็นอย่างไรบ้าง แล้วฉ่ายเวินเล่า ฝ่าบาทจัดการกับนางอย่างไร” เชียนซานถามอย่างเดือดดาล หว่านเหนียงก็เอ่ยตอบ “ตอนนี้ฝ่าบาทฟื้นคืนสติดีแล้วเจ้าค่ะ อาการไม่ได้สาหัสอะไรเพียงแต่หน้าท้องมีบาดแผลจากการถูกแทงเท่านั้น ส่วนฉ่ายเวินตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลยเจ้าค่ะ” ชูเซี่ยไม่อาจอยู่เฉิยได้อีกแล้ว “ไม่ได้ ข้าต้องเข้าวังเดี๋ยวนี้!” นางเป็นห่วงบาดแผลของเฉินเย่น นางกลัวว่าฉ่ายเวินจะเล่นลูกไม้อะไรอีก อีกอย่างนางมั่นใจอย่างยิ่งมาคนที่ทำร้ายเฉินเย่นต้องไม่ใช่ขู่เอ่อร์แน่ นางมั่นใจว่าจะต้องเป็นฝีมือของฉ่ายเวินอย่างแน่นอน เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้นางค่อนข้างมั่นใจว่าตอนนั้นที่อดีตฮ่องเต้ทรงถูกลอบปลงพระชนม์ย่อมต้องเป็นฝีมือของฉ่ายเวินแน่ วันนั้นนางคงลงมือสังหารฝ่าบาทและใส่ร้ายนาง ความโหดเหี้ยมของหญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ จูเก่อหมิงรั้งนางไว้ก่อนมองนางด้วยสายตาล้ำลึก “ข้าว่าเจ้าอย่าเพิ่งเข้าวังจะดีกว่า เจ้าในวันนั้นไม่เหมือนกับวันนี้อีกแล้ว ทางที่ดีอย่าหาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า!” เขาเป็นคนตรวจชีพจรของชูเซี่ยด้วยตนเองย่อมรู้ว่าตอนนี้นางตั้งครรภ์แล้ว จูฟางหยวนเบิกตาโต “อะไรคือที่บอกว่าวันนั้นไม่เหมือนวันนี้ นางเป็นอะไร” จูเก๋อหมิงปรายตามองเขาเล็กน้อย “เจ้าอยู่แต่ในวังแต่เรื่องพวกนี้กลับไม่รู้และตามไม่เคยทันเลยหรือ” เชียนซานก็ปรายตามองจูฟางหยวนเช่นกัน “แม้แต่เรื่องของฝ่าบาทก็ไม่รู้!” จูเก๋อหมิงกล่าวอย่างชื่นชม “อืม เรื่องนี้สมควรปิดไว้จริงๆ โชคดีที่พวกเจ้ารู้จักเก็บไว้เป็นความลับ ไม่อย่างนั้นหากว่าหญิงผู้นั้นรู้เข้าก็คงจะทำเรื่องที่คาดไม่ถึงขึ้นมาอีก” จูฟางหยวนที่ยืนฟังก็ทำหน้าเหลอหลา จากนั้นก็ดึงร่างชูเซี่ยเข้ามาใกล้ๆแล้วถาม “พวกเจ้ามีอะไรปิดบังข้าหรือ เจ้าเป็นอะไร” เชียนซานยิ้มขำ “โง่จริง นายหญิงของข้าตั้งครรภ์แล้วล่ะ!” จูฟางหยวนร้องออกมาอย่างตกใจ ชายหนุ่มมองชูเซี่ยทั้งๆที่ริมฝีปากอ้าค้าง “เจ้าท้องแล้ว?” “ใช่แล้ว!” ชูเซี่ยพยักหน้าพลางทำสีหน้าสงสัยในท่าทางของจูฟางหยวน จูฟางหยวนรับคำก่อนจะมองชูเซี่ยด้วยสายตาประหลาด “เช่นนั้นเจ้าก็คิดจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไปใช่หรือไม่ ไม่คิดจะกลับบ้านแล้วหรือ” ชูเซี่ยนึกไม่ถึงว่าเรื่องมาจนถึงบัดนี้แล้วจูฟางหยวนก็ยังคิดจะกลับบ้าน นางเองหากเป็นไปได้ก็อยากกลับบ้านเช่นกัน แต่ว่านางกับจูฟางหยวนไม่เหมือนกันเสียหน่อย นางตายจากโลกเดิมของนางไปแล้ว ต่อให้กลับไปได้ก็เป็นเพียงแค่ดวงวิญญาณดวงหนึ่งเท่านั้น แต่ความจริงแล้วจูฟางหยวนก็นับว่าน่าสงสารกว่านาง เพราะที่โลกใบนี้นอกจากตัวเขาเองเขาก็ไม่เหลือใครอีกแล้วจริงๆ เหลือตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัว แม้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่นานแล้วแต่ว่าต่อให้พยายามแค่ไหนก็ยังคงไม่อาจปรับตัวอยู่บนโลกใบนี้ได้อยู่ดี แต่ต่อให้ปรับตัวได้ แต่ความรู้สึกที่คิดว่าจะไม่อาจกลับไปพบหน้าพ่อหน้าแม่ที่โลกเดิมก็ยังคงยากจะทำใจอยู่ดี ชูเซี่ยไม่กล้าทำให้เขาผิดหวังจึงเอ่ยปลอบโยน “ค่อยหาวิธีกันวันหลังก็ได้ มันต้องมีสักวันที่เราสามารถหาทางกลับไปได้ เจ้าไม่ต้องรีบหรอก!” จูฟางหยวนท้อใจ “พูดก็พูดได้ กลับบ้านไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” หว่านเหนียงได้ยินที่ทั้งสองพูดกันก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “หรือว่าคุณชายจูกับนายหญิงของพวกเรามาจากที่เดียวกันหรือเจ้าคะ” จูฟางหยวนหันมามองหว่านเหนียงด้วยสายตาโศกเศร้า “ใช่แล้ว แต่ตอนนี้พวกเราหาทางกลับมาไม่ถูก!” หว่านเหนียงมองจูฟางหยวนด้วยสายตาเห็นใจ “ความจริงแล้ว ขอเพียงแค่ยังอยู่ในใจต่อให้อยู่ที่ใดก็นับว่าเป็นบ้าน ท่านแค่ทำใจให้สบายและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างสนุกสนานก็พอแล้วเจ้าค่ะ” ไม่มีผู้ใดรู้ว่าจูฟางหยวนเองก็พยายามปลอบใจตนเองมาหลายพันหลายหมื่นครั้งแล้ว แต่น่าเสียดาย ไม่ว่าชายหนุ่มจะพยายามทำตัวร่าเริงเพียงใดในช่วงกลางวัน เมื่อตกกลางคืนเขาก็มักจะรู้สึกว่าบางครั้งการตายยังง่ายเสียกว่าการทนอยู่เช่นนี้ต่อไปเสียอีก แม้ว่าจะได้คำพูดของจูเก๋อหมิงเตือนสติแต่ว่าชูเซี่ยก็ยังเป็นห่วงหลี่เฉินเย่นอยู่ดี อีกอย่างนางอยากเป็นผู้ลงมือสืบสวนเรื่องของโหร่วยเฟยและชิงเอ๋อด้วยตนเองมากกว่า สำหรับโหร่วยเฟยแล้วนางรู้สึกสงสาร เห็นใจและรู้สึกผิด ส่วนชิงเอ๋อนางรู้สึกเวทนาสงสารเหลือเกิน หญิงสาวที่จิตใจดีงามคนหนึ่งกลับต้องพบเจอโชคร้ายมากมายนับไม่ถ้วน สุดท้ายก็ต้องมาจบชีวิตอย่างอนาถ แค่คิดขึ้นมานางก็สงสารจนอยากจะหลั่งน้ำตาออกมา ระหว่างที่เดินทางกลับวัง หว่านเหนียงยื่นถุงผ้าใบหนึ่งให้แก่ชูเซี่ย “นี่เป็นของที่ข้าได้จากร่างของขู่เอ่อร์เจ้าค่ะ น่าจะเป็นของสำคัญของนางในนั้นมีจดหมายอยู่ฉบับหนึ่ง ถูกผนึกไว้ด้วยขี้ผึ้ง ข้าไม่กล้าเปิดอ่านเจ้าค่ะ!” ชูเซี่ยเปิดถุงผ้าออกดูก็พบจี้หยกแกะสลักงดงามชิ้นหนึ่ง ชูเซี่ยจำได้ว่าเมื่อครั้งที่นางเคยรักษาฉ่ายเวินนางก็เคยพบหยกแบบเดียวกันมาก่อน แต่ว่านางไม่เคยเห็นมันในตัวของชิงเอ๋อ นอกจากจี้หยกก็มีปิ่นปักผม ปิ่นปักผมชิ้นนี้ทำมาจากไม้เป็นรูปดอกเหลียนฮวาทั้งบริสุทธิ์และสวยงาม ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางจึงคิดว่าปิ่นชิ้นนี้น่าจะเป็นฝีมือของหลี่เฉินเย่น ความรักของเด้กหนุ่มและเด็กสาวเป็นช่วงเวลาที่บริสุทธิ์และจริงใจต่อกันมากที่สุด ชูเซี่ยไม่ได้รู้สึกหึงหวงแม้แต่น้อย นางแค่รู้สึกสงสารและเสียดายเท่านั้น หากว่าตอนนั้นฉ่ายเวินไม่ลงมือทำร้ายชิงเอ๋อ ตอนนี้ชิงเอ๋อและหลี่เฉินเย่นก็คงกลายเป็นคู่รักที่มีแต่ความสุขและน่าอิจฉามากที่สุดคู่หนึ่งเลยทีเดียว นอกจากของสองสิ่งนั้นก็มีจดหมายฉบับหนึ่งที่ดูสภาพแล้วเก่ามากจนเหลืองไปหมดทั้งยังถูกผนึกไว้ด้วยขี้ผึ้งบนหน้าซองไม่ได้เขียนอะไรไว้จึงไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนเขียน ชูเซี่ยค่อยๆแกะขี้ผึ้งพวกนั้นออกก่อนจะเปิดออกอย่างระมัดระวังเพราะจดหมายฉบับนี้ค่อนข้างนานมากแล้ว ชูเซี่ยจ้องมองลายนิ้วมือในจดหมายที่ค่อนข้างชุ่ย แม้กระทั่งลายหมึกยังโยกไปเยกมา ดูท่าตอนที่เจ้าของจดหมายเขียนคงจะมือสั่นมากทีเดียว เมื่อชูเซี่ยอ่านจดหมายจนจบใบหน้าของนางก็เปลี่ยนสีทันที! เชียนซานเห็นสีหน้าของนางก็เอ่ยถามอย่างกังวล “มีอะไรหรือเจ้าคะ” ชูเซี่ยรีบพับจดหมายกลับไปเป็นเหมือนเดิมก่อนจะยิ้มน้อยๆ “ไม่มีอะไร!” เชียนซานทำสีหน้าไม่เชื่อ นางตั้งใจจะถามต่อแต่หว่านเหนียงกลับรั้งไว้และส่งสายตาห้ามปรามและส่ายศีรษะน้อยๆไม่ให้นางถามต่อ เชียนซานจึงยอมเงียบและนั่งนิ่งๆอยู่ข้างกายชูเซี่ยไม่ถามอะไรอีก ชูเซี่ยในยามนี้ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง หัวใจของนางหวาดผวาไปหมด หากไม่ใช่ว่านางอ่านจดหมายฉบับนี้ด้วยตนเองให้ตายนางก็ไม่มีทางเชื่อ! จดหมายฉับับนี้เป็นจดหมายที่ท่านอาจารย์ของหลี่เฉินเย่นเป็นผู้เขียนเองกับมือ เขาเขียนจดหมายฉบับนี้ตอนที่ใกล้จะตาย ไม่รู้ว่าชิงเอ๋อไปพบจดหมายฉบับนี้จากที่ใดและไม่รู้ว่าทำไมชิงเอ๋อจึงไม่เคยเปิดมันออกมาอ่าน เนื้อความในจดหมายไม่ได้มีอะไรมากเลย เขาเพียงเขียนสาเหตุการตายของตนเองว่าตนเองถูกพิษไม่ได้เจ็บป่วย ส่วนผู้ที่วางยาพิษของเขาก็คือบุตรสาวแท้ๆของตนเอง หรือก็คือฉ่ายเวินนั่นเอง! เขารู้ตัวมาตลอดแต่ทว่สาตอนที่เขียนจดหมายฉบับนี้เสร็จก็ไม่ได้มอบมันให้แก่หลี่เฉินเย่นทั้งยังฝากฝังให้ชายหนุ่มดูแลฉ่ายเวินให้ดีด้วยซ้ำ ส่วนหลี่เฉินเย่นก็ให้สัญญาแก่อาจารย์ของตนเอง ชายหนุ่มดูแลฉ่ายเวินอย่างดีราวกับน้องสาวแท้ๆของตนเองมาตลอด ชายหนุ่มรักและเคารพในตัวของอาจารย์อย่างยิ่ง หากว่าให้เขารู้ว่าอาจารย์ที่เขาเคารพรักมากที่สุดต้องมาตายด้วยฝีมือของบุตรสาวแท้ๆ เฉินเย่นจะทนได้หรือไม่นะ ถ้าเขารู้ความจริงหัวใจจะต้องสลายแน่นอน ชูเซี่ยคิดว่าตอนนั้นท่านอาจารย์คงไม่อยากบอกเรื่องนี้แก่หลี่เฉินเย่นแต่ก็กลัวว่าวันหน้าฉ่ายเวินจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมา สุดท้ายจึงได้แต่เขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาและรอดูชะตาของฟ้าว่าจะกำหนดเช่นไร การที่จดหมายฉบับนี้ตกอยู่ในมือของนางก็เท่ากับเป็นลิขิตของฟ้าใช่หรือไม่นะ เบื้องบนคงรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วฉ่ายเวินจะต้องกลายเป็นเช่นนี้ทำร้ายคนไม่เลือกหน้าและก้าวเข้าสู่ด้านมืดอย่างเต็มตัว ดังนั้นในที่สุดจดหมายก็มาอยู่ในมือนางใช่หรือไม่? ในใจของชูเซี่ยสับสนไปหมด ความจริงแล้วชิงเอ๋อก็รู้อยู่แล้วว่าฉ่ายเวินเป็นคนทำร้ายนางและอานุ่ยเกอ แต่เพราะนางยังเห็นแก่สายสัมพันธ์พี่น้องของตนเองกับฉ่ายเวินจึงไม่เคยเปิดโปงอีกฝ่ายจนสุดท้ายนางกลับต้องมาสังเวยชีวิตของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นหลี่เฉินเย่นหรือชิงเอ๋อต่างก็รักฉ่ายเวินอย่างจริงใจ แต่ฉ่ายเวินเล่านางทำอะไรลงไป การรักใครสักคนไม่ใช่เรื่องผิด แต่การที่ทำร้ายคนนับไม่ถ้วนเพื่อให้ได้ครอบครองนั้นมันผิด นางวางยาพิษคร่าชีวิตผู้คนมากมายตอนนี้ในใจของนางคงไม่เหลือสามัญสำนึกของความเป็นคนแล้วด้วยซ้ำ เดิมทีชูเซี่ยคิดว่านางยังสามารถทนต่อไปได้ แต่มาวันนี้หากนางยังกล้ำกลืนฝืนทนต่อไปก็ไม่ยุติธรรมต่อผู้บริสุทธิ์ที่ต้องตายไปมากมาย ทั้งอาจารย์ของหลี่เฉินเย่น ชิงเอ๋อ เฉินอวี่จู๋และหรงเฟย ตอนนี้ถึงเวลาที่นางต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว นางมองรถม้าที่วิ่งไปตามทางเดินหินด้วยหัวใจที่เหนื่อยล้า นางเหนื่อยแล้วก็เจ็บปวดเหลือเกิน 
已经是最新一章了
加载中