ตอนที่ 179 ความจริงเปิดเผย
1/
ตอนที่ 179 ความจริงเปิดเผย
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 179 ความจริงเปิดเผย
ตนที่ 179 ความจริงเปิดเผย เมื่อกลับเข้ามาในวังชูเซี่ยก็ไม่ได้ไปหาหลี่เฉินเย่นก่อน นางรู้มาว่าไทเฮาเองก็ทรงถูกพิษเช่นกันอีกทั้งพระวรกายยามนี้ก็อ่อนแอจึงเลือกที่จะไปเข้าเฝ้าพระองค์ก่อน เมื่อเห็นไทเฮาก็ทำชูเซี่ยตกใจจนหน้าถอดสี เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่วันก็ทำให้ฮองเฮาทรงเปลี่ยนเป็นคนละคน ใบหน้าอวบอิ่มงดงามในเวลานี้กลับกลายเป็นหมองคล้ำ ดวงตาลึกโบ๋ใต้ตาดำคล้ำ ริมฝีปากแห้งผากราวกับเปลือกไม้ “ดีเหลือเกิน เจ้ากลับมาแล้ว!” ไทเฮาทรงทอดพระเนตรเห็นชูเซี่ยกลับมาก็ยิ้มออกมาทั้งที่สีพระพักตร์เหนื่อยล้า นางดึงมือของชูเซี่ยเข้ามาใกล้ๆเตียงบรรทม ชูเซี่ยพินิจมองพระพัตร์ของไทเฮาก่อนเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล “พระองค์รู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างเพคะ” ไทเฮาทรงส่ายพระพักตร์ “ไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วงเราหรอก เราสบายดี” ชูเซี่ยเหลียวหลังไปมองหมอหลวงหลัน “ไม่ใช่ว่าถอนพิษไปได้แล้วหรือ เหตุใดจึงยังมีสภาพเช่นนี้” หมอหลวงหลันจึงเอ่ยตอบ “พิษชนิดนี้ร้ายกาจนัก แม้ว่าไทเฮาจะได้รับพิษนี้ปริมาณน้อยแต่ทว่าก็ส่งผลต่อร่างกายมากพอสมควร ขณะนี้พระวงกายของไทเฮายังทรงหลงเหลือพิษอยู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่อาจเร่งถอนได้เพราะว่าการถอนพิษชนิดนี้ค่อนข้างเป็นอันตรายต่อร่างกายเช่นกัน ข้าจึงได้จัดเทียบยาถอนพิษให้แก่ไทเฮาในปริมาณที่วรกายของพระองค์รับได้ ดังนั้นจึงใช้เวลาในการถอนพิษนานไปสักหน่อย” ไทเฮาทรงถอนพระปัสสาสะ “เมื่อก่อนนางเป็นเด็กสาวที่น่ารักอ่อนหวานถึงเพียงนั้นแท้ๆเหตุใดจึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ได้นะ น่าเสียดายเหลือเกิน!” ใบหน้าของชูเซี่ยแปรเปลี่ยนเป็นโกรธแค้น ตลอดชีวิตนางไม่เคยเกลียดชังใครมาก่อน แต่ทว่าตอนนี้นางเกลียดเหลือเกิน นางเกลียดเสียจนอยากให้ฉ่ายเวินตายๆไปเสีย นางกุมพระหัตถ์ของไทเฮาเอาไว้ “วางใจเถิดเพคะ คนชั่วย่อมต้องรับผลกรรมของตนเอง!” ไทเฮาทรงส่ายพระพักตร์น้อยๆ สายพระเนตรทอประกายโหดเหี้ยม “ครั้งนี้หากว่าเฉินเย่นใจแข็งไม่พอที่จะฆ่านาง เรานี่ล่ะจะเป็นคนสังหารนางกับมือของเราเอง” ไทเฮาทรงเข้าพระทัยว่าฉ่ายเวินคงถูกจับขังในคุกหลวงไปแล้ว พระองค์ยังไม่ทราบว่าจนถึงตอนนี้ฉ่ายเวินยังคงไม่ได้สติขึ้นมาและไม่รู้ว่าหลี่เฉินเย่นถูกลอบทำร้าย ทั้งยังไม่รู้ว่าชิงเอ๋อถูกสังหารไปแล้วเช่นกัน หรงกุ้ยไท่เฟยปิดบังพระองค์ไว้เพราะพิษที่พระองค์ได้รับร้ายแรงไม่อาจทำให้จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนดังนั้นจึงปิดบังไม่ให้พระองค์รู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเอาไว้ชั่วคราว และกล่าวว่าที่หลี่เฉินเย่นไม่ได้มาเยี่ยมพระองค์เลยสักครั้งก็เพราะว่าตัวเขาเองก็ถูกพิษเช่นกัน คงต้องรออีกสองสามวันให้หายดีเสียก่อนจึงมาเยี่ยมพระองค์ได้ หลี่เฉินเย่นทราบว่าชูเซี่ยเข้ามาในวังแล้ว บาดแผลของชายหนุ่มยังคงไม่หายดี เดิมทีตั้งใจจะไปหาชูเซี่ยแต่ทว่าหลี่อวิ่นกังที่อยู่ในวังด้วยถึงตายก็ไม่ยอมให้เขาลงจากเตียง หลายวันที่ผ่านมาเขาอยู่แต่ในค่ายทหารจึงไม่รู้ว่าระยะนี้ในวังหลวงเกิดเรื่องมากมายเหลือเกิน จนกระทั่งกลับมาที่จวนจึงได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจาดเย่เอ๋อ เขาก็รีบร้อนเข้ามาในวังทันที ชายหนุ่มเอ่ยตำหนิน้องชายของตนเองเสียงเข้ม “เป็นลูกผู้ชาย เมื่อถึงเวลาหักก็ต้องหักไม่มีอะไรที่เสียไปไม่ได้ เจ้าให้ความสำคัญกับนางดุจน้องสาวแล้วนางเล่านางได้คิดเช่นนั้นหรือไม่ อีกอย่างนางวิธีที่นางแสดงความรักต่อเจ้าก็ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก นางทำร้ายผู้คนมากมายแต่เจ้าก็ยังปล่อยให้นางลอยนวลอยู่เช่นนี้ เจ้าจะรอให้คนตายในเงื้อมมือนางอีกกี่คนกัน หรือเจ้าคิดจะให้ชูเซี่ยเดินตามรอยของโหร่วยเฟยและเฉินอวี่จู๋ไปอีกคนเล่า” หลี่เฉินเย่นเองก็ทราบดีว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องจัดการกับฉ่ายเวินจริงๆจังๆเสียที ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างหนักอึ้ง “หากไม่ใช่ว่าก่อนที่อาจารย์จะเสียฝากฝังนางไว้กับข้าทุกวันนี้ข้าก็คงไม่ต้องเดินมาจนถึงจุดนี้หรอก โหร่วยเฟยและชิงเอ๋อก็คงไม่ต้องพบจุดจบเช่นนั้น” ดวงตาคมเป็นประกายกล้า “แต่ว่าข้าก็จะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับชูเซี่ยเช่นกัน ข้ากำลังสงสัยว่าฉ่ายเวินใช้ ‘หัวใจสีชาด’ กับข้า!” หลี่อวิ่นกังได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไป “หัวใจสีชาด? คืออะไรกัน เป็นยาพิษงั้นหรือ นางหรือจะกล้าวางยาพิษเจ้าทั้งๆที่นางรักเจ้ามากถึงเพียงนี้หรือ?” หลี่เฉินเย่นจึงเอ่ยอธิบาย “หัวใจสีชาดเป็นยาพิษชนิดหนึ่งที่อาจารย์ไปศึกษาเคล็ดวิชามาจากเหมียวเจียง หลายปีก่อนอาจารย์ให้ความสนใจในเรื่องพิษมาก หัวใจสีชาดในเหมียวเจียงจัดว่าเป็นยาเสน่ห์ชนิดหนี่ง มันสามารถควบคุมความนึกคิดของคนได้ อาจารยเห็นว่าพิษชนิดนี้มีฤทธิ์รุนแรงและครอบงำจิตใจของผู้ที่ได้รับอย่างง่ายดายจึงตั้งชื่อมันว่าหัวใจสีชาด พิษชนิดนี้สามารถควบคุมจิตใจของคนได้ก็จริงแต่ก็ไม่ได้ส่งผลร้ายกับร่างกายเลยแม้แต่น้อย พิษหัวใจสีชาดนี้ทั้งชิงเอ๋อและฉ่ายเวินต่างก็ทำเป็น ตอนอยู่บนเขาชิงเอ๋อเรียนวิชาการแพทย์แต่ก็พอจะรู้เรื่องการใช้พิษอยู่บ้าง ส่วนฉ่ายเวินนางเรียนรู้ที่จะใช้พิษเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นางค่อนข้างหลงไหลในวิชาพิษมากเลยทีเดียว” หลี่อวิ่นกังเอ่ยอย่างดูหมิ่น “แม่นางผู้หนึ่งแทนที่จะเรียนรู้สิ่งที่มีประโยชน์กลับเอาแต่ศึกษาสิ่งที่ทำร้ายผู้อื่น ดูท่าจิตใจของนางก็คงอำมหิตมาตั้งแต่ต้นแล้วล่ะ” หลี่เฉินเย่นนิ่งไปก่อนจะค่อยๆเอ่ยออกมาเสียงเบา “แต่เมื่อก่อนนางเป็นเพียงเด็กสาว...” “พอแล้ว!” เจิ้งกั๋วอ๋องหลี่อวิ่นกังเอ่ยขัดขึ้นมาอย่างโมโห “จนถึงตอนนี้เจ้าก็ยังคิดว่านางเป็นศิษย์น้องหญิงที่อ่อนหวานของเจ้า ศิษย์น้องหญิงที่อ่อนหวานผู้นั้นตายไปจากเจ้านานแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่หญิงสาวจิตใจอำมหิตเท่านั้น!” หลี่เฉินเย่นเงยหน้ามองพี่ชายของตนเองอย่างอับจนคำพูด ทุกคำที่หลี่อวิ่นกังกล่าวมาล้วนเป็นความจริงที่เขาไม่อาจแก้ต่างได้เลย หลี่อวิ่นกังก็เอ่ยขึ้นมาอีก “จงเจิ้งเองก็เป็นคนที่คอยอยู่รับใช้เจ้ามาตลอด จัดการและช่วยเหลือเจ้ามากมาย ก่อนหน้านี้ก็คอยปกป้องเจ้าอยู่เสมอ มาตอนนี้เพราะเจ้าเขาก็ต้องถูกพิษของฉ่ายเวินจนถึงแก่ความตาย แม้กระทั่งคำพูดสั่งเสียก็ไม่มีโอกาสได้พูด ตอนนี้สิ่งที่เจ้าควรเอ่ยคำยกย่องสรรเสริญแก่เขาให้ชนรุ่นหลังรู้จักและเคารพเขาจึงจะถูก!” หลี่เฉินเย่นนึกถึงจงเจิ้งก็ปวดใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาของเขาก็มีจงเจิ้งคอยอยู่เคียงข้างมาตลอด ไม่ว่าเรื่องใดที่เขาสั่งจงเจิ้งก็จำได้ขึ้นใจและทำมันอย่างดีมาโดยตลอด อีกทั้งยังเคารพรักชูเซี่ยอย่างสุดหัวใจ จงเจิ้งมักพูดกับเขาอยู่เสมอว่าให้เขาประกาศราชโองการให้ชูเซี่ยเป็นฮองเฮาเสียที จงเจิ้งปรารถนาให้ชูเซี่ยเป็นฮองเฮามาตลอด แต่ว่าตอนนี้เขาคงไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้ว เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เขาก็คิดไปถึงโหร่วยเฟยและชิงเอ๋อ ในหัวใจของเขาบังเกิดความแค้นขึ้นมาเต็มหัวใจก่อนจะกัดฟันเอ่ย “รอให้นางฟื้นขึ้นมาเราจะถามว่าเหตุใดนางจึงได้ทำร้ายชิงเอ๋อโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ เราจะให้นางคุกเข่าลงตรงหน้าหลุมศพของชิงเอ๋อเพื่อขอขมานาง!” “ก็ดีอย่างน้อยก็สมควรทำอะไรให้แก่ชิงเอ๋อบ้าง ในเมื่อพวกนางทั้งสองคนต่างก็เป็นศิษย์น้องหญิงของเจ้าทั้งคู่ หากเจ้าใจอ่อนกับฉ่ายเวินก็ย่อมผิดต่อชิงเอ๋อ!” หลี่อวิ่นกังเอ่ยเสียงเหี้ยม “ฝ่าบาท ท่านหมอเวินมาขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ” ราชองครักษืนอกห้องวิ่งเข้ามาทูล ดวงตาของหลี่เฉินเย่น ก่อนจะรีบเอ่ย “รีบให้นางเข้ามา!” หลี่เฉินเย่นก็ลุกขึ้น “พวกเจ้าก็ค่อยๆปรับความเข้าใจกันก็แล้วกัน หลังจากผ่านเรื่องนี้ไปข้าก็หวังว่าพวกเจ้าจะเข้าใจกันมากขึ้นและรู้ว่าความไว้เนื้อเชื่อใจเป็นสิ่งสำคัญมากเพียงใดในการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน!” หลี่เฉินเย่นรู้สึกซาบซึ้ง “ข้าจะจำไว้ ขอบคุณเสด็จพี่ที่ชี้แนะ!” ชูเซี่ยมาที่นี่แค่คนเดียว นางให้หว่านเหนียงและเชียนซานอยู่กับหรงกุ้ยเฟยเพื่ออธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นกับโหร่วยเฟยและชิงเอ๋อให้เข้าใจ เมื่อเห็นว่าหลี่อวิ่นกังเองก็อยู่นางก็ย่อกายทำความเคารพ “ท่านอ๋องก็อยู่ด้วยหรือเจ้าคะ” หลี่อวิ่นกังมองอย่างสงสารเห็นใจ “อืม เจ้าสบายดีหรือไม่” ดวงตาของชูเซี่ยไหววูบ “ดีเจ้าค่ะ ดีมาโดยตลอด!” นางยังนับว่าดีถ้าเทียบกับคนมากมายที่ต้องตายไป เจิ้งกั๋วอ๋องเหลือบมองคนทั้งคู่ก่อนจะเอ่ย “พวกเจ้าก็ค่อยๆคุยกันนะ เปิ่นหวางยังมีธุระที่ต้องไปจัดการ!” “เจ้าค่ะ!” เมื่อหลี่อวิ่นกังกลับออกไปแล้วทั้งตำหนักก็เหลือเพียงหลี่เฉินเย่นและชูเซี่ยสองคน หลี่เฉินเย่นลอบมองชูเซี่ย ในใจไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี เขารู้สึกผิดมากเหลือเกิน สุดท้ายชายหนุ่มก็กวักมือเรียกนางๆเบาๆ “มาข้างๆข้า!” ชูเซี่ยรู้สึกไม่สนใจคำพูดของเขา แม้นางจะรู้อยู่แก่ใจว่าทุกอย่างที่เขาทำกับนางเป็นเพราะพิษหัวใจสีชาดแต่ว่าเหตุผลก็อีกเรื่อง ความรู้สึกของนางก็อีกเรื่อง นางคิดถึงสิ่งที่เขาทำกับนางก่อนหน้านี้ก็รู้สึกเสียใจจนไม่อาจเพิกเฉยมันได้ ชูเซี่ยไม่ได้เดินเข้าไปหาเขา หญิงสาวยืนนิ่งอยู่ที่เดิมก่อนจะเอ่ยถามเสียงราบเรียบ “ท่านสบายดีหรือไม่” หลี่เฉินเย่นเห็นท่าทางเฉยชาของนางดวงตาคมก็หม่นหมองลง “ไม่ดี!” ชูเซี่ยจ้องมองมาที่เขาก่อนจะใช้แววตาของหมอที่มองคนไข้ “ร่างกายไม่ดีหรือว่าพิษยังหลงเหลืออยู่หรือเจ้าคะ” หลี่เฉินเย่นตลบผ้าห่มขึ้นตั้งใจจะลุกขึ้น ชูเซี่ยเห็นเช่นนั้นก็ถลามาข้างหน้าห้ามเขาไว้ “บาดแผลของท่านยังไม่หายดีห้ามลงจากพื้นเด็ดขาด!” หลี่เฉินเย่นฉวยโอกาสนี้ดึงมือของนางมาวางไว้บนอกของตนเอง ดวงตาคมมองชูเซี่ยก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด “เจ้าเกลียดข้าใช่หรือไม่ เจ้าเกลียดที่ข้าไม่เชื่อมั่นในตัวเจ้าใช่หรือไม่” ชูเซี่ยหันหน้าไปทางอื่นก่อนจะก้มลงมองมือของเขาที่กอบกุมมือของนางเอาไว้หวังจะดึงมือออกแต่เขาจับมือของนางไว้แน่นเหลือเกิน นางไม่กล้ารุนแรงเพราะเกรงจะกระทบถึงบาดแผลจึงปล่อยให้เขาจับไว้เช่นนั้น “ไม่เกลียดหรอก ระหว่างเราสองคนคำว่าเกลียดค่อนข้างรุนแรงเกินไป” หลี่เฉินเย่นเอ่ยอย่างเศร้าโศก “ก่อนหน้านี้ข้าเองก็พอจะระแคะระคายมาบ้างแล้ว แต่ว่าข้านึกไม่ถึงจริงๆว่าแม้แต่ข้านางก็กล้าลงมือ ครั้งนี้ข้าทำร้ายเจ้ากับชิงเอ๋อ ทั้งยังทำร้ายโหร่วยเฟยอีก ชูเซี่ยข้าขอสัญญากับเจ้า เจ้าให้เวลาข้าหน่อยเถิด รอให้นางฟื้นขึ้นมาข้าจะเป็นคนสอบสวนนางด้วยตนเอง ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะให้นางยอมรับสารภาพในสิ่งที่นางทำกับข้า ทำกับชิงเอ๋อให้ได้!” ชูเซี่ยดูจากท่าทางของเขาที่แสดงออกมาว่าเกลียดชังในตัวของฉ่ายเวิน แต่ว่าดวงตาของเขามีร่องรอยของการฝืนใจ ดูแล้วต่อให้เขารับรู้ความจริงเรื่องของอาจารย์ก็คงไม่กล้าลงมือกับนางอยู่ดี หญิงสาวหยินซองจดหมายที่ได้มาจากชิงเอ๋อส่งให้เขา “นี่เป็นจดหมายที่อาจารย์ของท่านเขียนเอาไว้ก่อนตาย ท่านดูเอาเองเถิด เมื่ออ่านจบแล้วท่านคิดจะทำอะไรก็สุดแล้วแต่ท่าน!” เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์พี่กับศิษย์น้องของพวกเขาไม่ใช่เรื่องที่นางจะต้องเอาตนเองเข้าไปยุ่งเกี่ยว เขารู้อยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่าฉ่ายเวินเป็นคนอำมหิตแต่ก็เอาแต่ยกเรื่องบุญคุณของอาจารย์ตนเองมากล่าวอ้างเพื่อหักลบความชั่วร้ายของฉ่ายเวินอยู่ตลอด มาครั้งนี้หากเขายังยอมให้อภัยฉ่ายเวินอีกนางก็จนปัญญาแล้วจริงๆ หลี่เฉินเย่นมองชูเซี่ยอย่างประหลาดใจ “จดหมายของท่านอาจารย์? เจ้าไปได้มาจากไหนกัน ข้าไม่เห็นเคยรู้ว่าท่านอาจารย์เคยเขียนจดหมายสั่งเสียอะไรพวกนี้ ก่อนที่ท่านจะเสียข้าก็อยู่แต่ก็ไม่เห็นเขาจะเอ่ยถึงมัน” “ท่านอ่านแล้วก็จะรู้เอง!” กล้าวจบนางก็ค่อยๆลุกขึ้น “ข้าจะไปดูสักหน่อยว่าทางหรงกุ้ยไท่เฟยมีอะไรให้ข้าช่วยเหลือหรือไม่ ได้ยินมาว่าท่านจิ้งกั๋วโฮ่วและฮูหยินเองก็เข้ามาในวังแล้วทั้งยังไม่ยอมออกไปไหนข้าจะไปดูพวกเขาเสียหน่อย!” จากนั้นนางก็ปรายตามาที่เขาเล็กน้อยก่อนจะกันกายจากไป หลี่เฉินเย่นมองดูจดหมายในมือของเขาอย่างสับสน เป็นเรื่องจริงหรือที่ท่านอาจารย์เขียนจดหมายก่อนตายเอาไว้ เขาคล่อยๆคลี่จดหมายเปิดอ่าน เพียงแค่เห็นเขาก็จำได้ทันทีว่าเป็นลายมือของอาจารย์ ลายมือของท่านอาจารย์มีการตวัดพูกันที่ไม่เหมือนใคร แม้แต่จูเก๋อหมิงที่เชี่ยวชาญด้านการปลอมลายมือก็คงไม่มีวันปลอมมันได้เหมือน ชูเซี่ยเดินออกไปจากห้องแต่นางก็ไม่ได้เดินไปไหนทั้งยังแอบย่องมาดูชายหนุ่มที่ข้างหน้าต่างห้องบรรทม ตอนที่หลี่เฉินเย่นเปิดอ่านจดหมาย ข้อความในนั้นสั้นมากเพียงไม่นานชายหนุ่มก็คงอ่านมันจดจบ ชูเซี่ยลอบมองใบหน้าของเขาที่จากซีดขาวกลายเป็นดำคล้ำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ชายหนุ่มเอาจดหมายมาแนบไว้ที่หัวใจจากนั้นมบหน้าก็ค่อยๆแดงก่ำแล้วก็กระอักเลือดออกมาคำโตแต่ชายหนุ่มก็ทำเพียงแค่เช็ดมันออก ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ชายหนุ่มสั่งให้คนไปส่งเขาที่ตำหนักหยงหมิง ชูเซี่ยเองก็แอบตามเขาไปตลอดทาง นางเห็นว่าเขายืนมองฉ่ายเวินที่นอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน ชูเซี่ยไม่รู้ว่าเฉินเย่นกำลังคิดอะไรอยู่ ตตอนนี้นางเริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ตัดสินใจมอบจดหมายให้เขาในเวลาที่ร่างกายของเขายังอ่อนแออยู่ ตอนนั้นเพียงแค่อารมณ์โกรธชั่ววูบนางจึงส่งจดหมายฉบับนั้นให้แก่เขา นางเพียงแค่คิดว่าเป็นเพราะเขาใจอ่อนกับฉ่ายเวินจึบงทำให้ผู้คนมากมายต้องเดือดร้อน นางอยากให้เขาลองเจ็บปวดดูบ้าง นางอยากให้เขาลองลิ้มรสของความเจ็บปวดที่ผู้อื่นเคยต้องได้รับมันจากการกระทำของฉ่ายเวินดูบ้างก็เท่านั้น มาตอนนี้เมื่อเห็นว่าเขาเจ็บปวดทรมานมากถึงเพียงนี้ในใจของนางกลับเจ็บมากกว่าเป็นสิบเท่า นางกำลังคิดว่าตนเองหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ อยากให้เขาเจ็บแล้วสุดท้ายก็เป็นตัวนางเองไม่ใช่หรือที่เจ็บกว่าเขา ที่แท้แล้วในใจของนางก็รักเขาล้ำลึกถึงเพียงนี้ รักจนแทบจะหล่อหลอมเป็นเนื้อเดียวกับหัวใจของนางด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นจะตาย จะโศกจะเศร้าก็ล้วนต้องมีเขา หลังจากนั้นนานทีเดียวนางถึงได้ยินหลี่เฉินเย่นเอ่ยกับหมอหลวง “ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนเราก็ต้องการให้นางฟื้นขึ้นมาให้ได้!” กล่าวจบชายหนุ่มก็เอามือกุมหน้าอกไว้เพื่อข่มความเจ็บปวดก่อนจะค่อยๆเดินจากไป
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 179 ความจริงเปิดเผย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A