ตอนที่ 180 ถึงตายก็ไม่ยอมเปลี่ยน
1/
ตอนที่ 180 ถึงตายก็ไม่ยอมเปลี่ยน
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 180 ถึงตายก็ไม่ยอมเปลี่ยน
ตนที่ 180 ถึงตายก็ไม่ยอมเปลี่ยน ชูเซี่ยเดินทางมาถึงตำหนักของหรงกุ้ยไท่เฟย เมื่อหรงกุ้ยไท่เฟยเห็นนางก็ถอนหายใจออกมา “เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ตอนที่เจ้าไม่อยู่ในวังวุ่นวายเหลือเกิน!” ยังไม่ทันที่ชูเซี่ยพูอะไรนางก็ยิ้มเย็นกล่าวขึ้นมาอีก “บ้านไม่เป็นบ้าน คนมากมายต้องมาตายด้วยน้ำมือของหญิงใจคออำมหิตพวกนั้น หากเรื่องแพร่งพรายออกไปจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด!” ชูเซี่ยจึงเอ่ยออกมาเสียงเบา “สิ่งที่นางทำอย่างไรก็ต้องมีสักวันที่นางต้องชดใช้!” “ข้าอยากให้นางรีบๆตายๆไปสักที มีคนเช่นนี้อยู่ในวังทำให้จิตใจของข้าไม่สงบเลยแม้แต่น้อย” หรงกุ้ยไท่เฟยเอ่ยด้วยวาจาเผ็ดร้อนไม่คิดจะรักษาหน้าแม้แต่น้อย แต่ไหนแต่ไรนางก็ไม่ชื่นชอบในตัวของฉ่ายเวินอยู่แล้ว มาวันนี้ยังรู้ความจริงเรื่องที่ฉ่ายเวินทำก็แค้นเสียจนอยากจะฆ่านางให้ตายคามือ ความจริงแล้วหรงกุ้ยไท่เฟยเป็นหญิงสาวที่จิตใจดีงามมาก แม้ว่าครั้งหนึ่งจะเคยหลงผิดหวังจะให้หลี่อวิ่นกังแย่งชิงบัลลังก์กับเฉินเย่นแต่ทุกวันนี้นางก็ยังทราบซึ้งในบุญคุณที่ชูเซี่ยช่วยชีวิตของเย่เอ๋อไว้จนถึงตอนนี้ แต่ตอนนี้นางหลายเป็นหญิงวัยกลางคนที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเลี้ยงหลายชายหัวแก้วหัวแหวนไปวันๆเท่านั้น นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและเรียบง่ายมาจนถึงตอนนี้ ดังนั้นเมื่อรู้ว่ามีคนที่ใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้อยู่ในวังด้วยกันนางก็ไม่อาจทนได้ ชูเซี่ยเอ่ยถาม “ศพของชิงเอ๋อและโหร่วยเฟยตอนนี้ถูกวางไว้ที่ใดหรือ” ชูเซี่ยตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากได้ยินชื่อของฉ่ายเวินอีกแล้ว นางรู้สึกรังเกียจและสะอิดสะเอียน หรงกุ้ยไท่เฟยก็เปลี่ยนสีหน้าแทบจะทันที “ทุกวันนี้ถูกวางไว้ที่ตำหนักเพียวสวี่ ยามมีชีวิตโหร่วยเฟยชื่นชอบที่นั่นมากที่สุดก็ให้นางอยู่ที่นั่นหลายวันหน่อยก็ดี ส่วนชิงเอ๋อก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน ให้ทั้งสองเดินทางไปสู่ภพภูมิที่ดีพร้อมกันจะได้ไม่ต้องเหงา!” ชูเซี่ยรู้สึกสงสารจนต้องหลั่งน้ำตา “ข้าอยากไปดูพวกนางสักหน่อย!” น้ำตาของหรงกุ้ยไท่เฟยก็ไหลออกมาเช่นกัน “วันนี้ข้าก็ไปมาแล้วครั้งหนึ่ง พิธีศพเมื่อวานท่านจิ้งกั๋วโฮ่วและฮูหยินของเขาก็มา ร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายน่าสงสารยิ่ง หัวอกของคนเป็นพ่อแม่ต้องมางานศพลูกสาวของตนเอง ก่อนหน้าก็เป็นหลิวหยิงหลง วันนี้ก็เป็นหลิวมี่เหอ ใครเล่าจะทำใจได้” ก่อนที่นางจะเงยหน้าขึ้นมามองชูเซี่ย “ชูเซี่ย จริงอยู่ที่เจ้าไม่ใช่หลิวหยิงหลง แต่ว่าครั้งหนึ่งเจ้าก็เคยอยู่ในร่างของนาง เรื่องนี้ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วเองก็ทราบ เจ้าคงรู้ใช่หรือไม่ว่าตอนนี้คนที่สามารถเยียวยาจิตใจของพวกเขาได้ก็มีเพียงเจ้าเท่านั้น!” ชูเซี่ยรู้สึกทุกข์ใจเหลือเกิน ความจริงแล้วนางสงสารเห็นใจท่านจิ้งกั๋วโฮ่วและฮูหยินยิ่งนัก นางอยากไปคุกเข่าต่อหน้าพวกเขาและเรียกพวกเขาว่าท่านพ่อท่านแม่มาตลอด เพราะในหัวของนางมีความทรงจำของหยิงหลงที่รักและผูกพันธ์ในตัวพวกเขา แต่ว่านางไม่กล้าเข้าไปใกล้พวกเขา นางกลัวว่าท่านจิ้งกั๋วโฮ่วและฮูหยินจะโกรธจะเกลียดนาง กลัวว่าพวกเขาจะคิดว่าเป็นเพราะการมาของนางทำให้หยิงหลงต้องตาย เพราะคิดเช่นนี้มาตลอดทำให้สุดท้ายนางเลือกที่จะหลบหน้าพวกเขามาโดยตลอด มาตอนนี้นางไม่คิดจะหนีอีกแล้ว ต่อให้พวกเขาจะรักหรือเกลียดนางนางก็จะเลือกที่จะเผชิญหน้า เพราะว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเขาตกอยู่ในความรับผิดชอบของนางแล้ว หรงกุ้ยไท่เฟยก็เอ่ยปลอบโยนนาง “ความจริงแล้วท่านจิ้งกั๋วโฮ่วและฮูหยินเป็นห่วงเจ้ามาก พวกเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าแต่เพราะกลัวว่าเจ้าเจ้าทำตัวไม่ถูกและกลัวว่าโหร่วยเฟยจะทำตัวไม่ถูกจึงไม่เคยมาหาเจ้า แม้ว่าที่ข้าพูดจะฟังดูไร้สาระไปบ้างแต่ว่าระหว่างเจ้ากับพวกเขาก็นับว่ามีความสำคัญต่อกันทางจิตใจไม่มากก็น้อย!” ชูเซี่ยสูดลมหายใจลึกๆ “พระสนมโปรดวางใจ ชูเซี่ยทราบแล้วว่าต้องทำอย่างไร” หรงกุ้ยไท่เฟยพยักหน้าอย่างพอใจก่อนถามขึ้น “ต้องให้เราไปเป็นเพื่อนเจ้าหรือไม่” ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมาก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ไม่ต้องหรอก หากว่าท่านไปก็ทำให้จิตใจหดหู่เสียเปล่าๆ ข้าไปเองก็ได้เจ้าค่ะ” เมื่อชูเซี่ยมาถึงตำหนักเพียวสวี่นางก็ให้หว่านเหนียงและเชียนซานรออยู่ด้านนอกไม่ต้องเข้าไป เมื่อเข้ามายังตำหนักนางก็ได้ยินเสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจจนนางชะงักฝ่าเท้าและน้ำตาก็ค่อยๆเอ่อคลอออกมา หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเช็ดน้ำตาและให้ฉิงเอ๋อนำทางนางเข้าไป ร่างของโหร่วยเฟยและชิงเอ๋อถูกวางไว้ในโลง ร่างทั้งสองถูกคลุมไว้ด้วยผ้าไหมสีทองเนื้อดี ร่างของทั้งสองพวกนางนอนอย่างสงบอยู่ในนั้น ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วและฮูหยินนั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านข้าง ดวงตาของท่านจิ้งกั๋วโฮ่วแดงก่ำเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ส่วนฮูหยินก็ถูกนางกำนัลพยุงร่างเอาไว้และร่ำไห้แทบขาดใจ ชูเซี่ยก้าวท้าวไปข้างหน้าก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าพวกเขา “ท่านพ่อ ท่านแม่!” ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วชะงักมองมาที่นางนิ่งๆ ฮูหยินเองก็ตกใจจนหยุดหลั่งน้ำตา ชูเซี่ยคุกเข่าอยู่ตรงหน้านางก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปดึงมือของฮูหยินไว้ นางมองเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวังก็ร้องไห้ออกมาในที่สุด ดวงตาของนางพร่าไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย นางเพียงสัมผัสได้ถึงมือของหญิงวัยกลางคนที่กอดกุมมือนางแน่น สุดท้ายฮูหยินก็รวบร่างของนางมากอดไว้ก่อนเอ่ยอย่างสะอึกสะอื้น “ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ข้าก็จะถือว่าเป็นเรื่องจริงแล้วล่ะ ลูกรักของข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลายปีมานี้แม่คิดถึงเจ้ามากมายเพียงใด” ชูเซี่ยเอามือของอีกฝ่ามาแนบแก้มของนาง นางสะอึกสะอื้นออกมา ภาพความทรงจำของหยิงหลงที่มีต่อพวกเขาสองสามีภรรยาชัดเจนขึ้นในความทรงจำ ชูเซี่ยที่ถูกกอดไว้อยู่ไม่เห็นท่าทางของพวกเขาทั้งคู่ ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วเดินมาฉุดร่างของนางให้ลุกขึ้นก่อนจะมองนางด้วยแววตาเศร้าหมอง “เจ้าคือชูเซี่ยหรือลั่วย?” เดิมทีชูเซี่ยไม่เคยคิดจะโกหกแต่ครั้งนี้นางเลือกที่จะทำมันเป็นครั้งแรก “ตอนนั้นหลังจากที่ข้าตายไปก็มีวิญญาณของหญิงสาวที่ชื่อชูเซี่ยเข้ามาอาศัยในร่างของข้าแทน ส่วนข้าก็กลายเป็นวิญญาที่ลงไปสู่ปรโลก ท่านยมบาลกล่าวว่าดวงของข้ายังไม่ถึงฆาตให้ฆ่ากลับมาเกิดใหม่ แต่ร่าบงเดิมของข้าตายไปแล้วพร้อมกับชูเซี่ย ดังนั้นข้าจึงมาอยู่ในร่างนี้และใช้ชื่อของชูเซี่ยกลับมาอีกครั้งเจ้าค่ะ” ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วนิ่งงันก่อนเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ “เจ้าจะบอกว่าเจ้าคือหยิงหลงงั้นหรือ” ชูเซี่ยรู้สึกละอายใจเหลือเกิน แต่นางก็ทนเห็นพวกเขาเจ็บปวดและผิดหวังไม่ได้อีกแล้ว นางจึงพยักหน้าแรงๆทั้งน้ำตา “ท่านพ่อเจ้าขา ข้าคือหยิงหลงเจ้าค่ะ!·” ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วก้าวมาข้างหน้าโอบกอดร่างของนางไว้แน่นก่อนปล่อยโฮออกมาเสียงดัง น้ำตาไหลลงมากระทบลำคอของชูเซี่ยหยดแล้วหยดเล่า ชูเซี่ยเองก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป นางเองก็ร้องไห้ออกมาเสียงดังราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง เพื่อโหร่วยเฟย เพื่อหยิงหลง เพื่อสองสามีภรรยาคู่นี้ และเพื่อตัวนางเอง ยังมีพ่อแม่ที่แท้จริงของนางอีก ต่อให้หัวใจของนางจะรู้สึกผิดบาปจากการโกหกครั้งนี้มากเพียงใดนางก็จะทน ในท้ายที่สุดโหร่วยเฟยก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหวงกุ้ยเฟย ส่วนชิงเอ๋อก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์หญิง ทั้งยังมีชื่อจารึกในบันทึกของราชวงศ์อีกด้วย หลังจากสิ้นงานศพ ท่านจิ้งกั๋วโฮ่วก็รับชูเซี่ยเป็นบุตรสาวบุญธรรมและไม่ได้เปลี่ยนแปลงชื่อของนาง นางยังคงใช้ชื่อเดิมว่าชูเซี่ย ราวกับว่าฉ่ายเวินรับรู้เรื่องราวทั้งหมดจนทนเห็นชูเซี่ยมีความสุขไม่ได้สุดท้ายนางก็ค่อยๆได้สติขึ้นมา เมื่อนางฟื้นขึ้นก็มีคนรีบวิ่งไปรายงานหลี่เฉินเย่นทันที วันนี้เป็นวันแรกที่เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว และเป็นวันแรกที่หิมะเริ่มโปรยปรายลงมา หลังจากที่หลี่เฉินเย่นได้รับบาดเจ็บชูเซี่ยก็มีท่าทางเฉยชากับเขามาตลอด พอดีกับที่ตอนนั้นหลี่เฉินเย่นกำลังว่าราชการหารืออเรื่องปัญหาอุทกภัยของประชาชนอยู่จึงไม่มีเวลาหาวิธีแก้ไข้เรื่องความสัมพันธ์ของเขาและนางเลย นางกำนัลที่วิ่งมารายงานข่าวการฟื้นของฉ่ายเวินก็วิ่งมาเข้าเฝ้าตอนที่ชายหนุ่มกำลังปรึกษาหารือกับเหล่าขุนนางในห้องทรงพระอักษรอยู่พอดี หลี่เฉินเย่นได้ยินก็เอ่ยเสียงราบเรียบ “แบกนางมาที่ห้องโถงตำหนักเพียวสวี่!” แม้ว่าร่างของโหร่วยเฟยและชิงเอ๋อจะถูกฝังไปแล้ว แต่ทว่าสภาพห้องก็ยังถูกจัดไว้เช่นเดิม แม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านว่าการปล่อยไว้เช่นนี้จะไม่เป็นมงคลแต่หลี่เฉินเย่นก็หาฟังไม่ “เรื่องนี้ยังไม่กระจ่างชัดวิญญาณของพวกนางก็คงไม่สงบสุขหรอก!” ความจริงแล้วตอนนี้ชายหนุ่มมั่นใจอย่างยิ่งมว่าเป็นฝีมือของฉ่ายเวิน แต่เขาก็อยากได้ยินคำสารภาพออกมาจากปากของนางเองกับหู แม้ว่าจะฟังดูงี่เง่าแต่ว่าเขาก็อยากรู้เหตุผลเหลือเกินว่าเหตุใดนางถึงกล้าลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้ ชายหนุ่มสั่งให้คนไปตำหนักฉ่ายเหว่ยเพื่อเชิญชูเซี่ยมา ชูเซี่ยเมื่อได้ยินว่าฉ่ายเวินฟื้นขึ้นมาก็เอ่ย “ในที่สุดก็ยอมฟื้นขึ้นมาเสียที” ชูเซี่ยเดินมาถึงตำหนักเพียวสวี่ก็เห็นหลี่เฉินเย่น หลายวันมานี้นางไม่ได้พบชายหนุ่มเลย แม้ว่าทุกคนเขาจะมาพบนางที่ตำหนักฉ่ายเหว่ยแต่นางก็ไม่ยอมให้เขาเข้าพบสักครั้ง หลี่เฉินเย่นถอดเสื้อกันลมออกมาคลุมทับร่างของชูเซี่ยไว้ ก่อนจะกอบกุมมือทั้งสองข้างของนางไว้ “หนาวหรือไม่” ชูเซี่ยส่ายหน้า “เข้าไปกันเถิดเจ้าค่ะ” กล่าวจบนางก็เดินนำเข้าไป หลี่เฉินเย่นก็เดินตามหลังของนางไปติดๆ ตำหนักเพียวสวี่ยังคงอยู่เพราะชูเซี่ยขอร้องให้เก็บมันไว้ และยังให้อาจารย์ศิลป์ท่านหนึ่งมาวาดภาพเหมือนของชิงเอ๋อและโหร่วยเฟยแขวนไว้บนผนังอีกด้วย เมื่อมองดูรอยยิ้มของโหร่วยเฟยและใบหน้าสคราญโฉมของชิงเอ๋อก็รู้สึกชื่นชมจิตกรผู้นั้นที่สามารถวาดพวกนางออกมาได้เหมือนและดูงดงามสดใสเหลือเกิน ชูเซี่ยปวดใจ อายุของพวกนางยังน้อยนัก เป็นเพียงดอกไม้แรกแย้มเท่านั้นจะไม่ให้นางรู้สึกเสียดายได้อย่างไร น้ำตาของนางไหลลงมาอีกครั้ง หลี่เฉินเย่นยืนนิ่งอยู่ข้างกายนางด้วยแววตาเคียดแค้นและเจ็บปวดเช่นกัน ผ่านไปไม่นานนางกำนัลก็พยุงร่างของฉ่ายเวินเข้ามา ใบหน้าของฉ่ายเวินฉายแววตื่นตระหนก เมื่อนางเหลือบมาเห็นหลี่เฉินเย่นก็ร้องออกมาอย่างร้อนใจ “ศิษย์พี่ นี่มันเรื่องอะไรกันเจ้าคะ” หลี่เฉินเย่นมองนางด้วยประกายเย็นเฉียบ เขาไม่ได้เอ่ยอะไรทำเพียงมองฉ่ายเวินนิ่งๆ ฉ่ายเวินเห็นท่าทางเช่นนั้นก็นิ่งอึ้งจากนั้นก็เอ่ยถามอีกครั้ง “ศิษย์พี่ เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ” ดวงตาของนางกวาดมองไปรอบๆห้องก่อนจะตื่นตกใจ “โหร่วยเฟยทำไมหรือเจ้าคะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่!” ชูเซี่ยยิ้มเย็น “ฉ่ายเวิน ฝีมือการแสดงของเจ้านับวันยิ่งร้ายกาจขึ้นทุกที!” ฉ่ายเวินมองมาที่ชูเซี่ยอย่างแปลกใจ “พี่สาวท่านพูดอะไรเจ้าคะ” พี่สาว? คำเรียกขานนี้อีกแล้ว คำเรียกขานที่อ่อนหวานและไร้เดียงสาที่เคยทำให้นางใจอ่อนมานับครั้งไม่ถ้วน ชูเซี่ยเอ่ยเสียงเย็น “ไม่ต้องมาแสดงละคร ฉ่ายเวิน เจ้ากล้าทำไม่กล้ารับหรือ โหร่วยเฟยตายไปแล้วก็จริงแต่วิญญาณของนางยังอยู่ เจ้าไม่ได้ยินเสียงร้องไห้อย่างเวทนาของนางบ้างหรือ ได้ยินเสียงร้องของนางบ้างหรือไม่” คำพูดของชูเซี่ยไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อยกลับกันมันกลับเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมเสียจนร่างกายของฉ่ายเวินสั่นสะท้าน หญิงสาวส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามชูเซี่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “พี่สาว โหร่วยเฟยตายได้อย่างไรกันเจ้าคะ แล้วเหตุใดข้าจึงได้หมดสติไป นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ” หลี่เฉินเย่นจ้องเขม็งมาที่นางก่อนเอ่ยถาม “เจ้าจำไม่ได้จริงหรือว่าเกิดอะไรขึ้น” ฉ่ายเวินเงยหน้ามองเขาด้วยสายตางุนงง “ศิษย์พี่ จำอะไรได้หรือเจ้าคะ ที่แท้แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อีกอย่างนั่นมันรูปของศิษย์พี่หญิงไม่ใช่หรือเจ้าคะ ศิษย์พี่หญิงกับอานุ่ยเกอไม่ใช่หนีตามกันไปนานแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ นางตายแล้วหรือเจ้าคะ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ศิษย์พี่ ท่านรีบอธิบายมาเร็วเข้า!” ฉ่ายเวินเอ่ยโวยวายออกมา ใบหน้างดงามซีดขาวไปหมด แต่ทว่าดูท่าทางสติของนางก็แจ่มใสไม่เลว ตอนที่นางพูดก็จ้องมองหลี่เฉินเย่นตลอดเวลา ไม่มีท่าทางละอายใจสำนักผิดแม้แต่น้อย หลี่เฉินเย่นนำจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากสาบเสื้อและยื่นให้นาง “เจ้าดูเอาเองเถิดว่านี่เป็นลายมือของอาจารย์ใช่หรือไม่” ฉ่ายเวินรับจดหมายฉบับนั้นมาไว้ในมือด้วยสีหน้าสงสัยก่อนจะเปิดมันออก หลี่เฉินเย่นมองดูใบหน้าของนางเปลี่ยนจากเดิมสับสนเป็นตะลึงและจากนั้นใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นซีดลงจนไร้สีเลือด ร่างบอบบางแข็งค้างจ้องมองไปทุกตัวอักษรบนนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา หลี่เฉินเย่นก้มหน้ามองนางก่อนถามเสียงเย็น “เป็นลายมือของอาจารย์ใช่หรือไม่” ใบหน้าของฉ่ายเวินตื่นตะลึงจนซีดขาวไร้สีเลือด นางอ่านเนื้อความในจดหมายก่อนนำมันมาวางแนบอกแล้วเอ่ยพำพัมอย่างเหม่อลอย “ท่านพ่อรู้อยู่แล้ว ท่านพ่อรู้มาตลอด!” หลี่เฉินเย่นได้ยินคำพูดของนางก็ถึงกับขาดสติตบใบหน้างดงามของฉ่ายเวินเต็มแรงก่อนจะเอ่ยตะคอก “เพราะอะไร เขาเป็นบิดาของเจ้า แต่เจ้ากลับโหดเหี้ยมถึงขั้นวางยาพิษเขา เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!” ฉ่ายเวินกัดริมฝีปากจนเลือดซึม สีแดงสดของเลือดตัดกับใบหน้าขาวของนาง ราวกับดอกไม้สีแดงสดบนผนังสีขาวของหิมะ นางจ้องเขม็งว่าที่หลี่เฉินเย่นก่อนจะเอื้อมมืดทั้งสองข้างมากอดร่างสูงของหลี่เฉินเย่นไว้แน่น “ศิษย์พี่ คนที่ทำให้ท่านพ่อต้องตายก็คือท่าน ไม่ใช่ข้า!”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 180 ถึงตายก็ไม่ยอมเปลี่ยน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A