ตอนที่ 184 พ่อหม้ายขอแต่งงาน
1/
ตอนที่ 184 พ่อหม้ายขอแต่งงาน
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 184 พ่อหม้ายขอแต่งงาน
ตนที่ 184 พ่อหม้ายขอแต่งงาน "จิงโม่ ฉองเหลา ออกมานี่หน่อย!" เขาจอดรถม้าไว้ที่ลานสวนด้านนอก จากนั้นก็พุ่งเข้ามาข้างในแล้วตะโกนลั่น "ท่านพ่อบุญธรรม ท่านกลับมาแล้วหรือ" ร่างทั้งสองพุ่งออกมาจากตัวบ้านราวกับลมกรด ล้อมเขาพลางตะโกนด้วยความดีใจ "กลับมาแล้ว!" จูฟางหยวนอุ้มเด็กขึ้นด้วยมือข้างละคน จากนั้นก็หอมไปคนละฟอด "เป็นเด็กดีหรือไม่" "เป็นเด็กดีเจ้าค่ะ!" จิงโม่ชี้ไปที่ฉองเหลาแล้วพูด "แต่น้องชายเป็นเด็กไม่ดี ชอบทำท่านแม่โกรธ" ฉองเหลาพองแก้มทันที "ไม่ใช่น้องชาย แล้วก็ข้าก็ไม่ได้ทำให้ท่านแม่โกรธ ท่านแม่ไม่เคยโกรธข้าเสียหน่อย" "ทำไมจะไม่เคย เมื่อว่าตอนพาเจ้าถ่านออกไปก็กลิ้งเลอะโคลนกลับมา เสื้อผ้าที่สกปรกตอนนี้ก็ยังไม่ได้ซักเลย" จิงโม่ฟ้อง จูฟางหยวนบิดหูเขาหนึ่งที "ไอหยา นั่นไม่น่ารักเลยนะ จะกลิ้งเลอะโคลนทั้งทีทำไมไม่รอให้พ่อบุญธรรมกลับมาก่อน ตอนที่พ่อบุญธรรมยังเด็กชอบเล่นโคลนมากเลยล่ะ" จิงโม่โวยวายขึ้นมาทันที "ท่านพ่อบุญธรรม ท่านอย่าช่วยคนเลวก่อกรรมชั่วสิเจ้าคะ" "โอ้โห!" จูฟางหยวนพูดด้วยความตกใจระคนยินดี "เด็กน้อยของพ่อนี่ฉลาดจริง ๆ แม้แต่สำนวนก็ใช้เป็นด้วย ตอนที่พ่อบุญธรรมอายุเท่าเจ้าก็เอาแต่กิน ๆๆ" "ข้าก็ทำได้ ข้าก็ทำได้" ฉองเหลาพูดเสนอตัว "พ่อบุญธรรมปรีชาด้านบู้ สง่าองอาจ ท่านแม่งดงามน้ำใจกว้าง เปรียบท่านพ่อบุญธรรมเป็นหมาป่าปลิ้นปล้อน เป็นงูร่วมรังหนู (หมายถึง สมคบคิดกับทำอะไรที่ไม่ดีอย่างลับ ๆ )..." "พอๆๆ" จูฟางหยวนเบิกตากว้างด้วยความอึ้ง "หมาป่าปลิ้นปล้อน งูร่วมรังหนูอะไรกัน ใครสอนเจ้าเนี่ย" "หลี่ฟูจื่อขอรับ ช่วงเย็น ๆ หลี่ฟูจื่อจะมาสอนหนังสือพวกเราขอรับ" จูฟางหยวนโมโหยกใหญ่ "เขาหรือ เขาต่างหากที่เป็นหมาป่าปลิ้นปล้อน งูร่วมรังหนู แสร้งไร้เจตนาแอบแฝง เป็นพ่อหม้ายตัวคนเดียวแต่ชอบมาหาผู้หญิงถึงบ้าน บอกว่าไม่มีเจตนาแอบแฝงใครเขาจะเชื่อกัน แม่เจ้าล่ะ ไปไหนหรือ" "วันนี้หลี่ฟูจื่อบอกว่าปวดหัว ให้คนมาตามท่านแม่ไปเจ้าค่ะ" จิงโม่พูด จูฟางหยวนวางฝาแฝดลง "พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่บ้านนะ ให้นายท่านเหมาออกมาเอาของออกจารถม้า ในห่อของมีของเล่นให้พวกเจ้าสองคนด้วย ของเหมือนกันทั้งสองชิ้น จะได้ไม่ต้องแย่งกัน" "ข้าไม่แย่งของน้องชายหรอก" "ข้าไม่แย่งของน้องสาวหรอก" ทั้งสองต่างก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน จูฟางหยวนหอบฟึดฟัดไปยังบ้านหลี่ฟูจื่อทันที เมืองหนานซานเป็นเมืองเก่าแก่ ความจริงแล้วใจกลางเมืองไม่ใหญ่นัก แต่ทางทิศใต้มีเขาหนานซาน ทิศเหนือจรดเขาเหลียงซานทอดตัวยาวเป็นร้อยลี้ ทั้งหมดล้วนแต่อยู่ในเขตปกครองของเมืองหนานซาน ดังนั้น จึงมีหมู่บ้านกระจายไปทั่ว สลับกันไปมาทั่วทุกทิศ เมื่อมองจากเขาหนานซานลงมาก็จะเห็นทิวทัศน์อันงดงามไร้ที่สิ้นสุด หลี่ฟูจื่ออาศัยอยู่หมู่บ้านศิลาที่นอกเมือง ด้วยความที่เขาอยู่ใกล้กับประตูเมือง ดังนั้น เขาจึงมักจะวางมาดเป็นคนในเมืองอยู่เสมอ เขาเป็นผู้ที่สอบตำแหน่งบัณฑิตซิ่งไฉได้ในรัชศกเจียผิงที่สอง ค่อนข้างปราดเปรื่อง ยิ่งไปกว่านั้นตือมีลักษณะเป็นบัณฑิตคงแก่เรียนที่คร่ำครึ นับตั้งแต่หลังจากเห็นชูเซี่ยก็ชอบชูเซี่ยทันที แต่เขาคิดว่าชูเซี่ยหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่มีลูกแล้ว ประพฤติตนไม่ถูกต้อง ดังนั้นแม้ว่าจะชอบรูปโฉมอันงดงามของนาง แต่ก็ไม่เคยให้คนไปสู่ขอ จวบจนเวลาต่อมา ชื่อเสียงของชูเซี่ยค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งเมืองหนานไม่มีใครไม่รู้จักท่านหมอชู เขาถึงละทิ้งความคิดเหล่านี้ และเริ่มคิดที่จะสู่ขอชูเซี่ยแต่งเป็นภรรยา ช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ความคิดแบบนี้ยิ่งหนักขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าหลี่ฟูจื่อเป็นนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงในแถบบริเวณนี้ ใช่ว่าผู้หญิงธรรมดาหน้าไหนก็ได้จะคู่ควรกับเขา ดังนั้น เขาจึงคิดจะทดสอบสติปัญญาและความสามารถของชูเซี่ยก่อน พอดีกับที่วันนี้ร่างกายไม่ค่อยปกติ จึงให้เด็กรับใช้ไปเชิญชูเซี่ยมา ข้อแรกเพื่อรักษาอาการป่วย ข้อสองก็เพื่อสังเกตชูเซี่ย "ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ได้รับลมเย็นเล็กน้อยเท่านั้น บวกกับอากาศช่วงฤดูใบไม้ผลิค่อนข้างเย็นชื้น พอโดนอากาศชื้นแล้วก็กินพวกอาหารที่ทำให้ข้างในร้อนก็จะทำให้ไข้เพิ่มสูงขึ้น ข้าเขียนใบสั่งยาให้สองอย่าง ฟูจื่อก็กินดื่มอาหารรสจืดหน่อย ประมาณสองวันก็ไม่เป็นอะไรแล้ว" ชูเซี่ยพูดจบก็นั่งลงตรงโต๊ะด้านข้างแล้วเขียนรายการยา "ได้ ขอบคุณท่านหมอชู!" หลี่ฟูจื่อลากเก้าอี้มา จากนั้นก็ขยับเข้าใกล้ชูเซี่ย พลางมองชูเซี่ยที่กำลังเขียนรายการยา "ใช่แล้ว ข้าอยากถามท่านหมอชูมาตลอด ชื่อของจิงโม่กับฉองเหลาท่านเป็นคนตั้งให้หรือ" ชูเซี่ยพยักหน้า "ใช่" "มีความหมายแฝงอะไรหรือ" หลี่ฟูจื่อถาม ชูเซี่ยเพิ่งจะเขียนเสร็จวางพู่กันลงพอดี นางยิ้มพลางกล่าว "ไม่มีความหมายแฝงอะไรหรอก แค่ขี้เกียจคิดก็เท่านั้น ก็เลยเอาชื่อยาสมุนไพรมาตั้งชื่อให้เด็ก ๆ น่ะ" "อ้อ จิงโม่กับฉองเหลาเป็นชื่อยาสมุนไพรหรอกหรือ" หลี่ฟูจื่ออดไม่ได้ที่จะแปลกใจ เดิมทีคิดว่าชื่อทั้งสองนี้ที่ตั้งอย่างไพเราะเช่นนี้จะมีความหมายแฝงเสียอีก เขาผิดหวังเล็กน้อย แต่พอชะงักไปได้ชั่วครู่ก็ถามต่อ "ท่นหมอชูชอบวาดภาพหรือไม่" "ไม่ค่อยชอบหรอก" "แล้วเขียนกลอนล่ะล่ะ" "ไม่ถนัด" "แล้วพวกพิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กัน ภาพวาด เชี่ยวชาญเท่ากันหรือไม่" เขาไม่ยอมแพ้ หญิงที่งดงามเช่นนี้จะไม่เป็นสิ่งใดเลยหรือ คนที่จะเป็นฮูหยินของเขา หลี่ฟูจื่อ ไม่มีทางที่จะทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ชูเซี่ยหันไปมองแล้วคิดสักพัก "พิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กัน ภาพวาดล้วนเข้าใจเพียงเล็กน้อย แต่ไม่ถนัด ไม่ชำนาญ สิ่งเดียวที่ชำนาญคือเรื่องการแพทย์" "เป็นผู้หญิงต้องเข้าใจพิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กัน ภาพวาดสิ เข้าใจเรื่องการแพทย์จะมีประโยชน์อันใดเล่า เป็นผู้หญิงก็ต้องแต่งงาน หลังจากแต่งงานแล้วก็ไม่สามารถปรากฏตัวในแวดวงสังคมได้อีก หากวันข้างหน้าออกไปคบค้าสมาคมสังสรรค์ก็ต้องมีคนเฝ้าประตูหนึ่งหรือสองคนไม่ใช่หรือ" "อืม ใช่ เป็นเช่นนั้นจริง ๆ" ชูเซี่ยไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ จึงตอบแบบส่ง ๆ ไปไม่กี่คำ ต่อมาก็พูดกับเด็กรับใช้ว่า "เจ้าตามข้ากลับไปหยิบยาก็แล้วกัน" "ขอรับ!" เด็กรับใช้ขานรับคำ หลี่ฟูจื่อเห็นชูเซี่ยหยิบล่วมยาหมายจะจากไปก็พลันลุกขึ้นอย่างอดไม่ได้ "ท่านหมอชูไม่ต้องรีบไปหรอก ผู้น้อยยังมีบางอย่างที่อยากจะพูดกับท่าน" ชูเซี่ยยิ้มอย่างสบาย ๆ "เป็นเรื่องเร่งด่วนหรือไม่ หากไม่ใช่เรื่องด่วน ข้าต้องกลับไปทำอาหารให้จิงโม่กับฉองเหลาแล้ว" ในใจของหลี่ฟูจื่อคิดอะไร ทำไมชูเซี่ยจะไม่รู้ หลายเดือนมานี้ยิ่งเห็นได้ชัดเป็นพิเศษ นางก็แค่แสร้งทำเป็นไม่รู้ก็เท่านั้น ดูจากท่าทางของเขาในตอนนี้แล้ว เหมือนจะอยากเปิดอกพูดเลยเสียด้วยซ้ำ ชูเซี่ยไม่อยากเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้เป็นพิเศษ ท่าทางของหลี่ฟูจื่อค่อนข้างจริงจัง "แน่นอนว่าเป็นเรื่องด่วน ผู้น้อยคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับท่านหมอชู" ชูเซี่ยกล่าวแดกดัน "หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับข้า ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องด่วนแล้ว ตอนนี้สำหรับข้าแล้ว เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือลูกทั้งสองของข้ายังไม่ได้กินข้าว" พอกล่าวจบ นางก็ไม่โอกาสใด ๆ แก่เขา สะพายล่วมยาแล้วออกประตูไปทันที "ท่านหมอชูยังไม่ได้เก็บค่ารักษาเลยนะ" หลี่ฟูจื่อตะลึงงันไปชั่วครู่แล้วพลันตะโกนลั่น "รักษาทำกุศล!" ชูเซี่ยพูดโดยที่ไม่หันกลับมามอง หลี่ฟูจื่อรีบสาวเท้าไล่ตามไปแล้วรั้งชูเซี่ยไว้ จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี "ท่านหมอชู ท่านหมายความว่าอย่างไร" "หืม?" ชูเซี่ยไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงโกรธ หรือเป็นเพราะขอความรักไม่สมหวังก็เลยพาลโกรธอย่างนั้นหรือ หน้าของหลี่ฟูจื่อค่อนข้างไม่พอใจ "รักษาทำกุศล? ทุก ๆ เดือนท่านหมอชูจะจัดการรักษาแบบการกุศลอยู่แล้ว สำหรับชาวบ้านที่ยากจนไม่มีเงิน ท่านหมอชูไม่เก็บค่ารักษาของข้า จะดูถูกข้าอย่างนั้นหรือ" "ไม่ได้หมายความเช่นนั้น" ชูเซี่ยเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าหลี่ฟูจื่อคนนี้เป็นคนที่เห็นแก่หน้าตาที่สุด "ข้าแค่คิดว่าฟูจื่อมักจะสอนหนังสือให้จิงโม่กับฉองเหลาอยู่บ่อย ๆ และไม่คิดเงินด้วย ก็แค่อยากจะตอบแทนฟูจื่อบ้าง ไม่ได้มีความหมายอื่นใดเลย" "งั้นท่านก็อย่าได้พูดว่ารักษาทำกุศล" น้ำเสียงของหลี่ฟูจื่อดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงตำหนิติติง "เรื่องนี้หากแพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของท่านก็จะเสียหาย อีกทั้งคนอื่นจะมองข้าอย่างไร แม้แต่ท่านหมอก็ยังดูถูก หนังสือเล่มนี้ไม่นับว่าอ่านไปก็เสียเปล่าหรอกหรือ" ชูเซี่ยพูดอย่างท้อแท้ "หลี่ฟูจื่อ ค่ารักษาสิบอีแปะ ค่ายาไม่คิด" หลี่ฟูจื่อหยิบพวงเงินออกมาหนึ่งพวงจากกระเป๋าแขนเสื้อแล้ววางใส่มือชูเซี่ย "จ่ายเยอะหน่อย เอาไว้ให้ซื้อของกินดี ๆ ให้จิงโม่กับฉองเหลากิน เด็กสองคนนั้นดูแล้วก็น่าสงสาร ไม่ใช่ว่าผู้น้อยจะไปยุ่มย่าม ก็แค่คิดว่าคนเป็นแม่หม้ายจะถูกคนซูบซิบนินทาได้ง่าย ท่านควรจะหาพ่อเลี้ยงให้เขาสักคน" "แม่หม้าย?" ทันใดนี้ชูเซี่ยก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก "ใครบอกว่าข้าเป็นแม่หม้ายกัน" หลี่ฟูจื่อกล่าวอย่างมีวาทกรรม "ข้ารู้ว่าไม่ใช่ แต่ท่านยินยอมที่จะป่าวประกาศกับคนอื่นว่าท่านเป็นหญิงที่ยังไม่แต่งงานและมีลูกอย่างนั้นหรือ สำหรับผู้หญิงแล้วเป็นการทำลายชื่อเสียงมากโขเลยทีเดียว ท่านรู้หรือไม่ ฉะนั้น ท่านต้องบอกกับคนอื่นว่าท่านคือแม่หม้าย แบบนี้ ต่อไปท่านก็จะได้แต่งงานได้และไม่ทำลายชื่ิอเสียงของท่านด้วย"
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 184 พ่อหม้ายขอแต่งงาน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A