ตอนที่ 186 คำพูดของนักวิ่งเต้น
1/
ตอนที่ 186 คำพูดของนักวิ่งเต้น
ชายาเกิดใหม่ของข้า
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 186 คำพูดของนักวิ่งเต้น
ตนที่ 186 คำพูดของนักวิ่งเต้น หากคนเราเป็นดั่งที่เห็นในคราแรก ก็คงจะดีมากทีเดียว ชูเซี่ยไม่กล้าคิดอีก เรื่องอนาคตก็เหมือนกับยาพิษที่แตะต้องไม่ได้ จูฟางหยวนมองนาง พลางพูดขึ้นอีกว่า “ชูเซี่ย ขอถามหน่อย ตอนนี้เจ้ารู้สึกมีความสุขใช่หรือไม่” “ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ” ชูเซี่ยเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่มองท่าทีทอดถอนใจของเขา “อาจารย์ของเจ้าบอกว่าเจ้าควรถ่ายทอดทักษะการใช้เข็มทองต่อ อย่าลืมหน้าที่พื้นฐานการเป็นหมอของตนเอง แต่ก่อนอื่นเจ้าคือคนที่มีอารมณ์ความรู้สึกปรารถนาแบบปุถุชนทั่วไป ถึงจะเป็นหมอ หมอก็เป็นเพียงแค่อาชีพ รู้สึกวาภาระนั้นหนักอึ้งได้ แล้วจำเป็นต้องสละความสุขทั้งชีวิตของตนเอง เพื่อความสำเร็จในอาชีพเพียงอาชีพเดียวอย่างนั้นหรือ เราไม่จำเป็นต้องลอยตัวขึ้นไปบนจุดสูงสุดของความฝันในอุดมคติ เพื่อให้เห็นถึงปัญหาเสมอไปหรอกนะ หรือเจ้าจะยอมให้ฉองเหลากับจิงโม่ไม่ได้เจอหน้าพ่อของตนเองไปชั่วชีวิตเลยอย่างนั้นหรือ” ชูเซี่ยครุ่นคิดสักพัก ต่อมาก็เงยหน้ามองวัชพืชที่อยู่ข้างทาง ในใจหลายสิ่งอย่างปะปนกันและไม่รู้ว่าความจะเริ่มพูดจากตรงไหนดี “ช่วงนี้ข้าเองก็มักจะสับสนอยู่บ่อย ๆ อาจารย์ให้ข้าถ่ายทอดทักษะการใช้เข็มทอง ข้ารู้ว่าเป็นสิ่งจำเป็น แต่หลายปีมานี้ข้าไม่เจอลูกศิษย์ที่เหมาะสมเลย แล้วเจ้าจะให้ข้าส่งต่อให้กับใครเล่า หากยังไม่ได้ส่งต่อทักษะการใช้เข็มทอง แล้วข้าจะทำผิดต่อเวินเหลียงซิ่วได้อย่างไร” “ได้ยินว่าเวินเหลียงซิ่วก็คือเจ้าในชาติก่อน” “บางทีนะ ทักษะการใช้เข็มทองอาจจะต้องมีสติปัญญาและกำลังของราชันย์โอสถก็เป็นได้ จูฟางหยวน มันยากมากนะ เดิมทีเรื่องราวของโลกนี้ก็ยากอยู่แล้ว เจ้าบอกให้ข้ากลับไปตอนนี้ แล้วข้าจะทำอย่างไรได้เล่า เขาเป็นฮ่องเต้แล้ว ทุกคำพูดทุกการหระทำล้วนแต่ต้องอยู่ในกรอบ หลังจากที่ข้ากลับไปแล้ว จะเป็นก้างขวางคอของเหล่าขุนนางไปเท่าไร ข้าเคยเป็นกุ้ยเฟยของฮ่องเต้พระองค์ก่อน ใคร ๆ ต่างก็รู้ดี” อีกอย่าง นางไม่ยอมที่จะถูกขังอยู่ในตำหนักไปชั่วชีวิตเช่นกัน เหมือนนกขมิ้นถูกคนเลี้ยงไว้ ไร้อิสระเสรี สำหรับการเป็นคนแล้ว ยังจะมีความหวังอะไรอีกเล่า สถานะของเขาสูงส่ง ปกครองแว่นแคว้น แท้จริงแล้วเป็นฝ่านที่ถูกกระทำมากที่สุด หากเขาทำทุกอย่างเพื่อนางได้ เขาก็ต้องทำแบบนั้นแน่ แต่ถ้าเขาทำแบบนั้นก็จะกลายเป็นว่าเอาตัวเองเข้าไปอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย แล้วนางจะกลับไปทำลายความสงบในเวลานี้ได้อย่างไร ต่างคนต่างก็อยู่กันคนละมุมโลก ต่างคนต่างก็อยู่อย่างสบายไม่ดีหรอกหรือ จูฟางหยวนได้ยินคำพูดของนางแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก แน่นอนว่าสถานการณ์ในตอนนี้แม้จะดีกว่าหลายปีก่อน แต่สุดท้ายฐานะของหลี่เฉินเย่นกับชูเซี่ยก็ไม่อำนวน พวกขุนนางเฒ่าพวกนั้นกุมอำนาจทางการเมืองมาหลายปี บางครั้งฮ่องเต้ก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้เหมือนกัน ทั้งสองเดินไปอีกสักพัก จูฟางหยวนถึงได้พูดขึ้นมา “แต่งตั้งอานเหยียนเป็นรัชทายาทก็ดีแล้ว อย่างน้อยราชบัลลังก์นี้ก็มีคนสืบทอดต่อ แต่เหล่าขุนนางใหญ่ที่โต้แย้งก็มีมาก ได้ข่าวว่าที่ปรึกษาหารือกันมากที่สุดก็คือลูกของฮ่องเต้ แต่ครั้งนี้หลี่เฉินเย่นคิดจะวางอำนาจล้างข้อคิดเห็นทั้งหลาย ถือโอกาสตอนที่พระการของฮองไทเฮายังไม่แย่มากแต่งตั้งรัชทายาท” ชูเซี่ยตะลึงงัน “ฮองไทเฮาเป็นอะไรไปหรือ” จูฟางหยวนชำเลืองมองชูเซี่ยด้วยความประหลาดใจ “เจ้าไม่รู้หรอกหรือ” “รู้อะไร” ชูเซี่ยมองเขาอย่างไม่อาจบรรยายความรู้สึกออกมาได้ “ฮองไทเฮาประชวรเป็นโรคที่รักษาไม่หาย บรรดาหมอหลวงก็วินิจฉัยไม่ได้ว่าเป็นโรคอะไร หลี่เฉินเย่นแปะป้ายประกาศหาหมอฝีมือชั้นเลิศเข้าวังไปรักษาอาการประชวรของฮองไทเฮาแล้ว” “มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ ข้าไม่รู้เลย ช่วงนี้ข้าไม่ได้เข้าเมือง” ชูเซี่ยพลันตื่นตระหนกทันที หญิงที่อ่อนโยนมีเมตตาในความทรงจำผู้นั้นป่วยหนักอย่างนั้นหรือ “อ่า รู้หรือไม่ก็ช่างเถอะ ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่คิดจะกลับไปอยู่ดี” “จูเก๋อหมิงว่าอย่างไรบ้าง” ชูเซี่ยถาม จูฟางหยวนส่ายหน้า “ทำอะไรไม่ได้ หากเขามีวิธี หลี่เฉินเย่นจะติดป้ายประกาศจากทางวังหรือ อ่า ฮองไทเฮาก็น่าสงสารเสียจริง เห็น ๆ อยู่ว่ามีหลานอยู่สองคน แต่กลับไม่ได้เห็นหน้า ยิ่งไม่ต้องพูดว่ามันเหมือนกับคนแก่ที่ทำขนมน้ำตาลให้หลานบ้านอื่นเล่นเลย ดูเหมือนว่าหญิงที่สูงศักดิ์ที่สุดในใต้หล้า แม้แต่ความสุขสามัญที่สุดก็ยังไม่ได้รับ ความสูงศักดิ์นี้จะมีประโยชน์อันใดหนอ” ใจของชูเซี่ยว้าวุ่นอย่างมาก ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้นางเคยคิดเอาไว้ ให้จูฟางหยวนพาฉองเหลากับจิงโม่กลับไปพบฮองไทเฮา แต่กลัวมีจะเกิดปัญหาแทรกซ้อนตามมาจึงต้องล้มเลิกความคิดนี้ไป ตอนนี้ยังนางยังจะลังเลไปมาอยู่อีกไหม “ชูเซี่ย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่มีทางกลับไป แต่เจ้าจะทนเห็นฮองไทเฮาไม่ได้เจอหน้าหลานของตัวเองก่อนตายอย่างนั้นหรือ แม้แต่จะรู้ว่านางมีหลานฝาแฝดที่น่ารักก็ยังไม่รู้เลย สำหรับนางแล้ว ไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือ” ชูเซี่ยนึกถึงพระพักตร์กับน้ำเสียงของฮองไทเฮา หญิงที่ใจดีมีเมตตาผู้นั้นเคยให้ความเป็นห่วงเป็นใยและความเชื่อใจนางโดยที่ไร้ความเห็นแก่ตัว บางทีนางควรจะกลับไป แม้นางไม่อาจพูดได้ว่าทักษะทางการแพทย์ของตนเองเป็นหนึ่งในใต้หล้า แต่ยิ่งมากคน ก็ยิ่งมีพละกำลังมากขึ้น “ข้าจะกลับไปถามความเห็นของจิงโม่กับฉองเหลาก่อน” ชูเซี่ยพูดเสียงเบา “แค่เจ้าตัดสินใจว่าจะกลับไป เด็ก ๆ ต้องเห็นด้วยแน่ หลายปีมานี้ พวกเขาขาดแคลนความรักจากบิดา ไม่ใช่ว่าข้าที่เป็นพ่อบุญธรรมจะชดเชยให้พวกเขาได้ มันไม่เหมือนกัน เจ้าเข้าใจใช่ไหม” “จูฟางหยวน” ชูเซี่ยชำเลืองมองเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก “เจ้ากำลังแนะนำให้ข้ากลับเมืองหลวงไปอยู่กับเขาใช่หรือไม่ แต่ปัญหาของพวกเราในตอนนี้ก็ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ อีกอย่าง อาจารย์บอกกับเขาว่าข้าลืมเขาไปแล้ว ต่างคนต่างก็สุขสบายดี หากตอนนี้ข้ากลับไป จะไม่เป็นการก่อกวนชีวิตของทุกคนหรือ” “ข้าไม่ได้บอกให้เจ้ากลับไปอยู่กับเขา ข้าแค้คิดว่าจิงโม่กับฉองเหลามีสิทธิ์ที่จะได้เห็นบิดาของตนบ้าง อีกอย่าง การที่เจ้ากับเขาไม่อาจอยู่ด้วยกันได้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่อย่างพวกเจ้า เกี่ยวอะไรกับเด็ก ๆ ด้วยหรือ ยุคสมัยปัจจุบัน ผู้ใหญ่สองคนหย่ากันแล้ว ฝ่ายที่เลี้ยงลูกก็ไม่ได้ห้ามให้อีกฝ่ายเจอเด็กไม่ใช่หรือ อย่างน้อยเขาก็ควรได้รู้ว่าตนเองมีลูกฝาแฝดชายหญิงอยู่บนโลก ตอนนี้เขาไม่รู้อะไรสักอย่างเลย” จูฟางหยวนเห็นนางทำหน้าซึ้งก็พูดต่อ “แล้วก็นะ เจ้าเอาแต่บอกว่าตัวเองเผชิญหน้ากับทุก ๆ เรื่องได้โดยที่ไม่สะทกสะท้าน ถ้าเจ้าเจอเขาแล้วก็จะละทิ้งความคิดการเป็นหมอช่วยคนอย่างนั้นหรือ เจ้ากับเขาไม่ได้จากกันเพราะความเคียดแค้นชิงชัง หลังจากหลับไปแล้ว เจ้ากับเขาก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ มีคนมากมายที่หลังจากหย่าแล้วก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ไม่ใช่หรือ เมื่อก่อนข้าก็มีเพื่อนร่วมงานคนนึงที่หลังจากหย่าแล้วก็เป็นเพื่อนที่ดีกับภรรยาของเขา ตอนที่ภรรยาเก่าของเขาจะแต่งงานอีกครั้ง เขาก็ยังไปร่วมงานแต่ง อวยพรให้ภรรยาเก่า แล้วตอนที่เขาแต่งงานอีกครั้ง ภรรยาเก่าของเขาก็ไปร่วมงานแต่งเหมือนกัน ต่อมาทั้งสองครอบครัวก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ดีจะตายไป เพื่อฉองเหลากับจิงโม่แล้ว เจ้าเองก็ควรปล่อยวางความตั้งมั่นที่น่าสงสารน่าเศร้าในใจเจ้าได้แล้ว กลับไปเถอะ บางทีเจ้าอาจจะช่วยฮองไทเฮาได้ก็ได้” ชูเซี่ยคิดแล้วคิดอีกก็คิดว่าที่เขาพูดว่าก็มีเหตุผล ไม่มีอะไรมากไปกว่าการดูแลหัวใจของตัวเองแล้ว ระหว่างพวกเขายังไม่ถึงขั้นตายไปเกิดใหม่ก็ไม่ต้องเห็นหน้ากัน พวกเขายังเป็นเพื่อนกันได้ เพราะพวกเขามีลูกฝาแฝดด้วยกัน พวกเขาถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าชาตินี้ไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้ากัน “อีกอย่าง พอกลับถึงเมืองหลวงแล้ว เจ้าอาจจะเจอลูกศิษย์ดี ๆ สักคนก็ได้” จูฟางหยวนชี้แนะต่อ “เจ้าอยู่ที่นี่นานมากแล้วก็ยังไม่เจอลูกศิษย์ดี ๆ สักคน นั่นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าชะลิขิตให้ไม่อยู่ที่นี่ ก็ควรจะจากไปได้แล้ว” ชูเซี่ยมองเขาอย่างสงสัย “จูฟางหยวนเอ้ย ทำไมข้าถึงได้รู้สึกเหมือนว่าเจ้ากำลังพูดหว่านล้อมอยู่เลย ไม่ใช่ว่าเจ้าได้ผลประโยชน์จากใครแล้วก็มาชี้แนะให้ข้ากลับเมืองหลวงหรอกหรือ” จูฟางหยวนพลันโมโหทันที “เจ้าคิดว่าหมูตอนอย่างข้าเป็นคนอย่างไรกัน คนเป็นคนแบบนั้นหรือ ข้าจะขายเพื่อนสนิทที่สุดเพื่อผลประโยชน์อย่างนั้นหรือ ชูเซี่ย เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว” ชูเซี่ยรู้จักเขาดี หากเขาไม่โกรธ ก็อาจจะยังไม่ถูกซื้อตัว แต่เขากลับมาพาลโกรธเอาดื้อ ๆ แบบนี้นี่สิ “สารภาพตามจริงมาเสียดี ๆ ใครให้เจ้าชี้แนะข้าให้กลับเมืองหลวงกัน ฮองไทเฮาไม่ได้ประชวรหนักไม่ใช่หรือ” จูฟางหยวนระงับอารมณ์โกรธไว้ แล้วพูดอย่างหงุดหงิด “ในใจเจ้าข้าเป็นคนแบบนั้นหรือ อ่า เอาเถอะ ข้ายอมรับก็ได้ เป็นความจริงเรื่องที่ว่าหว่านล้อมให้เจ้ากลับเมืองหลวง แต่ข้าไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรทั้งนั้น” “ใครหรือ” ใจของชูเซี่ยสั่นไหว “อาจารย์ของเจ้าไง!” จูฟางหยวนตอบ ชูเซี่ยอึ้ง “อาจารย์ข้า?” เป็นไปได้อย่างไรกัน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 186 คำพูดของนักวิ่งเต้น
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A