ตอนที่ 189 นางกลับมาแล้ว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 189 นางกลับมาแล้ว
ต๭นที่ 189 นางกลับมาแล้ว จูเก๋อหมิงไม่เข้าใจ แท้จริงแล้วความกังวลของหลี่เฉินเย่นไม่ได้มีเพียงแค่นี้เท่านั้น หลังจากที่อ๋องเก้ากับหลี่อวิ๋นหลี่จากไปในครานั้น ก็ไม่มีใครรู้สถานที่ที่พวกเขาอยู่เลย อ๋องเก้าอาจจะไม่ได้สนใจในราชบัลลังก์ก็เป็นได้ ที่เขาก่อการกบฏในตอนนั้น เพียงแค่หวังว่าจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป เป็นการที่ต่อสู้ครั้งสุดท้ายด้วยความจำยอม ส่วนหลี่อวิ๋นหลี่ไม่ใช่เช่นนั้น เขาปลอมตัวแอบแฝงเข้ามาในราชสำนักในฐานะราชครูเพียงเพื่อแก้แค้นแทนบิดาของตนอย่างนั้นหรือ เกรงว่านั่นจะเป็นเพียงข้ออ้าง เป้าหมายที่แท้จริงของเขาก็คือผืนแผ่นดินนี้ต่างหาก เขาคิดว่าผืนแผ่นดินนี้เป็นของเขา หลี่อวิ๋นหลี่ หลี่เฉินเย่นคิดว่า เขาไม่รามือง่าย ๆ แน่ หากเขาทุ่งหวังราชบัลลังกนี้จริง ๆ ถ้าอย่างนั้น ระยะเวลาห้าปีก็เพียงพอที่จะทำให้เขาหวนกลับมาได้ ช่วงนี้อารมณ์ของเขามักจะไม่นิ่ง เหมือนกับว่าได้กลิ่นกลิ่นอายของแผนการร้ายอยู่ในอากาศ ในช่วงห้าปีแห่งการครองราชย์ ทุกครั้งที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติ เขาก็มักจะรู้สึกแบบนี้ ครั้งนี้เป็นความรู้สึกที่เป็นวิกฤติของฮ่องเต้ “คิดอะไรอยู่หรือ” จูเก๋อหมิงเห็นท่าทีของเขาที่อยู่ก็เปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึมจึงเอ่ยถาม หลี่เฉินเย่นส่ายหน้า “ไม่มีอะไร แค่กังวลเรื่องอาการป่วยของเสด็จแม่น่ะ” จูเก๋อหมิงเงียบไปชั่วครู่ ต่อมาก็กล่าวเสียงเบา “ขอโทษด้วยที่ข้าไม่อาจช่วยได้” “ข้ารู้ว่าเจ้าพยายามสุดความสามารถแล้ว อย่าตำหนิตัวเองเลย” หลี่เฉินเย่นมองสหายคนสนิท ในใจรู้สึกหดหู่ไม่หยุด อุปสรรคต่าง ๆ นา ๆ หลายปีที่ผ่านมา แม้จะมีการทะเลาะบ้าง ระแวงบ้าง เข้ากันไม่ได้บ้าง แต่สุดท้านก็ผ่านมันไปได้ เขาโชคดีที่มีคนพูดด้วยได้อย่างจริงใจแบบนี้ ชั่วชีวิตนี้ เขาสูญเสียมากเกินไปแล้ว สิ่งที่เขาคิดอยากได้ก็บ้สนแต่ไม่ได้ ส่วนภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบที่ไม่อยากได้ กลับต้องเผชิญกับมัน นับตั้งแต่ชูเซี่ยจากไปจนถึงตอนนี้ เวลาห้าปี เกือบสองพันวันที่ผ่านมาล้วนแต่ไร้การเฝ้าคอย วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ก็ชินชากับชีวิตเฉยชาแบบนี้แล้ว สำหรับงานบ้านเมืองในราชสำนักก็ไม่มีอะไรราบรื่น ปัญหามากมายดั่งภูเขาล้วนกองพะเนินกันเข้ามา สิ่งที่เขาต้องทำก็คือแก้ปัญหาไปทีละเรื่อง หลังจากที่หลี่เฉินเย่นกลับไป จูเก๋อหมิงก็ระเบียบบันทึกการประชวรของฮองไทเฮาออกมา จากนั้นก็ค่อย ๆ ไล่ตรวจอีกครั้ง บันทึกพวกนี้มีตั้งแต่ที่ฮองไทเฮาทรงเริ่มประชวร จากนั้นก็ถูกหมอหลวงบันทึกไว้ เมื่อไม่กี่วันก่อนที่เขาเอาออกจากวังมาด้วย ทั้งยังพลิกอ่านตำราแพทย์ หวังว่าจะหาต้นตอเบาะแสเจอ แต่เขาพลิกอ่านตำราแพทย์ไปหลายรอบแล้วก็ยังหาโรคที่ถูกกับอาการไม่เจอสักที พอหลี่เฉินเย่นพูดเรื่องฉ่ายเวินขึ้นมา เขาก็เริ่มสงสัยขึ้นมาอีกครั้งว่าเป็นการถูกพิษใช่หรือไม่ ตั้งแต่แรกเริ่มมีเพียงร่างกายที่อ่อนแอและโลหิตจางเท่านั้น ต่อมาก็ค่อย ๆ ซูบผอมลง ไอ ร้อนจนเหงื่อออก หายใจลำบาก สีหน้าขาวซีด หากเทียบกับเฉินอวี่จู๋ในตอนนั้นแล้ว แท้จริงแล้วก็มีหลายจุดที่คล้ายกันมากเลยทีเดียว แต่ก็อย่างที่เขาพูด มีทั้งจุดที่เหมือนและไม่เหมือน ตัวอย่างเช่น เฉินอวี่จู๋ทั้งกินยาทั้งฝังเข็มก็ก็ล้วนแต่ไม่ได้ผล ถึงจะเป็นยาราคาแพงก็ไม่ได้ผลแม้แต่นิด แต่ของฮองไทเฮานั้นไม่ใช่ อาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เห็นได้ว่ายาบางตัวใช้ถูกแล้ว เขาเปรียบเทียบใบสั่งยาอีกครั้ง รวมถึงช่วงเวลาที่อาการดีขึ้น ใบสั่งยาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ปกติจะใช้ยาติดต่อกันเกินสามวันขึ้นไป ต่อมาก็มีการเปลี่ยนใบสั่งยาทันที เห็นได้เลยว่าอาการนั้นไม่ได้เปลี่ยนทันที สิ่งนี้บ่งชี้ว่าตัวยาที่ใช้นั้นไม่ถูกต้อง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ปกติแล้วก็พูดได้ว่า หากใช้ยาถูกขนานก็ต้องใช้ยาต่อไป ปกติจะต้องเห็นผลการรักษา แท้ว่าบางครั้งจะมีการเพิ่มลดตัวยาก็ไม่ทำให้ผลการรักษามีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ผิดปกติเกินไป ขณะที่กำลังครุ่นคิดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น หลวี่หนิงตะโกนเสียงดังลั่น “จูเก๋อ จูเก๋อ...” จูเก๋อหมิงเก็บสีหน้าทำใจอยู่สักพัก จากนั้นก็เปิดประตู หลวี่หนิงเข้ามารวดเร็วอย่างกับลมกรด ปากก็พร่ำพูด “พวกหมอที่อยู่ข้างนอกยุ่งกันจนหัวหมุนแล้ว แต่ท่านกลับมาแอบอู้อยู่ที่นี่” “อ้อ ใช่ ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย” เขารีบเก็บของให้เสร็จ “ข้าต้องออกไปแล้วล่ะ” หลวี่หนิงยื่นมือไปขวางเขาไว้ พลางพูดอย่างกลุ้มใจ “เจ้าเบื่อข้าหรือ พอข้ามาก็บอกว่ายุ่งเลยนะ อยู่คุยเป็นเพื่อนข้าก่อนสิ” จเก๋อมหมิงรู้เรื่องนั้นของเขากับเชียนซานดี เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เรื่องกลุ้มใจของเจ้าข้าจนปัญญา เจ้ากลับไประบายความในใจกับเชียนซานเถอะ” “จนปัญญาจะคุยกับนางแล้วเนี่ย” หลวี่หนิงพูดอย่างโมโห “เจ้าว่าทำไมโลกใบนี้ถึงได้ผู้หญิงที่เล่นตัวขนาดนี้นะ ก่อนหน้านี้ก็บอกว่าแต่งงานเถอะ นางบอกว่าพรรคมังกรเหินขาดนางไม่ได้ เพราะหลังจากที่นางแต่งงานแล้วก็ต้องมีลูกจัดการเรื่องในบ้านจนจะไม่มีเวลาไปจัดการเรื่องในพรรคมังกรเหินอีก ข้ารอนางมาห้าปีแล้วนะ ตอนนี้ก็ควรจะแต่งได้แล้ว แต่กลับมาบอกว่าหลังแต่งแล้วจะมีแค่ลูกสาว ไม่ยอมมีลูกชาย นี่มันอะไรกัน ตระกูลหลวี่ของข้าก็ต้องมีคนสืบทอดวงศ์ตระกูลใช่ไหมเล่า” จูเก๋อหมิงหัวเราะพลางกล่าว “ข้าว่าเจ้าเลอะเลือนไปแล้วใช่หรือไม่ มันไม่ง่ายเลยที่นางจะตกลงแต่งกับเจ้า เจ้าก็ยังมาโวยวายเรื่องปัญหาน่าเบื่อพวกนี้อีก หรือว่านางไม่ได้ตีเจ้ามาสามวันแล้ว เจ้าก็เลยไปรื้อกระเบื้องเล่นอย่างนั้นสิ?” “ปัญหานี้จะน่าเบื่อได้ยังไง นี่มันสำคัญมากไม่ใช่เหรอ” หลวี่หนิงพูดอย่างไม่พอใจ จูเก๋อหมิงจำต้องนั่งลงอีกครั้ง จากนั้นก็พูดปลอบเขา “พอว่าเจ้าเลอะเลือนเจ้าก็ไม่ยอมรับ ตอนนี้เจ้าควรตอบตกลงนางได้แล้ว รอจนนางท้องก่อนเถอะ นางจะรับประกันได้หรือว่าเป็นลูกสาวหรือลูกชาย” หลวี่หนิงอึ้งไปสักพัก “แต่ถ้าลูกคนแรกเป็นผู้ชาย ข้าก็ยังอยากมีลูกสาวอีกคนนะ ไม่ใช่ว่าจะมีลูกสาวคนเดียวแล้วก็จบนี่ อีกอย่าง เชียนซานอยากได้ลูกสาวเป็นพิเศษด้วยสิ” “แบบนี้ก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ เชียนซานอยากได้ลูกสาว ตอนที่ลูกเป็นผู้ชาย เป้าหมายของนางก็ยังไม่บรรลุไง แล้วนางก็ต้องมีคนต่อไปอีก ดูจากโหงวเฮ้งของเจ้าแล้ว อาจจะเป็นชะตาท่านปู่ก็เป็นได้ เจ้าเตรียมเงินเอาไว้ให้ลูกชายสิบเอ็ดคนของเจ้าไว้สร้างบ้านขอสาวแต่งงานเถอะ” ตาของหลวี่หนิงเบิกกว้าง พลางลูบหน้าตัวเอง จากนั้นก็ถามด้วยความตกใจนิด ๆ “ไม่มั้ง เจ้าพูดจริงหรือ เจ้าดูโหงวเฮ้งเป็นด้วยหรือ” “ก็ได้นิดหน่อย เมื่อก่อนเคยเรียนกับอาจารย์ของชูเซี่ยน่ะ” จูเก๋อหมิงเห็นเขากลัวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเขา พอหลวี่หนิงได้ยินคำว่าอาจารย์ของชูเซี่ยแล้วก็พลันคิดว่าเป็นเรื่องจริง แต่นั่นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่นี่ “สวรรค์ ไม่เอาแบบนั้นนะ ต้องกลับไปปรึกษากับเชียนซานว่าไม่ต้องมีลูกแล้ว” เพียงแค่เขานึกภาพเด็ก ๆ สิบกว่าคนรายล้อมเรียกท่านพ่อในหัว เขาก็เริ่มปวดหัวทันที จู๋อหมิงหัวเราะยกใหญ่ “เจ้าโง่ เรื่องทั้งหมดปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเถอะ เรื่องลูกชายลูกสาวเป็นสิ่งที่บังคับไม่ได้” หลวี่หนิงกรอกตาใส่เขา "เจ้าแค่แกล้งทำให้ข้าตกใจเล่นเหรอ" จูเก๋อหมิงลุกขึ้นยืน "เอาล่ะ ไม่คุยกับเจ้าแล้ว ข้าต้องออกไปตรวจแล้ว ช่วงค่ำยังต้องเดินทางเข้าวังอีก" หลวี่หนิงยืนขึ้นแล้วตามเขาออกไป ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ "จริงสิ บ้านที่ท่านหมอชูเคยอยู่ก่อนหน้านั้นตอนนี้ยังอยู่ไหม" "ทำไมหรือ" จูเก๋อหมิงถาม "ไม่ใช่ว่าท่านหมอชูจะกลับมาแล้วหรอกหรือ เชียนซานให้ข้ามาถามท่านดูว่าบ้านที่เมื่อก่อนท่านหมอชูเคยพัก ตอนนี้มีคนอยู่หรือไม่" จูเก๋อหมิงพลันรู้สึกว่าตนเองหายใจข้าลง "เจ้าว่าไงนะ" หลวี่หนิงมองเขาด้วยความประหลาดใจ "ทำไมเจ้าถึงได้ทำท่าทางประหลาดแบบนี้เล่า ท่านไม่รู้ว่านางจะกลับมาหรือ" “ข้าไม่รู้!” จูเก๋อหมิงส่ายหน้า “ใครบอกว่านางจะกลับมาหรือ เชียนซาน?” “อืม เชียนซานเป็นคนบอก” "เชียนซานติดต่อกับนางตลอดเลยหรือ" จูเก๋อหมิงถามด้วยความงุนงง เมื่อก่อนถามเชียนซานไปหลายครั้ง เชียนซานก็มักจะบอกว่าไม่รู้ที่ ๆ นางอยู่ หลวี่หนิงตอบว่า "ไม่หรอก ก่อนหน้านี้ไม่ได้ติดต่อกัน แต่อยู่ ๆ วันก่อนก็ได้รับจดหมายพิราบสื่อสารที่สายของพรรคมังกรเหินส่งกัลบมาน่ะ บอกให้เตรียมที่อยู่ให้เจ้านาย เจ้านายเตรียมตัวกลับมาแล้ว" "สายของพรรคมังกรเหินรู้มาตลอดว่านางอยู่ที่ไหนอย่างนั้นหรือ" "แน่นอนสิ ต้องมีคนคอยคุ้มกันนางแบบลับ ๆ อยู่แล้ว แต่ท่านหมอชูขอให้เก็บเป็นความลับ ดังนั้น แม้แต่เชียนซานก็ไม่รู้ว่านางอยู่ไหน เชียนซานกลับไปโวยวายที่พรรคมังกรเหินตั้งหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีคำพูดหลุดออกจากปากของสายลับบอกว่าตอนนี้ท่านหมอชูอยู่ที่ใดเลย" 
已经是最新一章了
加载中