ตอนที่ 190 คนตาบอด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 190 คนตาบอด
ต๭นที่ 190 คนตาบอด จูเก๋อหมิงยืนอึ้ง นางจะกลับมาแล้วหรือ ผ่านมาก็หลายปีแล้ว เดิมทีเขาคิดว่านางจะไม่กลับมาอีกแล้ว คิดว่านางเลือนหายไปจากชีวิตของทุกคน คิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอนางอีกแล้ว "เป็นเพราะอาการประชวรของฮองไทเฮาหรือ" จูเก๋อหมิงถามหลวี่หนิง หลวี่หนิงส่ายหน้า "ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน สายลับเพียงแค่ส่งจดหมายนกพิราบมาบอกให้เตรียมที่อยู่ให้ แต่ว่านะ สุดท้ายสายลับก็หลุดปากบอกเชียนซานอยู่ดี บอกว่าหลายปีมานี้ท่านหมอชูอยู่ที่เมืองหนานซานมาตลอด" "เมืองหนานซานหรือ" จูเก๋อหมิงเข้าใจทันที "มิน่าล่ะ ถึงได้ไม่มีข่าวนางเลย ที่แท้ก็อยู่ในที่ไกลตั้งขนาดนั้น เมืองหนานซานอยู่ห่างจากเมืองหลวงเป็นพัน ๆ ลี้ ที่แท้นางก็ไปอยู่แถบชายแดนนี่เอง" ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ "ฝ่าบาททรงรู้หรือไม่ เชียนซานไม่ได้รายงานฝ่าบาทหรือ" หลวี่หนิงตอบว่า "ไม่รู้ว่ารายงานหรือยัง แต่น่าจะยังนะ สองวันที่ผ่านมาเชียนซานไม่ได้เข้าวังเลย" จูเก๋อหมิงนึกถึงหลี่เฉินเย่นที่เพิ่งเจอกันเมื่อครู่ เขาน่าจะยังไม่รู้ อ่า ชูเซี่ยกลับมาถือว่าเป็นเรื่องดี แต่เมืองหลวงไม่ได้วุ่นวายแล้ว นางได้อยู่อย่างสงบเหมือนอย่างห้าปีที่ผ่านมาไหม แม้จะหวังว่าจะได้พบนางอีกครั้ง แต่จากใจจริงแล้วก็หวังว่านางจะไม่ถูกราวีอีก ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเบิกบานใจ ถึงแม้จะผ่านไปห้าปีแล้ว แตาก็ไม่มีใครลืมว่านางเคยเป็นสนมของฮ่องเต้พระองค์ก่อน แม้ว่าฝีมือทางการแพทย์ของนางจะไม่เป็นรองใครก็ตาม โลกนี้ก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่มีใครจดจำความดีของเจ้า มีแต่คนที่จะคอยจับผิดอยู่เสมอ หลวี่หนิงคิดสักพักก็พูดขึ้นมาอีกว่า "อันที่จริงไม่อยู่บ้านนั้นก็ดีนะ เพราะตอนนี้อาจจะอยู่ไม่ได้แล้วก็ได้ นางกับจูฟางหยวนกลับมาพร้อมกัน บางทีอาจจะพักอยู่ในจวนของอดีตแม่ทัพจูก็ได้ ที่จริงตอนนี้ยังมีเด็กอีกสองคน เกรงว่าบ้านหลังเก่าจะอยู่ไม่พอแล้วนี่สิ" "เอ๋?" จูฟางหยวนอึ้งไปอีกครั้ง "นางแต่งงานมีลูกแล้วหรือ แต่งกับใคร จูฟางหยวนรึ นางอยู่กับจูฟางหยวนมาตลอดเลยหรือ จูฟางหยวนผูแสนดีของเจ้าขอชูเซี่ยแต่งงานแล้วก็ไม่บอก เขากลับเมืองหลวงมาทุกปี เห็นว่าเราเป็นห่วงชูเซี่ยขนาดไหนี่ เขานี่ช่างเก็บเงียบได้ดีจริง ๆ เลยนะ" หลวี่หนิงได้ยินเขาพูดแบบนี้ก็อดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้ "ไม่ใช่หรอกมั้ง จำได้ว่าปีที่แล้วที่เขากลับมา พวกเรายังดื่มเหล้าคุยกันอยู่เลย พอพูกถึงท่านหมอชู ทุกคนล้วนแต่บอกว่าเป็นห่วงท่านหมอชู ไม่รู้ว่าตอนนี้นางอยู่ไหน เจ้าหมอนี่ก็พูดว่าคิดถึงท่านหมอชูอย่างเศร้าสร้อยเป็นพิเศษ ตอนนี้คิดไปคิดมาก็แทบอยากจะชกหน้าเขาไปหลาย ๆ หมัด ความสามารถในการลืมตาแต่บอกว่าตาบอดของเขาทำไมถึงได้เก่งกาจขนาดนี้นะ" ใจของจูเก๋อหมิงบีบแน่นอยู่สักพัก ถ้าเฉินเย่นรู้ว่าชูเซี่ยแต่งงานมีลูกแล้ว ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร "หลวี่หนิง ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว ข้าจะไปจวนเจิ้งกั๋วอ๋อง" จูเก็อหมิงคิดจะลองไปปรึกษากับหลี่อวิ่นกังดู อันที่จริง นี่เป็นเรื่องใหญ่เชียวนะ "ชูเซี่ยพาสามีกับลูกกลับมา ทางเชียนจะไม่ว้าวุ่นใจหรือ ข้าจะลองไปหาหลี่อวิ่นกังปรึกษาเขาดู" "อันที่จริงข้าว่าไม่ต้องก็ได้มั้ง ผ่านมาก็หลายปีแล้ว ถึงฝ่าบาทจะยังมีความรู้สึกต่อท่านหมอชูก็คงไม่ลึกซึ้งมากหรอก ก็อย่างที่เชียนซานพูด เวลาทำให้ทุกอย่างเจือจางลงได้ เจ้าดูสิ ตอนนี้ฝ่าบาทมีสนมในวังหลังตั้งมากมายไม่ใช่หรือ" หลวี่หนิงพูดด้วยความที่คิดแบบง่าย ๆ จูเก๋อหมิงกรอกตาใส่เขา "เจ้าโง่ ถึงจะมีสนมมากมาย แต่เจ้าเคยเห็นฝ่าบาทโปรดปรานใครบ้างไหมเล่า อีกอย่าง ตอนนี้มีลูกแล้วหรือ วังหลังมีฮองเฮาแล้วหรือ" หลวี่หนิงอึ้งไปสักพัก "หรือว่าฝ่าบาทจะยังรอท่านหมอชูกลับมาอย่างนั้นหรือ แต่ว่าท่านอาจารย์ท่านหมอชูเคยบอกไว้ว่าท่านหมอชูลืมเขาไปแล้วนี่" "ลืมก็ดี ไม่ลืมก็ช่าง ในเมื่อตอนนี้ชูเซี่ยแต่งงานมีลูกแล้ว พวกเขาก็ไม่อาจอยู่ด้วยกันได้อีกแล้ว ข้ารู้ว่าใจเขาไม่เคยลืมชูเซี่ย ดังนั้น การที่ชูเซี่ยพาลูกกลับมาด้วยเป็นคลื่นลูกใหญ่สำหรับเขา เพราะพวกเขาเองก็เคยมีลูกด้วยกัน แต่ว่ารักษาเด็กไว้ไม่ได้ ชูเซี่ยถูกฉ่ายเวินแทงจนได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเขา แม้หลายปีมานี้เขาไม่พูด แต่ก็มักจะคิดอยู่เสมอว่าเขาทำให้ลูกของตัวเองกับชูเซี่ยตาย" หลวี่หนิงโดนคำพูดของเขาเข้าไปจึงคิดว่าเรื่องนี้จริงจังมาก “งั้นก็ตามที่เจ้าว่า การที่ท่านหมอชูกลับมากลายเป็นว่าไม่ใช่เรื่องดีเสียแล้วกระมัง” จูเก๋อหมิงถอนหายใจ “ไม่รู้สิ อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ หรือไม่ก็...” เสียงของเขาค่อย ๆ เงียบลง หลวี่หนิงครุ่นคิดสักพัก “ไป ไปจวนเจิ้งกั๋วอ๋องกัน” ในเวลานี้หลี่อวิ่นกังอยู่ในจวนตกอยู่สภาพคับอกคับใจอย่างมาก เดิมทีก็ควรจะสบายใจ เวลาผ่านไปหลายปี พระชายาให้กำเนิดลูกสาวแก่เขาตอนนี้มีลูกชายหนึ่งลูกสาวหนึ่ง ทำให้ปลื้มอกปลื้มใจอย่างมาก แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนกลับพบว่าดวงตาของลูกสาวมองไม่เห็น พอยื่นมือไปโบกตรงหน้านางลูกตาก็ไม่เคลื่อนตาม กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เด็กน้อยอาจจะสูญเสียการมองเห็น เมื่อค่ำคืนก่อนมีหมอหลวงมาตรวจอยู่สองสามกลุ่ม การวินิจฉัยก็แทบจะเหมือน ๆ กัน บอกว่าเด็กน่าจะมีความผิดปกติตั้งแต่อยู่ในครรภ์ คำพูดนี้ให้หลี่อวิ่นกังกับภรรยาใจหายวาบ ความผิดปกติตั้งแต่อยู่ในครรภ์ส่วนใหญ่ไม่มีวิธีรักษา พระชายาร้องไห้ทั้งคืน ร่างกายของนางลูกสาวที่เพิ่งให้กำเนิดจะทนไหวเสียที่ไหนเล่า นางร้องจนหมดสติไปหลายรอบจนแทบจะเกิดอาการชัก หลี่อวิ่นกังที่อยู่ในจวนเดินวนไปมาด้วยความร้อนใจ ขณะที่คิดจะออกไปหาจูเก๋อหมิงก็ได้ยินเสียงบ่าวรับใช้มาเรียนว่าจูเก๋อหมิงกับหลวี่หนิงมาที่จวนเสียก่อน เขาสั่งให้คนรีบเชิญจูเก๋อหมิงเข้ามา จากนั้น จูเก๋อหมิงยังไม่ทันได้พูดอะไร หลี่อวิ่นกังก็ตรงไปลากเขาทันที “เจ้ามาก็ดีแล้ว รีบไปตรวจดูอี้เอ๋อร์เร็ว” อี้เอ๋อร์ เป็นชื่อที่เขาตั้งให้ลูกสาว หลี่อันอี้ เป็นการมอบความหวังอัดงดงามที่สุด หวังว่าชีวิตนี้ของนางจะอยู่อย่างสบายไร้ความกังวล ในแคว้นเหลียง ลูกสาวไม่สามารถเรียงลำดับศักดิ์ต่อจากลูกชายได้ แต่หลังจากที่หลี่อวิ่นกังกับพระชายาปรึกษากันแล้ว ก็ล้วนแต่คิดว่าลูกชายกับลูกสาวสำคัญเท่ากัน ดังนั้น จึงใช้คำว่า “อัน” เหมือนกับอานเหยียน สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความรักที่สองสามีภรรยาเจิ้งกั๋วอ๋องมีต่อลูกสาวคนนี้ได้ “ทำไมหรือ” จูเก๋อหมิงเห็นใบหน้าอันเศร้าหมองของเขาก็อดที่จะถามไม่ได้ “ตอนที่ทำพิธีฉลองเหล้าครบเดือน ก็พบว่าดวงตาของนางมีปัญหา เมื่อคืนก่อนเชิญหมอหลวงมาตรวจแล้ว บอกว่ามีความผิดปกติตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เกรงว่าจะไม่สามารถมองเห็นได้” หลี่อวิ่นกังกล่าวอย่างระทมทุกข์ จูเก๋อหมิงตกใจ “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้” “อ่า ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เจ้าอย่าถามเลย ไปตรวจดูหนอยเถอะ” หลี่อวิ่นกังลากเขาเดินไปทันที หลังจากที่พระชายาตื่นขึ้นมาก็เอาแต่อุ้มลูกสาวไว้ นางนั่งอยู่ข้างเตียง สองมือโบกไปมาตรงหน้าดวงตาอันอี้ไม่หยุด พลางมองลูกตาของอันอี้ที่ไม่เคลื่อนไหวตามมือนาง พอเห็นจูเก๋อหมิงมา นางก็เหมือนกับเห็นความช่วยเหลือ อุ้มอันอี้สาวเท้าเข้าไปหา “จูเก๋อ เจ้ามาก็ดีแล้ว รีบตรวจอี้เอ๋อร์เร็ว” ขณะที่นางพูด น้ำตาก็ร่วงลงมา จูเก๋อหมิงยื่นมือไปอุ้มนาง พลางพูดว่า “เย่เอ๋อร์ เจ้านั่งลงก่อนเถอะ อย่าร้อนใจไปเลย แล้วก็อย่าพูดว่าลูอาจจะมีปัญหาเลย ต่อให้มีปัญหาอะไรจริง ๆ ก็ต้องการความเข้มแข็งจากแม่อย่างเจ้า” พระชายาระงับความเสียใจเอาไว้ "ข้ารู้ จูเก๋อ เจ้าวางใจเถอะ หากลูกมองไม่เห็น ข้าจะเป็นตาให้นางเอง หากข้าตายก็จะไม่มีใครดูแลนาง ข้าจะพานางไปด้วย" "อย่าพูดส่งเดชสิ!" หลี่อวิ่นกังได้ยินนางพูดเช่นนี้ ใจก็พลันเจ็บทันที จากนั้นก็ยื่นมือไปโอบกอดนาง "อันอี้ไม่มีทางมองไม่เห็นแน่ ต่อให้มองไม่เห็นจริง ๆ เราก็จะประกาศหาหมอที่มีชื่อเสียงมารักษานาง นางต้องมองเห็นโลกที่มีสีสันใบนี้แน่" พระชายาพยักหน้าอย่างแรง “ใช่ เรายอมแพ้ไม่ได้” จูเก๋อหมิงวางเด็กน้อยลงบนเตียง พอเปิดเปลือกตาตรวจก็เห็นดวงตาของเด็กเหม่อลอย ใจของเขาดิ่งวูบ สุดท้ายก็มีปัญหาจริง ๆ “ไปเอาตะเกียงลมมา” จูเก๋อหมิงสั่ง 
已经是最新一章了
加载中