ตอนที่ 193 ปากหวาน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 193 ปากหวาน
ต๭นที่ 193 ปากหวาน เมื่อเชียนซานได้ยิน รีบหันหลังกลับไป เหมาะเจาะกับการลงจากม้าของจูฟางหยวนและเดินโซซัดโซเซเข้าไป เมื่อเชียนซานเห็นใบหน้าของจูฟางหยวน นางหัวเราะไม่หยุด พลันชี้ไปที่จูฟางหยวนและพูดว่า “เหล่าจู ตอนนี้เจ้าได้เป็นหมูสมชื่อแล้วล่ะ” ตาทั้งสองข้างของจูฟางหยวนบวมจนน่าสงสาร บนใบหน้ามีรอยฟกช้ำ ใต้จมูกมีคาบเลือดกำเดา จากปากที่เบินออกเห็นได้ชัดว่าเคยได้รับการกระทบอย่างรุนแรง จนไม่สามารถหุบปากได้ ทำให้น้ำลายไหลออกตามมุมปากปนเลือดจางๆ เชียนซานหัวเราะเสียงดัง เขาใช้มือเปิดเปลือกตา แววตาเต็มไปด้วยคามโกรธเคือง “หัวเราะให้ตายไปเลย” เชียนซานหัวเราะเสียงดัง แล้วมองไปทางหลวี่หนิง ยกนิ้วโป้งขึ้น “หลวี่หนิง ตั้งแต่รู้จักเจ้า นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าทำให้ข้านับถืออย่างยิ่ง” หลวี่หนิงมองจูฟางหยวนด้วยสายตาเย่อหยิ่ง ลงจากม้า “ไม่ได้อยากลงมือหนักขนาดนี้ แต่เมื่อคิดถึงตอนที่เขาพูดถึงหมอชูต่อหน้าทุกคน เขาพูดอย่างเสียดายและอาลัยอาวรณ์ว่าคิดถึงหมอชูอย่างมาก ไม่รู้ว่านางจะเป็นอย่างไรบ้าง เท่านี้ก็ทำให้ข้าหยุดหมัดตนเองไม่ได้แล้ว” จูฟางหยวนมองชูเซี่ยอย่างโกรธเคือง “ข้าทำเพื่อเจ้าทั้งนั้น ดูสิ่งที่เจ้าตอบแทนข้าสิ ตอนนี้ทุกคนต่างคิดว่าจิงโม่และฉองเหลาเป็นลูกของข้า คิดว่าข้าแต่งงานกับเจ้าแล้ว ถุย” “ถุยอะไร”เชียนซานทำท่าจะชกต่อหน้าเขา “ดูท่าแล้วยังไม่พอใช่ไหม อีกสักยกไหมล่ะ” จูฟางหยวนกลัวจนถอยหลังกลับสองก้าว เคลื่อนเร็วไปหน่อย เอวเคล็ดเลย แต่เขายื่นมือไปจับไว้ได้ทัน พูดอย่างสิ้นหวัง “เฮ้อ ข้าไม่กล้าท้าใครหลอก แต่ข้าหลบคนท้าได้ ข้ากลับก่อนล่ะ ไม่มีอะไรไม่ต้องไปหาข้า มีอะไรก็ไม่ต้องไปหาข้า ข้าเบื่อที่จะยุ่งกับคนบ้าอย่างพวกเจ้า” เขาเดินไปตรงม้า ขาโดนตีมาหนักเหมือนกัน เอวก็เคล็ด ไม่สามารถปีนขึ้นไปบนหลังม้าได้ หลวี่หนิงเดินไปหา แล้วช่วยดันก้นเขาขึ้นไป “ไอ้คนไร้น้ำยา” จูฟางหยวนน้ำตาอาบแก้ม “ข้าเกลียดพวกเจ้า” ควบขับอาชา จากไปด้วยความเศร้าโศกสิ้นหวัง ฉองเหลาอ้าปากกว้าง “เป็นพ่อเลี้ยงจริงๆ ด้วย” ชูเซี่ยยิ้ม “หลวี่หนิง เจ้าลงมือหนักเกินไปแล้ว” เชียนซานกล่าว “หนักตรงไหน ยังไม่สาสมเลย” ขณะที่หลวี่หนิงพยายามจะหาเหตุผลมาโต้ แต่สายตาเหลือบไปเห็นจิงโม่และฉองเหลา เขาตกใจจนพูดอะไรไม่ออก “นี่มัน ไม่ใช่ฝ่าบาทหรอกหรอ ฝ่าบาทย่อส่วน” “พวกข้าเหมือนพ่อ” จิงโม่และฉองเหลาพูดพร้อมกัน หลวี่หนิงมองชูเซี่ย แววตาเผยความสงสัย ชูเซี่ยกล่าว “ 5 ปีที่แล้ว เด็กไม่ได้ตาย แฝดคู่นี้ เป็นลูกของข้ากับเขา” “เยี่ยมไปเลย” หลวี่หนิงพึมพำ แม้จะแมนทั้งแท่ง ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ หลายปีมานี้ เพื่อทายาทสืบพระราชบัลลังก์ เหล่าขุนนางราชวงศ์แมนจูไม่เคยที่จะไม่กดดันฝ่าบาทในท้องพระโรง หากจูงเด็กสองคนนี้ไปที่ท้องพระโรง รับรองว่าเหล่าขุนนางต้องตกใจจนคุกเข่ากันเป็นแถวๆ แน่แท้ “ถ้าฝ่าบาททรงรู้เข้า จะทรงดีพระทัยขนาดไหน”เชียนซานจ้องมองชูเซี่ย “นายหญิงคิดจะทูลฝ่าบาทหรือไม่” ชูเซี่ยยิ้มและพูดว่า “เรื่องอะไรจะไม่ทูลให้ฝ่าบาททรงรู้ล่ะ ท่านเป็นพ่อของลูก ท่านมีสิทธิ์ที่จะอยู่กับลูก และข้าคิดว่าจะรีบอาบน้ำเปลี่ยนผ้าแล้วพาลูกๆ เข้าวัง” “จริงรึ”เชียนซานปิดปาก ไม่กล้าเชื่อสิ่งที่ตนได้ยิน “จะเข้าวังเลยรึ แต่พวกข้ายังไม่ได้ทูลเรื่องที่ท่านกลับมา” “ท่านจะได้พบกับพวกข้าแน่นอน” ชูเซี่ยมองดูจิงโม่และฉองเหลา “ยอดยาหยีของแม่ อยากเจอคุณย่าและคุณพ่อของพวกเจ้าหรือไม่” จิงโม่และฉองเหลามองหน้ากันพลันยักไหล่ “ถ้าท่านพาพวกข้าไปพบก็อยากเจอ ยังไงก็ได้” เชียนซานและหลวี่หนิงมองเด็กทั้งสองอย่างแปลกใจ เห็นได้ชัดว่า ในตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความดีใจและความตื่นเต้น อายุแค่นี้ รู้จักซ่อนความรู้สึกซะแล้ว น่ากลัวจริงๆ ไม่แปลกที่เป็นลูกของหมอชูและฝ่าบาท ชูเซี่ยพาลูกๆ เข้าบ้านเชียนซานนึกขึ้นได้ว่าชูเซี่ยจะอาบน้ำ ก็รีบวิ่งไปต้มน้ำ จิงโม่กลับพูดว่า “พี่สาว ให้ข้าทำเถอะ อยู่บ้าน ต้มน้ำเป็นหน้าที่ของข้า” นางหันหลังและตะโกนว่า “น้องไปตักน้ำ” “ได้เลย”ฉองเหลาตอบ ถลกแขนเสื้อขึ้นพลันวิ่งไปหน้าบ่อน้ำ เหลือบมองไป “ไม่ได้สิ จิงโม่ น้ำในนี้ไม่ได้ตักใช้นาน ในบ่อน่าจะมีแต่ใบไม้แห้ง พวกเราต้องตักน้ำในบ่อออกให้หมดก่อน แล้วค่อยรอน้ำใต้ผิวดินผุดขึ้นมาใหม่” “อย่างนั้นหรอ” จิงโม่เดินมาดู ขมวดคิ้วพลันพูดว่า “น้ำในนี้ใช้ไม่ได้จริงๆ เอาอย่างนี้ เจ้าไปตักน้ำข้างบ้านมา เดี๋ยวค่อยมาทำความสะอาดบ่อ คืนนี้รอน้ำใต้ผิวดินผุดขึ้นมาก่อน พรุ่งนี้ก็ใช้ได้แล้วล่ะ” ชียนซานและหลวี่หนิงเดินตรงมา มองฉองเหลาอย่างไม่เชื่อสายตา “พวกเจ้าอายุเพียงสี่ขวบจริงๆ หรอ” “สี่ขวบครึ่ง พวกข้าคลอดก่อนกำหนดน่ะ” เด็กทั้งสองตอบพร้อมกัน “รู้จักคลอดก่อนกำหนดด้วยหรอ ทำไมพวกเจ้าช่างฉลาดเยี้ยงนี้ จะว่าไปเด็กอายุสี่ขวบจำเป็นต้องเก่งขนาดนี้เลยรึ ตอนอยู่เมืองหนานซาน แม่พวกเจ้าใช้พวกเจ้าเยี้ยงทาสใช่ไหม” จิงโม่กล่าว “บ้านเป็นของเราทุกคน พวกข้าก็ต้องช่วยทำงานบ้านสิ แม่ออกไปทำงานหาเงิน พวกข้าก็รับผิดชอบงานบ้านเท่าที่จะทำได้” เชียนซานยอมใจ เด็กอายุแค่สี่ขวบครึ่ง ใครจะเชื่อว่าจะสามารถพูดอะไรแบบนี้ออกมา มีเด็กอายุ 4 ขวบครึ่งหลายคนที่กินข้าวเองยังไม่เป็นเลย “แต่ว่า พวกเจ้าเป็นเจ้านายน้อย ไม่ควรจะลำบากขนาดนี้ แล้วก็เด็กๆ แค่เล่นของเล่นเล่นกับเพื่อนก็พอ”เชียนซานสงสารเด็กๆ เหลือเกิน อายุเพียงสี่ขวบครึ่งก็ต้องมาทำงานบ้านมากมายอย่างนี้ มีลูกบ้านไหนที่ทำเช่นนี้ได้บ้าง จิงโม่มองเชียนซาน ราวกับว่าเชียนซานกำลังพูดอะไรแปลกๆ ออกมา “แม่บอกว่าไม่มีใครที่สมควรลำบาก และไม่มีใครที่ไม่สมควรลำบาก แต่ว่างานบ้านของทุกวันก็กองอยู่ตรงหน้า ทำเสร็จแล้วก็สามารถไปเล่นได้ แม่บอกว่า เด็กก็ต้องมีความรับผิดชอบเหมือนกัน และต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ด้วย” เชียนซานตะลึง ไหงไปถึงความรับผิดชอบและการรับผิดชอบต่อหน้าที่ได้ล่ะ นางยอมรับ ตนไม่ใช่คู่ปราบของเด็กอายุสี่ขวบครึ่ง ในขณะที่จิงโม่และเชียนซานกำลังพูดถึงเรื่องหน้าที่ของเด็กฉองเหลาได้ถือถังน้ำเดินไปข้างบ้านแล้ว เขาเคาะประตูข้างบ้านอย่างมีมารยาท และถามอย่างมีมารยาทว่า “พี่สาวคนสวยครับ ข้าเป็นข้างบ้านที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ บ่อน้ำบ้านข้าเต็มไปด้วยใบไม้แห้ง ไม่สามารถใช้น้ำได้ ไม่ทราบว่าสามารถมาตักน้ำบ้านของท่านไปใช้ก่อนได้หรือไม่” เจ๊ผางข้างบ้านเป็นหญิงอ้วนวัยสี่สิบ หลังจากได้ฟังที่ฉองเหลาพูด ยื่นมือไปรับถังในมือฉองเหลาทันที พูดอย่างดีใจว่า “เจ้าเด็กนี่ช่างเป็นคนซื่อสัตย์จริงๆ เข้ามาเร็ว เดี๋ยวข้าไปตักน้ำให้เจ้า” “ขอบคุณครับพี่สาว ท่านช่างเป็นคนจิตใจดีจริงๆ”ฉองเหลารีบกล่าวขอบคุณ เจ๊ผางยิ้มจนหน้าบาน และตาหยี่เป็นเส้นเดียว เข้าไปในบ้านแล้วหยิบลูกอมให้ฉองเหลาหนึ่งกำ “ปากหวานจริงๆ เลย รีบกิน เดี๋ยวพี่ช่วยยกน้ำ” ฉองเหลารับลูกอม “ขอบคุณพี่สาว แต่ว่ายกน้ำเป็นงานหนัก ให้ผู้หญิงทำไม่ได้หรอก ให้ข้ายกเถอะ” “เจ้าเด็กนี่ฉลาดจริงๆ” เจ๊ผางมองฉองเหลาอย่างชอบใจ “เจ้าเพิ่งย้ายเข้ามาหรอกรึ มาเที่ยวบ้านพี่บ่อยๆ สิ ข้างบ้านไม่มีใครอยู่นานแล้ว ตั้งแต่ที่หมอชูออกไป ก็ไม่มีใครมาอยู่อีกเลย” “หมอชูเป็นแม่ของข้า”ฉองเหลาพูดขึ้น เจ๊ผางอุทาน พลันมองฉองเหลา “เจ้าว่าอย่างไรนะ หมอชูเป็นแม่ของเจ้า ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กลับมาพร้อมแม่เจ้าน่ะสิ” “ใช่ครับ” เจ๊ผางรีบออกไปตักน้ำ จากนั้นยกถังน้ำไปอย่างทุลักทุเล พอถึงหน้าบ้านก็ตะโกนว่า “หมอชู หมอชู”
已经是最新一章了
加载中