ตอนที่ 194 รักษาไทเฮา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 194 รักษาไทเฮา
ต๭นที่ 194 รักษาไทเฮา เพียงพริบตาเดียว ผู้คนบ้านใกล้เรือนเคียงที่ปลูกอยู่ติดกันอีกนับสิบหลังก็รีบมากันเลย ไม่นานชูเซี่ยถูกล้อมรอบด้วยฝูงชน ทุกคนต่างพากันถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกัน ช่างอบอุ่นเป็นมิตรเสียจริง ชูเซี่ยคิดไม่ถึงเลยว่าทุกคนจะจำนางได้ นางอยู่ที่นี่ได้ไม่นานนัก ความสัมพันธ์กับข้างบ้านก็ไม่ถือว่าดี แค่เคยช่วยรักษาคนข้างบ้านหลายครั้ง นางจำใครไม่ได้เลย แต่ทุกคนกลับจำนางได้ นางตื้นตันใจอย่างยิ่ง ด้วยความรู้สึกตื้นตันนี้ ก็ได้เริ่มพูดคุยกัน ฟ้าจวนจะมืดแล้วถึงแยกย้ายกัน หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนผ้าเรียบร้อย ชูเซี่ยได้ขึ้นรถม้า รอบนี้หลวี่หนิงเป็นสารถี รถม้าแล่นตรงไปยังวัง ผ่านไป 5 ปีถึงกลับมา เข้าวังอีกรอบ ในใจของชูเซี่ยคงรู้สึกซับซ้อนน่าดู โดยเฉพาะคืนนี้อาจจะได้พบกับเขาคนนั้น แต่ว่า ก่อนที่นางจะกลับมาก็เคยพูดว่า ถึงแม้จะเลิกกันแล้ว ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ อย่างน้อย เขาก็สมควรได้รับการถามไถ่จากนางว่า : สบายดีไหม นางก้มหน้าเช็คกล่องยา ถุงเข็มวางอยู่ในชั้นลอยข้างใน ยาที่ผลิตเองก็พกมาด้วยเล็กน้อย หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรตกหล่นแล้ว ก็ปิดกล่องยา “แม่จ๋า ข้ารู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย” ตั้งแต่ฉองเหลาขึ้นรถม้ามาก็พูดไม่หยุด สีหน้าค่อนข้างเคร่งขรึม ราวกับว่าต้องไปทำเรื่องสำคัญอะไร ตามเสียงแล่นไปข้างหน้าของรถม้าที่ดังไม่หยุดหย่อน ใจของเขาก็เริ่มวุ่นวายแล้วเหมือนกัน สีหน้าที่เคร่งขรึมก็ค่อยๆ คลายลง และดูเหมือนเขาจะค่อนข้างระมัดระวัง ชูเซี่ยอุ้มฉองเหลาขึ้น พลันถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ฉองเหลากังวลเรื่องอะไรล่ะ” ฉองเหลาแววตาเป็นประกาย “ลูกไม่เคยเจอพ่อเลย” จิงโม่พูดอย่างจริงจัง “ความจริงแล้วข้าก็ไม่เคยเจอเหมือนกัน” “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่เคยเจอพ่อ แล้วเจ้าตื่นเต้นไหม”ฉองเหลาถาม “ไม่ตื่นเต้นเลย” จิงโม่โบกมือปฏิเสธ นางหยุดไปชั่วครู่ แล้วพูดต่อว่า “แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมใจเต้นเร็วขนาดนี้ เหงื่อออกมือด้วย ไม่รู้ว่าพ่อจะมีรูปร่างหน้าตายังไง จะดูดีกว่าหลี่ฟูจื่อหรือเปล่านะ” เชียนซานถามอย่างสงสัย “หลี่ฟูจื่อเป็นใครรึ” “หลี่ฟูจื่อก็คือคนที่จะแต่งงานกับแม่”ฉองเหลาพูดอย่างตรงไปตรงมา เชียนซานเปิดม่านคลุมแล้วพูดกับหลวี่หนิงว่า “เดี๋ยวเจ้าส่งคนไปที่เมืองหนานซาน ให้ไปตีขาของหลี่ฟูจื่อให้หักไปเลย” “รับทราบ” เสียงตอบรับของหลวี่หนิงลอยมาจากข้างนอก “ทำไมล่ะครับ”ฉองเหลาถามขึ้นอย่างไม่อาจเข้าใจ “ถ้าตีขาของหลี่ฟูจื่อให้หัก เขาก็จะไม่สามารถสอนหนังสือให้นักเรียนแล้วนะ” “ไม่มีใครมีสิทธิ์ครอบครองแม่ของเจ้า รู้หรือเปล่า”เชียนซานพูดอย่างจริงจัง “แม่เจ้าต้องเป็นของพ่อเจ้าเท่านั้น” “แต่ว่าพ่อข้าเป็นของนางสนมของพ่อ”ฉองเหลากล่าว เชียนซานตกใจ “ใครบอกเจ้า” “นายท่านเหมา” เชียนซานเปิดม่านคลุม “แล้วก็ตีขาของนายท่านเหมาให้หักด้วยนะ” “รับทราบ” เสียงตอบรับของหลวี่หนิงลอยมาจากข้างนอก ชูเซี่ยรู้สึกไม่ดีนัก “เชียนซาน ลูกข้ายังเด็ก อย่ารุนแรงแบบนั้น” เชียนซานแลบลิ้น “รู้แล้ว หลังจากนี้ข้าจะทำโดยไม่พูด” นางเปิดม่านคลุม แล้วไปนั่งกับหลวี่หนิง “เชียนซาน ฝ่าบาทยังไม่ทรงทราบว่าหมอชูกลับมาแล้ว เจ้าจะไปแจ้งล่วงหน้าสักหน่อยไหม” หลวี่หนิงพูดด้วยน้ำเสียงกังวล “นายหญิงบอกว่าไม่จำเป็น”เชียนซานกล่าว หลวี่หนิงลดเสียงลง “แต่ว่าในเวลานี้ มีพระสนมหลายคนปรนนิบัติท่านในวังฮองไทเฮา เจ้าไม่กลัวหมอชูเห็นแล้วจะทุกข์ใจรึ” “แน่นอนว่าต้องไม่มีความสุข แต่จะให้ทำอย่างไรล่ะ เดิมทีข้าคิดว่านายหญิงเจอไม่รีบเข้าวังทันที อย่างน้อยก็ต้องอีกสองสามวัน อย่างนั้นพวกข้าก็สามารถไปทูลฝ่าบาทได้” “เดิมทีเจิ้งกั๋วอ๋องควรไปกราบทูล แต่เป็นเพราะมัววุ่นกับเรื่องของเสี่ยวจิ้นจู่ เลยไม่มีเวลาไปทูล ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่ทุกคนต่างคิดว่าหมอชูได้แต่งงานกับจูฟางหยวนแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าที่จะไปทูลฝ่าบาท” เชียนซานถอนหายใจเบา ๆ "ข้าไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบใด หวังเพียงนายหญิงไม่ต้องลำบากใจมากก็พอ นางสนมคนนั้นปากร้ายนัก หากรู้สถานะของนายหญิงเข้า คำพูดคำจาก็คงไร้ความปราณีเหมือนกัน" บทสนทนาของเชียนซานและหลวี่หนิง ชูเซี่ยได้ยินหมดแล้ว นางตั้งใจฟังอย่างยิ่งเชียนซานและหลวี่หนิงอาจลืมแล้วก็ได้ว่าได้พูดอะไรออกไปบ้าง ชูเซี่ยค่อยๆ หลับตา ยิ้มมุมปากอย่างขมขื่น นางจะสามารถเผชิญหน้ากับเหล่าสนมของเขาอย่างสงบหรือไม่ แม้นางจะไม่สามารถทำได้ ก็ต้องบังคับใจตนเองให้ทำให้ได้ พวกเขาได้เลิกกันแล้ว ต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง ในยุคปัจจุบัน มีคู่สามีภรรยาจำนวนมากที่หย่าร้างกัน ยังไงก็ไม่ควรจมอยู่กับอดีต ชีวิตยังไงก็ต้องไปต่อ “ท่านแม่ ท่านไม่ตื่นเต้นเลยหรอ”ฉองเหลาเงยหน้าขึ้นถามผู้เป็นแม่ ชูเซี่ยบีบจมูกของเขาหนึ่งที “ไม่ตื่นเต้น มีอะไรให้ตื่นเต้นหรอกรึ” “ใช่สิ ท่านแม่เคยเจอท่านพ่อแล้วหนิ จะตื่นเต้นได้อย่างไร” จิงโม่สูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง ถูฝ่ามือไปมา แล้วพ่นลมใส่ฝ่ามือ “หนาวรึ” ชูเซี่ยเห็นท่าทีของนางแล้ว คิดว่านางหนาว แต่อากาศต้นฤดูร้อนนี้ร้อนมาก จึงคิดว่านางไม่สบาย ยืนมือไปจับหน้าผากของนาง “ไม่ใช่ค่ะ ที่ข้าถูมือ เป็นเพราะว่าข้ารู้สึก……ตื่นเต้น” “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ตื่นเต้นไม่ใช่รึ”ฉองเหลาท้วง “ก่อนหน้านี้ไม่ตื่นเต้น แต่ตอนนี้เริ่มตื่นเต้นแล้ว” จิงโม่อธิบาย ชูเซี่ยจองมองสองใบหน้าที่คล้ายคลึงกัน “จิงโม่ฉองเหลา พวกเจ้าโกรธแม่หรือเปล่า” “ทำไมต้องโกรธแม่ด้วยล่ะ” เด็กทั้งสองถามพร้อมกัน “เพราะว่าเด็กส่วนใหญ่ได้อยู่พร้อมหน้ากับพ่อแม่ แต่ว่าหลายปีมานี้ พวกเจ้าได้อยู่กับแม่แค่คนเดียว ไม่เคยเจอพ่อของพวกเจ้าเลย” ชูเซี่ยพูดอย่างละอายใจ จิงโม่บีบนิ้วของนางพลันพูดว่า “จะโกรธได้อย่างไรล่ะ พ่อเลี้ยงเคยบอกพวกข้าแล้วว่า ในโลกของพวกรานั้น มีเด็กหลายคนที่เป็นเหมือนพวกข้า ไม่อยู่กับแม่คนเดียว ก็อยู่กับพ่อคนเดียว” ฉองเหลาแทรกขึ้น “และยังมีอีกหลายคนที่ไม่มีพ่อ และไม่มีแม่ ต้องอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พวกข้าถือว่าโชคดีแล้ว อย่างน้อยก็มีพ่อเลี้ยง มีแม่ มีนายท่านเหมาและเจ้าถ่าน” “ใช่ๆ” จิงโม่มองไปที่ชูเซี่ย ยื่นมือเล็กๆ ของนางไปจับมือของชูเซี่ยไว้ “แม่จ๋า พวกข้ามีความสุขมากจริงๆ” ชูเซี่ยนอดไม่ได้ที่จะต้องรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เด็กสองคนนี้ช่างว่านอนสอนง่าย นางรู้สึกโชคดีที่ฟ้าได้ประทานลูกที่น่ารักแบบนี้ให้นาง หลังจากที่สูญเสียหลี่เฉินเย่นไปแล้ว รถม้าถึงวังแล้ว ตามกฎวัง รถม้าต้องจอดรอนอกวัง แต่หลวี่หนิงบอกว่าในรถม้าเป็นแขกของฮองไทเฮา และมีเชียนซานซึ่งเป็นคนของพรรคมังกรเหินอยู่ด้วย บวกกับตำแหน่งของหลวี่หนิง ณ ตอนนี้ ดังนั้น องครักษ์ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้พวกเขาผ่านเข้าไป รถม้าแล่นไปตามทาง ตามแนวผนังวังได้จุดตะเกียงไว้แล้ว ส่องตลอดทางให้สว่างงดงาม ในระยะไกลจากพวกเขามีคนในวังเดินไปมา ฝีเท้าเร่งรีบ ไม่รู้ว่าเป็นคนในวังไหนกัน ชูเซี่ยเปิดม่านคลุมออก แล้วมองออกไปข้างนอก สายลมอ่อนๆ พัดโชยเข้าหน้า รู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกกัน ในที่สุด ก็ได้กลับมาที่นี่ ทุกอย่างยังเหมือนกัน มีแต่คนที่เปลี่ยนไป ผ่านตรอกวังมา ก็ตรงไปยังพระราชวังฉือซินของฮองไทเฮา นับตั้งแต่ฮองไทเฮาทรงประชวร มีคนมาเข้าเฝ้าพระองค์ทุกวัน ถ้าเป็นบุคคลทั่วไป หยงกุ้ยไท่เฟยก็จะไม่ให้เข้าไป มีเพียงคนที่มีตำแหน่งเฟยขึ้นไปเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าไปเข้าเฝ้าได้ พระสนมเหล่านี้ ไม่เคยได้ใจของท่านหลี่เฉินเย่นเลย จึกมักจะทำอะไรให้ท่านรู้สึกเอ็นดู พวกนางรู้ว่าฝ่าบาทเป็นคนกตัญญู และเหมาะเจาะกับที่ตอนนี้ฮองไทเฮาทรงประชวร ทุกคนก็เลยมาเข้าเฝ้าเป็นธรรมดา หวังอยากอยู่ในสายตาของฝ่าบาท และเป็นที่โปรดปรานรักใคร่เอ็นดู รถม้าจดนอกพระราชวังฉือซินเชียนซานและหลวี่หนิงลงจากรถม้าก่อนเชียนซานเปิดม่านคลุม และพูดกับชูเซี่ยว่า “ถึงแล้วครับท่าน” ชูเซี่ยมองดูข้างนอก ประตูวังฉือซินก็อยู่ตรงหน้า ใกล้เพียงเอื้อมมือ แต่ไม่รู้ทำไม ในใจเกิดความลังเล ไม่กล้าที่จะลงจากรถม้า ราวกับว่าถ้าลงไปเมื่อไหร่ ความสงบ 5 ปีมานี้ ก็จะสลายไปในพริบตา
已经是最新一章了
加载中