ตอนที่ 209 มีความหวังอีก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 209 มีความหวังอีก
ต๭นที่ 209 มีความหวังอีก แม้ว่าทุกคนจะชี้มาที่ชูเซี่ย แต่กลับทำให้ชูเซี่ยรู้สึกสบายใจ ความกดดันตอนที่เผชิญหน้ากับหลี่เฉินเย่นในวังเมื่อคืนนี้ถูกปล่อยออกมาหมด “เสี่ยวจิ้นจู่น้อยของข้าล่ะ? ไม่อุ้มออกมาให้ข้าเจอหน่อยหรือ?” ชูเซี่ยปรบมือ แม่นมอุ้มเสี่ยวจิ้นจู่น้อยเขามา โน้มตัวบอก “มาแล้ว มาแล้ว เพิ่งให้อาหารไป” ชูเซี่ยเอื้อมมือไปอุ้มมา ตอนที่เห็นเสี่ยวจิ้นจู่น้อย ตะลึงไปครู่หนึ่ง เด็กคนนี้เหมือนกับจิงโม่และฉองเหลามาก โดยเฉพาะฉองเหลา เพราะตอนที่ฉองเหลาเกิด ผอมผอมเล็กเล็ก เหมือนกับลูกหนูเลย เสี่ยวจิ้นจู่น้อยนี้ก็เป็นแบบนี้ หนึ่งเดือนมานี้ ใบหน้ายังไม่ขยายออก ยังคงย่นอยู่ “คลอดก่อนกำหนดนานเท่าไหร่?” ชูเซี่ยถาม “เจ้ารู้หรือว่าคลอดก่อนกำหนด?” เย่เอ๋อถามอย่างตกใจ “คลอดก่อนกำหนดเดือนกว่า” “หนูน้อยที่น่ารัก เหมือนกับพี่ฉองเหลามากเลย” ชูเซี่ยยิ้มบอก เย่เอ๋อทุกข์ใจอยู่ข้างๆ “ดวงตานางมองไม่เห็น” ชูเซี่ยวางเด็กลงบนเตียง เปิดเปลือกตาออกตรวจดู แล้วขยับแหล่งแสงเพื่อดูอาการตอบสนอง หลังจากนั้น นางก็อุ้มเสี่ยวจิ้นจู่น้อยขึ้น กล่าว “ไม่เป็นไร ไม่ใช่โรคจอประสาทตา และก็ไม่ใช่โรคต้อหิน เพียงแต่เพราะว่าคลอดก่อนกำหนดเลยมีพัฒนาการไม่เต็มที่เท่านั้น” “ไม่มีปัญหาหรือ?” หลี่หยุนกางและเย่เอ๋อไม่ค่อยเชื่อ หมอหลวงและจูเก๋อหมิงก็บอกว่า เด็กมีโรคตา “ข้าไม่ใช่จักษุแพทย์ แต่ว่าในดวงตาของเด็กไม่เห็นโรคอะไร แน่นอนว่า บางโรคเองตาเปล่าก็มองไม่เห็น อย่าได้รีบสรุปเลย แต่ว่า เด็กไม่ได้ไม่มีอาการตอบสนองต่อแสงเลย พวกเขามานี่สิ ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าดู” สั่งให้คนปิดประตูหน้าต่างหมด จากนั้นก็ขึงผ้าดำ ภายในห้องมืดอย่างกับกลางคืน นางเอาผ้าดำปิดตาเด็กไว้อีก จากบอกกับทุกคนว่า “สิบห้านาทีให้หลัง อุ้มนางออกไป พวกเจ้าก็จะเห็นเอง” ชูเซี่ยกล่าว “ทำไมต้องสิบหน้านาทีล่ะ?” ชูเซี่ยกล่าว “เจ้าให้นางชินกับความมืด ในช่วงที่เจอกับแสงสว่าง การตอบสนองของดวงตาจะเป็นสิ่งที่เป็นจริงที่สุด” “ออ เข้าใจแล้ว” เชียนซานรีบบอก “เหมือนกับคนๆหนึ่งที่อยู่ในห้องมืดๆนานๆ อยู่ๆก็ออกไปเจอกับแสงอาทิตย์ ก็จะปิดตาเอาไว้โดยไม่รู้ตัว” “ใช่แล้ว เมื่อดวงตาเจอเข้ากับแสงอย่างกระทันหัน ร่างกายคนก็จะตอบสนองอย่างอัตโนมัติ ผู้ใหญ่สามารถเอามือมาบังไว้ แต่สำหรับเด็กทารกไม่สามารถเอามือมาบังได้ ก็จะปิดตาลง” ในใจพระชายาเต้นแรง “จะบอกว่า ถ้าหากอันอี้กระพริบตา แสดงว่านางมีการตอบสนองต่อแสง ถ้าอย่างนั้นนางก็ไม่ได้ตาบอดใช่ไหม?” “อย่างน้อยก็อธิบายได้ว่าดวงตาของตาแค่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ สามารถรักษาได้” ชูเซี่ยบอก เย่เอ๋อจับมือหลี่หยุนกางไว้ พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านอ๋อง ท่านคิดว่าอันอี้จะกระพริบตาไหม? นางจะเป็นอย่างที่ชูเซี่ยบอก เพียงแค่พัฒนาการยังไม่เต็มที่ใช่ไหม?” หลี่หยุนกางพูดเสียงหนักแน่น ”ใช่แล้ว ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ชูเซี่ยไม่มีทางพูดไปเรื่อย เมื่อครู่นี้นางต้องตรวจดูแล้วเป็นแน่” ชูเซี่ยรู้ว่าไม่ใช่โรคตาที่ทำให้เด็กมองไม่เห็น การคลอดก่อนกำหนดอาจจะมีโอกาสเกิดโรคกระจกตาได้ แต่ส่วนใหญ่เด็กที่คลอดก่อนกำหนดจะต้องเข้าตู้อบ ภายในตู้อบจะมีออกซิเจนบริสุทธิ์ช่วยต่อต้านการเกิดโรคกระจกตาได้ ซึ่งแน่นอนว่า ถึงแม้ไม่เข้าตู้อบก็จะไม่เป็นโรคได้ โรคกระจกตาในเด็กคลอดก่อนกำหนดเป็นเรื่องที่พบบ่อย บางคนเข้าตู้อบแล้วก็อาจจะไม่ทำให้เกิดโรคกระจกตา แต่ว่า เมื่อครู่นางตรวจดูแล้วว่าดวงตาของอันอี้มีการตอบสนองต่อแสง ปิดตาเสี่ยวจิ้นจู่น้อยประมาณสิบห้าที ชูเซี่ยอุ้มนางออกมา บอกกับหลี่หยุนกางว่า “เจ้าแกะผ้าดำออกระวังๆหน่อย” พระอาทิตย์ไม่ได้แรงมากนัก แต่ว่าแม่ครู่นี้อยู่แต่ในห้องมืด ดังนั้นเมื่ออกมาเจอแสงอาทิตย์ ก็มีช่วงที่ไม่ชิน เอามือบังโดยไม่รู้ตัว หลี่หยุนกางเอื้อมมือออก แกะผ้าดำบนตาของเสี่ยวจิ้นจู่น้อยออกเบาๆ มือเขาสั่นเล็กน้อย นาทีที่ผ้าดำถูกดึงออก เขาหยุดหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนมองไปที่ดวงตาชองเสี่ยวจิ้นจู่น้อย เย่เอ๋อตื่นเต้นจนจับแขนหลี่หยุนกางไว้ กลั้นหายใจ ใบหน้าเสี่ยวจิ้นจู่น้อยเป็นสีชมพู นางเหมือนอย่างกับตุ๊กตาอยู่ในอกชูเซี่ย เมื่อนาทีที่ผ้าดำถูกเอาออกไป แสงกระทบเข้ากับดวงตาของนาง นางรีบกระพริบตาอย่างเร็วทีหนึ่ง จากนั้นก็ปิดตาลง ใบหน้าย่นขึ้นมา ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็คลายออกช้าๆ แต่ไม่เปิดตา เหมือนกับว่าหลับไปทั้งที่อยู่ในอกชูเซี่ย “นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น? นางถือว่าไม่เป็นไรใช่ไหม?” เย่เอ๋ออึ้งอยู่ นี่กระพริบตาครั้งเดียวก็ปิดลง แล้วไม่เปิดอีกเลย ชูเซี่ยยิ้มตอบ “เป็นเพราะว่าแสงอาทิตย์ที่แยงตาทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ นางเลยเลือกที่จะปิดตาเอาไว้” “ที่เจ้าบอกว่า?” เย่เอ๋อมองไปที่ชูเซี่ยอย่างตื่นเต้น “ดวงตาของนางไม่ได้บอด?” ชูเซี่ยบอก “นางมีการตอบสนองต่อแสง แสดงว่าไม่ได้บอดสนิท ในภาวะแบบนี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะพัฒนาการยังไม่สมบูรณ์” “งั้นนางจะหายดีไหม?” เย่เอ๋อถาม “ยังบอกไม่ได้ว่าจะหายดี แต่ขอเพียงแค่ไม่มีเรื่องกระจกตา ก็ไม่มีปัญหาแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าออกนางไปที่ที่มีแสงบ่อยๆ แม้แต่กลางคืนตอนนอน เจ้าก็ต้องจุดตะเกียงไฟเอาไว้ เพื่อเอาไว้กระตุ้นนาง” “ดี ดี!”เย่เอ๋อพูดอย่างตื่นเต้น แม้ว่าชูเซี่ยจะไม่ได้บอกว่าไม่เป็นไร แต่นางสามารถบอกได้แบบนี้ แสดงว่าปัญหาไม่หนักมาก หลี่หยุนกางมองดูภรรยาในที่สุดก็วางใจลงได้ อานเหยียนเงยหน้ามองไปที่ชูเซี่ย “แม่บุญธรรม ท่านเก่งกาจเหลือเกิน” ชูเซี่ยจับแก้มเขาเล็กน้อย “เก่งกาจยังไงหรือ?” “ก่อนหน้านี้มีหมอมาดูอาการน้องมากมาย แต่ต่างบอกว่าน้องตาบอดแล้ว พอแม่บุญธรรมมาก็รักษาน้องหายเลย แน่นอนว่าต้องเก่งอยู่แล้ว” อานเหยียนพูดอย่างภูมิใจ ชูเซี่ยยิ้มตอบ “เด็กโง่ แม่บุญธรรมไม่ได้รักษาน้องหาย แต่น้องไม่ได้เป็นอะไรแต่แรกแล้ว” “แต่ทุกคนต่างบอกว่าน้องตาบอดแล้ว” “ไม่ได้บอด ห้ามพูดไปเรื่อย” หลี่หยุนกางดึงเขาออกมา ไม่ให้เขาอยู่เกะกะทุกคนคุยกัน “อานเหยียนไปเล่นไป” อานเหยียนถูกผลักไปข้างๆ พูดอย่างไม่ยุติธรรมว่า “แต่ว่า ข้าอยากแสดงการยิงธนูให้แม่บุญธรรมดู” ชูเซี่ยพูดอย่างประหลาดใจว่า “อานเหยียนยังยิงธนูเป็นด้วยหรือ? เก่งขนาดนี้เชียว งั้นแม่บุญธรรมยากจะดูหน่อยแล้ว” เย่เอ๋อลำบากใจ “อานเหยียน อย่าทำขายหน้าเลย การยิงธนูของเจ้ายังไม่ผ่านด่านเลย” แค่ฝีมืออย่างเขาเท่านั้น ยังคิดจะแสดงอีก ชูเซี่ยมองดูเย่เอ๋อแวบหนึ่ง “พูดอย่างนี้ได้ยังไง? สำหรับเด็กแล้วต้องให้กำลังใจเป็นสำคัญ” เย่เอ๋อถอนหายใจเบาๆ “เจ้าไม่รู้ เมื่อเทียบกับโอรสที่อายุไล่เลี่ยกันแล้ว เขาช้ากว่ามาก” ชูเซี่ยโบกมือ โน้มตัวลงมองหน้าอานเหยียน “อย่าไปสนใจที่ท่านแม่เจ้าพูด แม่บุญธรรมอยากดูเจ้าแสดง ได้ไหม?” อานเหยียนไม่มีความมั่นใจเท่าเมื่อครู่นี้ พูดอย่างลังเลว่า “แต่ที่ท่านแม่บอกว่าการยิงธนูของข้ายังไม่ผ่านด่าน ถ้าหากมันล้มเหลวจะทำอย่างไรดี? น่าอายแย่เลย” “น่าอายตรงไหนกัน? ล้มเหลวก็เริ่มใหม่ ต้องมีต้องสำเร็จแน่” ชูเซี่ยให้กำลังใจ อานเหยียนมองไปที่คู่สามีภรรยาหลี่หยุนกาง ขอคำปรึกษา “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าขอไปเตรียมตัวได้หรือไม่?” หลี่หยุนกางโบกมือ “ไปเถอะ ไปเถอะ ถ้าเจ้ากลัวจะขายหน้า ก็ไปเถอะ” ชูเซี่ยขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้บอกอะไร ข้ารับใช้ในจวนพาเสื้อผ้าอานเหยียนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ทั้งเตรียมม้าแดงเล็กและธนู 
已经是最新一章了
加载中