ตอนที่ 31 พระชายาของพระองค์
1/
ตอนที่ 31 พระชายาของพระองค์
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 31 พระชายาของพระองค์
ตนที่ 31 พระชายาของพระองค์ “หากข้าต้องการตรวจสอบแล้วล่ะก็วิธีการมีมากมายนัก เพียงแต่ว่าข้ามีเหตุจำเป็นอะไรที่จะต้องเสียแรงเพื่อหญิงเช่นเจ้า?” เฉินห้าวก้มศีรษะลงมาก็มองเห็นดวงตาที่สดใสของเธอ เธอกระพริบตาด้วยความผิดหวังเล็กน้อย ทั้งยังก้มศีรษะลงต่ำ มีท่าทีที่ดูราวกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ทว่าน้ำเสียงกลับไม่ละเว้นใคร “คนที่ทำร้ายหม่อมฉันในคราวนี้ ได้ลากพี่ชายหม่อมฉันเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หากให้หม่อมฉันตรวจพบแล้วล่ะก็ จะเอากลับคืนเป็นร้อยเป็นพันเท่าให้สาสมอย่างแน่นอน” เห็นท่าทางเช่นนี้ของเธอ เฉินห้าวอดไม่ได้ที่จะมองเธอให้นานขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย สายตาแสดงถึงความเห็นด้วยและสนับสนุนอย่างเต็มที่ “หากต้องการจะหาตัวผู้ที่กระทำให้พบแล้วล่ะก็ ไม่ยาก เพียงแต่ต้องดูว่าเจ้ายินยอมที่จะจ่ายอะไรเป็นค่าตอบแทน” ริมฝีปากบางของเฉินห้าวยกขึ้นเล็กน้อย มีความหมายที่ลึกซึ้งอย่างชัดเจน เหลียงซินรู้ว่าเขาคงไม่ได้ใจดีที่จะช่วยเธอ ค่าตอบแทน?ในตัวเธอดูเหมือนจะไม่มีของมีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำ “หากพระองค์ไม่ได้ยินดีที่จะช่วยหม่อมฉัน ก็ช่างมันเถิดเพคะ หม่อมฉันเองก็ใช่ว่าจะหาให้เจอไม่ได้” เหลียงซินเหลือบมองไปที่เขาครู่หนึ่ง ไม่อยากจะเห็นหน้าเขาในตอนนี้ ยิ่งไม่อยากถูกเขาเอามาล้อเล่น “ท่านอ๋องเพคะ ที่นี่ลมแรง อาการของพระองค์ก็เพิ่งจะดีขึ้น ยังไงก็อย่ามายืนตากลมเลยเพคะ” คำพูดของเธอมีความหมายค่อนข้างไปทางขับไล่ ทว่า เฉินห้าวยังคงยืนตรงอยู่ที่เดิม ดูเหมือนไม่มีความคิดที่จะออกไปจากตรงนั้น ลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านไปเบาๆ แสงริบหรี่ของดวงจันทร์ที่อยู่ด้านบน ทำให้เงาของพวกเขาดูยาวขึ้น เหลียงซินรู้สึกเพียงด้านหลังของตนเองนั้นแทบจะไม่มีเสียงอะไร นึกไม่ถึงว่าพอก้มลงมอง เงาของเฉินห้าวก็ยังคงอยู่! นี่เขาไม่คิดจะออกไปจากที่นี่หรือ? เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัยเล็กน้อยว่า “ท่านอ๋องเพคะ นานเช่นนี้แล้วยังไม่ออกไปจากที่นี่ จะอยู่เป็นเพื่อนหม่อมฉันที่นี่ตลอดเลยหรือเพคะ?” นาทีนี้ เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ว่าตามเหตุผลแล้ว เขาเกลียดเธอขนาดนั้น แทบอยากจะฆ่าเธอในทันทีด้วยซ้ำ เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ควรจะรีบสลัดเธอทิ้งแล้วรีบกลับวังไปพลอดรักกับเหลียงยินหรอกหรือ? เหตุใดยังคงยืนอยู่ที่นี่?” “เจ้าคิดเยอะไป” เฉินห้าวทิ้งเพียงสี่คำนี้ออกมา จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก ซ้ำยังไม่ขยับเดินออกไปไหน คนสองคน คนหนึ่งกำลังยืน คนหนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่ที่ริมฝั่งของทะเลสาบเย่ฉือตะวันออกแห่งนี้อย่างเงียบๆ ลมพัดผ่านไปเบาๆ ค่อยๆสัมผัสเส้นผมของพวกเขาให้พริ้วไหว แสงจันทร์ส่องสะท้อนลงมาจากที่สูงราวกับปรอทก็ไม่ปาน กลับกลายเป็นทิวทัศน์ที่แตกต่างออกไป เฉินห้าวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดเขาจึงต้องอยู่ที่นี่ยืนเป็นเพื่อนเหลียงซิน ซ้ำยังไม่มีวิธีพูดโน้มน้าวให้ตนเองนั้นออกไปจากที่นี่ได้ ราวกับ เธอมีแรงดึงดูดที่พิเศษ ทำให้เขาอยากจะยืนอยู่ที่นี่ อธิบายง่ายๆก็คือ เขาอยากจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเธอ การยืนในครั้งนี้ จึงเป็นเวลาสองชั่วยาม และการคุกเข่าในครั้งนี้ของเหลียงซิน ก็เป็นเวลาสองชั่วยามเช่นกัน คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันแน่น ริมฝีปากค่อยๆซีดขาว ร่างกายก็แทบจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว ตั้งแต่มาถึงที่นี้ ร่างกายของเธอที่เดิมทีก็ไม่ได้ดีนัก ขยับไม่ขยับก็ถูกลงโทษ ตอนนี้มาคุกเข่าอยู่ที่นี่ ร่างกายของเธอยิ่งรับไม่ไหว ตอนนี้เธอรู้สึกแต่เพียงว่าหัวเข่าของตนเองได้สูญเสียการรับรู้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ราวกับไม่ใช่หัวเข่าของเธอเองอีกแล้ว เพียงแต่ว่า ในสองชั่วยามนี้ เหลียงซินพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เปล่งเสียงอะไรออกมา แม้ว่าจะให้เจ็บกว่านี้ก็ต้องอดทนเข้าไว้ ให้ทุกข์กว่านี้ก็ต้องผ่านพ้นไปให้ได้ อยู่ในประเทศนี้ ยุคสมัยนี้ มีเรื่องมากมายที่ล้วนไม่สามารถจะทำอะไรได้ มีเพียงอดทนไว้เท่านั้น ถึงจะสามารถหาโอกาสที่จะทำให้คนที่ทำร้ายเธอชดใช้ทุกอย่างคืนมาได้ “เฉินห้าว พระองค์อยากฟังเรื่องตลกไหมเพคะ หม่อมฉันจะเล่าเรื่องตลกให้พระองค์ฟัง” เหลียงซินเปลี่ยนแปลงความคิดเล็กน้อย วางแผนว่าจะใช้เรื่องตลกเมื่อครู่นี้มาทดสอบเฉินห้าวว่าแท้จริงแล้วเขาเย็นชาจริงๆ หรือแสร้งทำกันแน่ มีคนตกปลาหมึกได้หนึ่งตัว ปลาหมึกบอกว่า:ปล่อยฉันไปเถอะ!คนๆนั้นบอกว่า:เช่นนั้นข้าจะทดสอบเจ้าสองสามคำถาม หากตอบถูกข้าจะปล่อยเจ้าไปดีหรือไม่? ปลาหมึกตอบอย่างดีใจว่า:ถูก!คนๆนั้นจึงต้องปล่อยปลาหมึกตัวนั้นไป” หลังจากที่เธอพูดจบ บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นยิ่งน่าอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ เฉินห้าวดูราวกับรูปปั้นแกะสลักก็ไม่ปาน ยืนแข็งยะเยือกอยู่ที่เดิม สีหน้าไร้อารมณ์ ไม่หัวเราะออกมาแม้แต่นิดเดียว ดูแล้ว เขาเย็นชาจริงๆ น่ารักสู้องค์ชายสิบเอ็ดก็ไม่ได้ ช่างไม่น่าสนใจเอาเสียเลย เวลาผ่านไปนานมาก เธอถึงได้ยินเสียงที่ก้องและยังเอ่ยออกมาอย่างช้าๆของเฉินห้าว “เหลียงซิน เจ้าเป็นใครกันแน่?” ราวกับมีใบมีดที่แหลมคมทะลุผ่านมาในอากาศ ทำให้ร่างกายของเหลียงซินสั่นอย่างช่วยไม่ได้ ในวินาทีที่ดวงตาสี่ข้างประสานกันนั้น เธอกลับหลบสายตาอย่างไม่น่าเชื่อ เผชิญหน้ากับเฉินห้าวคนที่ลึกล้ำเช่นนี้แล้ว ราวกับคำโกหกทุกอย่างเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแล้วล้วนจะกลายเป็นเรื่องน่าขัน เพียงแต่ว่า เธอกลับไม่ได้มีความคิดที่จะหลอกลวงเขา “แน่นอนว่าหม่อมฉันเป็น พระชายาของพระองค์ไงเพคะ” มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย โค้งเป็นมุมเรเดียน แววตาที่ลึกล้ำเงียบสงบของเฉินห้าวตกลงมายังร่างกายของเธอ ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ด้านหลังก็สะท้อนเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงของขันทีที่ดังขึ้น “พระชายาสิง ฮ่องเต้เชิญเสด็จพะยะค่ะ” เหลียงซินรู้จักขันทีคนนี้ นี่คือขันทีรับใช้ข้างกายของฮ่องเต้หมิงเจา เขามาด้วยตนเองได้เช่นนี้ แสดงว่าฮ่องเต้หมิงเจารับรู้ถึงเรื่องนี้แล้ว ดูแล้ว คุกเข่าอยู่ที่นี่เป็นเวลาสองชั่วยาม สุดท้ายก็ยังต้องกลับไปรับการพิจารณาตัดสินคดีอีกอยู่ดี แม้ว่าเมื่อครู่นี้ในงานเลี้ยงวันประสูติพระสนมเอกฮ่องเต้หมิงเจาจะทรงเป็นกันเองขนาดนั้น ทว่าเหลียงซินก็ยังไม่เคยได้สัมผัสเป็นการส่วนตัว ไม่รู้ว่าพระองค์เป็นคนเช่นไรกันแน่ อย่างไรก็ต้องระวังตัวเสียหน่อยถึงจะดี โบราณว่าเคียงท่านดั่งเคียงเสือ หลักเหตุผลในข้อนี้เธอยังคงรู้ดี ดังนั้น เพื่อชีวิตน้อยๆของเธอที่ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตพอ อีกสักครู่ก็ต้องระมัดระวังคำพูดและการกระทำเอาไว้ให้มาก “ได้ ข้าไปเดี๋ยวนี้” เธอรับคำพลางลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ทว่าขาทั้งคู่นั้นไม่ฟังคำสั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในช่วงที่ยืนขึ้นขากลับยืนไม่นิ่ง ล้มลงไปด้านข้างอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว พอดีกับตอนที่เธอคิดว่าตนเองล้มหงายลงไปแล้วนั้น เอวของเธอกลับถูกมือข้างหนึ่งกอดรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา เมื่อเธอลืมตาขึ้น ก็พบใบหน้าที่ขยายใหญ่ของเฉินห้าวปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของเธอ จากนั้นเธอก็ถูกหมุนรอบหนึ่ง ล้มเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างมั่นคง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสใกล้ชิดกับเฉินห้าวเช่นนี้ ลมหายใจของเธอค่อยๆแสดงความตื่นเต้นขึ้นมา ไม่ช้า เธอก็ยื่นมือผลักเขาออกไป “ขอบพระทัยเพคะ” เธอกล่าวขอบคุณอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินตามขันทีออกไปจากทะเลสาบเย่ฉือตะวันออก แต่เธอกลับไม่ทันได้รู้ว่า เฉินห้าวที่อยู่ด้านหลังนั้นยังคงยืนอึ้งอยู่ที่เดิม รักษาท่าทางเมื่อครู่นี้ไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่าร่างกายของเหลียงซินที่แท้นุ่มนวลเช่นนี้ และนี่ก็ยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่า ที่แท้การได้สัมผัสกับเธอ ก็ไม่ได้น่ารังเกียจขนาดนั้น บนร่างกายของเธอนั้นราวกับมีน้ำวนขนาดใหญ่ยักษ์ กำลังจะดูดเขาเข้าไปอย่างล้ำลึก หลังจากนั้นอีกนาน เขาจึงจะเรียกสติกลับคืนมาได้ พร้อมทั้งเรียกผู้ดูแลในความมืดสองตนจุยเฟิงและจู๋เยว่ออกมา “ครู่นี้พวกเจ้าต่างก็อยู่ข้างกายของพระชายา ได้มีสิ่งไม่ปกติอันใดปรากฏออกมาหรือไม่?”เสียงทุ้มของเขาเอ่ยถามขึ้น จุยเฟิงตอบกลับว่า “กราบทูลท่านอ๋อง ครูนี้พระชายาและองค์ชายสิบเอ็ดได้อยู่บนเรือชมการแข่งขัน ไม่นานนักองค์หญิงรุ่ยเหอก็เข้ามา กระทั่งพระองค์จะชนะในการแข่งขัน องค์ชายสิบเอ็ดก็ตกน้ำลงไปแล้ว นอกเหนือจากนี้ดูเหมือนจะเห็นเงาดำผู้หนึ่งปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงแต่มองไม่ชัดว่าเป็นเงาของใครเพคะ” ผู้ที่แม้แต่จุยเฟิงก็ยังมองไม่ชัดว่าเป็นใคร วิชาตัวเบาคงจะแก่กล้ามากเป็นแน่ ทว่าในใจของเฉินห้าวรู้แล้วว่าควรจะทำเช่นไร สำหรับเรื่องนี้จริงๆแล้วคาดเดาได้ง่ายมาก การผลักน้องสิบเอ็ดตกลงน้ำ ไม่เพียงแต่สามารถที่จะโยนความผิดให้กับเหลียงซินได้อย่างราบรื่นแล้ว หากยังสามารถถือโอกาสกดขี่บ้านตระกูลเหลียงไปในตัว ยิ่งไปกว่านั้นสามารถสร้างความขัดแย้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ขององค์ชายสิบเอ็ดกับเขาได้อีกด้วย เสด็จพ่อของเขาทรงเกลียดความบาดหมางระหว่างพี่น้องที่สุด หากเรื่องที่องค์ชายสิบเอ็ดตกน้ำเกี่ยวข้องกับวังสิงหวังแล้ว เช่นนั้นคนที่พระองค์จะสงสัยมากที่สุดจะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้น หลักฐานทุกอย่างจะต้องพุ่งเป้ามาที่เขา ต่อให้ติดปีกก็หนีไม่พ้น มุมปากของเฉินห้าวโค้งสูงขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้มที่เย็นยะเยือก จริงๆเลย ช่างเป็นความคิดที่ลึกล้ำละเอียดรอบคอบดีจริงๆ แต่ทว่า วันนี้ได้พบกับเขา ถือว่าคนผู้นั้นโชคไม่ดีก็แล้วกัน หากจะตรวจสอบเรื่องนี้นั้นไม่ยากเลยแม้แต่น้อย เฉินห้าวสั่งการลงไปในทันที ให้จุยเฟิงกับจู๋เยว่ไปตรวจสอบองค์หญิงรุ่ยเหอและม่อเชียนเหยาทั้งสองคนนั้น วันนี้ คนที่เขาต้องปกป้องไม่ใช่แค่เหลียงซิน ยิ่งไปกว่านั้นคือทั้งวังสิงหวัง ในเวลานี้ เหลียงซินได้ย่ำเท้าทั้งคู่ที่ดูราวกับกำลังจะขาดออกไปมาถึงยังหน้าประตูห้องหนังสืออวี้พร้อมเดินเข้าไปด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว สิ่งที่ได้เห็นก็คือฮ่องเต้หมิงเจากำลังพระทับบนพระที่นั่งอย่างน่าเกรงขาม ส่วนคนอื่นๆดูเหมือนจะถูกสั่งให้ออกไปหมดแล้ว ในพระตำหนักมีควันหอมลอยฟุ้งอยู่เต็มไปหมด ทั่วทุกสารทิศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของไม้แก่นจันทร์ “หม่อมฉันขอเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ ขอเสด็จพ่อทรงพระเจริญ” เหลียงซินทำความเคารพตามประเพณีตามแบบที่เคยเรียนมา รู้สึกกังวลขึ้นมาภายในจิตใจ “ลุกขึ้นแล้วตอบคำถามข้า” เสียงที่เคร่งขรึมของฮ่องเต้หมิงเจาดังเข้ามาที่ข้างหูของเธอ เธอจึงค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆ พระองค์ทรงชะงักปลายพู่กันที่อยู่ในพระหัตถ์ลง เอ่ยถามทีละคำทีละประโยคว่า “เกี่ยวกับเรื่องที่องค์ชายสิบเอ็ดตกลงไปในน้ำที่ทะเลสาบเย่ฉือตะวันออกในคืนนี้ เจ้ามีสิ่งใดจะอธิบายหรือไม่?” เหลียงซินนึกไม่ถึงว่าอยู่ๆพระองค์จะทรงถามเธออย่างกะทันหันเช่นนี้ ให้โอกาสเธอได้อธิบาย ช่างทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนกระคนดีใจที่ได้รับการโปรดปรานอย่างคาดไม่ถึงเลยจริงๆ “กราบทูลเสด็จพ่อ เรื่องในคืนนี้ไม่ใช่ฝีมือของหม่อมฉันอย่างแน่นอนเพคะ ครู่นี้องค์ชายทั้งหลายกับท่านอ๋องกำลังหารือกันเรื่องการแข่งเรือ องค์ชายสิบเอ็ดเข้ามาหาหม่อมฉันก่อนที่จะไปรับชมการแข่งขันด้วยกัน กระทั่งตอนที่ท่านอ๋องกำลังจะได้รับชัยชนะ องค์ชายสิบเอ็ดก็ตกลงน้ำไปในทันที หม่อมฉันยังไม่ทันเห็นได้ชัดว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำเพคะ” ฮ่องเต้หมิงเจาทรงถอนหายใจออกมา “ครู่นี้ข้าไปดูองค์ชายสิบเอ็ด เขาบอกว่ามีคนจงใจผลักเขาลงไปแต่ก็ยังยืนยันว่าไม่ใช่เจ้า ข้าได้ส่งคนออกไปตรวจสอบแล้วแต่ก็ยังไร้วี่แววข่าวคราว ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่เพียงเพราะอยากเข้าใจถึงสถานการณ์ในตอนนั้นเท่านั้นเอง ไม่ใด้จะมาลงโทษเจ้า ฉะนั้นไม่ต้องกลัว” ในใจของเหลียงซินรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก ดูแล้วฮ่องเต้พระองค์นี้ก็ไม่ใช่ทรราชที่ไร้ความสามารถ ในตอนนี้ยิ่งดูราวกับบิดาที่ดีคนหนึ่งที่หวังให้ลูกชายสามัคคีและปรองดองกัน “เสด็จพ่อเพคะ หม่อมฉันรับรู้ได้ถึงน้ำพระทัยของพระองค์ หม่อมฉันเชื่อว่าพระหทัยระหว่างองค์ชายทั้งหลายจะต้องเชื่อมถึงกัน จะต้องไม่ทำให้เสด็จพ่อต้องทรงผิดหวังอย่างแน่นอนเพคะ” เธอยิ้มเล็กน้อย สายตาของฮ่องเต้หมิงเจาในตอนนี้เผยให้เห็นถึงความชื่นชมในตัวเธออย่างเต็มที่ “ฮ่าๆ ข้าไม่เพียงแต่จะไม่ลงโทษเจ้า ยังจะต้องชื่นชมเจ้าอีกด้วย เมื่อครู่นี้ได้ยินคนบอกว่าเป็นเจ้าและองค์ชายห้าที่ได้ช่วยชีวิตองค์ชายสิบเอ็ดไว้ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ?” เหลียงซินไม่กล้าเรียกร้องความดีความชอบให้กับตนเอง เพียงแค่ได้ปรับความเข้าใจกับฮ่องเต้หมิงเจา เท่านี้เธอก็ดีใจมากแล้ว “เพคะ เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงหรอกเพคะ เพียงแค่องค์ชายสิบเอ็ดร่างกายแข็งแรง หม่อมฉันก็วางใจแล้วเพคะ” ทว่า เธอคิดถึงเรื่องๆหนึ่งขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน “เสด็จพ่อเพคะ ครู่นี้ที่พระองค์ทรงตรัสว่าจะทรงรับปากหม่อมฉันหนึ่งคำขอ ยังทรงนับอยู่ไหมเพคะ?” “หนึ่งวาจาของข้าหนักดุจติ่งทองเก้าชั้น แน่นอนว่านับอยู่แล้ว” ฮ่องเต้หมิงเจาทรงพนักหน้าด้วยพระพักตร์ที่จริงจัง “เจ้ามีความต้องการอะไรร้องขอมาได้ตามสบาย ข้าจะเติมเต็มคำขอนั้นให้กับเจ้าอย่างแน่นอน” เหลียงซินสูดหายใจเจ้าเต็มปอด เอ่ยขึ้นอย่างสงบเยือกเย็นว่า “ครู่นี้ในงานเลี้ยง สุนัขตัวนั้นที่อยู่ในการแสดงฝึกสัตว์ขององค์หญิงรุ่ยเหอ แท้จริงแล้วเป็นสุนัขทรงเลี้ยงขององค์ชายสิบเอ็ดเพคะ นามว่าเสี่ยวป๋าย เพียงแต่ว่าองค์หญิงรุ่ยเหอได้ทรงยืมไปใช้ ตอนนี้การแสดงจบลงแล้ว แต่กลับไม่คิดที่จะคืน องค์ชายสิบเอ็ดเสียพระทัยมากแต่กลับไม่กล้าที่จะต่อกรกับองค์หญิง หม่อมฉันอยากช่วยองค์ชายสิบเอ็ดนำสุนัขตัวนั้นกลับคืนมา ไม่ทราบว่าเสด็จพ่อจะทรงรับปากได้หรือไม่เพคะ?”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 31 พระชายาของพระองค์
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A