ตอนที่ 49 ไม่ขาดแคลนพระชายา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 49 ไม่ขาดแคลนพระชายา
ต๭นที่ 49 ไม่ขาดแคลนพระชายา แสงอาทิตย์ในตอนเที่ยงร้อนแรงจนแสบตา เหลียงซินรู้สึกเพียงแค่ทั่วทั้งร่างกายกำลังจะเสื่อมสภาพการทำงานลงแล้ว ข้อมือก็จะไม่ใช่ของเธอแล้วเช่นเดียวกัน หากไม่ได้ชุนฮวาและชิวเยว่ทั้งสองคนดูแลเธออย่างวิ่งหน้าวิ่งหลังแล้วล่ะก็ ไม่แน่มือของเธออาจจะใช้การไม่ได้ไปแล้ว “พระชายาเพคะ แบบนี้ทรงดีขึ้นบ้างหรือไม่เพคะ?” ชิวเยว่นำเก้าอี้ตัวเล็กวางไว้ที่ใต้เท้าของเหลียง ให้เธอยืนอย่างสบาย เหลียงซินพยักหน้าด้วยความอ่อนแรงอย่างสุดจะทน “ยังดี พวกเจ้าไม่ต้องยืนอยู่ตรงนี้ หากถูกคนของเฉินห้าวพบเข้าจะลงโทษพวกเจ้าไปด้วย” สิ่งที่ตอนนี้เธอไม่คาดหวังมากที่สุดก็คือ เป็นเพราะเธอทำให้ชุนฮวาและชิวเยว่พลอยลำบากไปด้วย ถึงอย่างไรในวังแห่งนี้พวกเธอต่างก็พึ่งพาอาศัยกันและกัน หากคนหนึ่งในนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็เท่ากับขาดที่พึ่งไปหนึ่งคน ในยุคสมัยที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ชนชั้นวรรณะแบ่งแยกกันอย่างชัดเจนนี้ ต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยลำพังก็ยากลำบากถึงอย่างนั้น “พระชายา พระองค์อย่าตรัสอีกเลยเพคะ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรพวกหม่อมฉันก็ไม่ยอมออกห่างจากพระองค์อย่างเด็ดขาด!หากท่านอ๋องจะทรงลงโทษ พวกเรายินดีรับโทษเพคะ” ทันใดนั้นด้านนอกประตูของตำหนักเจียวหยางอยู่ๆก็ดังสะท้อนเสียงปรบมือขึ้นมาระลอกหนึ่ง ยังไม่ทันได้เห็นคน เสียงที่หยาบคายก็ดังขึ้นมา “เป็นข้ารับใช้สองคนที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ พระชายามีพวกเจ้าทั้งสองคอยรับใช้ข้างกาย ทุกเรื่องจะต้องราบรื่นตามที่ใจคิดอย่างแน่นอน” จากนั้น ใบหน้าแก่ที่มีไขมันอยูทั่วทุกสารทิศของยายหวังนั้นก็ปรากฎอยู่ที่เบื้องหน้าของพวกเธอ ด้านหลังของนางมีข้ารับใช้สองสามคนติดตามมาด้วย ในมือต่างก็ประคองสิ่งของเอาไว้ “พระชายารองทรงได้ยินว่าพระชายาทรงได้รับโทษ จึงตั้งใจสั่งให้พวกหม่อมฉันข้ารับใช้ทั้งหลายเข้ามาดูเป็นพิเศษเพคะ หลังจากที่ยายหวังพูดจบก็สั่งให้นางกำนัลสองสามคนที่อยู่ด้านหลังนำสิ่งของส่งให้กับชุนฮวาและชิวเยว่ ทั้งสองคนมองไปทางเหลียงซินอย่างลังเล เหมือนกำลังถามว่าควรจะรับหรือไม่รับกันแน่ เหลียงซินมองไปทางยายหวัง “ สิ่งของเหล่านี้เจ้านำกลับไปก่อน ตอนนี้ข้าไม่สะดวกรับสิ่งของจากนาง” จุดมุ่งหมายที่ยายหวังเข้ามาในวันนี้ก็เพียงเพื่อมาหัวเราะเยาะเธอ จากนั้นก็ซ้ำเติมอีกครั้ง สุดท้ายก็แสดงข้อดีของเจ้านายพวกนาง เพียงแต่ว่าวิธีการประเภทนี้ดูเหมือนจะไร้เดียงสาเกินไปหน่อย “ของที่พระชายารองส่งออกไปแล้ว ไม่เคยมีหลักเหตุผลในการนำกลับคืนมา หากพระชายาไม่ทรงเห็นค่าสิ่งของเหล่านี้ จะทรงนำไปทิ้งก็ได้เพคะ” ยายหวังพูดอย่างทะนงตน ราวกับสิ่งของที่พวกนางส่งมาเป็นสิ่งล้ำค่าที่หาได้ยากยังไงอย่างงั้น เหลียงซินใช้แรงฝืนดึงรอยยิ้มออกมา “ในเมื่อยายหวังต่างก็พูดขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นสิ่งของเหล่านี้...ก็นำไปทิ้งเสียดีกว่า” กระทั่งหลังจากที่เธอพูดจบ สีหน้าของยายหวังก็เปลี่ยนไปในทันที คิดไม่ถึงว่าเหลียงซินจะหยาบคายถึงเพียงนี้ และชุนฮวากับชิวเยว่ที่ไม่เคยคิดอยากได้ของของนางตั้งแต่ทีแรก เพียงครู่เดียวก็ทำออกไปทิ้ง แล้วทิ้งลงที่ปลายเท้าของยายหวังในทันที “โธ่เอ๋ย!พวกเจ้านางทาสสถุน ยังกล้าทิ้งของที่พระชายารองมอบให้จริงๆหรือ?พวกเจ้าน่าจะรู้ว่านี่คือความผิดร้ายแรง?” ยายหวังชี้ไปที่พวกนางด้วยความโกรธจนหายใจไม่ทัน กล้ามเนื้อทั่วทั้งใบหน้าขมวดเข้าหากันแน่น “ยายหวัง เป็นข้าที่ให้พวกนางทำเช่นนั้น หากเจ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็กลับไปก่อนเถิด ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้าจริงๆ” เหลียงซินกกลอกตามองบน ทว่ายายหวังกลับยิ้มขึ้นอย่างสกปรก “เพียงแต่หม่อมฉันได้รับคำสั่งให้มาที่นี่ ก็ไม่สามารถออกไปเช่นนี้ได้ ท่านอ๋องตรัสแล้วว่าในวังมีกฎระเบียบ ในเมื่อกำลังได้รับโทษพระชายาก็ไม่ทรงสามารถใช้ลูกไม้เล็กๆเหล่านี้ลับหลังได้” หลังจากที่นางพูดจบก็มองไปยังเก้าอี้ตัวเล็กตัวหนึ่งที่อยู่ใต้เท้าของเหลียงซิน จากนั้นก็สั่งให้นางกำนัลสองสามคนที่อยู่ด้านหลังไปดึงเก้าอี้ตัวเล็กทั้งหลายนั้นออกมา ยายหวังจ้องมองที่ด้านหน้าของเธออยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า “พระชายาทรงถูกแขวนไว้เช่นนี้ไม่ค่อยสบายนัก ทรงดูไร้จิตวิญญาณไปหมดแล้ว พวกเจ้าไปตักน้ำกาละมังหนึ่งมาทำให้พระชายาทรงได้สติขึ้น” ไม่ช้า นางกำนัลทั้งหลายที่อยู่ข้างๆนางก็รีบไปตักน้ำกลับมา ยายหวังก็หยิบกาละมังน้ำสาดไปบนใบหน้าของเหลียงซินในทันที ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความโอหังที่สามารถล้างแค้นได้สำเร็จ “แล้วก็นางกำนัลข้างกายพระชายาสองคนนี้ พวกนางทั้งสองไม่เคารพกฎระเบียบของวัง ลากออกไปโบยยี่สิบไม้” ยายหวังสั่งการลงไป เหลียงซินมองนางด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบ ยายหวัง เธอจะจำเอาไว้!ไม่เพียงแค่เล็งเป้ามาที่เธอ คิดไม่ถึงว่าแม้แต่นางกำนัลสองคนที่อยู่ข้างกายเธอก็ไม่ยอมปล่อย! เธอขอสาบานด้วยชีวิต ต้องมีสักวันที่เธอจะต้องทำให้คนที่เคยทำร้ายเธอ รังแกเธอในวังแห่งนี้ชดใช้ค่าตอบแทน! เพียงแค่ชั่วเวลาเดียว ภายในตำหนักเจียวหยางก็มีเสียงเฆี่ยนตีจนเนื้อตัวแตก รวมทั้งเสียงกรีดร้องในลำคอดังขึ้น เหลียงซินฟังเสียงร้องของนางทั้งสองคนจากนั้นก็หลับตาลงแน่น ตอนนี้เธอไม่มีความสามารถพอที่จะทำอะไรได้ ขณะเดียวกัน ภายในห้องหนังสือ เฉินห้าวกำลังอ่านและแก้ร่างแผนการ หลังจากที่จู๋เยว่เคาะประตูและเข้าไปด้านในแล้ว ก็รีบรายงานในทันที “กราบทูลท่านอ๋อง ยายหวังคนข้างกายของพระชายารองนำข้ารับใช้ไปก่อเรื่องพะยะค่ะ ไม่เพียงแต่ลงโทษนางกำนัลข้างกายของพระชายาโดยพลการแล้ว ยังมอบความอัปยศอดสูอันใหญ่หลวงให้แก่พระชายาด้วยพะยะค่ะ” ปากกาในมือของเฉินห้าวขีดออกเป็นรอยยาวลงบนร่างแผนการในทันที สีหน้าดูเหมือนไม่สู้ดีนัก หัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น เงียบขรึมไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เพิ่มบทเรียนให้แก่นาง” จากนั้นก็ฉีกร่างแผนการที่อยู่ในมือทิ้ง แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก จู๋เยว่ถอยกลับออกไปอย่างเงียบๆ ไม่ค่อยเข้าใจว่าทั้งๆที่ท่านอ๋องทรงสนพระทัยถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดภายนอกกลับแสร้งทำเป็นไม่มีความคิดเห็นอะไร? สีของท้องฟ้าค่อยๆมืดสนิทลง เหลียงซินถูกแขวนไว้ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ทั้งร่างกายต่างก็เริ่มเสื่อมสภาพการทำงานลง สิ่งที่ยิ่งทำให้เธอตกตะลึงก็คือ ชุนฮวากับชิวเยว่นางกำนัลทั้งสองคนนี้ต่างก็ถูกโบยยี่สิบไม้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ทว่ากลับยังเฝ้าดูแลอยู่ข้างกายของเธอไม่ยอมห่างไปไหน ทำให้เธอตื้นตันอย่างสุดซึ้ง เสียงลมในยามค่ำคืนพัดผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหลียงซินหนาวจนสั่นระรัว ทว่า สิ่งที่ยิ่งเจ็บยิ่งหนาวกว่าร่างกายก็คือใจของเธอ “พระชายา...นี่ควรทำอย่างไรดีเพคะ?” ในน้ำเสียงของชุนฮวาปนด้วยเสียงร่ำไห้ ชิวเยว่นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ทันใดนั้นก็ลุกยืนขึ้นแล้วพูดขึ้นอย่างโมโหเป็นอย่างยิ่งว่า “หม่อมฉันไม่เชื่อว่าที่นี่จะไม่มีคนที่สามารถช่วยพวกเราได้!พวกเราสามารถไปหานายท่าน หาคุณชายและคุณหนูใหญ่ และยังสามารถเข้าวังหลวงไปขอร้องฮองเฮา แม้กระทั่งไปขอร้องฮ่องเต้ให้ทรงเข้ามาช่วยพวกเราได้!” “ชิวเยว่ นี่เป็นเรื่องภายในบ้านของวังสิงหวัง มีใครที่จะสามารถช่วยพวกเราได้?ตอนนี้คนที่สามารถช่วยพวกเราได้ มีเพียงพวกเราเองเท่านั้น” เหลียงซินพูดขึ้นด้วยลมหายใจที่บางเบา ทว่า คำพูดนี้ของเธอก็เป็นคำพูดที่ว่างเปล่า ตอนนี้ตัวเธอเองก็ยังช่วยตนเองไม่ไหว ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเพียงแค่การปลอบใจตัวเองก็เท่านั้น ในเวลานี้เอง อยู่ๆเสียงที่ทุ้มต่ำไร้ความรู้สึกก็ดังสะท้อนมาจากที่ไกลๆ “ข้าช่วยเจ้าได้” นี่คือ...เสียงของบุคคลลึกลับ! พอเหลียงซินเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก ก็พบกลับบุคคลลึกลับลงมาจากฟากฟ้า ปรากฎที่เบื้องหน้าของเธอ เขายังคงสวมชุดคลุมยาวสีดำทั้งตัว ปิดบังใบหน้า สามารถมองเห็นเพียงแค่ดวงตาที่ลึกลงไปคู่นั้นและคิ้วทั้งสองข้าง ทว่ากลิ่นบนร่างกายของเขากลับดูคุ้นเคยอย่างนั้น คุ้นเคยจนทำให้เหลียงซินมองเห็นเขาเป็นการปลอบใจอย่างหนึ่ง “เจ้ายังมาทำไมอีก?หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะเป็นอย่างตอนนี้หรือ?” เหลียงซินหันหน้าหนี พลางพูดขึ้นอย่างมีแค่ลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรง บุคคลลึกลับหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าของเธอ ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลงเล็กน้อย ราวกับกำลังหัวเราะ “ข้าบอกแล้วว่า จะพาเจ้าออกไปจากที่ที่มีแต่ปัญหาแห่งนี้ ตอนนี้อาศัยที่ยังมีลมหายใจรับปากก็ยังไม่สาย” เหลียงซินปรับลมหายใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆว่า “เจ้ากับข้าเดิมทีก็ไม่ใช่คนในเส้นทางเดียวกัน เหตุใดจึงมาใช้วิธีพูดที่ว่าตามเจ้าออกไปจากที่นี่?” นัยน์ตาของบุคคลลึกลับผู้นั้นเต็มไปด้วยความโมโหที่สะท้อนขึ้นแล้วหายไป นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นอารมณ์โกรธจากในดวงตาของเขา แม้จะเป็นเพียงแค่ไม่กี่วินาทีก็ตาม ที่แท้เขาก็โกรธเป็นเหมือนกัน “นี่ข้ากำลังช่วยชีวิตเจ้า” เขาพูดขึ้นทีละคำทีละประโยค “ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาช่วยชีวิต!อาศัยตอนที่ข้ายังไม่ได้ร้องตะโกนเสียงดังออกไป เจ้ารีบหายไปต่อหน้าข้าเดี๋ยวนี้!” เหลียงซินจ้องเขม็งไปที่เขา ใบหน้าเต็มไปด้วยคำเตือน ทว่าบุคคลลึกลับผู้นั้นกลับไม่สนใจคำเตือนใดๆของเธอ ตัดเชือกที่มัดอยู่บนมือของเธอขาดออกในทันที เพียงครู่เดียวก็นำเธอลงมาจากด้านบน มือเท้าทั้งสี่ของเหลียงซินไร้เรี่ยวแรง ทั่วทั้งร่างกายอ่อนกำลังอยู่บนตัวของเขา นี่จึงได้ค้นพบว่าหน้าอกของเขาทั้งหนาและกว้าง อบอุ่นอย่างหาใดเปรียบ ทว่าความอบอุ่นของคนแปลกหน้าไม่ใช่สิ่งที่เธอจะสามารถอาลัยอาวรณ์ได้ โดยเฉพาะเขา บุคคลที่อันตรายเช่นนี้ เธออยากออกห่างจากเขาด้วยจิตใต้สำนึก ทว่าเขากลับกดลงบนไหล่ของเธอในทันที ให้เธอพิงอยู่ในอ้อมอกของเขาต่อไป “อย่าขยับ!มีคนอยู่ที่นี่!” ลมหายใจของบุคคลลึกลับสม่ำเสมอกัน พอฟังการเต้นของหัวใจก็รู้ได้เลยว่าคือคนที่มีวิชาการต่อสู้อันลึกซึ้งจนไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ บริเวณโดยรอบนอกจากเสียงลมกับเสียงหัวใจเต้นของเขาแล้วก็ไม่มีเสียงอะไรเลย มีคนมาจากที่ไหนกัน? เหลียงซินถึงขึ้นสงสัยว่าเขากำลังจงใจ! “เจ้าปล่อยข้า...” เหลียงซินกัดฟันแน่น ผลักร่างของเขาออกอย่างไร้เรี่ยวแรง ฝืนยืนตรงขึ้น ในเวลานี้เอง บนกำแพงทั้งสี่ด้านของตำหนักเจียวหยาง ก็ปรากฏศีรษะของคนและธนูขึ้นอย่างมากมายในทันที ล้อมรอบไปทั่วทั้งตำหนัก และธนูที่น่ากลัวและแหลมคมเหล่านั้น กำลังเล็งเป้ามายังเธอกับบุคคลลึกลับ ราวกับวินาทีต่อไปก็จะยิงตรงมาที่เธอ “นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?เหตุใดมือธนูมากมายถึงเพียงนี้?” เหลียงซินพิมพำอย่างสับสนงุนงง หรือว่าจะเป็นเฉินห้าวในที่สุดก็ทนไม่ไหว ต้องการจะฆ่าเธอปิดปาก? บุคคลลึกลับกลับหัวเราะขึ้นเบาๆ “ข้าคิดว่ามือธนูเหล่านี้ถูกเตรียมไว้เพื่อข้า และวันนี้ก็เป็นเพียงแค่แผนการหนึ่งเท่านั้น พวกเราล้วนติดกับดักแล้ว!ฮึ” ติดกับดักแล้ว? เหลียงซินกำลังจะเอ่ยปากถามให้ชัดเจนว่านี่คือเกิดเรื่องอะไรขึ้น ด้านนอกตำหนักเจียวหยางก็มีร่างของคนๆหนึ่งเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ภายใต้การส่องสว่างของแสงจันทร์ เงาที่สูงโปร่งของเฉินห้าวดูทรงพลังมากขึ้นเป็นพิเศษ ทั้งตัวเขาดูแล้วราวกับมาจากขุมนรก “ถูกต้อง นี่ก็คือแผนการหนึ่งที่ข้าได้วางเอาไว้ เป้าหมายก็เพื่อล่อให้เจ้ามาติดกับ คิดไม่ถึงว่าเพื่อผู้หญิงของข้า เจ้าก็ยังคงกล้าปรากฎตัวออกมาจริงๆ” เฉินห้าวหัวเราะขึ้นอย่างประชดประชัน มองเขาอย่างบึ้งตึง จนกระทั่งเวลานี้ เหลียงซินถึงได้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ล้วนเป็นโครงเรื่องที่เฉินห้าวได้วางเอาไว้ และเธอก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่อยู่ในนั้นเพื่อล่อให้บุคคลลึกลับออกมาก็เท่านั้นเอง “เฉินห้าวเจ้าส่งมือธนูมาเพื่อต้องการจะสังหารข้า หรือสังหารพระชายาของเจ้ากันแน่?” บุคคลลึกลับหัวเราะขึ้นอย่างเย้ยหยัน ทันใดนั้นก็ยื่นมือออกมาจิกเข้าไปที่คอของเหลียงซิน ทว่ากลับไม่ได้จิกเข้าที่จุดสำคัญ “ฮึ ข้าไม่เคยขาดแคลนพระชายา แต่เจ้าจำเป็นต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย” สายตาของเฉินห้าวเย็นยะเยือกขึ้นในทันที จ้องเขม็งไปยังบุคคลลึกลับที่อยู่เบื้องหน้า แต่ไม่มีใครค้นพบว่า หน้าผากของเขาได้ผุดเหงื่อเม็ดเล็กๆออกมา มือทั้งสองข้างกำลังกำเป็นหมัดเข้าหากันแน่น ไม่ว่าจะเสแสร้งอย่างไร ท่าทีแรกเริ่มที่สุดก็ยังคงเผยให้เห็นถึงความกังวลใจของเขา “งั้นหรือ?วันนี้ถึงแม้ว่าข้าจะต้องตาย ก็ต้องลากพระชายาของเจ้ามาเป็นสิ่งของที่ฝังไปพร้อมกับข้า!” บุคคลลึกลับตะโกนร้องขึ้นเสียงดัง “เฉินห้าว เจ้าปล่อยธนูมาสิ!” ในน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความยั่วยุ ทั้งยังดูเหมือนเดาออกว่าเฉินห้าวไม่มีทางทำเช่นนั้น บางทีอาจจะอยากพนันดูสักตั้ง แสงสีในยามค่ำคืนที่มืดสลัวส่องสะท้อนไปบนใบหน้าของเฉินห้าว สีหน้าของเขามืดมน เยือกเย็น และกระหายเลือด เสียงในลำคอที่ทุ้มต่ำและทรงพลังดังขึ้นทีละคำทีละประโยคว่า “ส่งคนมา!ให้ข้า...” เสียงพูดของเขายังไม่ทันจะร่วงหล่น ด้านหลังก็สะท้อนเสียงที่หวานหยาดเยิ้มเข้ามา “ท่านอ๋องอย่านะเพคะ!หากพระองค์ทรงคิดจะสังหารท่านพี่ หม่อมฉันยอมตายแทนนางเพคะ!” 
已经是最新一章了
加载中