ตอนที่ 56 ร้อยก้าวทะลุต้นหยาง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 56 ร้อยก้าวทะลุต้นหยาง
ต๭นที่ 56 ร้อยก้าวทะลุต้นหยาง เหลียงซินก็ไม่ทราบว่านางมีความกล้าหาญมาจากไหน กลับกล้าดีเช่นนี้คิดจะแข่งประลองกับองค์หญิงรุยเหอจริง ๆ ฝีมือในการยิงธนู ขี่ม้าของนางต่ำกว่าระดับมาตรฐานมาก ต่อหน้าพระพักตร์ขององค์หญิงซึ่งได้ทรงฝึกทั้งสองชนิดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย อาจรับการจู่โจมครั้งเดียวยังไม่ได้เป็นธรรมดา ไม่แน่อาจจะได้ปล่อยไก่มาก แต่ว่าถึงจะเป็นอย่างนี้ นางก็ยังคงพยายามทำให้ดีที่สุด ท้าประลองพิสูจน์ความสูงต่ำกับองค์หญิงรุยเหอ ต่อให้แพ้ นางก็จะไม่เสียใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่สามารถรังแกเฉินเช่อต่อหน้านางได้! มิฉะนั้นนางจะต้องทวงกลับมาด้วยมือนางเองอย่างแน่นอน! องค์หญิงรุยเหอทรงพระสรวลฮ่า ๆ ราวกับทรงได้รับชัยชนะแล้วอย่างแน่นอน “ดี! ถ้าเจ้าแพ้แล้ว ข้าจะให้น้องชายสิบเอ็ดเป็นเป้าการยิงธนูของข้า ข้าจะปิดตายิงธนู” เอาเฉินเช่อเป็นเดิมพัน? เหลียงซินลังเลอยากถอยเล็กน้อยแล้ว ถ้าฝีมือการยิงธนูและขี่ม้าของนางล้วนยอดเยี่ยม และมั่นใจว่าจะสามารถชนะองค์หญิงรุยเหอ นางก็จะไม่บุ่มบ่ามรีบตกลงทันที ในเมื่อนางไม่อาจปล่อยให้เฉินเช่อต้องตกอยู่ในสภาพที่เป็นอันตรายแบบนั้น เพราะในโลกใบนี้ เฉินเช่อเป็นคนเดียวเท่านั้นที่นำความอบอุ่นมาสู่นาง แม้ว่าเขาจะเป็นเด็กที่มีอายุเพียงสิบขวบเท่านั้น แต่กลับเข้าใจรู้เรื่อง ครองจิตใจที่กตัญญูดวงหนึ่ง คอยห่วงใยดูแลนางอย่างเงียบ ๆ อยู่เบื้องหลัง ขณะที่นางกำลังจะปฏิเสธ เสียงของเฉินเช่อก็ดังขึ้นจากข้างหลังนางอย่างรวบรัดตัดความ “ดี! ข้าเห็นด้วยแล้ว” แล้วดวงตาคู่ที่สดใสก็มองมายังเหลียงซิน ลักษณะที่เขายิ้มขึ้นมาดุจดวงอาทิตย์ที่จะละลายนาง เขาพูดเบาๆว่า “พี่สะใภ้ห้า ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้ ใช่มั้ย?” เหลียงซินสูดหายใจเข้าลึกๆ ในใจรู้สึกเป็นลางไม่ดี แต่เพื่อไม่ให้เฉินเช่อผิดหวัง เพื่อไม่ให้นางเสียหน้า ในที่สุดยังคงรวบรวมความกล้าพยักหน้าตกลงแล้ว ถ้านางแพ้จริง ๆ แล้ว นางก็จะไม่ทำตามคำขอขององค์หญิงรุยเหอ แย่ที่สุด...นางเองมาเป็นเป้าธนูนี้เอง นางยักคิ้วยิ้มอย่างสง่าผ่าเผย “ดี องค์หญิงรุยเหอเจ้าตั้งกฎเถอะ จะประลองงั้นก็ประลองกันให้เฉียบขาดสักยกหนึ่งกันไปเลย!” องค์หญิงรุยเหอทรงโบกพระหัตถ์เรียกองค์หญิงเซียงผิง องค์หญิงหกซึ่งทรงเสด็จมาด้วยกันในวันนี้ “พี่สาวหก ขอรบกวนให้ท่านเป็นกรรมการตัดสินให้พวกเรา ต้องยุติธรรมไม่ลำเอียง” องค์หญิงเซียงผิงเป็นพระธิดาของพระสนมหลัน ปีนี้ มีพระชันษาได้สิบเจ็ดพอดี เริ่มทรงเลือกพระสวามีแล้ว ปกตินางมีความสัมพันธ์ที่ดีลึกซึ้งกับองค์หญิงรุยเหอ พระมารดาองค์ชายาหลันก็ทรงพึ่งพิงพระสนมอันในการดำรงชีวิต แม้เมื่อนางทรงเลือกพระสวามี ได้ยินว่าล้วนเป็นพระสนมอันทรงช่วยเหลือให้คำแนะนำทั้งหมด ดังนั้นกับองค์หญิงรุยเหอพระขนิษฐาองค์นี้จึงกล่าวได้ว่าทรงเชื่อฟังอย่างยิ่งยวด “ดี ข้าจะผดุงความยุติธรรมไร้ความลำเอียงเป็นแน่ พวกเจ้าสามารถเริ่มได้แล้ว” องค์หญิงเซียงผิงทรงแย้มพระโอษฐ์ยาวนาน พวกเขาสองท่านเลือกหนึ่งอย่างระหว่างการแข่งม้ากับยิงธนู องค์หญิงรุยเหอคิดว่าการท้าประลองแข่งม้าวิ่งตะลุยเช่นนี้ไร้เทคนิคเกินไป หลังจากตัดสินใจแล้วจึงเลือกประลองศิลปะการยิงธนู กฎของการยิงธนูนั้นความจริงง่ายมาก นั่นคือยิงธนูจากที่ห่างไกลเจ็ดสิบเมตร นับตามจำนวนวงแหวนที่มากเป็นหลัก ธนูทั้งหมดจำนวนสิบสองดอก ผู้ที่ยิงถูกจำนวนวงแหวนมาก ผู้นั้นก็ได้รับชัยชนะ แต่ว่า เหลียงซินสังหรณ์ไม่ค่อยดี ถ้าแข่งม้านางยังมีความมั่นใจอยู่บางส่วน แต่ศิลปะการยิงธนูนางช่างแย่จริง ๆ! ในเมื่อเป็นเวลาสมัยใหม่ นางไม่ได้ฝึกมาก่อนเลยสักนิด พระพักตร์ขององค์หญิงรุยเหอมีเค้าว่า “เจ้าแพ้แน่แล้ว”แวบผ่านไปครั้ง ทรงดำเนินอย่างหยิ่งผยองไปยังสนามยิงธนู เริ่มเลือกลูกธนู เหลียงซินลังเลสักพักหนึ่ง ในที่สุดยังคงกัดฟันไว้เดินขึ้นไปแล้ว ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ขอเพียงนางพยายามก็ใช้ได้ ยอดเนินเขาสูงไม่ไกลนัก องค์ชายในภูษาอันวิจิตรหรูหราหลายองค์ทรงประทับยืนอยู่ข้างบน ก้มทอดพระเนตรมองดูทุกสิ่งที่อยู่ด้านล่าง ทั้งการท้าประลองระหว่างองค์หญิงรุยเหอกับเหลียงซินล้วนอยู่ในสายพระเนตรหมด ทุกคนต่างราวกับทรงพระสรวลแต่ไม่ทรงพระสรวล ลักษณะท่าทีเหมือนกำลังทอดพระเนตรดูการเล่นละครชุดหนึ่งทั้งหมด มีเพียงเฉินห้าวขมวดคิ้วแน่น แววตาลึกล้ำดุจหมึกดำราวกับราบเรียบไม่น่าตื่นเต้น แต่มือที่กำแน่นเป็นกำปั้นได้ทรยศเขาแล้ว เขากำลังเป็นห่วงเหลียงซิน องค์ชายแปดทรงยอกเย้าว่า “ถ้าพี่สะใภ้ห้านี้จะท้าประลองศิลปะการยิงธนูกับน้องสาวเก้า พี่สะใภ้ห้าต้องแพ้อย่างแน่นอน ทุกคนล้วนรู้ว่าฝีมือศิลปะการยิงธนูของน้องสาวเก้าเป็นเสด็จพ่อทรงสอนเอง ถ้าแพ้แล้ว ไม่เพียงแต่น้องสาวเก้าเสียหน้าแม้แต่เสด็จพ่อก็เสียหน้าด้วยอ่า!” ท่านทางหนึ่งตรัส อีกทางหนึ่งทรงพินิจพิจารณาเฉินห้าว ความหมายในคำพูด ถ้าองค์หญิงรุยเหอทรงแพ้แล้ว ที่เสียหน้าก็คือพระพักตร์ของราชนิกูล ไม่มีใครจะปล่อยให้นางพ่ายแพ้ ต้องดูว่าเหลียงซินเข้าใจความสัมพันธ์ขั้นนี้หรือไม่ น่าเสียดายจัง...นางกำลังเผชิญหน้ากับเหลียงซิน คนหนึ่งที่ไม่เคยให้โอกาสใดๆแก่คู่ต่อสู้ เพราะเพียงเพื่อเห็นแก่หน้าตาผิวบางๆชั้นหนึ่งเท่านั้นจนต้องพ่ายแพ้การท้าประลองได้อย่างไรกันเล่า ถัดลงมาเป็นการแข่งขันท้าประลองที่กำลังประชันกันอย่างดุเดือดรุนแรง คนหนึ่งลูกธนูสิบสองดอก สองคนคนละหนึ่งเป้า ยิงธนูพร้อมกัน ถ้าใครยิงได้วงแหวนสูง ก็จะได้รับชัยชนะ! องค์หญิงรุยเหอทรงหยิบคันธนูและลูกธนูขึ้นมา ยิงลูกธนูสองดอกออกไปอย่างมั่นใจเต็มที่ “เฟี้ยว ๆ” ล้วนตรงเข้าใจกลาง เป้าหมด นางเลิกคิ้วมองไปยังเหลียงซินอย่างยะโสภูมิใจ “พี่สะใภ้ห้า เจ้ายิงซิ! คงไม่ใช่กลัวแล้วหรอกนะ?” เหลียงซินสูดหายใจเข้าลึกๆ ตอนนี้กล่าวได้ว่าเป็นลูกธนูบนคันศรอย่างแท้จริง ไม่ยิงไม่ได้แล้ว เรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้ แม้ว่านางจะถอย ก็ไร้ประโยชน์ นางหยิบคันศรและลูกธนูขึ้นมาอย่างไม่ได้ชำนาญการ ยังไม่รู้ว่ากระทำอย่างไรจึงถูกต้อง เพียงแต่เลียนแบบถือไว้ในมือเท่านั้น องค์หญิงรุยเหอซึ่งอยู่ข้าง ๆ ทรงเห็นสภาพ ทรงพระสรวลร่วน “ข้าองค์หญิงยังคิดว่าบุตรสาวของจวนแม่ทัพเจิ้นอันต่างสามารถร้อยก้าวทะลุต้นหยางได้ ไม่คิดว่ายังมีบางคนแม้แต่ลูกธนูยังหยิบจับไม่เป็น!” เหลียงซินเหลือบมองนางไปครั้ง ดวงตาคู่สดใสคมเฉียบกระพริบปริบ ๆ ในใจพลันเกิดความรู้สึกที่คุ้นเคยซึ่งไม่สามารถอธิบายได้กระทั่งการหยิบจับคันธนูและลูกธนูล้วนราวกับเคยคุ้นเคย นางค่อย ๆ ปรับท่วงท่ามือครู่หนึ่ง หลังยืดตรง มือทั้งคู่ชูขึ้นสูง รวบรวมพลังไว้ที่มือทั้งหมด ค่อย ๆ ดึงคันธนู เล็งไปที่เป้าซึ่งห่างออกไปเจ็ดสิบเมตรอย่างแม่นยำ “เฟี้ยว” เสียงลูกธนูคมบินออกไปพร้อมกับเสียงลม เพียงเสี้ยววินาที ก็ดังฉึกขึ้น ฝังเข้าไปในจุดสีแดงของเป้าอย่างมั่นคงมาก ทันใดนั้นสีพระพักตร์ขององค์หญิงรุยเหอก็เปลี่ยนมากอย่างรวดเร็ว นางทอดพระเนตรเหลียงซินด้วยความตกใจ ทรงถามว่า “เจ้า เจ้าทำได้ยังไง?” นางได้ยินอย่างชัดเจนว่าบุตรสาวทั้งสองของจวนแม่ทัพเจิ้นอันต่างไม่เป็นวิทยายุทธ์ เพียงรู้วิธีการเย็บปักถักร้อยในแบบฉบับกุลสตรีห้องชั้นในเท่านั้น แต่ทำไมศิลปะในการยิงธนูของเหลียงซินจึงได้ดีขนาดนี้? เมื่อเป็นเช่นนี้ นางไม่เพียงมิอาจชนะการแข่งขันได้อย่างง่ายดายเท่านั้น แต่ยังอาจจะพ่ายแพ้ได้? เหลียงซินค่อย ๆ วางคันธนูและลูกธนูในมือลง แม้แต่ตัวนางเองก็ยังงุนงงสับสนไปชั่วขณะ ขณะที่นางหยิบคันศรและลูกธนูขึ้นมาชั่วพริบตานั้น ความทรงจำของเจ้าของเดิมก็ได้หลั่งไหลมาราวกับกระแสน้ำ ที่แท้ เจ้าของร่างเดิมเป็นเชี่ยวชัญด้านขี่ม้าและยิงธนูตั้งแต่ในสมัยเด็ก แม่ทัพเจิ้นอันก็ได้สอนพวกนางด้วยตนเองแล้ว แต่ว่า เพื่อความปลอดภัยและความสงบของจวนแม่ทัพเจิ้นอัน เขาจงใจประกาศกับภายนอกว่าบุตรสาวทั้งสองทำอะไรก็ไม่เป็น จึงทำให้ทุกคนเข้าใจผิดเช่นนี้ น่าสงสารจิตใจของพ่อแม่ทั่วใต้หล้า! “องค์หญิงรุยเหอ ไม่ต้องสนพระทัยว่าข้าทำได้อย่างไร การแข่งขันนี้จะยังดำเนินต่อไปไหม?” เหลียงซินหันมามองนางอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนยังต้องดำเนินต่อไป! ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะโชคดีเช่นนี้ทุกครั้ง” องค์หญิงรุยเหอส่งเสียงฮึ่มครั้งหนึ่งอย่างเย็นชา นางยังคิดว่าเหลียงซินยิงธนูได้เป็นเพียงโชคดีเท่านั้น แต่ทุกอย่างถัดมา ทำให้นางงี่เง่าอย่างสุด ๆ เหลียงซินไม่เพียงยิงลูกธนูดอกแรกเข้าเป้า ลูกธนูต่อมาทุกดอกล้วนยิงเข้าเป้าหมด กระทั่งไร้ร่องรอยเบี่ยงเบน ร้อยก้าวทะลุต้นหยางของแท้ ก็แค่นั้นแหละ! กลับเป็นองค์หญิงรุยเหอ ถึงแม้ว่าลูกธนูสิบเอ็ดดอกล้วนยิงเข้าเป้า แต่พระนลาฏของนางก็เต็มไปด้วยพระเสโทอันละเอียดอ่อนซึมออกมา ค่อนข้างเครียด เมื่อลูกธนูดอกสุดท้ายยิงออกไป นางยิงเฉไปนิดหน่อยเพราะในใจนางตึงเครียด เบี่ยงเบนไปจากใจกลางเป้า ยิงถูกวงกลมสีแดงด้านนอก ขอเพียงหลียงซินยิงเข้ากลางเป้า เช่นนั้น นางก็จะพ่ายแพ้ แต่นางมิอาจพ่ายแพ้! ผลที่ดีที่สุดของการท้าประลองแข่งขันในครั้งนี้ คือพวกนางทั้งสองตีเสมอกัน นางหันไปมองเหลียงซิน กระซิบเตือนว่า “พี่สะใภ้ห้า ศิลปะการยิงของข้าเป็นเสด็จพ่อทรงสอนมา ไม่เคยแพ้มาก่อน ถ้าฉันแพ้ในวันนี้ เจ้าก็จะไม่อาจเข้ากันได้กับเสด็จพ่อ” มุมปากเหลียงซินค่อย ๆ เผยอรอยยิ้มขึ้นมาครั้งหนึ่ง นางยังนำเอาเสด็จพ่อมาใช้ข่มขวัญ แต่เรื่องประเภทหลอกลวงผิดกฎระเบียบ นางไม่สามารถทำได้ ต่อให้องค์ฮ่องเต้เสด็จพ่อทรงประทับยืนอยู่ตรงหน้านาง นางต้องพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อชนะการแข่งขันในครั้งนี้ “องค์หญิงเก้า ศิลปะการยิงธนูของเจ้าเองไม่เชี่ยวชาญ ยังยกเอาเสด็จพ่อมาอ้าง ช่างเสียหน้าเสด็จพ่อจริง ๆ วันนี้ต่อให้ข้าตั้งใจจะยอมให้เจ้า เจ้าก็เอาชนะไม่ได้หรอก!” เหลียงซินกระซิบข้างหูของนาง “เพราะข้าอยากจะเห็นลักษณะที่เจ้าขอโทษจริง ๆอย่างมาก” ทันทีที่เสียงของนางจบลง ลูกธนูในมือของนางก็ได้บินไปยังใจกลางเป้าแล้ว เมื่อลูกธนูกำลังจะเข้าถึงเป้า มีก้อนหินก้อนหนึ่งปลิวมาอย่างน่าฉงนจากที่ไกล ทำให้ลูกธนูของนางเบี้ยวไป วินาทีต่อมา ก้อนหินอีกก้อนก็บินมาทำให้ลูกธนูที่เบนออกมากลับเข้าไปใหม่ หลังสองวินาที ลูกธนูได้ปักใส่ใจกลางเป้าอย่างมั่นคงเหมือนเดิม ลูกธนูสิบสองดอก ไม่เอนเอียงไม่ผิดพลาด เฉินห้าวไพล่พระหัตถ์ทรงประทับยืนไว้ มองไปยังเฉินหวี้ซึ่งใช้กลเม็ดเด็ดพรายอยู่ข้าง ๆ อย่างภาคภูมิใจ ทรงตรัสอย่างดูถูกว่า “น้องชายเจ็ด นักปราชญ์มีสิ่งอันพึงกระทำ สิ่งอันพึงห้ามกระทำ การท้าประลองแข่งขันธรรมดาเช่นนี้ ท่านยังจะวาดลวดลายหรือ?” หินก้อนนั้นเมื่อครู่ ก็เป็นฝีมือการกระทำของเฉินหวี้ และหินอีกก้อนหนึ่ง เป็นเฉินห้าวดีดออกไป เฉินหวี้โกรธอย่างสาหัส เมื่อครู่เขาเห็นองค์หญิงรุยเหอกำลังจะพ่ายแพ้แล้ว อาศัยที่คนไม่ทันให้ความสนใจจึงใช้กลเม็ดเด็ดพราย ไม่คิดว่ากลับถูกเฉินห้าวพบเห็นได้! คราวนี้ไม่เพียงแต่องค์หญิงรุยเหอเสียหน้า กระทั่งรวมถึงหน้าของเขาก็เสียไปหมดสิ้นแล้ว! “พี่ห้า ท่านเห็นชัดแล้วไหม? เรื่องใช้กลเม็ดเด็ดพรายนี้ ข้าจึงไม่ขาดแคลน” เฉินหวี้สีหน้าเขียวคล้ำมองดูเบื้องล่าง สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป ทุกคนไม่พูดอะไรสักคำก็ตามเขาไปทันที ชัยชนะหรือพ่ายแพ้ที่สนามยิงธนูได้ตัดสินแล้วตอนนี้ นี่เป็นเรื่องจริงที่ทุกคนได้ประจักษ์แก่ตา ต่อให้เป็นองค์หญิงเซียงผิงตรวจสอบก็ไม่มีทางที่จะปลอมแปลงได้ ในที่สุด นางก็ก้มศีรษะลง กระซิบว่า “พี่สะใภ้ห้าทรงชนะวงหนึ่ง” เหลียงซินได้คาดการณ์ผลลัพธ์นี้ไว้แล้ว มองดูองค์หญิงรุยเหอที่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันโกรธอย่างยากที่จะยอมรับได้ด้วยท่าทางสง่างาม “อ่อนข้อให้แล้ว บัดนี้ถึงตาท่านต้องทำตามสัญญา ขอโทษต่อองค์ชายสิบเอ็ดแล้ว” นางสวมชุดสีม่วงอ่อน ผมยาวมัดไว้สูง ในมือยังถือคันธนู เงาร่างเพรียวระหง ท่วงท่าสง่างาม เค้าหน้าคิ้วตามีชีวิตชีวาขึ้น ตลอดทั้งร่างเต็มไปด้วยพลัง ทำให้คนมิอาจละสายตาไปได้ องค์หญิงรุยเหอกลั้นลมหายใจไว้อึดหนึ่งที่หน้าอกมิอาจระบายออกมาได้ กำลังคิดจะบิดพลิ้ว องค์ชายสิบเอ็ดก็ได้ทรงเสด็จมายังเบื้องหน้านาง เงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรมองนาง “พระพี่นางเก้า กล้าท้าพนันต้องยินดียอมรับความพ่ายแพ้ เสด็จพ่อเคยตรัสไว้ว่าในสนามแข่งขันมีเพียงชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ ไร้ความสัมพันธ์” เฉินเช่อประดุจผู้ใหญ่ตัวน้อยท่านหนึ่ง กล่าวเจรจาอย่างมีเหตุผลเป็นระเบียบ 
已经是最新一章了
加载中