ตอนที่ 21 คำขอร้อง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 21 คำขอร้อง
ต๭นที่21 คำขอร้อง บางทีอาจเป็นเพราะสายตาคู่นี้ที่ทำให้นางหวั่นไหว นึกไม่ถึงเลยว่านางจะไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เอ่ยปากร้องขอชีวิตให้กับนางกำนัลผู้นี้ “ท่านอ๋องเพคะ แม้นางกำนัลผู้นี้จะมีความผิด แต่ไม่ถึงกับต้องโทษตายนะเพคะ หากพระองค์สามารถยกโทษให้กับพระชายารองผู้ที่อบรมนางได้ แล้วเหตุใดจึงไม่ยอมปล่อยนางกำนัลผู้บริสุทธิ์นี้ล่ะเพคะ หากนางสมควรตาย ผู้เป็นนายย่อมมีความผิดยิ่งกว่ามิใช่หรือเพคะ” เหลียงซินไม่แสดงออกถึงความต้อยต่ำหรือความเย่อหยิ่ง ใบหน้ามุ่งมั่น ราวกับวันนี้นางจะต้องร้องขอชีวิตนางกำนัลผู้นี้ให้ได้ แววตาที่เต็มไปด้วยคำถามของเฉินห้าวจ้องมองไปที่นาง เขาคิดมาตลอดว่านางร้อยเล่ห์มารยา โหดเหี้ยมอำมหิต แม้แต่ลูกพี่ลูกน้องของตนเองต่างไม่ละเว้น นึกไม่ถึงเลยว่าจิตใจของนางจะมีด้านดีเช่นนี้ แล้วอีกด้านหนึ่งของนาง เป็นเช่นนี้จริง หรือเสแสร้งกันแน่นะ “หากข้าไม่ยอมปล่อยล่ะ”แววตาของเฉินห้าวค่อยๆดุดันขึ้น ราวกับจงใจที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับนาง “คานข้างบนไม่ตรง คานข้างล่างย่อมบิดเบี้ยวตาม นางกำนัลเสี่ยวหงเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ เป็นเพราะพระชายารองอบรมไม่ดี หากจะลงโทษ ท่านอ๋องก็ต้องลงโทษพระชายารองเช่นเดียวกันสิเพคะ” เหลียงซินเลิกคิ้วเล็กน้อยอย่างยียวนกวนประสาท ดึงคนที่เขารักเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ดูซิว่าเฉินห้าวเลือกที่จะจัดการอย่างยุติธรรม หรือจะลำเอียงเข้าข้างเหลียงยินต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ การใช้ไม้นี้แม้จะอันตราย เพราะหากเขาไม่พอใจ อาจต้องโทษถูกโบยถึงตาย แต่หากสำเร็จ ไม่แน่นางอาจจะช่วยชีวิตเสี่ยวหงไว้ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเช่นไร เหลียงซินก็ตั้งใจที่จะพูดออกไป “นางกำนัลต่ำต้อยคนหนึ่ง จะให้เปรียบกับพระชายารองได้อย่างไรเล่าเพคะ นางกำนัลผู้นี้ไม่เพียงแต่ลักลอบขโมยของของพระชายารองแล้ว ยังตกปากรับคำแต่งงานกับข้ารับใช้โดยมิได้รับอนุญาต ไม่ว่าทางไหน ก็ต้องโทษถึงตาย ท่านอ๋องได้โปรดพิจารณาด้วยเพคะ” คนที่กล่าวคำพูดนี้ออกมา ที่แท้ก็คือยายหวัง ทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ข้างกายเหลียงยิน เหลียงซินแสยะยิ้มอย่างดูหมิ่น“ยายหวัง ดูเหมือนท่านจะลืมไปแล้วว่า ตนเองก็คือนางกำนัลคนหนึ่งเช่นเดียวกัน” นางไม่เพียงแต่ไม่ช่วยนางกำนัลของตึกลั่วยิน ซ้ำยังออกตัวจัดการเสี่ยวหง หากอีกหน่อยนางตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ รอดูซิว่าจะมีใครยื่นมือร้องขอชีวิตให้กับนาง เหลียงยินที่ยืนนิ่งเงียบมานาน ขยับผ้าคลุมไหล่ปิดหน้าอกจนมิดชิด ค่อยๆคุกเข่าลงอย่างทุลักทุเล“ท่านอ๋องเพคะ ท่านพี่พูดถูก เป็นเพราะข้าอบรมคนรับใช้ไม่ดี หากท่านอ๋องจะลงโทษ ก็ลงโทษข้าแต่เพียงผู้เดียวเถิดเพคะ” เหลียงยินผู้นี้ ช่างรู้กาลเทศะดีจริงๆ เมื่อครู่นี้ยังทำเหมือนไม่สนใจไยดี คิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน ตอนนี้แสร้งเป็นคนดี ร้องขอชีวิตเสี่ยวหง ซ้ำยังทำท่าทางอ่อนแอ ทนรับความเจ็บปวดไม่ไหว ใครเห็นต่างก็อดปวดใจไม่ได้ น่าเสียดายที่ตอนนี้ยังไม่สามารถกระชากหน้ากากที่แท้จริงของนางได้ ต้องมีสักวัน ที่เหลียงซินจะทำให้นางเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา เฉินห้าวโน้มลงประคองนางลุกขึ้นตามมารยาท พลางกล่าวว่า“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า” จากนั้น เขาจึงหันกลับไปหาเหลียงซิน “ในเมื่อเจ้าต้องการที่จะร้องขอชีวิตนางกำนัลนี่ เช่นนั้นเจ้าจงรับโทษแทนนาง ไปคุกเข่าหน้าอุโบสถสองชั่วยาม ส่วนนาง ข้าจะเนรเทศออกนอกตำนัก” สำหรับคนที่เคยต้องโทษอันน่าอัปยศอดสู ถูกเฆี่ยนตีอย่างทุกข์ทรมานต่อหน้าผู้คนมากมาย ให้นางคุกเข่าหน้าอุโบสถสองชั่วยาม ก็ถือว่าเมตตาแล้วล่ะ เหลียงซินเชื่อมั่นว่า ในโลกที่แสนวุ่นวายนี้ หากมั่นคงในความเชื่อภายในจิตใจของตนเองแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่คนเราทำไม่ได้ แต่ทว่า นี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น “ช่วงนี้หม่อมฉันถือศีลกินเจพอดี ต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าหม่อมฉันก็ต้องสวดมนต์ภาวนาให้กับท่านอ๋องและน้องสาวของหม่อมฉัน รวมทั้งชำระล้างคาวเลือดบนมือของพวกท่าน อีกหน่อยตายไปจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานในขุมนรก” มุมปากของเหลียงซินยกขึ้นยิ้มบางๆ ยอมรับผลลัพธ์อย่างเบิกบาน ไร้กังวล แลดูเหมือนจะมีความสุข เฉินห้าวไม่มีทีท่าโกรธเคืองแต่กลับเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆว่า“เช่นนั้นเจ้าก็คุกเข่าเพิ่มอีกสองชั่วยามก็แล้วกัน” พูดจบ ก็เดินหันหลังออกจากตำหนักเจียวหยาง เหลียงยินเยื้องย่างตามออกไป กระทั่งทุกคนกลับไป เสี่ยวหงจึงค่อยๆคลานมาแทบเท้าเหลียงซิน ร่ำไห้พลางเอ่ย “ขอบพระทัยเพคะพระชายา เป็นพระคุณอย่างยิ่งที่ช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้เพคะ” “ไปเถอะ ไปยิ่งไกลได้เท่าไรยิ่งดี”เหลียงซินมองออกไปยังท้องฟ้าด้านนอกกำแพงสูง หวังว่าสักวันนางเองจะได้ออกไปจากที่นี่เช่นกัน นางยังให้ชุนฮวานำเงินสองสามตำลึงออกมาจากตำหนักเจียวหยาง มอบให้แก่เสี่ยวหง เพื่อให้นางมีชีวิตที่ดีเมื่อออกไปจากวังอ๋องสิง หลังจากที่เสี่ยวหงได้แสดงความเคารพซาบซึ้งในพระคุณ ก็ได้ลาจากตำหนักเจียวหยาง และเดินทางออกนอกวังไป “พระชายาเพคะ เงินสองสามตำลึงนั่น เป็นเงินทั้งหมดที่มีในตำหนักเจียวหยางแล้วนะเพคะ ให้นางไปหมดเช่นนี้ อีกหน่อยพวกเราจะทำอย่างไรเล่าเพคะ”ชุนฮวามีทีท่าโกรธเคืองเล็กน้อย พระชายาใจดีเกินไปแล้ว ไม่เพียงแต่ช่วยเสี่ยวหงจนตนเองต้องเดือดร้อน ยังนำเงินทั้งหมดที่มีอยู่ออกมา ทำเช่นนี้ไม่มีผลดีต่อตัวนางเองแม้แต่น้อย เหลียงซินมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอยพลางพูดขึ้นว่า“ชุนฮวา เจ้าไม่มีทางเข้าใจหรอก พูดตามตรง ข้าล่ะอิจฉาเสี่ยวหงจริงๆ” ความเป็นอิสระ สำหรับนางแล้ว ช่างห่างไกลยิ่งนัก การได้ออกไปจากที่นี่ เป็นคำอธิษฐานในใจของเหลียงซิน เป็นสิ่งที่นางปรารถนามากที่สุด การได้มองดูเสี่ยวหงจากไป ก็เหมือนกับว่ากับว่าสักวันนางเองจะต้องได้ออกไปจากที่นี่เช่นเดียวกัน “พระชายา...” ชุนฮวาไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ “ไปเถอะ ไปอุโบสถกัน” เหลียงซินฝืนลากสังขารที่เหนื่อยล้า ไร้เรี่ยวแรง จนมาถึงอุโบสถ อุโบสถ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของวังอ๋องสิง เมื่อผลักประตูเข้าไป กลิ่นควันธูปก็ลอยเข้ามา ทำให้จิตใจสงบ ราวกับว่าเมื่ออยู่ที่นี่จะสามารถลืมเรื่องราวที่ผ่านมาได้ ในภพที่แล้ว นางเองก็นับถือพระพุทธศาสนาเช่นเดียวกัน ทุกครั้งที่ออกไปทำงาน นางเองจะต้องพกยันต์ที่พ่อแม่ขอมาให้ติดตัวไว้เสมอ และทุกครั้งที่เสร็จสิ้นจากการทำงาน นางจะต้องจุดธูปเพื่อแสดงถึงความเคารพผู้เสียชีวิตที่บริสุทธิ์ 
已经是最新一章了
加载中