ตอนที่24 คนของข้า   1/    
已经是第一章了
ตอนที่24 คนของข้า
ต๭นที่24 คนของข้า ดูเขาที่กำลังโมโห อารมณ์ของเหลียงซินกลับเริงร่าเป็นพิเศษ หากเขารู้ว่าเป็นนางที่ช่วยเขาเอาไว้ เขาจะมีอารมณ์อย่างไรนะ ถูกคนที่ตัวเองรังเกียจช่วยชีวิตเอาไว้ ยังต้องติดหนี้บุญคุณอีก ในใจจะต้องรู้สึกทรมานมากเป็นแน่ แต่เหลียงซินกลับอยากบอกความจริงแก่เขา ดูว่าเขาจะมีท่าทีเช่นไร “ท่านอ๋องเพคะ พระองค์จะปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตพระองค์ไว้เช่นนี้หรือ หากไม่ใช่ข้า ไม่แน่พระองค์ในตอนนี้อาจจะลงไปอยู่ในขุมอเวจีแล้วก็เป็นได้” หลังจากพูดจบ เหลียงซินก็นำมือทาบไว้บนชีพจรของเขาเพื่อตรวจร่างกาย เฉินห้าว มองไปที่นางอย่างประหลาดใจ หญิงผู้นี้ช่วยชีวิตเขาไว้งั้นหรือ?จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? สีหน้าของเขาแย่ราวกับคนที่กำลังกินอุจจาระก็ไม่ปาน ทว่าเผชิญหน้ากับเหลียงซินที่มีท่าทีคล่องแคล่วเช่นนี้ เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ที่จะเชื่อ “นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้ายังสามารถถอนพิษได้อีกด้วย”เฉินห้าวมองนางอย่างตกตะลึง เขาคิดมาตลอดว่าหญิงผู้นี้นอกจากเอาเปรียบผู้อื่น ใช้เล่ห์กลวางแผนลอบทำร้ายเหลียงยินแล้ว ก็ไม่สามารถทำอะไรอีก ดูแล้วนางก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรดีเลยเสียทีเดียว “ตอนที่หม่อมฉันศึกษาด้านการแพทย์ ท่านอ๋องยังไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนนะเพคะ เอาล่ะเรียบร้อย สารพิษในร่างกายของพระองค์ถูกชำระล้างจนสะอาดหมดจดแล้วเพคะ ทั้งยังไม่มีผลข้างเคียงในภายหลังอีกด้วย” จากนั้นนางจึงดึงมือของตนเองที่ใช้จับชีพจรให้เขากลับ หากแต่วินาทีต่อมากลับถูกเขาจับเอาไว้แน่น “เจ้าไม่เกลียดข้า กลับยังช่วยชีวิตข้าอีก ในใจของเจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่”เฉินห้าวจ้องเขม็งไปที่นาง ราวกับต้องการที่จะอ่านใจของนางให้ออก อุณหภูมิที่มือของนางค่อนข้างเย็น ไม่ช้านางก็รีบดึงมือกลับออกจากมือของเขาอย่างไร้เยื่อใย ราวกับเขาเป็นอสรพิษร้ายที่ต้องหลีกหนี “เฉินห้าว พระองค์ก็คิดว่าหม่อมฉันสมควรจะเกลียดพระองค์ใช่หรือไม่เพคะ ทว่าหม่อมกลับไม่เกลียดพระองค์ เพราะในใจของหม่อมฉัน พระองค์ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น เกลียดพระองค์ไป ก็เสียเวลาความสุขของหม่อมฉันเปล่าๆ” มุมปากของเฉินห้าวแสยะขึ้น หญิงผู้นี้จะไม่ให้ความสำคัญกับเขาถึงเพียงนี้เลยเชียวหรือ นับวันยิ่งกล้าดีขึ้นจริงๆ “เหลียงซิน เจ้าจงจำไว้ว่า ในเมื่อเจ้าแต่งงานกับข้าแล้ว ทั้งชีวิตไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็คือคนของข้า ตายก็ต้องเป็นผีของข้า ข้าเป็นชายเพียงผู้เดียวในชีวิตของเจ้า”เฉินห้าวบีบที่คางของนางเพื่อเตือนสติ น้ำเสียงแหบพร่า เหลียงซินยิ้มอย่างมีความสุข“ช่างน่าเสียดาย ที่อีกไม่นานก็ไม่ใช่แล้ว” ฮองเฮาได้รับปากข้อแม้ของนางแล้ว อีกไม่นาน นางก็จะได้ออกไปจากวังอ๋องสิง หนีพ้นจากเฉินห้าวปีศาจร้ายตนนี้ คำพูดนี้ของนาง หมายความว่าอย่างไรกัน? เฉินห้าวจ้องไปยังนางที่มีทีท่าไม่สนใจไยดี ในใจกลับรู้สึกลนลานอย่างบอกไม่ถูก นางดูเหมือนจะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว หากเปลี่ยนเป็นนางในอดีต จะต้องทำใจไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะต้องแยกห่างจากเขาแม้เพียงนิดเดียว แต่นางในตอนนี้กลับเอ่ยคำพูดที่เหมือนไม่ใยดีเขาแม้แต่น้อยออกมาได้อย่างนั้นหรือ? “เหลียงซิน เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”เฉินห้าวจ้องไปทีนาง เอ่ยถามทีละคำ เหลียงซินไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เพียงหันหลังไปจัดการกับเครื่องล้างท้อง ทิ้งสิ่งนี้ไว้ที่นี่ อีกหน่อยอาจจะใช้เป็นประโยชน์ได้ “ตอบข้ามาเดี๋ยวนี้”เฉินห้าวมองดูนางที่เงียบขรึม ใจของเขายิ่งทวีความร้อนรนมากขึ้นไปอีก ทว่านางไม่คิดที่จะตอบกลับ ถือเพียงกล่องเครื่องมือของตนเอง เดินอย่างไม่หันหลังกลับไปที่ประตูทางออก ไม่เหลืออะไรทิ้งไว้แม้แต่นิดเดียว ตั้งแต่เมื่อไรกัน ที่นางเปลี่ยนเป็นเช่นนี้? เฉินห้าวโกรธจนหัวใจเต้นแรง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นๆลงๆอย่างไม่สามารถทำอะไรได้ คนที่อยู่เบื้องหน้ายิ่งเดินยิ่งไกลออกไป เปิดประตู ปิดลง สุดท้ายชายกระโปรงที่พริ้วไหวก็จางหายไปต่อหน้าต่อตาของเขา ไม่น่าเชื่อว่าหญิงผู้นี้จะกล้าไม่สนใจเขาถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ปึ้ง!เสียงดังโครมดังขึ้น เฉินห้าวถีบเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าตนเองออกไปอย่างแรง เสียงเคลื่อนไหวที่ดังสนั่นนั้นได้เรียกความสนใจไปยังผู้ที่นั่งรออยู่ด้านนอก องค์รัชทายาทถลันเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว เห็นใบหน้าที่บึ้งตึง โมโหร้ายของเฉินห้าว ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างอบอุ่นปนโล่งอก “น้องห้า ในที่สุดเจ้าก็ไม่เป็นอะไรแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่า ข้าและเสด็จแม่เป็นห่วงเจ้ามากแค่ไหน” เฉินห้าวหรี่ตาลงดุดันราวกับเหยี่ยว“ข้าไม่ต้องการความห่วงใยจากเจ้า วังอ๋องสิงไม่ต้อนรับเจ้า ออกไปซะ!” รอยยิ้มบนใบหน้าขององค์รัชทายาทค่อยๆจางหายไป เผชิญหน้ากับการขับไล่ที่ไร้เมตตาของน้องชายแท้ๆของตนเอง แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะยอมรับแต่โดยดี ไม่ว่าอย่างไร ในวินาทีที่เขากราบทูลเสนอชิงอำนาจทางการทหารของเฉินห้าวต่อพระพักตร์ของฮ่องเต้ พวกเขาสองพี่น้องก็เหมือนได้กลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันแล้ว แม้จะรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังคงไม่รู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจในตอนนั้น “ได้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน วันหน้าค่อยมาเยี่ยมเจ้าใหม่” องค์รัชทายาทเดินกลับออกไปอย่างผิดหวัง แต่ในวินาทีที่เขาผลักประตูออกไปนั้น เฉินห้าวก็เอ่ยปากหยุดเขาไว้“ช้าก่อน...” เขาหันกลับมาด้วยความประหลาดใจและดีใจ เฉินห้าวเพียงแต่ชี้ไปยังสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะ“เอาของของเจ้ากลับไปด้วย ข้าไม่ต้องการ” ของเหล่านั้น ล้วนเป็นยาบำรุงร่างกายชั้นเลิศที่เขาพยายามตั้งใจเก็บรวบรวมมาให้ ทว่าในสายตาของเฉินห้าว กลับดูไร้ค่า สุดท้าย องค์รัชทายาทก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป หันหลังเดินจากไปอย่างโดดเดี่ยว แสงอาทิตย์ตก ทำให้เงาของเขาดูทอดยาวออกไป ความโดดเดี่ยวหล่นทับลงมาบนร่างกายของเขา ราวกับเงาตามตัว “จุยเฟิง จู๋เยว่ พวกเจ้าไปจับตัวเหลียงซิน หญิงผู้นั้นมาให้ข้า”เฉินห้าวตะคอกอย่างใส่อารมณ์อยู่ด้านใน เขาล่ะอยากเห็นนักว่าหญิงผู้นี้แท้จริงแล้วไปกินใจหมีดีเสือที่ไหนมา ถึงกล้าที่จะไม่สนใจเขาเช่นนี้ จุยเฟิง จู๋เยว่รับคำ รีบบินออกไปทันที เหลียงซินที่เพิ่งจะออกมาจากประตูตำหนักเฉาหยาง กำลังจะไปเข้าเฝ้าฮองเฮาเพื่อทำให้คำสัญญาของนางเป็นจริง ไม่ทันได้คาดคิด เบื้องหน้าก็ปรากฎเงาดำสองร่างบินตรงเข้ามาที่นาง เพียงครู่เดียวนางก็ถูกจับกลับมายังตำหนักเฉาหยางแล้ว พอเข้าประตูมา นางก็ถูกโยนทิ้งอย่างแรง จนสะโพกเกือบจะระเบิด “เฉินห้าว พระองค์จับหม่อมฉันมาอีกทำไมกัน”เหลียงซินเอามือลูบสะโพก มองไปยังเขาด้วยความโกรธ “ทางที่ดีที่สุด เจ้าอธิบายมาให้ชัดเจนว่าคำพูดเมื่อครู่นี้หมายความว่าอย่างไร มิเช่นนั้น ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกตายทั้งเป็น”เฉินห้าวพูดข่มขู่ “คำพูดไหนเพคะ?เมื่อครู่นี้หม่อมฉันพูดออกไปเยอะมาก”เหลียงซินแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “ยังแสร้งโง่ ดูแล้วเจ้าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ทหาร จับนางแขวนขึ้น...” “ช้าก่อน”เหลียงซินเอ่ยปากห้ามไว้ก่อน ชายผู้ชอบใช้ความรุนแรง เอะอะอะไรก็จะใช้การทรมาน ยังถือว่าเป็นชายอยู่หรือเปล่าเนี่ย? “ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันคิดว่าพวกเราควรจะมาคุยกันดีๆ ในเมื่อพระองค์ไม่ชอบหม่อมฉัน เช่นนั้นพระองค์ก็ควรที่จะหย่ากับหม่อมฉัน พวกเราต่างคนต่างเดิน หม่อมฉันอยู่ไปก็รังแต่จะทำให้พระองค์รำคาญใจ ใช่หรือไม่เพคะ” เหลียงซินโน้มน้าวใจเขาด้วยถ้อยคำที่สวยงาม แต่คิดไม่ถึงว่าสีหน้าของเฉินห้าวกลับยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ กระทั่งได้กลิ่นอายแห่งความพิฆาต หากนางออกไปจากวังแห่งนี้ เช่นนั้นเขาก็จะได้ใช้ชีวิตคู่อยู่กับเหลียงยิน ไม่ต้องแยกจากกัน แล้วเหตุใดเขาจะไม่ยินดีที่จะทำล่ะ ? นางเชื่อว่าเขาจะต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน แต่ทว่าทำไมบรรยากาศกลับน่ากลัวเช่นนี้ล่ะ... “เหลียงซิน เจ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างไร?”เฉินห้าวกัดฟันกรอด ค่อยๆเดินประชิดเข้ามา“หากเจ้ากล้าออกไปจากวังแห่งนี้เพียงก้าวเดียว ข้าจะตัดขาเจ้าให้ขาด” หะ? เหลียงซินปวดหัวไปหมด นี่เป็นเพราะนางพูดไม่ชัดเจนมากพอ หรือเป็นเพราะเขาที่ไม่เข้าใจคำอธิบายกันแน่นะ นางเรียบเรียงผลประโยชน์ที่ได้จากเรื่องนี้ออกมาใหม่อีกครั้ง“ท่านอ๋องลองคิดดูนะเพคะ เพียงแค่พระองค์หย่ากับหม่อมฉัน พระองค์ก็จะได้ใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุขกับน้องหญิง ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนลอบทำร้ายนางอีก อีกทั้งในวังขาดคนไปหนึ่งคน ลดอาหารลงไปหนึ่งที่ ในหนึ่งปีก็จะเหลือเสบียงไปเยอะเลยนะเพคะ” ทุกหนึ่งประโยคที่นางพูด แววตาของเฉินห้าวก็เย็นยะเยือกลงหนึ่งระดับ กระทั่งนางพูดจบ แจกันดอกไม้ที่อยู่ด้านหน้าก็มีเสียง“เพล้ง!”ดังขึ้นมา ถูกโยนลงพื้นแตกกระจาย นางตกใจเล็กน้อย เมื่อหันกลับมา ก็พบว่าเฉินห้าวยืนอยู่ด้านหลังของนางด้วยสายตาที่น่ากลัว สายตานั้น ราวกับมาจากขุมนรก “เหลียงซิน เจ้าใช้ชีวิตจนเบื่อแล้วหรืออย่างไร ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ ชีวิตนี้ เจ้าอย่าคิดที่จะหนีไปจากที่นี่อย่างเด็ดขาด หากเจ้ากล้าที่จะไป ข้าจะทำให้คนในบ้านตระกูลเหลียงตายอย่างศพไม่มีที่ฝัง ข้าพูดจริงทำจริง” เหลียงซินสูดหายใจเข้าเต็มปอด ปีศาจร้ายตันนี้ถึงกับใช้ครอบครัวมาขู่นางเลยเชียวหรือ? แม้ว่านางจะมาถึงโลกนี้เพียงไม่นาน ถึงขนาดคนในตระกูลเหลียงส่วนใหญ่ต่างก็ไม่เคยพบเคยเห็น ทว่าจากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมแล้ว นางยังคงสามารถรู้สึกได้ถึงความรักและความละอายใจที่มีต่อครอบครัวอยู่ เพื่อตัวเองแล้ว นางจะสามารถไม่คำนึงถึงชีวิตของทุกคนในตระกูลเหลียงได้อย่างไรกันล่ะ? พอดีกับที่นางไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไป ประตูห้องก็ถูกเปิดออก เห็นเพียงเหลียงยินมือประคองบะหมี่ที่มีอยู่เต็มชาม ค่อยๆเดินเข้ามา ตอนที่นางประคองชามบะหมี่ด้วยท่าเดินที่อ่อนช้อย พลิ้วไหว ยังไม่วายแสร้งเดินไม่มั่นคง จนเกือบจะล้มลงกับพื้น “ท่านพี่ น้องทำตามคำสั่งต้มบะหมี่มาให้แล้ว ท่านพี่ลองดูว่าถูกปากหรือไม่” เหลียงยินที่มีท่าทีน่าสงสารส่งสายตาไปยังเหลียงซิน ซ้ำยังตั้งใจที่จะเผยให้เห็นรอยแผลที่ถูกของร้อนลวกด้านหลังฝ่ามือ จากนั้นก็เดินไปยังเบื้องหน้าของเฉินห้าว “ท่านอ๋อง ในที่สุดพระองค์ก็ฟื้นแล้ว!หม่อมฉันเป็นห่วงพระองค์มากเลยเพคะ หากพระองค์จากไป หม่อมฉันก็จะไม่ขอมีชีวิตอยู่แต่เพียงผู้เดียวเช่นกัน”นางซบลงไปบนไหล่ของเขาพลางร้องไห้ด้วยท่าทีที่งดงาม อ่อนโยน เฉินห้าวขมวดคิ้วขึ้น กุมมือของนางที่บาดเจ็บจากการโดนน้ำร้อนลวก“นี่เกิดอะไรขึ้น?” เหลียงยินส่ายหน้า ดึงมือของตนเองกลับมา“บาดแผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพคะ ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องถามถึง ต้มบะหมี่ให้พี่สาว เป็นเรื่องที่น้องสาวสมควรทำเพคะ” “เหลียงซิน ยินเอ๋อป่วยหนักยังไม่ได้รับการรักษาให้หายดี เจ้ายังกล้าใช้นางต้มบะหมี่อีกหรือ? จิตใจของเจ้าทำด้วยอะไรกัน ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นน้องสาวแท้ๆของเจ้า”เขาขบฟันแน่นจ้องไปยังเหลียงซิน บางครั้งหญิงผู้นี้ก็ช่างน่ารังเกียจเสียจริง! เฮอะ!เป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ตอนที่เหลียงยินเดินเข้าประตูมา เหลียงซินก็มองเห็นรอยแดงที่อยู่บนมือของนางแล้ว ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมาตั้งแต่แรก พูดแล้วก็คือ ยอมเสียเปรียบไม่ได้เลยสินะ? ใบหน้าของเหลียงซินกลับไม่มีท่าทีรู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังใจกล้าเดินเข้าไปหาเหลียงยิน จากนั้นจับมือของนางขึ้นมาตรวจดูอาการเล็กน้อย แล้วก็หัวเราะออกมา “บาดแผลของน้องหญิงโชคยังดีที่พบทัน ไม่เช่นนั้นช้าอีกหน่อยมันก็จะหายดีแล้ว” เช่นนี้แล้ว สีหน้าของเหลียงยินก็เจื่อนลงในชั่วขณะ จากนั้นก็กลับคืนสู่ปกติอย่างรวดเร็ว นางรีบดึงมือของตนเองกลับอย่างรวดเร็ว รอยแผลบนมือของนางนั้น เป็นรอยแดงที่นางตั้งใจเอามือไปทาบไว้ที่ข้างชามหลังจากใช้ให้คนต้มบะหมี่เสร็จ คิดว่าคงไม่มีใครสังเกต นึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกจับได้ “ท่านพี่พูดเล่นแล้ว น้องก็ไม่ใช่สิ่งของมีค่าน่าทะนุถนอมเช่นนั้น บาดแผลแค่นี้นับประสาอะไรเล่าเพคะ?”เหลียงยินมองไปที่เฉินห้าว แสดงออกถึงความน่าสงสารอย่างชัดเจน หวังว่าเขาจะสามารถช่วยนางพูดอะไรออกมาได้บ้าง เฉินห้าวที่กำลังร้อนใจกับเรื่องของเหลียงซิน เหลือบมองนางครู่หนึ่ง จากนั้นผลักนางออกไป“เจ้าออกไปข้างนอกก่อน” ช่วงนี้ นับวันเขายิ่งรู้สึกว่าเหลียงยิน นอกจากร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้อีก เดิมทีเป็นเพราะนางร่างกายไม่แข็งแรง ซ้ำยังไม่รู้จักต่อสู้เพื่อที่จะรักษาอำนาจไว้ ฉะนั้นจึงรักและทะนุถนอมนางมากเป็นพิเศษ หากแต่ตอนนี้ดูแล้ว นางก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด อาจเป็นเพราะว่าเรื่องของเหลียงซิน ทำให้เขาเริ่มที่จะไวต่อความรู้สึก
已经是最新一章了
加载中