ตอนที่ 25 จะต้องเอานางมาเป็นของข้าให้ได้   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 25 จะต้องเอานางมาเป็นของข้าให้ได้
ต๭นที่ 25 จะต้องเอานางมาเป็นของข้าให้ได้ เหลียงยินรู้ว่าตนเองไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนัก ทั้งยังไม่อยากรับมือกับเหลียงซินอีกต่อไป จึงขอตัวออกไปอย่างรู้กาลเทศะ จะให้ประชันฝีปาก นางคงไม่สามารถพูดชนะเหลียงซินได้ แต่หากจะให้ประชันเรื่องความรักที่มีให้ของเฉินห้าวแล้วล่ะก็ นางเหนือกว่าอย่างแน่นอน แม้ว่าครั้งนี้จะให้เหลียงซินแย่งความโดดเด่นไปก่อน หากแต่ครั้งหน้าผู้ชนะจะเป็นใครก็ยังไม่แน่ รอดูต่อไปก็แล้วกัน ในชั่วพริบตา ภายในห้องก็เหลือเพียงแค่พวกเขาสองคน บรรยากาศที่มืดมนแสดงถึงความกดดันเป็นพิเศษ ภายนอกหน้าต่างมีเพียงแสงอันพร่ามัวสาดส่องเข้ามา ราวกับไม่สามารถทำให้ที่มืดนี้สว่างขึ้นมาได้ ให้อยู่ตามลำพังกับเฉินห้าว เหลียงซินทนอยู่ไม่ได้แม้เพียงนาทีเดียว ขณะกำลังคิดหาข้ออ้างที่จะขอตัวไปจากที่นี่ แต่เมื่อหันออกไปกลับพบกับฮองเฮาที่กำลังผลักประตูเดินเข้ามาพอดี เมื่อเห็นหน้านาง ฮองเฮาก็ดูราวกับพบทางสว่าง มองไปที่นางด้วยความดีใจอย่างควบคุมไม่ได้ “พระชายาสิง ครู่นี้ได้ยินมาว่าห้าวเอ๋อฟื้นขึ้นมาแล้ว นึกไม่ถึงว่าวิชาทางการแพทย์ของเจ้าจะสูงถึงเพียงนี้ ข้าต้องขอขอบใจเจ้าจริงๆ” เหลียงซินยิ้มเล็กน้อย“เสด็จแม่ ไม่จำเป็นต้องเกรงพระทัยหม่อมฉันเลยเพคะ นี่เป็นสิ่งที่สะใภ้ควรจะทำ ทว่าเสด็จแม่ได้โปรดอย่างลืมเรื่องที่เคยรับปากกับหม่อมฉันไว้นะเพคะ” เอ่ยถึงเรื่องในวันนั้น ทั้งสองก็ยิ้มให้กันอย่างไม่ต้องพูดก็รู้ใจ มีเพียงเฉินห้าวผู้เดียวที่เหมือนถูกจับขังไว้ในกะลา ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เหลียงซินรีบหาข้ออ้างและออกไปจากที่นี่ มองดูแผ่นหลังของนางที่กำลังจากไป ราวกับจะไม่สามารถสัมผัสมันได้อีก คิ้วของเฉินห้าวขมวดเข้าหากันแน่น ในใจรู้สึกไม่ดีอย่างประหลาด รีบเอ่ยถามขึ้นในทันที“เสด็จแม่ พระองค์ทรงรับปากนางเรื่องอะไรหรือพะยะค่ะ” ฮองเฮาตอบกลับว่า“ห้าวเอ๋อ เรื่องนี้แม่สมควรบอกให้เจ้ารู้ รอจนอาการเจ้าหายดีแล้วก็เขียนหนังสือหย่าให้เหลียงซิน ทำให้นางสมปรารถนาเถิด เช่นนั้นเจ้าก็จะได้ใช้ชีวิตอยู่กับเหลียงยินอย่างมีความสุข” อะไรนะ? เฉินห้าวได้ยินเช่นนั้นถึงกับตกใจ นึกไม่ถึงว่าหญิงผู้นี้จะกล้าเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับเสด็จแม่ ให้ตนเขียนหนังสือหย่าให้กับนาง ช่างใจกล้าเสียจริง! หึ!เขาไม่มีทางจะทำให้นางสมหวังเป็นแน่ หนังสือหย่าหรือ? ไม่มีทางเป็นไปได้ การออกไปจากวังแห่งนี้ช่างเป็นความคิดที่เหลวไหลสิ้นดี! ชาตินี้นางจำต้องอยู่ข้างกายเขา ถูกเขาควบคุมอย่างแน่นหนาไปชั่วชีวิต “เสด็จแม่ หนังสือหย่าฉบับนี้หม่อมฉันไม่มีทางเขียนพะยะค่ะ หม่อมฉันไม่มีทางที่จะหย่ากับนาง”เฉินห้าวพูดขึ้นอย่างแน่วแน่ แม้เขาจะไม่ได้มีความรู้สึกดีอะไรกับเหลียงซินผู้นี้ แต่สิ่งที่เป็นของเขาแล้ว เขาก็ต้องถือครองไว้แต่เพียงผู้เดียว มิเช่นนั้น ต่อให้จะต้องทำลายก็ไม่มีทางให้ตกไปเป็นของผู้อื่น เหลียงซิน จะต้องเป็นของเขาเท่านั้น! “ห้าวเอ๋อ เจ้าไม่ใช่ว่าไม่ชอบเหลียงซินหรอกหรือ เหตุใดจึงจะเก็บนางไว้ สู้ฟังแม่ ปล่อยนางไปจะดีกว่า ตอนนี้ตระกูลเหลียงก็ไม่ค่อยจะดี แต่งนางเข้ามาก็ไม่มีประโยชน์อะไร”ฮองเฮาพูดโน้มน้าว ที่จริงแล้ว นางไม่อยากให้ตนเองนั้นผิดคำพูดกับผู้อื่น กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ไม่ว่ายังไงนางก็เป็นถึงฮองเฮาผู้สูงศักดิ์แห่งรัฐ เรื่องที่รับปากไปแล้วจะไม่ทำได้เช่นไรกัน? “เสด็จแม่ เรื่องนี้พระองค์อย่าได้ทรงออกความคิดเห็นอะไรอีก หม่อมฉันมีความคิดของตนเอง”เรื่องที่เฉินห้าวได้ทำการตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีผู้ใดที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ฮองเฮารู้จักนิสัยลูกชายของตนเองเป็นอย่างดี พูดโน้มน้าวต่อไปก็ไร้ผล ให้พวกเขาแก้ไขด้วยตนเองจะดีกว่า ตอนนี้มาดูเหลียงซินเด็กคนนี้แล้ว ก็ใช่ว่าจะไม่มีดีอะไรเลย ให้อยู่ในวังอ๋องสิงต่อไป ไม่แน่วันหน้าอาจจะใช้ประโยชน์อะไรได้อีก ดังนั้นฮองเฮาจึงไม่ออกความเห็นอะไรเพิ่มอีก เพียงพูดตักเตือนอีกไม่กี่ประโยค ก็เดินทางกลับไปยังพระราชวัง จนกระทั่งฮองเฮากลับไป ลึกเข้าไปในดวงตาของเฉินห้าวก็ค่อยๆเผยความเย็นยะเยือกออกมา กัดฟันกรอดเอ่ยชื่อของเหลียงซินราวกับจะกลืนกินนางเข้าไป ไม่เคยมีใครกล้าไม่ไยดีเขาเช่นนี้มาก่อน เหลียงซินคือคนแรก! ตอนนี้เขาพบว่าตนเองไม่เพียงแต่สนใจในตัวนางอย่างยิ่งยวด หากยังอยากกระชากหน้ากากของนางออก ดูว่าแท้จริงแล้วนางเป็นคนเช่นไรกันแน่ วิชาทางการแพทย์ วิชาการต่อสู้ ติดต่อคบค้าสมาคมกับคนลึกลับ เขาอยากจะดูว่า เหลียงซินยังมีเรื่องอะไรที่เขายังไม่รู้อีก “จุยเฟิง จู๋เยว่”เฉินห้าวเรียกผู้ช่วยมือขวาที่เขาไว้ใจออกมา“พวกเจ้าทั้งสองจับตาดูเหลียงซินเอาไว้ ไม่ว่านางจะทำอะไรจำเป็นต้องรายงานข้าในทันที” เขาอยากจะดูว่าหญิงผู้นี้ ลับหลังเขาแล้วทำเรื่องอะไรกันแน่? “เพคะ ท่านอ๋อง”จุยเฟิงและจู๋เยว่รับคำและรีบออกไปทันที ออกมาจากตำหนักเฉาหยาง เหลียงซินก็กลับมายังตำหนักของตนเองด้วยความร่าเริง มีคำมั่นสัญญาจากฮองเฮาแล้ว อีกไม่นานนางก็จะได้รับหนังสือหย่าและออกไปจากที่นี่แล้ว ความอิสระ กำลังจะกลายเป็นอยู่ใกล้แค่เอื้อม ชุนฮวากับชิวเยว่เห็นเหลียงซินกลับมา ก็ออกมาต้อนรับที่หน้าประตูในทันที“พระชายา ในที่สุดพระองค์ก็กลับมาแล้ว!ครู่นี้พ่อบ้านนำสิ่งของพระราชทานจากฮ่องเฮาส่งมาให้มากมายเลยเพคะ บอกว่าเพื่อเป็นของกำนัลที่พระองค์ได้ช่วยชีวิตท่านอ๋องเอาไว้เพคะ” “ใช่แล้วเพคะ พระชายาสุดยอดมากจริงๆ!ตอนนี้ในวังก็ไม่มีใครสามารถมาดูถูกพวกเราได้อีกแล้ว”ชิวเยว่แสดงออกถึงความรู้สึกยินดีราวกับได้เป็นผู้รอดชีวิต พอเหลียงซินเปิดประตูเข้ามา ก็พบกับห้องที่แต่เดิมก็ไม่ได้กว้างขวางกองเต็มไปด้วยผ้าไหมชั้นดี เพชรนิลจินดา แต่ทว่านางยิ่งมองดูสิ่งของเหล่านี้กลับยิ่งรู้สึกแปลกใจ ทั้งๆที่ฮองเฮารับปากนางแล้ว เพียงแค่ช่วยชีวิตเฉินห้าวได้ก็จะเขียนหนังสือหย่าให้นางออกไปจากที่นี่ แล้วเหตุใดช้าขนาดนี้หนังสือหย่ายังไม่มากลับมีของกำนัลมาแทน “ชุนฮวา ชิวเยว่ คนของฮองเฮาได้พูดอะไรอีกไหม”เหลียงซินเอ่ยถามด้วยความสงสัย พวกนางตั้งใจคิดอย่างจริงจัง สุดท้ายก็ส่ายหน้า“ดูเหมือนจะไม่มีนะเพคะ” นี่มันน่าแปลกจริงๆ... น่าจะเป็นเพราะว่าฮองเฮาเห็นท่านอ๋องฟื้นขึ้นมา จึงดีใจเป็นพิเศษ ดีใจจนลืมเรื่องนั้นไปชั่วขณะ แต่ไม่เป็นไร คราวหน้าที่มีโอกาสได้พบพระองค์ ค่อยเตือนอีกทีก็ได้ แต่ยังไง นางทนอยู่ในวังอ๋องสิงแห่งนี้ไม่ได้อีกต่อไป ทว่า นางจะต้องทำอย่างไรถึงจะได้พบกับฮองเฮาล่ะ? นับตั้งแต่ที่ร่างกายของเฉินห้าวดีขึ้นแล้ว ฮองเฮาก็กลับเข้าไปในพระราชวัง ครั้นพระองค์จะออกนอกวังมาอีกครั้ง ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว จนกระทั่งพลบค่ำ เหลียงซินก็ยังคิดหาวิธีการไม่ออก กลับเป็นหญิงรับใช้ข้างกายเฉินห้าว อวิ๋นเม่ยที่มายังตำหนักเจียวหยางเพื่อส่งข่าวแทน “พระชายาเพคะ หลังจากที่ท่านอ๋องเสวยอาหารเย็นแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย รบกวนพระชายาช่วยไปดูอาการท่านอ๋องด้วยเพคะ”อวิ๋นเม่ยพูดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ สมกับเป็นหญิงรับใช้ข้างกายเฉินห้าว ระดับความเย็นชาระดับเดียวกับเฉินห้าวไม่มีผิด เหลียงซินเอนตัวไปยังพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย นำปิ่นหยกที่ถูกส่งมาในวันนี้มาถือเล่นพลางตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า “วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว มีปัญหาอะไรพรุ่งนี้เช้าค่อยมาใหม่ ยังไงซะคืนเดียวก็คงไม่ตายหรอก ส่งแขก! ส่งแขก!” ดวงตาที่แคบยาวของอวิ๋นเม่ยดุดันขึ้น เมื่อก่อนนางไม่เคยได้สัมผัสกับเหลียงซิน คิดไม่ถึงว่าจะพูดยากถึงเพียงนี้ แต่คำสั่งของท่านอ๋องคือ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจำเป็นต้องพาพระชายากลับไปให้ได้ ไม้อ่อนไม่ได้ งั้นนางก็ก็เหลือเพียงใช้ไม้แข็งแล้ว “พระชายา พระองค์แน่ใจว่าจะไม่ไปกับหม่อมฉันจริงหรือเพคะ?”อวิ๋นเม่ยถามเพื่อความมั่นใจอีกรอบ หากนางยอมเชื่อฟังไปกับตนแต่โดยดี เช่นนั้นก็จะได้ประหยัดกำลังลง “เรื่องดีไม่มีพูดซ้ำรอบสอง”เสียงพูดของเหลียงซินเพิ่งดังออกมาจากปาก ลมเย็นวูบหนึ่งก็ผ่าเข้ามายังคอของนาง จากนั้นนางก็หมดสติไป กระทั่งนางฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ด้านหน้าของนางพร่ามัวไปหมด ดูเหมือนมีเพียงแสงไฟสลัวจากตะเกียงหนึ่งดวงที่สาดส่องมาเท่านั้น บนลำคอยังคงรู้สึกเจ็บราวกับถูกคนตีจนหัก สมกับที่เป็นคนข้างกายของเฉินห้าว รสนิยมในการทำงานไม่ต่างกันจริงๆ ต่างก็ชอบใช้ความรุนแรง! นางใช้มือนวดลำคอที่ถูกตี พลางลุกขึ้นยืน นึกไม่ถึงว่าทันใดนั้นก็มีเสียงอันคุ้นเคยอย่างยิ่ง ดังสะท้อนมาจากด้านหลังของนาง “ข้าเคยพูดแล้ว หญิงอย่างเจ้าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ดูแล้วไม่ผิดเลยสักนิด”เฉินห้าวหัวเราะขึ้นอย่างเย็นยะเยือก เหลียงซินหันหน้ากลับไป ก็พบกับเฉินห้าวที่อยู่ในความมืด เขาในตอนนี้ดูราวกับมัจจุราชที่มาจากขุมนรก ทุกการกระทำของเขาล้วนเต็มไปด้วยจิตสังหาร! “เฉินห้าว ดูพระองค์แล้วไม่เหมือนคนที่รู้สึกไม่สบายเลยสักนิด จับหม่อมฉันมาคิดจะทำอะไรกันแน่”นางมองไปยังเขาอย่างระมัดระวัง คิดไม่ถึงว่าเขาจะค่อยๆเดินประชิดตัวนางเข้ามา ทั้งคู่ตาต่อตาฟันต่อฟันอยู่ในความมืด ปะทะใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร บรรยากาศเต็มไปด้วยความประหลาดและมืดครึ้ม เฉินห้าวไล่ต้อนนางจนแผ่นหลังชิดติดผนัง ทันใดนั้นเขาก็นำแส้เส้นหนึ่งออกมาจากด้านหลังของตนเอง“เพี๊ยะ!”ฟาดไปที่ผนังด้านข้างของนางอย่างแรง “รสชาติของการถูกเฆี่ยนสามสิบที คาดว่าเจ้าคงยังไม่ลืมสินะ?”เขาหัวเราะขึ้นราวกับปีศาจ ไม่เพียงแต่ยังไม่ลืม บาดแผลจากแส้เส้นนั้นยังคงเป็นรอยลึกอยู่บนร่างกายของนาง แม้จะผ่านมาเนิ่นนานก็ยังไม่สมานเข้าหากัน “เฉินห้าว จะฆ่าจะแกงหม่อมฉันก็แล้วแต่พระองค์ ไม่ต้องมาใช้ไม้นี้กับหม่อมฉัน”เหลียงซินยืดอกขึ้น แม้จะตายก็ต้องตายอย่างมีศักดิ์ศรี “หึ! ยังมีความหยิ่งในศักดิ์ศรี แต่ข้าไม่ให้เจ้าตายง่ายๆหรอก บอกมา เหตุใดเจ้าต้องช่วยชีวิตข้า”ปลายแส้บนมือของเฉินห้าวตกลงมาบริเวณคางของนาง ค่อยๆบาดไปบนแก้มขาวผ่องของเหลียงซินอย่างช้าๆ “ช่วยพระองค์ ก็เพียงเพราะหม่อมฉันเป็นคนจิตใจเมตตา ท่านอ๋อง เช่นนั้นพระองค์คิดว่าเพราะเหตุใดหม่อมฉันถึงช่วยชีวิตพระองค์ไว้เล่าเพคะ?”เหลียงซินย้อนถาม “ไม่ยอมพูดความจริงอย่างงั้นรึ”มุมปากของเฉินห้าวยกขึ้นยิ้มอย่างมีเลศนัย “ท่านอ๋องเพคะ พระองค์มาตามถามหม่อมฉันเช่นนี้ มีประโยชน์อะไรหรือเพคะ?ไม่ว่าวันนี้ผู้ที่โดนวางยาพิษจะเป็นพระองค์หรือผู้อื่น หม่อมฉันก็จะช่วยชีวิตเขาผู้นั้นอย่างสุดกำลังเช่นเดียวกัน สำหรับคนเป็นหมอแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการช่วยชีวิตคนเพคะ” เหลียงซินจ้องไปที่เขาด้วยแววตาอันแน่วแน่ พูดออกไปด้วยความมั่นใจ ดูนางที่มีท่าทีแน่วแน่เป็นพิเศษ แววตาดุดันของเฉินห้าวก็ค่อยๆอ่อนโยนลง จนเกือบจะถูกท่าทีที่ไร้เดียวสาของนางหลอกเอาเสียแล้ว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเจ้ากับคนลึกลับผู้นั้นมีความสัมพันธ์อะไรกัน เหตุใดต้องใส่ยาพิษลงไปในอาหารของยินเอ๋อ เช่นนี้แล้ว ทางที่ดีเจ้าจงอธิบายให้ข้าฟังมาให้ชัดเจน” เห็นนางเป็นอะไรกัน ที่แท้ก็มาถามหาความยุติธรรมให้กับคนรักของตนเอง มาพูดเอาในตอนนี้ ดูเหมือนจะสายเกินไปแล้วกระมัง? “ท่านอ๋อง พระองค์จะปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตนเอาไว้เช่นนี้หรือเพคะ ขอบคุณสักคำไม่มี ยังจะมาซักถามหม่อมฉันเรื่องเหล่านี้อีกหรือเพคะ?” “ตอนนี้ข้ากำลังเปิดโอกาสให้เจ้าได้ชำระล้างมลทินอย่างไรเล่า” แววตาของเหลียงซินเคร่งขรึมขึ้น“หม่อมฉันพูดได้เพียงว่า หม่อมฉันไม่ได้ทำ จะเชื่อหรือไม่ก็เป็นเรื่องของพระองค์” นางไม่มีอะไรจะต้องอธิบาย ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเข้าใจผิดเท่านั้นเอง หากเฉินห้าวเชื่อนางจริง เพียงแค่ตรวจสอบดูก็รู้แล้ว แต่น่าเสียดาย ที่เขาเป็นคนไม่แยกแยะอะไรดีอะไรชั่ว เป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงและยังขาดความยั้งคิดอีก “ได้ ข้าจะเชื่อเจ้าไปก่อน”เฉินห้าวเก็บแส้ในมือของตนเองลงในชั่วพริบตา สั่งให้อวิ๋นเม่ยจุดเทียนให้แสงสว่างภายในห้อง ห้องที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันมืดมนนั้นกลับเปลี่ยนเป็นสว่างไสว เหลียงซินกวาดตามองไปยังใบหน้าของเขา ก็พบเพียงเขาที่มีท่าทีดูไม่เหมือนคนที่รู้สึกไม่สบายเลยสักนิด หากยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาอีกด้วย แววตาของเขาราวกับหนามก็ไม่ปานจ้องมาที่นาง เอ่ยปากขึ้นอย่างช้าๆว่า “อีกสองวันจะเป็นวันประสูติของพระสนมเอก เจ้าและข้าจะต้องเข้าไปยังพระราชวังเพื่อร่วมยินดี พระสนมเอกกับพวกเรามีความสัมพันธ์เช่นไรนั้น ทางที่ดีเจ้าจงแยกแยะให้ชัดเจน ถึงเวลาอย่าทำให้ข้าขายหน้าอย่างเด็ดขาด!”
已经是最新一章了
加载中