ตอนที่26 โปรดอย่าหลงตัวเอง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่26 โปรดอย่าหลงตัวเอง
ต๭นที่26 โปรดอย่าหลงตัวเอง เข้าไปยังพระราชวังเพื่อร่วมงานเลี้ยงวันประสูติของพระสนมเอกอย่างงั้นหรือ? เหลียงซินตกตะลึงกับข่าวที่เพิ่งได้ยินมานี้ในชั่วขณะ เรื่องราวช่วงหลายปีมานี้ค่อยๆปรากฏขึ้นในสมองของนาง การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจระหว่างฮ่องเฮากับพระสนมเอก พระสนมเอกทรงมีพระประสูติกาลพระราชโอรสหนึ่งพระองค์และพระราชธิดาหนึ่งพระองค์ แบ่งเป็นองค์ชายเจ็ดซ่างหวังและองค์หญิงเก้ารุ่ยเซวียน ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ เทียบกับองค์รัชทายาทและเฉินห้าวแล้วแทบจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ แม้ว่าเฉินหยวนจะได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแล้ว แต่พระสนมเอกก็ยังมีความทะเยอทยานอย่างเต็มที่ อีกทั้งตระกูลของนางก็มีอิทธิพลอย่างมากในราชสำนัก ต้องการให้ซ่างหวังได้ขึ้นครองราชย์มาตลอด พวกเขากลุ่มนี้เป็นปฏิปักษ์กับฮองเฮามาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เพียงแต่เฉินหยวนยังไม่เคยทำความผิดพลาดร้ายแรงอันใด ทำให้ยังไม่มีช่องว่างให้ได้เข้าไปตรวจสอบ จึงยังคงนั่งอยู่บนตำแหน่งรัชทายาทอย่างมั่นคง งานเลี้ยงวันประสูติของพระสนมเอกในครั้งนี้ ทั่วพระราชวังจะถูกประดับไปด้วยโคมไฟสีสันสดใสมากมาย มีผู้คนที่เข้ามาร่วมยินดีอย่างนับไม่ถ้วน แต่สำหรับเฉินห้าวแล้ว นี่เป็นเพียงการใช้งานเลี้ยงมาเป็นเครื่องมือทำร้ายคนอย่างไม่ต้องสงสัย เหลียงซินคิดในใจอย่างเงียบๆ แม้ว่าพระสนมเอกจะเป็นปฏิปักษ์กับฮองเฮา แต่นี่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาง เพียงแค่ตอนนี้นางได้เข้าไปในพระราชวัง เช่นนั้นก็จะพบกับฮองเฮา และได้รับหนังสือหย่าที่นางต้องการ แล้วเหตุใดนางจึงจะไม่ยินดีที่จะไปเล่า? นางยิ้มขึ้นเล็กน้อย“ก็ได้เพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันจะฝืนรับปากคำขอของพระองค์ จะไม่ทำให้พระองค์ขายหน้าเป็นอันขาด” ไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้เขาขายหน้า หากจะยังทำให้เขาได้เชิดหน้าชูตาอีกด้วย ไม่ว่าจะยังไงตอนนี้นางก็เป็นพระชายาสิง ไม่เพียงแต่เพื่อวังอ๋องสิง ยิ่งไปกว่านั้นยังเพื่อบ้านตระกูลเหลียง สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ หากนางพูดอะไรผิด หรือทำอะไรผิดไปในงานเลี้ยงวันประสูติของพระสนมเอก แล้วฮองเฮาเกิดโมโหไม่เขียนหนังสือหย่าให้กับนางแล้วล่ะก็ เช่นนั้นคงไม่ดีเป็นแน่ ฉะนั้น งานเลี้ยงวันประสูติในครั้งนี้ นางจะต้องแสดงออกมาให้ดีอย่างแน่นอน! แววตาของเฉินห้าวแสดงถึงความอ่อนโยนออกมาเล็กน้อย“ข้าล่ะชอบหญิงที่เชื่อฟังเช่นนี้” “ได้โปรดเถอะท่านอ๋อง อย่าหลงตัวเองนักเลยเพคะ”เหลียงซินอดไม่ได้ที่จะมองบน ที่นางรับปากจะเข้าไปในพระราชวังก็ไม่ใช่เพื่อเขาเสียหน่อย คิ้วของเฉินห้าวขมวดเข้าหากันแน่น พลางพูดซ้ำอีกรอบ“หลงตัวเอง?หมายความว่าอย่างไรกัน?” ช่วงนี้เหตุใดหญิงผู้นี้ถึงได้หลุดลอดคำพูดแปลกประหลาดที่ไม่เคยได้ยินเหล่านี้ออกมาอยู่บ่อยๆ เขามีความรู้ที่แตกฉาน เหตุใดถึงไม่รู้ว่าในรัฐหนานเยว่ยังมีคำประเภทนี้อยู่ด้วย? ดูแล้วคนยุคโบราณไม่เข้าใจความหมายของคำคำนี้ เหลียงซินก็ขี้เกียจที่จะอธิบาย“พูดไปพระองค์ก็ไม่เข้าใจหรอกเพคะ อย่าถามให้มากความเลยจะดีกว่า หม่อมฉันขอกลับไปเตรียมตัวก่อนนะเพคะ” พูดจบ นางก็หมุนตัวเดินออกไป มองดูแผ่นหลังของเหลียงซินที่ออกนอกประตูไป เฉินห้าวรู้สึกเพียงแต่ว่าต่อหน้าเขาแล้วนับวันนางยิ่งโอหังมากขึ้นทุกที อยากจะพูดอะไรก็พูด อยากจะไปก็ไป ไม่ได้ใส่ใจเขาเลยแม้แต่น้อย ทว่าเพราะเหตุใด ในใจของเขากลับแอบรู้สึกว่าทั้งหมดนี้ไม่ได้น่ารังเกียจเลยแม้แต่น้อย หรือแม้กระทั่งเขาเองแล้วก็ยังมีความเอาแต่ใจหลงเหลืออยู่? เขาจะมีความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นกับหญิงผู้นี้ได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้! ในใจของเขา ไม่อนุญาตให้มีหญิงใดอาศัยอยู่อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นเหลียงยิน หรือว่าเหลียงซินก็ตาม ช่วงสองวันมานี้เหลียงซินได้เตรียมตัวเอาไว้อย่างมากมาย นางเคยดูละครมาแล้วหลายเรื่อง พอจะเข้าใจกฎระเบียบภายในพระราชวังอยู่บ้าง ประมาณว่าจะทำอะไรหรือพูดอะไรก็ให้พอเหมาะพอควร สามารถพูดให้น้อยลงได้ก็พยายามพูดให้น้อยเข้าไว้ ไม่พูดอะไรออกมาเลยได้ยิ่งดี เพียงชั่วพริบตาก็มาถึงวันที่ต้องเข้าไปในพระราชวัง หลังจากที่นางแต่งหน้าหวีผมเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมายังรถม้าที่จอดรออยู่ด้านนอกของวัง เดิมทีนางคิดว่ามีเพียงพระชายาเอกเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้เข้าไปในพระราชวัง นึกไม่ถึงว่าภายในรถม้ากลับมีหญิงอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ เหลียงยินเปิดผ้าม่านออก มองมาที่นางด้วยรอยยิ้มที่ชวนหลงใหล“ท่านพี่ รีบขึ้นรถม้าเถอะเพคะ งานเลี้ยงวันประสูติของพระสนมเอก ไม่อาจจะสายได้” เหลียงยินอีกแล้ว!ไม่ว่าเฉินห้าวจะไปที่ไหนก็ต้องพานางไปด้วย เหลียงซินเหลือบมองไปยังเฉินห้าว วันนี้เขาแต่งตัวได้อย่างสง่างาม น่าเกรงขาม หล่อเหลา ถึงขนาดเรียกได้ว่างดงามไร้ที่ติ นางอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปชั่วขณะ คิ้วของเฉินห้าวขมวดเข้าหากัน เห็นทีท่าบ้าผู้ชายของนางเช่นนี้แล้ว จึงดีดไปที่หน้าผากของนางพลางออกคำสั่ง“รีบขึ้นรถม้า!” เหลียงซินลูบไปที่หน้าผากของนางด้วยความเจ็บ หน้าตาบูดบึ้งขึ้นรถม้าไปและพยายามนั่งชิดริมให้มากที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความเดือดร้อนให้กับตนเอง แต่เมื่อนางหย่อนตัวลงนั่ง เหลียงยินก็เขยิบตัวเข้ามาหาพร้อมท่าทีน่าสงสารพลางเอ่ยว่า“ท่านพี่ทำไมนั่งห่างออกไปเช่นนี้ รังเกียจน้องหรือเพคะ?” “พี่จะกล้ารังเกียจน้องได้อย่างไรเล่า เพียงแต่รถม้านั้นเล็ก พื้นที่น้อยหายใจไม่สะดวก นั่งห่างกันเล็กน้อยประโยชน์ต่อสุขภาพยิ่งกว่า” เหลียงยินกำผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือพลางพยักหน้าอย่างช้าๆ“จะว่าไปก็จริงเพคะ ร่างกายของท่านพี่นั้นสูงศักดิ์ล้ำค่า สุขภาพนั้นต้องสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดอยู่แล้ว เป็นน้องที่โง่เขลาเองเพคะ” มองดูนางที่จงใจแสดงว่าตนเองนั้นอ่อนแอ เรียกร้องความเห็นอกเห็นใจ เหลียงซินรู้สึกเพียงว่าน่าขัน คงกลัวคนอื่นไม่รู้ว่านางป่วย เหลียงซินเลิกคิ้วขึ้น ในชั่วพริบตาก็เขยิบเข้าไปใกล้ใบหูของนาง ทิ้งคำพูดที่มีความหมายลึกซึ้งออกไป “เจ้าไม่ได้โง่เลยสักนิด ถึงขั้นฉลาดเลยก็ว่าได้ รู้ว่าจะทำอย่างไรให้คนมาเห็นอกเห็นใจ รู้ว่าจะทำเช่นไรถึงจะซื้อใจผู้อื่นได้ และก็เพราะว่าเจ้านั้นฉลาดมากเกินไปถึงได้ดูเหมือนว่าไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรก็ดูจงใจไปเสียหมด สักวันเฉินห้าวสุดที่รักของเจ้าจะต้องเบื่อเจ้าจนตาย เชื่อหรือไม่?” ในวินาทีที่คำพูดนั้นเอ่ยออกมาจากปากขอนาง ทั่วทั้งใบหน้าของเหลียงยินก็ซีดราวกับไม่มีเลือด ถึงขั้นใกล้จะพังทลาย เหลียงซินมองดูนางในสภาพนี้ก็พอใจเป็นอย่างมาก ยิ้มขึ้นเล็กน้อยพลางหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง รถม้ายังคงไม่หยุดที่จะวิ่งต่อไป ไม่นาน ก็มาหยุดอยู่ที่ด้านนอกประตูเจิ้งเต๋อ “พระชายา ถึงแล้วเพคะ”ชิวเยว่ที่อยู่ด้านนอกเคาะประตูเล็กน้อย บอกเป็นนัยให้นางลงจากรถม้า เหลียงซินเปิดประตูรถม้าออกพลางทอดสายตามองออกไป เบื้องหน้าคือกำแพงวังที่งดงามตั้งตระหง่านล้อบรอบตัวพระราชวัง ปิดล้อมผู้คน รวมถึงปิดล้อมความอิสระ แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นที่ที่ผู้คนมากมายหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามา ทว่ามีเพียงคนที่อาศัยอยู่ที่นี่เท่านั้นถึงจะรู้ว่าทุกค่ำคืนที่ยาวนานนั้นโดดเดี่ยวเพียงใด และช่วงกลางวันที่ยาวนานนั้นน่ากลัวมากเพียงไหน หากไม่ระวังแล้วล่ะก็เสี่ยงถึงขั้นหัวหลุดออกจากบ่าเลยทีเดียว พอดีกับตอนที่นางกำลังจะก้าวไปข้างหน้า ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องเรียกอันร้อนรนก็ดังสะท้อนออกมาจากภายในรถม้า“ท่านอ๋องไม่ดีแล้วเพคะ พระชายารองหน้ามืดหมดสติไปแล้วเพคะ” เท้าที่กำลังจะก้าวของเหลียงซินหยุดชะงักไปชั่วขณะ พอหันกลับมาก็พบเฉินห้าวรีบขึ้นรถม้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็อุ้มร่างของเหลียงยินลงมา ครู่นี้อยู่บนรถม้ายังพูดคุยกับนางอยู่เลย เหตุใดพอนางลงจากรถม้ากลับหน้ามืดหมดสติไปเสียล่ะ? มุมปากของนางยกขึ้นยิ้มอย่างมีเลศนัย คงไม่ได้เป็นการเรียกคะแนนอะไรอีกสินะ “ยินเอ๋อ?ยินเอ๋อ?”เฉินห้าวเรียกชื่อนางอย่างร้อนรน เมื่อเห็นคนในอ้อมแขนไม่มีทีท่าขยับเลยแม้แต่น้อยราวกับไม่มีลมหายใจ ก็มองไปยังเหลียงซินที่อยู่ด้านหลังด้วยความโกรธ บนรถม้ามีเพียงพวกนางแค่สองคน จะต้องเป็นนางที่ลงมืออย่างแน่นอน “เจ้าทำอะไรกับยินเอ๋ออีก บนรถม้าก็ยังไม่ละเว้น จะไม่ให้ยินเอ๋อมีทางรอดเลยหรืออย่างไร”เขากัดฟันแน่น ท่าทางราวกับมัจจุราช เหลียงซินเหลือบมองไปยังใบหน้าซีดเซียวของเหลียงยิน จะแสร้งตายก็แสร้งได้อย่างไม่แนบเนียนเอาซะเลย ในเมื่อจะแสร้งทำ เช่นนั้นก็ให้นางได้ตั้งใจ“ทำการรักษา” นางค่อยๆเดินไปยังเบื้องหน้าของเฉินห้าว พูดอย่างใจเย็นว่า“น้องหญิงไม่ได้มีอะไรร้ายแรงเพคะ เพียงแค่ร่างกายอ่อนแอหมดสติไป หากท่านอ๋องเชื่อในฝีมือทางการแพทย์ของหม่อมฉันแล้วล่ะก็ ให้หม่อมฉันได้ตรวจอาการน้องหญิงเถอะเพคะ” “เจ้า?”เฉินห้าวมองไปที่นางด้วยความระแวง สุดท้ายก็อุทานออกมาอย่างไม่ใส่ใจ“ทางที่ดีเจ้าอย่าลงมือทำอะไรกับยินเอ๋อ มิเช่นนั้นข้าจะแขวนเจ้าไว้กับกำแพงเมืองนี่” จากนั้นก็นำเหลียงยินที่อยู่ในอ้อมแขนวางลงบนพื้นให้เหลียงซินทำการรักษา เหลียงซินดึงปิ่นปักผมบนศีรษะของนางออกมาหนึ่งอัน จากนั้นเล็งไปที่จุดฝังเข็มเหรินจง(ตรงกลางระหว่างจมูกและปาก)ของยินเอ๋อแล้วแทงเข้าไปในทันที ความเจ็บปวดนี้ไม่ต้องเอ่ยก็เข้าใจ หากแกล้งหมดสติจริงจะต้องทนไม่ไหวและฟื้นขึ้นมาเป็นแน่ แต่ทว่าเหลียงซินไม่มีทีท่าขยับเลยแม้แต่น้อย ราวกับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ คิ้วของนางขมวดเข้าหากัน หรือว่าจะหมดสติไปจริงๆ? ไม่ว่าจะหมดสติจริงหรือแกล้งหมดสติ ยังไงวันนี้จะต้องทำให้เหลียงยินฟื้นขึ้นมาให้ได้ จากนั้นนางก็ดึงปิ่นออกมา เล็งไปยังจุดเสินถิง(จุดกึ่งกลางเหนือแนวชายผมขอบหน้าผาก)และจุดอิ้นถัง(จุดกึ่งกลางระหว่างหัวคิ้วทั้งสอง) ของเหลียงยินจากนั้นก็แทงเข้าไป จุดฝังเข็มสองจุดนี้ช่วยรักษาคนให้ได้สติ หากแต่นางละเลยไปเรื่องหนึ่ง การฝังเข็มไม่สามารถทำให้คนแกล้งหลับฟื้นขึ้นมาได้ นางปัดไม้ปัดมือแล้วลุกขึ้น พูดอย่างสบายใจว่า“ท่านอ๋องเพคะ อาการของน้องหญิงไม่มีอะไรร้ายแรงแล้ว แต่ว่านางไม่ยอมฟื้นขึ้นมาเอง หม่อมฉันว่าพระองค์ส่งนางกลับวังไปเถอะเพคะ” “เหลียงซิน เจ้ากำลังล้อข้าเล่นอยู่งั้นรึ?”แววตาดุดันราวกับเหยี่ยวของเฉินห้าวจ้องมายังที่นาง หญิงผู้นี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ เดี๋ยวก็ว่ารักษาได้ เดี๋ยวก็ว่ารักษาไม่ได้ “หากวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับยินเอ๋อ ข้าจะไม่ละเว้นเจ้าอย่างเด็ดขาด!”เฉินห้าวโบกมือเรียกคนมา“พวกเจ้าพาพระชายารองกลับไปส่งที่วัง” หากไม่ใช่เพราะวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันประสูติของพระสนมเอก พระชายาจำเป็นต้องอยู่ในงานแล้วล่ะก็ เขาคงจะอดไม่ได้ที่จะส่งเหลียงซินกลับไปด้วย ทว่า หลังจากที่บ่าวรับใช้นำตัวเหลียงยินขึ้นไปบนเกี้ยวเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็วิ่งลงมารายงานอย่างตาลีตาลานว่า“ท่านอ๋องเพคะ พระชายารอง...ฟื้นขึ้นมาแล้วเพคะ!” เหลียงซินได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเย้ยหยันขึ้นมา โง่อย่างที่คิดไว้จริงๆ เล่นละครก็แสดงได้ไม่จบบท พอบอกว่าจะส่งนางกลับวังก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว หากใช้สมองสักหน่อยก็น่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่น่าเสียดายที่เจ้าหัวหมูเฉินห้าวยังเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วงราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น และประคองเหลียงยินลงมา “ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันเป็นอะไรไปเพคะ รู้สึกเวียนหัว ไร้เรี่ยวแรงไปทั้งตัว...”เหลียงยินซบลงไปบนไหล่ของเฉินห้าวอย่างอ่อนเพลียพลางพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน “ครู่นี้เจ้าเพิ่งหมดสติไปในรถม้า เป็นเหลียงซินที่ฝังเข็มให้เจ้า ทำให้เจ้าฟื้นขึ้นมา”เขาอธิบายอย่างใจเย็น ที่แท้ผู้ชายที่ตกเข้าไปในห้วงแห่งรักต่างก็โง่เขลาอย่างหาที่สุดไม่ได้ แม้แต่อุบายเล็กๆเช่นนี้ของเหลียงยินยังดูไม่ออก แต่นางที่ไม่ได้ทำอะไรเลยกลับมักถูกเข้าใจผิดมาตลอดว่าเป็นหญิงที่มีร้อยเล่ห์มารยา “เช่นนั้นก็ต้องขอบพระทัยท่านพี่เป็นอย่างยิ่งแล้วเพคะ แต่ครู่นี้ในรถม้าดูเหมือนหม่อมฉันจะได้กลิ่นหอมของดอกเจียนเจียเพคะ ดังนั้นจึงรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและหมดสติไป หม่อมฉันทำให้ท่านอ๋องเป็นห่วงแล้วเพคะ” ดอกเจียนเจียเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณทำให้สติของคนที่ได้กลิ่นนั้นขาดหายไป แต่หากมองในมุมของแพทย์แผนจีนแล้วก็เป็นยาดีที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์ได้ มีพิษ ทว่าความเป็นพิษนั้นน้อยมาก เพียงแต่คนที่ได้กลิ่นนั้นจะสูญเสียความรู้สึกตัว และหมดสติไปในที่สุด ถ้าเช่นนั้น ครู่นี้เป็นเพราะเหลียงยินได้กลิ่นดอกเจียนเจียจึงหมดสติไปจริงๆ ทว่าในรถม้า จะมีดอกเจียนเจียได้อย่างไรกัน? เหลียงซินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในใจบอกว่าจะต้องมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ จึงรีบเงยหน้าขึ้นมา ก็พบเพียงสายตาที่เย็นชาของเฉินห้าวกำลังจ้องมายังที่นาง “นำของที่อยู่ในร่างกายออกมา อย่าให้ข้าต้องค้น”เฉินห้าวพูดทีละคำทีละประโยค สมควรตาย! นางโดนกับดักเข้าให้แล้ว! มิน่าล่ะ ตอนอยู่บนรถม้านางก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ เพียงแต่กลิ่นนั้นไม่รุนแรงมากนัก พอถูกลมพัดก็กระจายออกไป ฉะนั้น นางจึงไม่ทันได้สังเกตุอะไร หากตอนนี้ค้นตัวนาง จะต้องค้นเจอถุงหอมดอกเจียนเจียที่เหลียงยินเตรียมเอาไว้ออกมาจากตัวนางได้แน่ๆ 
已经是最新一章了
加载中