ตอนที่ 27 เล่าเรื่องตลก
1/
ตอนที่ 27 เล่าเรื่องตลก
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 27 เล่าเรื่องตลก
ตนที่ 27 เล่าเรื่องตลก เหลียงซินยืนอยู่ที่เดิมอย่างไม่กลัวเมฆฝน สีหน้าสงบนิ่ง ไร้ความกังวล แต่ที่จริงแล้ว ในใจของนางกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะสามารถหนีพ้นออกไปได้ เผชิญหน้ากับการใส่ร้ายของเหลียงยินและความไม่เชื่อใจของเฉินห้าว นางอยากจะล้างมลทินให้ตนเองในขณะที่ยังไม่ถูกค้นตัว แต่ก็ช่างยากเสียจริง ทว่า ถึงเป็นเช่นนี้ นางเองก็ไม่สามารถที่จะอ่อนข้อให้ เพราะว่าหากยอมรับก็เหมือนกับการยอมแพ้ กลับไปยังวังท่านอ๋องนางก็ไม่สามารถจะใช้ชีวิตที่ดีได้อีก พอดีกับตอนที่นางยังไม่รู้ว่าจะส่งมอบหรือไม่มอบสิ่งนั้นออกไปดีหรือไม่ บ่าวรับใช้คนหนึ่งที่อยู่ข้างๆก็เดินออกมาอย่างรวดเร็ว นางรู้จัก นี่คือนางกำนัลเสี่ยวลวี่ที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายเหลียงยินไม่ห่าง “ท่านอ๋องเพคะ เป็นความผิดของหม่อมฉันเอง ไม่เกี่ยวกับพระชายาเลยเพคะ เมื่อวานพระชายารองอยากพกถุงหอมติดกาย หม่อมฉันจึงให้เซียงเสวี่ยทำอันใหม่ขึ้นมา ไม่ว่าอย่างไรวันนี้จะต้องเข้ามายังพระราชวังจึงมิอาจเสียมารยาทได้ ไม่นึกว่าจะเป็นเซียงเสวี่ยที่ใส่ดอกเจียนเจียเอาไว้ข้างใน บอกว่าสามารถปรับสมดุลอารมณ์ได้ หม่อมฉันจึงไม่ได้สนใจอะไร คิดไม่ถึงว่าจะก่อให้เกิดเรื่องใหญ่ในวันนี้ ท่านอ๋องได้โปรดลงโทษหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ!” ตอนที่นางเอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกมา เหลียงซินก็อึ้งตะลึงงันไปจนถึงที่สุดแล้ว นางกำนัลผู้นี้เป็นนางกำนัลที่คอยรับใช้เหลียงยินข้างกายไม่ยอมห่าง วันนี้กลับมาออกปากช่วยนาง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? “ถุงหอม”เฉินห้าวหลุดพูดออกมาเบาๆ อวิ๋นเม่ยก็มายังข้างกายเหลียงยินในทันทีพลางปลดถุงหอมในตัวนางออกมา เมื่อแกะออกดู ด้านในก็ใส่กลิ่นของดอกเจียนเจียอย่างที่คิดไว้จริงๆ เรื่องราวพลิกผันได้อย่างรวดเร็วเกินไปจนเหลียงซินรู้สึกว่าอาหารย่อยไม่ทันไปชั่วขณะ “ท่านอ๋อง นี่มัน...เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่เพคะ?หม่อมฉันไม่รู้สถานการณ์แล้วจริงๆ”เหลียงยินปัดความรับผิดชอบออกอย่างอ้ำๆอึ้งๆ เฉินห้าวกลับมองไปยังเซียงเสวี่ยที่อยู่ด้านข้าง แววตาที่เฉียบคมราวกับสอดแทรกดาบเอาไว้ด้านในก็ไม่ปานจ้องไปที่นางอย่างรุนแรง ทำให้เซียงเสวี่ยตกใจรีบคุกเข่ายอมรับผิดในทันที “ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วเพคะพระชายารองร่างกายขาดสมดุล หม่อมฉันนึกว่าใส่กลิ่นของดอกเจียนเจียเข้าไปจะสามารถช่วยปรับสมดุลร่างกายได้ เป็นความผิดของหม่อมฉันเองเพคะ ท่านอ๋องได้โปรดลงโทษด้วยเพคะ!” เหลียงซินยืนอยู่ด้านข้างดูละครด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ละครที่มีหัวขโมยอยู่ภายในบ้านนี้ช่างแสดงออกมาได้ไม่เลวจริงๆ ทว่า นางกำนัลเสี่ยวลวี่ผู้นี้เรียกความสนใจจากนางได้ดีเป็นอย่างยิ่ง นางคิดว่าแม้เฉินห้าวจะยังคิดอยากจะลำเอียงปกป้องเหลียงยิน แต่ครั้งนี้คงจะไม่มีวิธีใดแล้วสินะ ไม่มีหลักฐานยังคิดจะมากล่าวหานางอย่างผิดๆ สุดท้ายความผิดก็กลับกลายไปอยู่กับนางกำนัลรับใช้ข้างกายของตนเอง ช่างสะใจเสียจริง! “เซียงเสวี่ยเจ้าไม่นึกถึงเจ้านาย ถือดีว่าตนเองฉลาด ออกไปให้ไกลจากเมืองหลวงเดี๋ยวนี้ ทั้งชีวิตอย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก!”จบจากคำสั่งที่เยือกเย็นของเฉินห้าวแล้ว เซียงเสวี่ยก็ถูกนำตัวออกไปในทันที เหลียงยินที่อยู่ด้านข้างไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ ถึงขนาดไม่กล้าออกปากช่วยเหลือ เหลียงซินมองไปที่สีหน้าที่ซีดเซียวของนางพลางพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “สีหน้าของน้องหญิงไม่สู้ดีนัก คงจะถูกทำให้ตกใจกลัวสินะ ข้าว่าถึงอย่างไรก็กลับวังไปเถอะ หากรอถึงไปหมดสติในงานเลี้ยงของพระสนมเอกแล้ว เช่นนั้นคงไม่ดีเป็นแน่” นางคิดว่า สิ่งที่เหลียงยินคาดหวังมากที่สุดก็คือการได้เข้าไปแสดงตัวอย่างชัดเจนในพระราชวัง ให้ทุกคนได้รู้ว่าใครคือหญิงข้างกายของเฉินห้าวที่ได้รับความรักมากที่สุด ตอนนี้หากถูกส่งกลับวังไป ไม่เพียงแต่ขายหน้า แต่ทุกคนจะต้องนึกว่านางสูญเสียความโปรดปรานจากท่านอ๋องไปแล้วอย่างแน่นอน จากนั้นทุกคนก็จะหัวเราะเยาะนาง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เหลียงซินช่วยนางคิดเอาไว้แล้ว ดังนั้นจึงอยากจะให้เฉินห้าวรีบส่งนางกลับเข้าวังไปใจจะขาด อย่างไรก็ตามในสถานการณ์เช่นนี้ มีพระชายาเอกเพียงผู้เดียวไปเป็นเพื่อนก็เพียงพอแล้ว “อื้อ เช่นนั้นก็ส่งพระชายารองกลับไป จากนั้นเรียกหมอหลวงมาตรวจวัดชีพจร แน่ใจว่าไม่มีอะไรร้ายแรงแล้วค่อยกลับมารายงานข้า”เฉินห้าวมองไปยังข้ารับใช้ที่อยู่ด้านข้างพลางออกคำสั่ง สีหน้าของเหลียงยินเรียกได้ว่าไม่น่าดูเลยทีเดียว หากแต่ยังต้องฝืนบังคับให้ตนเองเผยรอยยิ้มที่ซาบซึ้งออกมา “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่เป็นห่วง เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวกลับก่อนนะเพคะ” นางขึ้นรถม้าไปอย่างอาลัยอาวรณ์ ตามมาด้วยคนขับรถม้าที่หวดแส้แล่นฉิวขับออกไปอย่างรวดเร็ว อยู่ๆเหลียงซินก็รู้สึกสงสารนางขึ้นมาอย่างกระทันหัน ไม่ง่ายเลยที่จะมาถึงพระราชวัง แต่น่าเสียดายที่เป็นเพราะแผนการอันเจ้าเล่ห์จึงทำได้เพียงมองเข้าไปจากด้านนอกของประตูเจิ้งเต๋อ จากนั้นก็ต้องหันหลังกลับไป บางทีนี่อาจจะเรียกว่าเวรกรรมตามสนอง! “ที่แท้เป็นพี่ห้านี่เอง เหตุใดจึงยืนอยู่ด้านนอกประตู ไม่เข้าไปเล่าพะยะค่ะ?”เสียงที่หยิ่งทะนงมีความมั่นใจในตนเองสูงดังสะท้อนมาแต่ไกล พอเหลียงซินหันกลับไป ก็พบกับองค์ชายเจ็ดเฉินอวี้กำลังกระโดดลงมาจากหลังม้า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข หากแต่ดวงตาคู่นั้นกลับทำให้คนที่เห็นแล้วรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันที่จะได้เข้าไปในพระราชวัง ก็พบคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุดอยู่ที่ประตูเจิ้งเต๋อแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นความโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ เขาค่อยๆเดินเข้ามาจากที่ที่ห่างออกไป ดวงตาและคิ้วที่เฉียงขึ้นคู่นั้นราวกับกำลังประกาศความหยิ่งทะนงในตัวเขาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าเฉินห้าว “เรื่องของข้า ถึงคราวให้เจ้าเข้ามาออกความคิดเห็นแล้วอย่างนั้นหรือ?”เฉินห้าวแสดงความเย็นชาอย่างไม่ไว้หน้า “แน่นอนว่ายังมาไม่ถึง หม่อมฉันก็แค่เป็นห่วงพี่ห้าเท่านั้นเอง ครู่นี้ตอนกำลังเดินทางเข้าวังเห็นม้าขององค์รัชทายาทได้รับความตกใจจึงทำให้เขาตกลงไปนอนกับพื้น คาดว่าน่าจะมาไม่ไหวเสียแล้ว ช่างน่าเสียดายจริงๆ”เฉินอวี้ส่งเสียงพ่นลมหายใจออกมาเบาๆราวกับรู้สึกปวดใจเป็นอย่างยิ่ง สีหน้าของเฉินห้าวนิ่งราวกับน้ำในแม่น้ำที่ไม่มีคลื่นแม้แต่น้อย “หม่อมฉันเกือบลืมไป พี่ห้าได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับองค์รัชทายาทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าคงไม่เป็นกังวล เพียงแต่จะว่าไป เสด็จพ่อไม่ทรงโปรดความบาดหมางระหว่างพวกเราพี่น้อง ดูเหมือนว่าความทรงจำเกี่ยวกับตัวท่านที่อยู่ในใจของเสด็จพ่อคงจะไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป” เฉินอวี้ผู้นี้ ดูแล้วช่างโอหังยิ่งนัก สมกับเป็นองค์ชายที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปราน คำพูดที่เอ่ยออกมาไม่นึกถึงผู้อื่นเลยสักนิด แสดงออกเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่ลงรอยกับเฉินห้าว เพราะแม้แต่ท่าทีภายนอกยังไม่เสแสร้งให้ผู้อื่นเห็นเลยแม้แต่น้อย “น้องเจ็ด เจ้าห่วงตนเองเสียก่อนเถิด เสด็จพ่อทรงเกลียดคนที่ชอบยุแยงตะแคงรั่วมากที่สุด เจ้าเป็นคนแรกที่จะเจอกับหายนะ”เฉินห้าวมองไปที่เขาด้วยความเย็นชา ความสะใจบนใบหน้าของเฉินอวี้ค่อยๆหายไป ช่างเป็นคนที่น่าสงสาร แม้จะมีไพ่ดีอย่างฮ่องเต้และพระสนมเอกอยู่ในมือ แต่เขาเองกลับไม่ค่อยฉลาดนัก เป็นที่น่าผิดหวังจริงๆ เหลียงซินส่ายศีรษะด้วยความเห็นใจ เดิมทียังคาดหวังให้องค์ชายเจ็ดมีความสามารถที่จะสู้กับเฉินห้าว แต่ก็เปลี่ยนแปลงความคิด ให้นางสามารถออกไปจากวังอ๋องสิงได้อย่างราบรื่นจะดีกว่า ทว่าดูจากตอนนี้แล้ว ความหวังคงเป็นศูนย์ หลังจากนั้น เฉินห้าวก็ดึงมือของนาง พาเข้าไปทางอุทยานอวี้ฮวา เหลียงซินดึงมือออกมาจากมือของเขาด้วยความเจ็บ ถามด้วยความสงสัยเล็กน้อยว่า“เฉินห้าว ครู่นี้องค์ชายเจ็ดบอกว่าองค์รัชทายาทตกลงจากหลังม้า พระองค์ทรงไม่เป็นห่วงจริงหรือเพคะ?” ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาทั้งสองก็เป็นพี่น้องแท้ๆ ในราชสำนักที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของการเข่นฆ่าเช่นนี้ จะหาคนสนิทชิดเชื้อทั้งยังมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย แต่เขากลับดูเหมือนไม่รู้ว่า องค์รัชทายาททรงเป็นห่วงเขาแค่ไหน “ข้าขอเตือนเจ้า ทางทีดีอย่าเอ่ยถึงเฉินหยวนต่อหน้าข้าอีก และอย่าให้ข้าเห็นเจ้ากับมันคบหาสมาคมต่อกัน มิเช่นนั้นข้ามีวิธีชนิดที่นับไม่ถ้วนที่จะทำให้เจ้าเหมือนตายทั้งเป็น” เฉินห้าวพูดตักเตือนนางอย่างดุดัน ทั้งตัวเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมราวกับไม่ใช่การล้อเล่น ดูแล้ว เขาไม่มีความคิดที่จะให้อภัยองค์รัชทายาทจริงๆ หรือจะว่า การฆ่าศัตรูในสนามรบ สำหรับเขาแล้วสำคัญมากเกินไป เหลียงซินสูดหายใจเข้าเต็มปอด ถือว่านางยุ่งเรื่องชาวบ้านเอง “ก็ได้เพคะ หวังว่าถึงเวลาพระองค์จะไม่มานั่งเสียใจในภายหลัง”สักวันหนึ่งเขาจะเข้าใจทุกอย่าง สายตาที่เย็นชาของเฉินห้าวมองไปยังนางครู่หนึ่ง กำลังที่จะพูด องค์ชายทั้งเก้าที่อยู่ทางด้านหลังก็เดินเข้ามา นี่เป็นครั้งแรกที่เหลียงซินได้เห็นองค์ชายมารวมตัวกันมากมายเช่นนี้ ทุกพระองค์ล้วนมีท่าทีที่สง่างาม โดดเด่นแตกต่างจากผู้อื่น นางยกมือขึ้นประสานกันเล็กน้อยคารวะเพื่อแสดงความเคารพ พยายามไม่ให้เฉินห้าวขายหน้ามากที่สุด ทว่า องค์ชายทั้งหลายกลับพูดอย่างเยาะเย้ยว่า“นี่ก็คือพี่สะใภ้ห้าของพวกเรา สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆ” ในเมืองหลวงนี้ เรื่องที่เหลียงซินตามจีบเฉินห้าวเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็รู้โดยทั่วกัน ตอนนี้ได้พบนางแล้วต่างก็อดไม่ได้ที่จะพูดจาเยาะเย้ยใส่ สีหน้าของเหลียงซินแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย แค่คิดก็รู้แล้วว่าในตอนนั้นการกระทำของเจ้าของร่างเดิมน่าตกใจแค่ไหน “ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันขอตัวไปแสดงความยินดีเนื่องในวันประสูติกับพระสนมเอกก่อนนะเพคะ” เหลียงซินอยู่ไม่ได้อีกต่อไปจึงรีบหาข้ออ้างเพื่อออกไปจากที่นี่ “ไปเถอะ”เฉินห้าวพยักหน้าเล็กน้อย “โอ๊ย พี่ห้า เหตุใดให้พี่สะใภ้ห้าไปซะแล้วล่ะ พวกเรายังดูไม่หนำใจเลย”องค์ชายที่ยังอยู่ในวัยเด็กทั้งหลายพลันหัวเราะขึ้น “ดูอะไรกัน?”ทั้งสี่คำนี้เล็ดลอดออกมาจากไรฟันของเฉินห้าว จ้องไปที่องค์ชายทั้งหลายอย่างเยือกเย็น พวกเขารู้อารมณ์ร้ายของเฉินห้าวเป็นอย่างดี มาถึงตรงนี้ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อไปอีก เหลียงซินที่หนีออกมาจากที่เกิดเหตุ นึกว่าตนเองจะหลบจากเรื่องแย่ๆได้ ไม่ต้องถูกใครพูดจาเยาะเย้ยอีก คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่ช่วงขณะเดียวที่ไม่ได้มองทางก็มีคนๆหนึ่งหันกลับมาชนเข้าที่ไหล่ของนางอย่างจัง เจ็บจนนางต้องขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นใครกัน?กล้ามาชนข้าเชียวรึ?”น้ำเสียงพร้อมออกรบที่อ่อนเยาว์ดังขึ้น พอเหลียงซินเงยหน้าขึ้นก็พบกับองค์ชายที่มีอายุราวๆสิบขวบกำลังเอามือลูบจมูกยืนอยู่ที่ด้านหน้าของนาง มีหน้าตาที่น่ารักสดใส เพียงแต่จมูกมีรอยแดงขึ้นเล็กน้อย หรือนี่จะเป็นลูกชายคนสุดท้องของฮ่องเต้ องค์ชายสิบเอ็ดเฉินเช่อ? นางกระพริบตาปริบๆ รู้สึกเพียงแต่ว่าน่าสนใจ“ทั้งๆที่พระองค์ไม่ดูทางมาชนหม่อมฉันแท้ๆ อยากได้ค่าสินไหมทดแทนหรืออย่างไรเพคะ” เฉินเช่อจ้องมองนางด้วยดวงตากลมๆอย่างไม่เข้าใจ“นางกำนัลผู้นี้เหตุใดเจ้าจึงพูดจาไม่รู้ความ ในตัวของเจ้าไม่มีสินไหมอะไรสักหน่อย เหตุใดจึงบอกว่าข้าต้องการสินไหมอะไรทดแทน ช่างกล้าดีจริงๆ” อายุน้อยแค่นี้ กลับแสดงท่าทีราวกับผู้ใหญ่ หากแต่กลบความน่ารักในตัวเขาไม่มิด เหลียงซินรู้สึกเพียงแค่น่าขันจนทนไม่ไหว “ใช่เพคะ ในตัวหม่อมชั้นไม่มีสินไหม ถ้าเช่นนั้น หม่อมฉันเล่าเรื่องตลกให้พระองค์ฟังแก้เบื่อเป็นอย่างไรเพคะ”เหลียงซินคิดเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเด็กๆล้วนชอบฟังเรื่องตลก เฉินเช่อกลับมีท่าทีเหยียดหยาม“ข้าไม่ฟังหรอก เสด็จพ่อตรัสว่า ผู้ที่จะทำการใหญ่ไม่ควรตื่นเต้นกับการได้รับความรัก ดีใจหรือทุกข์ใจก็ไม่ควรแสดงออกทางสีหน้า เรื่องตลกของเจ้า ข้าไม่มีทางหัวเราะเด็ดขาด!” เหลียงซินยิ่งรู้สึกว่าเขาน่ารักจึงคิดอะไรเล็กน้อยพลางเอ่ยออกมาว่า“เช่นนั้นองค์ชายสิบเอ็ดฟังให้ดีนะเพคะ มีคนตกปลาหมึกได้หนึ่งตัว ปลาหมึกบอกว่า:ปล่อยฉันไปเถอะ!คนๆนั้นบอกว่า:เช่นนั้นข้าจะทดสอบเจ้าสองสามคำถาม หากตอบถูกข้าจะปล่อยเจ้าไปดีหรือไม่? ปลาหมึกตอบอย่างดีใจว่า:ถูก!คนๆนั้นจึงต้องปล่อยปลาหมึกตัวนั้นไป” หลังจากพูดจบไปสักพักก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเกิดขึ้น คงไม่ใช่เพราะเรื่องตลกนี้ไม่น่าขำหรอกนะ? เหลียงซินตั้งใจยักคิ้วมองไปยังเฉินเช่อที่อยู่ข้างๆ ก็พบเพียงแต่ใบหน้าที่ถูกกลั้นหัวเราะเอาไว้จนแดงก่ำ ทว่าไม่มีท่าทีจะขยับเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังไม่ยอมพูดจา “องค์ชายสิบเอ็ด?”เหลียงซินแตะไปที่แขนของเขา คงไม่ได้เป็นอะไรไปนะ ขณะที่นางกำลังคิดที่จะยื่นมือไปจับชีพจรของเขา เฉินเช่อก็เอามือกุมท้อง ทันใดนั้นก็หัวเราะร่าออกมา ทั้งตัวเขาลงไปนอนคว่ำหน้าบนโต๊ะหินที่อยู่ข้างๆพลางขำไม่หยุด เหลียงซินอึ้งไปสักพัก นี่...นี่ยังเป็นองค์ชายสิบเอ็ดผู้ที่พูดจาราวกับหนังสือระเบียบแบบแผนว่าดีใจหรือทุกข์ใจก็ไม่ควรแสดงออกทางสีหน้าอยู่ใช่ไหม?”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 27 เล่าเรื่องตลก
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A