ตอนที่ 30 ผายปอด
1/
ตอนที่ 30 ผายปอด
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 30 ผายปอด
ตนที่ 30 ผายปอด เสียงร้องเรียกเพิ่งดังออกมา รอบด้านต่างก็มีเสียงโห่ร้องด้วยความตกใจ เสียงโหวกเหวกโวยวาย เสียงวิ่ง ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย เหลียงซินหมดกะจิตกะใจที่จะดูการแข่งเรือของเฉินห้าวอีกต่อไป ทั้งตัวและใจเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเฉินเช่อที่ตกลงไปในทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบที่ทั้งหนาวเย็นและมืดสนิท ลึกจนมองไม่เห็นพื้น แต่นางอยู่บนฝั่งมองไม่ได้สถานการณ์ในน้ำเลยแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าจะมีทหารองครักษ์มากมายกระโดดลงไปช่วยชีวิตเขาแล้ว แต่ในใจของนางกลับยังกังวลไม่หยุด “เฉินเช่อ!เฉินเช่อ...” เหลียงซินตะโกนเรียกชื่อของเขาอยู่บนเรือ ทว่า กลับไม่มีประโยชน์อะไร น้ำในทะเลสาบที่นิ่งสงบ ก็เหมือนกับปากที่กว้างใหญ่ของสัตว์ร้ายที่พร้อมจะกลืนกินทุกสิ่ง กำลังอ้าปากจ้องมาที่นาง ใจของนางร่วงหล่นลงไปอย่างหนัก ราวกับถูกที่ยกรถลากลงไปในน้ำลึก ไม่สามารถขึ้นมาได้อีก หากเกิดอะไรขึ้นกับเฉินเช่อ นางจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองไปตลอดทั้งชีวิตอย่างเด็ดขาด “พบองค์ชายสิบเอ็ดแล้ว!” ทหารองครักษ์คนหนึ่งตะโกนขึ้น เหลียงซินรีบวิ่งไปริมฝั่งด้วยใจที่ขึ้นๆลงๆอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ก็พบแค่เพียงเฉินเช่อที่มีสีหน้าซีดเซียว ริมฝีปากม่วงคล้ำ “รีบไปตามหมอหลวงมา!รีบไปตามหมอหลวง!” ไม่รู้ว่าเป็นเสียงใครที่ตะโกนขึ้น จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่วิ่งชนกันอย่างวุ่นวาย มักมีเหตุการณ์คนจมน้ำเสียชีวิตอยู่บ่อยครั้ง แต่กลับไม่ได้เสียชีวิตเพราะจมน้ำจริงๆ แต่เป็นเพราะวิธีการดำเนินการช่วยเหลือไม่เหมาะสม จึงเป็นเหตุให้ผู้ที่จมน้ำเสียชีวิตลง หากเรียกหมอหลวงมาในตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะมาช้า หากยังไม่รู้ว่าจะสั่งจ่ายยาอะไรอีก และเฉินเช่อไม่สามารถที่จะยื้อเวลาออกไปได้นานขนาดนั้น มิเช่นนั้น หากขาดอากาศนานเกินไป ก็จะเสียชีวิตได้ง่ายขึ้น ไม่ทันแล้ว! ณ ตอนนี้ ในใจของเหลียงซินมีเพียงความคิดเดียว ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร นางจำเป็นต้องใช้ช่วงเวลาวินาทีทองนี้ช่วยชีวิตเฉินเช่อให้ได้ มิเช่นนั้น ไม่กล้าแม้ที่จะคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมา ก่อนอื่นเหลียงซินดึงลิ้นของเฉินเช่อออกมา ทำความสะอาดสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ภายในช่องปาก จากนั้นก็ทำการเทน้ำลงไป ทุกคนเห็นดังนั้นก็ตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก ต่างก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก นี่...นี่กำลังทำอะไรกัน? “พวกเจ้าสองสามคนมานี่ นำองค์ชายสิบเอ็ดพลิกตัวลง ใช้หัวเข่าดันท้องของเขาไว้ ให้เขาสำลักน้ำออกมา” เหลียงซินเงยหน้ามองไปยังขันทีทั้งหลาย เรียกให้พวกเขาเข้ามา ทว่า พวกเขาไม่มีใครกล้าขยับแม้แต่คนเดียว หากรักษาไม่สำเร็จ องค์ชายสิบเอ็ดเป็นอะไรไป ถึงพวกเขามีสิบหัวก็ไม่เพียงพอให้ตัด “เร็วเข้าสิ!ยืนอึ้งอะไรกันอยู่” เหลียงซินตะคอกออกไปด้วยความโมโห เวลาสำคัญเช่นนี้ ข้ารับใช้เหล่านี้เหตุใดถึงใช้การไม่ได้กันล่ะ? “พระชายาสิง หม่อมฉันคิดว่า รอหมอหลวงมาจะดีกว่านะพะยะค่ะ...” ขันทีคนหนึ่งโน้มน้าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “รอน้องสาวเจ้าสิ!” เหลียงซินด่าออกไปด้วยความโมโห สถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ ยังจะรอหมอหลวงไหวอยู่อีกหรือ? ข้ารับใช้ผู้นั้นตะลึงงัน เอ่ยขึ้นอย่างติดๆขัดๆว่า “ เหตุใด เหตุใดต้องรอน้องสาวของหม่อมฉันเล่าพะยะค่ะ” เหลียงซินมองบน กำลังคิดที่จะพลิกตัวของเฉินเช่อด้วยตัวเอง ทว่า เมื่อนางเข้าไปใกล้กลับพบว่าลมหายใจของเขายิ่งแผ่วเบาลงขึ้นทุกที ไม่ดีแล้ว วิธีเทน้ำลงไปใช้ไม่ทันการแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการผายปอดให้กับเขา! สำหรับการเป็นหมอแล้ว ความรับผิดชอบต่ออาชีพและหน้าที่ที่ต้องทำอย่างเคร่งครัด เหลียงซินไม่สนใจอะไรมากมายขนาดนั้น ทำได้เพียงผายปอดให้กับเฉินเช่อก่อน แม้คนยุคโบราณยากที่จะสามารถเข้าใจได้ ทว่า นางไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว! นางตั้งใจยกคางของเฉินเช่อขึ้นมา ปิดจมูกของเขา และทำท่าทางราวกับกำลังจะจูบเขาลงไป แต่เมื่อถึงเวลานี้ ปกเสื้อของนางก็ถูกคนดึงให้ลุกขึ้นมา ตามมาติดๆด้วยเสียงที่โมโหดุดันดังสะท้อนเข้ามาในหูของนาง “เหลียงซิน เจ้ากำลังทำอะไร?” “แน่นอนว่าเป็นการผายปอดน่ะสิเพคะ ไม่เช่นนั้นพระองค์คิดว่าหม่อมฉันกำลังเอาเปรียบเขาอยู่หรืออย่างไรเพคะ” เหลียงซินกัดฟันแน่น ขั้นตอนการช่วยชีวิตของตนเองอยู่ขัดจังหวะซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่เป็นการไม่รับผิดชอบต่อผู้ป่วยอย่างหนึ่ง “ผายปอด?” เฉินห้าวรำพึงคำนี้ออกมา เหตุใดเขาจึงไม่รู้ว่านี่หมายความว่าอะไร “พระองค์ทรงรีบปล่อยหม่อมฉันสิเพคะ หากช้าไปกว่านี้ องค์ชายสิบเอ็ดก็จะไม่มีชีวิตรอดแล้วนะเพคะ!” เหลียงซินร้องขึ้นเสียงดัง เฉินห้าวคิดไตร่ตรองเพียงแค่สองวินาทีก็พูดขึ้นว่า “เจ้าบอกข้ามาว่าต้องทำอย่างไร ข้าจะผายปอดให้น้องสิบเอ็ดเอง” แม้ว่าเขาจะมีความเชี่ยวชาญไม่มากพอ แต่นี่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ในยุคโบราณ ทั้งยังอยู่ภายใต้การจ้องมองของทุกคน หากนางจูบน้องชายของสามีตนเองขึ้นมาจริง เช่นนั้นจะเกิดเสียงซุบซิบนินทาจนสะท้านฟ้าสะเทือนดินอย่างไรกันนะ! นางแบกรับคำติฉินนินทาที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว “พระองค์ทรงยกคางขององค์ชายสิบเอ็ดขึ้น เอามืออีกข้างปิดจมูกของเขาไว้ หายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆเป่าลมเข้าไปในปากของเขา จากนั้นดูว่าหน้าอกของเขาขยับขึ้นหรือไม่ หากขยับขึ้นก็ปล่อยมือออกจากจมูก ช่วยให้เขาหายใจเพคะ” เหลียงซินพยายามพูดช้าลงเล็กน้อยเพื่อให้เขาได้เข้าใจ อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่คนในยุคสมัยนี้ทำการผายปอด เพียงแต่ว่า สิ่งที่ทำให้นางตกใจก็คือ แม้ว่าเฉินห้าวจะทำเป็นครั้งแรก แต่กลับทำได้ดีอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เฉินห้าวหายใจเข้าลึกๆ และเป่าลมเข้าไปอีก เขารู้สึกแต่เพียงว่าลมหายใจของเฉินเช่อค่อยๆชัดเจนขึ้น การเต้นของหัวใจก็ ค่อยๆเป็นจังหวะขึ้นมา ชีวิตที่กำลังเข้าใกล้ความตายก็ถูกช่วยชีวิตขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ด้วยมือของเขา เขายากที่จะพรรณนาว่าความรู้สึกภายในจิตใจ นี้คือความรู้สึกอะไรกันแน่ เหตุใดเหลียงซินถึงได้เข้าใจเยอะเช่นนี้ ทั้งยังทำให้คนยากที่จะเจียระไนออกมา “ลมหายใจค่อยๆสม่ำเสมอขึ้นแล้ว ท่านอ๋อง พระองค์ทรงทำได้ดีมากเพคะ พระองค์ช่วยชีวิตองค์ชายสิบเอ็ดขึ้นมาได้แล้ว!” เหลียงซินถอนหายใจอย่างโล่งอก ทั้งยังให้กำลังใจเขาด้วยความจริงใจ เดิมทีนางคิดว่าเฉินห้าวคงจะไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ นึกไม่ถึงว่าเขาเพียงแค่ฟังก็สามารถทำออกมาได้ดีเช่นนี้ ทำให้นางตกใจจริงๆ “งั้นหรือ?” เฉินห้าวค่อยๆลุกขึ้นมา สายตากลับจ้องไปที่เหลียงซินอยู่ตลอดเวลา เผชิญหน้ากับแววตาที่ลึกซึ้งเช่นนี้ เหลียงซินไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ยิ่งไม่กล้าพูดอะไรออกไป ทันใดนั้น เฉินเช่อก็ค่อยๆเอ่ยปากขึ้น ดึงชายเสื้อของนางแน่นราวกับกำลังขอความช่วยเหลือ “พี่สะใภ้ห้า ข้าทรมานเหลือเกิน...” ขณะที่นางกำลังจะเข้าไปปลอบ เสียงฝีเท้าที่วุ่นวายก็ดังสะท้อนมาแต่ไกล ทันทีที่มาถึงหมอหลวงทั้งหลายจากสำนักหมอหลวงต่างไม่พูดอะไรก็รีบนำตัวของเฉินเช่อส่งกลับไปยังที่พำนักของเขาในทันที นางพูดอะไรออกมาไม่ทัน ทำได้เพียงมองด้านหลังของเขาที่ค่อยๆไกลออกไป เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน หลังจากกลับไปก็มีหมอหลวงคอยรักษา จะต้องหายดีเร็วขึ้นอย่างแน่นอน ทว่า ในสมองของนางกลับปรากฏขึ้นซ้ำภาพใบหน้าซีดเซียวของเฉินเช่อ หัวใจที่เกือบจะหยุดเต้นลง ในใจก็ค่อยๆนึกกลัวขึ้นมา ถ้าหากวันนี้ ไม่ใช่นางที่อยู่ข้างกายของเขาแล้ว ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรนะ?ชีวิตที่กำลังสดใสเช่นนี้ จะต้องถูกทำลายลงที่นี่เช่นนั้นหรือ ทว่า สิ่งที่ยิ่งทำให้นางไม่เข้าใจก็คือ เพราะเหตุใดตอนที่เฉินห้าวชนะการแข่งขัน เฉินเช่อถึงได้ตกลงไปในน้ำล่ะ? ในที่นี้ แท้จริงแล้วมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน ใครกันที่คิดจะทำร้ายเฉินเช่อ หรือว่าเพียงแค่ต้องการที่จะยืมดาบฆ่าคน? ยังไม่ทันที่นางจะคิดตรึกตรองอย่างจริงจัง เสียงของขันทีที่อยู่ด้านหลังก็ดังสะท้อนขึ้นมา “พระสนมเอกเสด็จ!” ทุกคนต่างก็หลีกทางเป็นแถวอย่างรวดเร็ว ก็พบเพียงพระสนมเอกที่ออกจากตำหนักอิ๋งชุนกลับเข้าไปยังพระราชวังเพื่อพักผ่อน ได้มาถึงที่นี่อีกครั้ง นางใช้มือนวดคลึงศีรษะที่เริ่มปวด แววตาเฉียบคมที่เต็มไปด้วยอำนาจกวาดตามองไปยังนางกำนัลและขันทีที่อยู่เบื้องล่าง “คืนนี้ฮ่องเต้เพิ่งจะทรงเปิดทะเลสาบเย่ฉือตะวันออก ก็มีข่าวองค์ชายสิบเอ็ดพลัดตกน้ำเข้ามา ฮ่องเต้ทรงพระประชวร จึงให้ข้ามาจัดการเรื่องนี้แทน” พระสนมเอกกวาดตามองทุกคนด้วยสายตาที่เย็นชา “คืนนี้ทหารองครักษ์มีความผิดละเลยหน้าที่อย่างใหญ่หลวง หัวหน้าองครักษ์เหลียงต้งโบยห้าสิบไม้เป็นการลงโทษ นางกำนัลและขันทีข้างกายองค์ชายสิบเอ็ดดูแลไม่ดี โทษงดจ่ายเบี้ยหวัดหนึ่งปี” สุดท้ายแววตาของนางก็มาตกอยู่ที่เหลียงซินพลางเอ่ยทีละคำ ทีละประโยคออกมา “พระชายาสิงหัวหน้าผู้กระทำความผิดผลักองค์ชายสิบเอ็ดตกน้ำรอฟังรับสั่งจากฮ่องเต้ชั่วคราวว่าจะทรงจัดการเช่นไร คนอื่นออกไปก่อน” น่าขันเป็นที่สุด! มุมริมฝีปากของเหลียงซินยกขึ้นเบาๆ “พระสนมเอกทรงไร้หลักฐานและพยาน เหตุใดจริงกล่าวว่าหม่อมฉันเป็นหัวหน้าผู้กระทำความผิดผลักองค์ชายสิบเอ็ดตกน้ำเล่าเพคะ?แรงจูงใจที่ทำให้หม่อมฉันผลักเขาตกน้ำคืออะไร?หรือมีคนเห็นด้วยตาของตนเอง?” นึกไม่ถึงว่าพระชายาสิงเล็กๆผู้หนึ่งจะกล้าเถียงตนเองขนาดนี้ สีหน้าของพระสนมเอกเปลี่ยนไปในพริบตา เงยหน้าขึ้นด้วยความหยิ่งทะนง “ถือว่าเป็นพระชายา ก็สามารถไม่สนใจใครก็ได้เช่นนี้หรือ?หลักฐานจะต้องตรวจพบแน่ เพียงแต่ว่าตอนนี้เจ้าคือผู้ที่น่าสงสัยที่สุด “หึ หากบอกว่าเป็นผู้ที่น่าสงสัยที่สุดที่อยู่ข้างกายขององค์ชายสิบเอ็ดในตอนนั้น เช่นนั้นความน่าสงสัยขององค์หญิงรุ่ยเหอน่าจะมีมากกว่าหม่อมฉันนะเพคะ หรือว่าพระสนมเอกจะไม่ทรงตรัสทรงถามเลยหรือเพคะ?” เหลียงซินเอ่ยปากออกมาอย่างไม่แยแส สมรู้ร่วมคิดกันดีจริงๆ “บังอาจ!คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” ใบหน้าที่แต่งแต้มอย่างประณีตของพระสนมเอกเต็มไปด้วยความโมโหดุดัน มีทีท่าน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าถึงขนาดกล้าต่อปากกับข้าเลยเชียวรึ?อย่านึกว่าเจ้าเป็นพระชายาสิงแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรกับเจ้า จงคุกเข่าอยู่ที่นี่แล้วคิดตรึกตรองดูให้ดี!” หลังจากที่พระสนมเอกพูดจบ ก็นำขบวนนางกำนัลขันทีหันตัวกลับออกจากทะเลสาบเย่ฉือตะวันออกในทันที ในความมืด สามารถเห็นได้เพียงชายกระโปรงลวดลายงดงามของนางค่อยๆหายไป เหลียงซินคุกเข่าอยู่ที่ริมฝั่งของทะเลสาบเย่ฉือตะวันออก ลมเย็นพัดวูบเข้ามาตีกระทบเข้ากับใบหน้าของนาง การคุกเข่าในวันนี้ ทำนางพ่ายแพ้อย่างราบคาบ และนี่ก็ทำให้นางตระหนักได้ว่า อำนาจมาเหนือเหตุผล แม้กระทั่งตนเองบริสุทธิ์ แม้กระทั่งตนเองมีเหตุผล คนที่ยืนอยู่บนอำนาจ ก็สามารถทำให้นางเชื่อฟังอย่างเชื่องๆได้ ถึงขนาดทำให้เหลียงต้งพี่ชายของนางที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ก็ถูกลากเข้ามาต้องโทษโบยห้าสิบไม้อย่างไม่มีใครสามารถหาสาเหตุได้ กระทั่งตอนนี้นางถึงจะตระหนักได้ในทันทีว่า คนที่ผู้นั้นจ้องจะทำร้ายไม่ใช่เฉินเช่อ แต่คือนาง คือทั้งบ้านตระกูลเหลียง การไม่ได้รับความเป็นธรรมในวันนี้นางจำเอาไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว สักวันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า นางจะคืนกลับให้นางอย่างหมดสิ้น! นางเงยหน้ายืดอกขึ้นยอมรับการลงโทษ และถือเป็นการทบทวนตัวเอง กระทั่งตอนนี้ ข้างกายของนางก็ดังสะท้อนเสียงอันทุ้มต่ำหากยังแสนคุ้นเคยออกมา “คุกเข่าคราวนี้ ข้าเชื่อว่าคราวหน้าเจ้าจะเรียนรู้ได้ว่าควรจะพูดจาเช่นไร” พอเหลียงซินเงยหน้าขึ้นก็พบกับเฉินห้าว นางนึกมาตลอดว่าเขากลับไปแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าเขายังคงอยู่ที่นี่ “หม่อมฉันไม่ได้ต้องการความเป็นห่วงจากพระองค์ หม่อมฉันอยากจะพูดอะไรก็จะพูดอย่างนั้น พระองค์ไม่ต้องมาสนใจ” เหลียงซินมองผ่านไปยังเขาอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงแข็งขึ้น เฉินห้าวที่ไม่ง่ายเลยที่จะไม่โกรธ ในวันนี้กลับยืนนิ่งอยู่เคียงข้างนาง เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “เจ้ารู้ว่าเหตุใดข้าจึงไม่ร้องขอช่วยเหลือเจ้าหรือไม่?เพราะคนที่โอหังเช่นเจ้า ควรได้รับการรักษา” เหลียงซินจ้องไปที่เขาครู่หนึ่ง สูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อให้ตนเองสงบลง “หากพระองค์มาเพื่อหัวเราะเยอะหม่อมฉันแล้วล่ะก็ เช่นนั้นก็ทรงหัวเราะเถิด ต้องมีสักวันที่พระองค์จะต้องมีจุดจบแบบนี้เช่นกัน” เขาเพียงแต่ยืนนิ่งอยู่ข้างกายของนางราวกับเทพคุ้มครองประจำตัว จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่อยากรู้จริงๆหรือว่าใครเป็นผู้ให้ร้ายเจ้า เรื่องที่น้องสิบเอ็ดตรงน้ำ ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุอย่างชัดเจน” เหลียงซินก็มีความคิดนี้เช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นเฉินเช่อก็อยู่ข้างกายของนาง แต่นางกลับไม่ได้ดูให้ชัดเจนว่าใครเป็นคนผลัก สมควรตายจริงๆ! ทว่า ในใจของนางกลับมีฝ่ายตรงข้ามที่น่าสงสัยอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่กล้าสรุปออกมาโดยยังไม่ไตร่ตรองเท่านั้นเอง นางเงยหน้าขึ้นมองไปยังเฉินห้าว “หม่อมฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่อุบัติเหตุ พระองค์มีวิธีค้นหาคนผิดที่แท้จริงหรือเพคะ?”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 30 ผายปอด
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A