ตอนที่ 32 ฝันหวานไปเถอะ
1/
ตอนที่ 32 ฝันหวานไปเถอะ
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 32 ฝันหวานไปเถอะ
ตนที่ 32 ฝันหวานไปเถอะ ที่จริงแล้ว เหลียงซินจงใจเอ่ยถึงเรื่องสุนัขตัวนั้นต่อพระพักตร์ฮ่องเต้หมิงเจา ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมให้องค์หญิงรุ่ยเหอนำของผู้อื่นมามอบเป็นของขวัญให้อีกคนโดยไม่ต้องเสียอะไรเลยอย่างเด็ดขาด หากฮ่องเต้หมิงเจารู้ว่าสุนัขตัวนั้นที่จริงเป็นขององค์ชายสิบเอ็ด แต่กลับถูกองค์หญิงรุ่ยเหอแย่งไปแล้วล่ะก็ ในใจก็ต้องได้รับความรู้สึกอะไรบ้างอย่างแน่นอน สิ่งที่ได้เห็นมีสีพระพักตร์ที่ดูเคร่งขรึมขึ้น แต่ไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองเป็นพิเศษออกมา “สุนัขตัวนั้นผ่านการฝึกมาอย่างดี ข้ายังนึกว่ามาจากโรงฝึกสัตว์ คิดไม่ถึงว่ากลับเป็นขององค์ชายสิบเอ็ด ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้แล้ว พรุ่งนี้ข้าจะให้รุ่ยเหอนำสุนัขนั่นคืนแก่องค์ชายสิบเอ็ดเอง” “ขอบพระทัยเพคะเสด็จพ่อ” เพียงเท่านี้ เป้าหมายของเหลียงซินก็ถือว่าลุล่วงแล้ว เช่นนี้แล้ว ไม่เพียงแต่ทำให้ฮ่องเต้หมิงเจาคิดว่าเธอและองค์ชายสิบเอ็ดมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทั้งยังเป็นการล้างมลทินในทางอ้อมอีกว่าเรื่องที่องค์ชายสิบเอ็ดตกน้ำนั้นไม่ใช่เธอที่เป็นผู้กระทำความผิดอย่างแน่นอน ที่สำคัญที่สุดก็คือทำให้พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นได้อย่างชัดเจนว่า องค์หญิงรุ่ยเหอแย่งสุนัขขององค์ชายสิบเอ็ดมาเพื่อใช้ถวายพระพรให้กับพระสนมเอก เหลียงซินในครั้งนี้ก็เท่ากับการฟ้องร้องต่อหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้หมิงเจา แม้ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดองค์ชายสิบเอ็ดจะมีสถานะที่ต่ำต้อย ไม่ได้เป็นที่โปรดปราน แต่ว่าองค์ชายก็คือองค์ชาย ไม่สมควรให้ผู้ใดมาดูหมิ่น พี่น้องต่างรังแกเขาเช่นนี้แล้ว ยังนับประสาอะไรกับผู้อื่นอีก จุดมุ่งหมายของเธอก็เพื่อจะทำให้ฮ่องเต้หมิงเจาได้รู้ว่า การให้พี่น้องรักและเคารพกันอย่างที่พระองค์ทรงคาดหวังในทุกๆวันนั้น แท้จริงแล้วมันไม่มีอยู่จริง จากเรื่องขององค์ชายสิบเอ็ดก็สามารถที่จะดูออกได้ว่า ความสามัคคีปรองดองทั้งหมดนั้นล้วนเป็นแค่การแสดงออกอย่างผิวเผินเท่านั้นเอง ด้านในนั้น แท้จริงแล้วกำลังพังทลายลงอย่างช้าๆ “เจ้ากลับไปได้แล้ว” ฮ่องเต้หมิงเจาโบกพระหัตถ์ที่ดูเหมือนมีท่าทีอ่อนเพลีย ให้เธอกลับไป พอดีกับตอนที่เหลียงซินกำลังจะหันตัวกลับออกไป ก็ได้ยินเสียงไออย่างรุนแรงดังสะท้อนมาจากด้านหลัง จมูกที่ไวต่อความรู้สึกอย่างผิดปกติของเธอก็ได้กลิ่นที่พิเศษลอยเข้ามา ดูเหมือนจะเป็น ต้นผีเสื้อ! เหลียงซินหันศีรษะกลับอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เห็นก็คือฮ่องเต้หมิงเจาทรงกำลังยกถ้วยเสวยเตรียมจะเสวยเข้าไป เธอจึงตะโกนขึ้นในทันที “ช้าก่อนเพคะ!” ถ้วยเสวยที่ฮ่องเต้หมิงเจากำลังจะส่งเข้าไปในพระโอษฐ์หยุดชะงักลง ขันที่ที่อยู่ด้านข้างจึงรีบคว้าถ้วยเสวยนั้นไว้ทันที จากนั้นจึงใช้สายตาสอดส่องดูว่าในยาถ้วยเสวยนั้นเกิดปัญหาอะไรขึ้นกันแน่ เธอเดินขึ้นไปข้างหน้าด้วยสีหน้าที่หนักแน่น นำถ้วยใบนั้นที่หลบอยู่ในมือของขันทีมาไว้ข้างจมูกแล้วลองดม กลิ่นที่ฉุนจมูกของต้นผีเสื้อลอยเข้ามาข้างในจมูกของเธอ เป็นไปตามคาด ยาในถ้วยนี้ถูกคนเติมยาพิษจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว “เสด็จพ่อเพคะ ช่วงนี้พระองค์มักจะบรรทมไม่หลับ ทรงพระสุบินอยู่บ่อยครั้ง สภาวะกำลังวังชาไม่ค่อยจะดี รู้สึกอ่อนเพลียอยู่บ่อยๆ และเมื่อฝนตกก็จะทรงรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งพระวรกายใช่หรือไม่เพคะ” ฮ่องเต้หมิงเจาและขันทีผู้นั้นแสดงสีหน้าตกใจเป็นอย่างยิ่ง “ใช่ เจ้ารู้ได้อย่างไร” “หม่อมฉันเพียงแค่ได้กลิ่นออกมาจากในถ้วยพระโอสถนี้เพคะ นี่คือพระโอสถสลายพระโลหิตคั่งและช่วยให้พระโลหิตหมุนเวียน ฟื้นฟูพระวรกายและพระหทัยให้กลับคืนสู่ปกติที่ดีมาก เพียงแต่ว่าถูกคนเติมต้นผีเสื้อลงไปจำนวนไม่น้อย หากเสวยเข้าไปเป็นเวลานาน จะทำให้สติสัมปชัญญะเลือนลางเฉกเช่นเดียวกับผู้มีความผิดปกติทางสมองเลยเพคะ” เหลียงซินเอ่ยอย่างจริงจังออกมาทีลำคำทีละประโยค ท่าทีราวกับไม่ได้กำลังล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย ขันทีรีบนำถ้วยยาที่อยู่ในมือวางไว้ด้านข้างในทันที จากนั้นมองไปทางฮ่องเต้ด้วยสายตาเคร่งขรึม “กราบทูลฮ่องเต้ มีคนคิดลอบทำร้ายพระองค์ จะปล่อยไปง่ายๆไม่ได้อย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้นผลที่ตามมาไม่อาจจะคาดคิดได้นะพะยะค่ะ!” สีพระพักตร์ของฮ่องเต้หมิงเจาไม่สู้ดีนัก นอกจากทรงพิโรธ ตกพระทัยแล้ว ก็ไม่มีความรู้สึกใดๆอีก ยิ่งไม่มีความหวาดกลัวเหมือนที่คนธรรมดาทั่วไปพึงจะมี ดูแล้วตำแหน่งสูงส่งอำนาจล้นฟ้าอย่างพระองค์ ราวกับจะคุ้นเคยกับการโดนลอบทำร้ายไปเสียแล้ว ทันใดนั้น พระองค์ก็ได้ทรงทำการตัดสินพระทัย “หลี่เต๋อ เจ้าให้คนของฝ่ายสืบราชการลับไปแอบตรวจสอบมา เรื่องนี้อย่าแพร่งพรายให้ภายนอกรู้เป็นอันขาด สองสามวันนี้ให้บอกออกไปว่าร่างกายข้าไม่ค่อยสบาย ส่วนยานี่ให้นำเข้ามาให้ข้าทุกวัน” ได้ฟังการจัดการของพระองค์แล้ว ในใจของเหลียงซินรู้สึกนับถือพระองค์เป็นอย่างยิ่ง นี่ถึงจะเป็นความเฉลียวฉลาด มองการณ์ไกล และท่าทางที่สง่างามสมควรถือเป็นแบบอย่าง ที่ฮ่องเต้พระองค์หนึ่งพึงจะมี หากเปรียบเทียบเฉินห้าวกับเสด็จพ่อของเขาแล้ว ไม่สามารถเทียบได้จริงๆ น่าแปลก เหตุใดเธอจึงนึกถึงเฉินห้าวอีกแล้วล่ะ? “พระชายาสิง ดูแล้ววิชาแพทย์ของเจ้าช่างสูงนัก ถึงขั้นบรรลุระดับสูงสุดทางด้านวิชาเลยก็ว่าได้ ครั้งนี้เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าไม่รู้ว่าควรจะขอบใจเจ้าอย่างไรดี” ฮ่องเต้หมิงเจาทรงทอดพระเนตรยาถ้วยนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็ทรงหันมาทางเหลียงซิน เธอยิ้มเล็กน้อย “เสด็จพ่อตรัสเช่นนี้ก็ทรงยกยอหม่อมฉันมาเกินไปแล้วเพคะ เสด็จพ่อสูงส่งดุจโอรสสวรรค์ จะทรงถูกคนที่ความคิดเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายแอบลอบทำร้ายได้อย่างไรกัน ดังนั้นเรื่องนี้จะต้องทรงคิดแผนการให้รอบคอบและปลอดภัยที่สุด จากนั้นก็จับคนที่วางยาพิษมาให้ได้จึงจะดีที่สุดเพคะ” ฮ่องเต้หมิงเจาทรงพยักหน้าด้วยความชื่นชม ในพระทัยแอบคิดว่า พระชายาสิงผู้นี้ก็ไม่ได้ดูไร้ยางอายอย่างที่คนภายนอกลือกันเช่นนั้น กลับยังมีสติปัญญาฉลาดหลักแหลมที่แตกต่างจากชายอีกด้วย พอดีกับตอนที่เหลียงซินกำลังจะออกไป ทันใดนั้นขันทีที่อยู่ด้านนอกก็เข้ามารายงานว่า “กราบทูลฮ่องเต้ องค์ชายห้าขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ” หัวคิ้วของเหลียงซินขยับเข้าหากันเล็กน้อย เฉินห้าว?เขามาทำอะไรกัน? “ให้เข้ามาได้” ฮ่องเต้หมิงเจารับสั่งออกไป ประตูใหญ่ที่อยู่ด้านในตำหนักของห้องหนังสืออวี้ก็ถูกคนผลักออก ไม่ช้า ร่างที่สูงใหญ่ดูดีของเฉินห้าวก็คุกเข่าลงกับพื้น “กราบทูลเสด็จพ่อ เรื่องในคืนนี้ หม่อมฉันได้ทราบเรื่องแล้ว หลังจากที่หม่อมฉันได้ทำการตรวจสอบหาหลักฐานแล้ว พบว่าพระชายาได้ถูกเข้าใจผิดพะยะค่ะ” เฉินห้าวหยิบหลักฐานของตนเองออกมา มองดูผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งที่อยู่ในมือของเขาแล้ว เหลียงซินก็มองไปยังเขาอย่างไม่เข้าใจ หากใช้เพียงผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ ก็สามารถชำระล้างความสงสัยในตัวเธอได้อย่างนั้นหรือ? และที่ยิ่งทำให้เธอไม่เข้าใจก็คือ นึกไม่ถึงเลยว่าเฉินห้าวยอมช่วยเธอจริงๆ “หลี่เต๋อ” ฮ่องเต้หมิงเจาทรงสะกิดเล็กน้อย หลี่เต๋อก็รีบไปนำผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นขึ้นถวายให้กับพระองค์อย่างรวดเร็วในทันที “กราบทูลเสด็จพ่อ ครู่นี้หม่อมฉันตรวจพบน้ำมันพืชในตำแหน่งที่น้องสิบเอ็ดตกน้ำ บนผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ก็คือคราบน้ำมัน ดังนั้นน้องสิบเอ็ดถึงได้ตกลงไปในน้ำอย่างง่ายดายเช่นนั้น และคราบน้ำมันชนิดนี้มีเพียงภายในวังหลวงเท่านั้นที่จะมีพะยะค่ะ” เฉินห้าวอธิบาย “เจ้ากำลังจะบอกว่า คนที่จงใจลอบทำร้ายองค์ชายสิบเอ็ด คือคนในวังหลวง?” ฮ่องเต้หมิงเจาทอดพระเนตรไปที่เขา “ไม่ผิดพะยะค่ะ เป็นเพียงแค่การสันนิษฐานของหม่อมฉันเท่านั้น ทว่าคนผู้นั้นกลับไม่ได้เพื่อจะลอบทำร้ายน้องสิบเอ็ด แต่เพื่อจะใส่ร้ายพระชายาพะยะค่ะ” เฉินห้าวเอ่ยผลการสันนิษฐานของตนเองออกมา ผลการสันนิษฐานของเขาตรงกับที่เหลียงซินคิดไว้ไม่มีผิด ที่จริงแล้ว เรื่องนี้สามารถทำความเข้าใจได้อย่างง่ายดายมาก ฮ่องเต้หมิงเจาทรงใช้แค่เวลาครุ่นคิดเพียงชั่วครู่ ก็สามารถคาดเดาถึงความสัมพันธ์ระหว่างผลประโยชน์และความเสียหายในนั้นออกมาได้ ดูแล้ว เป้าหมายของเรื่องนี้กลับไม่ใช่องค์ชายสิบเอ็ด แต่เป็นการยืมเรื่องที่องค์ชายสิบเอ็ดตกน้ำ จงใจให้ร้ายเหลียงซินและเหลียงต้ง “เสด็จพ่อเพคะ เพราะเรื่ององค์ชายสิบเอ็ดตกน้ำ ไม่เพียงแต่ทำให้หม่อมฉันถูกเข้าใจผิด ไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว ยังทำให้พี่ชายของหม่อมฉันต้องโทษโบยห้าสิบไม้ ขอให้เสด็จพ่อทรงมอบความบริสุทธิ์คืนให้แก่หม่อมฉัน หาคนบงการที่อยู่เบื้องหลังมาให้ได้ด้วยเถิดเพคะ!” เหลียงซินคุกเข่าลงกับพื้นอย่างแน่วแน่ ในเวลานี้ แม้ว่าเธอจะได้ล้างมลทินเรื่องความสัมพันธ์ลงไปแล้ว แต่สิ่งที่เธอได้รับการเข้าใจผิดและความไม่เป็นธรรม ตลอดจนผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ยังไม่ถูกตรวจพบ เรื่องทั้งหมดนี้ก็ยังคงไม่จบง่ายๆอย่างแน่นอน เพียงแค่ฮ่องเต้หมิงเจาทรงมีรับสั่งให้ไปตรวจสอบ เรื่องนี้จะต้องมีผลลัพธ์ออกมาแน่ๆ ทว่า พระองค์ทรงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังคงไม่ได้ให้คำตอบที่แน่ชัด ความหมายยิ่งดูเหมือนกับว่าจะทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก และเรื่องเล็กก็จะมลายหายไปยังไงอย่างงั้น “เรื่องนี้ข้าจะพิจารณาด้วยตนเอง พวกเจ้ากลับไปก่อนเถิด” ฮ่องเต้หมิงเจาทรงนวดหัวคิ้วอย่างกลัดกลุ้มพระทัย โบกมือให้พวกเขากลับออกไป เรื่องในวันนี้เยอะมากพอแล้ว ยิ่งมีเรื่องวางยาพิษเข้าไป ถึงพระทัยของพระองค์มีเหลือ แต่พระกำลังคงมีไม่มากพอ สิ่งที่ยิ่งทำให้พระองค์ทรงกังวลก็คือ หากตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป จะทำให้จิตใจของผู้คนหวาดหวั่นขวัญผวา ฉะนั้นจึงไม่ได้ทำการตามตรวจสอบเพิ่มเติมใดๆ หลังจากที่เหลียงซินออกมาจากห้องหนังสืออวี้ เส้นประสาทที่ตึงเครียดก็ผ่อนคลายลง ในใจรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แสงในยามค่ำคืนสะท้อนเงาของเธอให้ยาวออกไป ในเวลานี้ แสดงออกถึงความเศร้าและโดดเดี่ยวยากที่จะหาใดเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เฉินห้าวที่อยู่ด้านหลังรีบก้าวตามเธอขึ้นมา เดินในระนาบเดียวกันกับเธอ “เสด็จพ่อตามตรวจสอบต่อไปไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าทำไม่ได้ หากเจ้าอย่างรู้ว่าศัตรูที่แท้จริงเป็นใคร ขอร้องข้าสิ ข้าจะช่วยเจ้า” เฉินห้าวเลิกคิ้วสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ดูท่าทางกลับไม่ใช่กำลังล้อเล่น เหลียงซินมองไปทางเขาอย่างประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง อุทานออกมาอย่างไม่แยแสว่า “ขอร้องพระองค์?ฝันหวานไปเถอะ” ถึงแม้จะให้เธอหาศัตรูที่แท้จริงไม่เจอไปตลอดชาติ ก็ไม่มีทางที่จะไปขอร้องเฉินห้าวอย่างเด็ดขาด เพราะว่า เขาก็ถือเป็นศัตรูคนหนึ่งในรายการของเธอ เพียงแต่ว่า เป็นศัตรูที่ใกล้ชิดที่สุด หลังจากพูดจบ กรามของเธอก็ถูกคนบีบเอาไว้แน่น แรงมือไม่เบาเลยทีเดียว ราวกับจะบีบกรามของเธอให้แตกกระจาย เหลียงซินยอมรับความบ้าที่เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหันของเขาอย่างเงียบๆ ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ “อยู่ต่อหน้าข้า อย่าบังอาจให้มากเกินไปนัก ความอดทนอดกลั้นที่ข้ามีต่อเจ้าใกล้จะถึงขีดสุดแล้ว” แรงในมือค่อยๆเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับเฉินห้าวที่ตักเตือนอยู่ที่ข้างใบหูของเธอ เหลียงซินถูกบีบบังคับให้เงยหน้าขึ้นมองไปที่เขา ในสายตาของเขาปกคลุมไปด้วยความโกรธจนดูเลือนราง “เฉินห้าว พระองค์ยังถือว่าเป็นชายอยู่หรือไม่?ทั้งวันก็รู้จักแต่ลงมือกับผู้หญิง หม่อมฉันเหลียงซินไม่เคยต้องการความอดทนอดกลั้นจากพระองค์” ในวินาทีที่ดวงตาทั้งคู่ประสานกัน เฉินห้าวอารมณ์เดือดอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาที่มืดมนคู่นั้นเต็มไปด้วยจิตสังหาร ทว่ามือกลับไม่ยอมที่จะออกแรงเพิ่มแม้แต่นิดเดียว แม้แต่เขาเองก็ยากที่จะเข้าใจ เหตุใดตอนนี้ถึงได้มักจะออมมือให้กับเหลียงซิน? “เหลียงซิน ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้ ทางที่ดีจงเชื่อฟังข้า ครั้งนี้นับว่าเจ้าดวงแข็ง หากยังโอหังเช่นนี้อีกล่ะก็ ครั้งหน้าก็จะไม่ง่ายเช่นนี้อีกต่อไป เฉินห้าวราวกับแอบแฝงความนัยน์เอาไว้ในนั้น สุดท้ายก็ผ่อนมือที่บีบคอของเธอเอาไว้ เหลียงซินใช้มือนวดคอที่เจ็บปวดของเธอ แต่กลับคิดครุ่นคิดอยู่กับคำพูดของเขา ดูแล้วเรื่องในครั้งนี้มีคนจงใจเล็งเป้ามาที่เธอ เพียงแต่ว่า เหตุใดจึงเล็งเป้ามาที่เธอล่ะ?หรือเป็นเพราะว่าเธอร้องเพลงเพลงนั้นในงานเลี้ยงวันประสูติของพระสนมเอก? ความจริงของเรื่องนี้มีหลาอย่างด้วยกัน แต่หากจะอาศัยกำลังของเธอคนเดียวแล้วล่ะก็ ช่างยากที่ตรวจหาพบ ทว่า ในใจของเธอมีผู้ที่น่าสงสัยมากที่สุดอยู่แล้วหนึ่งคน...องค์หญิงรุ่ยเหอ บนเรือในวันนั้น เพราะว่าพอดีกับที่องค์หญิงรุ่ยเหอมาที่ด้านข้างองค์ชายสิบเอ็ด จากนั้นองค์ชายสิบเอ็ดก็ตกน้ำไป ทว่า นี่ก็เป็นเพียงคำสันนิษฐานที่ไร้ซึ่งหลักฐานของเธอ ไม่สามารถนำมาใช้เป็นข้อเท็จจริงได้ เหลียงซินสูดหายใจเข้าเต็มปอด ด้านหน้ามีหมาป่า ด้านหลังมีเสือ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถยอมแพ้ได้อย่างเด็ดขาด ต่อให้ยากกว่านี้ ก็ต้องยืดหยัดเดินต่อไป “เฉินห้าว หากพระองค์คิดว่าหม่อมฉันจะทำให้พระองค์พลอยลำบากไปด้วย ก็เขียนหนังสือหย่าให้กับหม่อมฉันสิเพคะ จากนั้นก็ต่างคนต่างเดิน ทางใครทางมัน ไม่ต้องมีความสัมพันธ์ใดๆต่อกันอีก” เหลียงซินหันกลับไปมองเขาครู่หนึ่ง พลางเลิกคิ้วสูงขึ้นยิ้มอย่างยียวนกวนประสาท “หุบปาก!หนังสือหย่า ทั้งชาตินี้ก็เป็นไปไม่ได้! เจ้าอย่าคิดที่จะไปหาเสด็จแม่ ไม่มีประโยชน์” คำพูดหนึ่งประโยคของเฉินห้าวทะลุเข้าไปยังความคิดข้างในจิตใจของเธอ ความคิดในใจถูกเขาดูออกหมดแล้ว เหลียงซินรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย ครู่นี้เธอยังคิดที่จะไปถามฮองเฮาให้ชัดเจนอยู่จริงๆ ตอนนี้ดูแล้ว ถึงแม้ว่าจะไป คาดว่าก็คงไม่มีประโยชน์ แต่ว่า ถึงแม้เฉินห้าวจะไม่ให้หนังสือหย่ากับเธอ เธอก็จะใช้พละกำลังที่มีอยู่ของตนเองออกไปจากวังสิงหวังให้ได้ รอดูต่อไปก็แล้วกัน สุดท้ายเธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก ในใจกลับกำลังแอบครุ่นคิดอะไรอยู่เล็กน้อย ทั้งสองคนกลับมาถึงวังสิงหวังพร้อมกัน ระหว่างทางต่างก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบที่แปลกประหลาด พอเข้าวังมา เซียงเสวี่ยนางกำนัลข้างกายเหลียงยินก็ตรงเข้ามาอย่างรีบร้อน ร้องห่มร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลระบายออกมาว่า “กราบทูลท่านอ๋อง ครู่นี้ตอนที่พระชายารองกลับมาก็ไข้ขึ้นไม่ลดเลยเพคะ ข้างบนอาเขียนข้างล่างท้องเสีย ใกล้จะไม่ไหวแล้วเพคะ!”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 32 ฝันหวานไปเถอะ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A