ตอนที่ 34 ลากไปตีให้ตาย
1/
ตอนที่ 34 ลากไปตีให้ตาย
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 34 ลากไปตีให้ตาย
ตนที่ 34 ลากไปตีให้ตาย เหลียงซินสามารถรับรู้ได้ อยากจะมีชีวิตรอดต่อไปในวังสิงหวังแห่งนี้ ยากเพียงไหน เธอเข้าใจจิตใจของหมิงชิวเป็นที่สุด ขนาดเป็นเธอ พระชายาเอกผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ ชีวิตในวังแห่งนี้ก็ยังไม่สู้ดีนัก นับประสาอะไรกับนางกำนัลผู้หนึ่งที่อยู่ข้างกายเหลียงยิน ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้หมิงชิวช่วยเธอออกปาก อยู่ข้างกายเหลียงยินต่อไปในวันข้างหน้าจะต้องไม่สามารถมีชีวิตที่ดีได้อย่างแน่นอน “ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า พรุ่งนี้ข้าจะคิดหาวิธีให้เจ้ามารับใช้ข้างกายข้า” วิธีที่ดีที่สุดก็คงมีเพียงวิธีนี้ หมิงชิวพยักหน้าด้วยความซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหลพราก หากยังลังเลอยู่นานจึงเอ่ยขึ้นว่า “แต่ว่าพระชายาเพคะ จะเอานางกำนัลสักคนมาจากที่ของพระชายารอง ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นนะเพคะ” แน่นอนว่าเหลียงซินก็พิจารณาถึงข้อนี้เอาไว้แล้ว หากในตอนแรกเธอย้อนเวลาเข้ามายังร่างของเหลียงยิน ไม่ใช่ร่างของเหลียงซินแล้วล่ะก็ เช่นนั้นคงไม่ใช่อยากได้อะไรก็ได้อย่างนั้นแล้วหรอกหรือ แต่โชคชะตากลับทำให้เธอย้อนมาสู่ร่างพระชายาเอกผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน ตอนนี้แม้กระทั่งอยากได้นางกำนัลสักคน ก็ยังต้องเปลืองแรงถึงเพียงนี้ เธอคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้นมา กระซิบที่ข้างหูของหมิงชิวสองสามประโยค ตอนนี้มีเพียงแค่วิธีการนี้ ถึงจะสามารถทำให้หมิงชิวมารับใช้ข้างกายได้อย่างราบรื่น กระทั่งหมิงชิวจากไป ชิวเยว่กับชุนฮวาทั้งสองคนก็รวมตัวกันเข้ามาถาม “พระชายาเพคะ พระองค์ทรงเชื่อว่าหมิงชิวจะมารับใช้ข้างกายพระองค์จริง แทนที่จะเป็นพระชายารองส่งมาหรือเพคะ?” ที่จริงแล้ว ครู่นี้เหลียงซินก็สงสัยเช่นนี้จริงๆ ทว่ามองดูท่าทีของหมิงชิวแล้วคงจะไม่ใช่การเสแสร้ง ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ตอนที่อยู่หน้าประตูพระราชวัง หมิงชิวก็ได้ช่วยเธอออกปากจริงๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นการเสแสร้ง เธอก็มีเป็นร้อยเป็นพันวิธีที่จะรับมือกับสถานการณ์ประเภทนี้ หากหมิงชิวต้องการจะลงมือทำอะไรที่นี่ นั่นไม่สามารถเป็นไปได้อย่างแน่นอน เธอ เหลียงซิน สิ่งที่รังเกียจที่สุดก็คือคนที่ละทิ้งคำมั่นสัญญา สลัดทิ้งซึ่งคุณธรรม เช้าวันต่อมา เหลียงซินก็ไม่ได้ทำตัวว่าง หลังจากให้คนหวีผมแต่งตัวอย่างลวกๆแล้ว ก็มายังห้องเครื่องกำกับให้นางกำนัลต้นเครื่องทั้งหลายต้มยา ใบสั่งยาเหล่านั้นที่เธอออกไปเมื่อวานมาถึงตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว เธอกำชับลงไปเป็นพิเศษว่า หลังจากเสวยอาหารเช้าไปแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถเสวยพระโอสถได้ ดังนั้นตอนนี้จึงเพิ่งได้เริ่มต้มยา เหลียงซินมองดูยาเหล่านี้ต้มเสร็จภายใต้สายตาของตนเอง จากนั้นก็ตามคนส่งยามาถึงยังตำหนักลั่วยิน ยังไม่ทันได้เปิดประตูก็ได้ยินเสียงร้องไห้แว่วๆดังสะท้อนออกมาจากด้านใน “เจ้ามันเป็นนางกำนัลที่สมควรตาย! กล้าดีถึงขนาดมาขโมยของของพระชายารองเลยเชียวรึ!ชีวิตน้อยๆของเจ้านี้ไม่ต้องการมันแล้วใช่หรือไม่?” เสียงตะคอกด้วยความโมโหของยายหวังดังขึ้นมาจากภายในห้อง เหลียงซินรู้อยู่แก่ใจว่าด้านในนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น ดังนั้นจึงไม่รีบร้อนที่จะผลักประตูเข้าไป หากแต่บอกให้ชุนฮวาไปเชิญเฉินห้าวมาที่นี่ จากนั้นเธอจึงค่อยเดินเข้าไป สิ่งที่พบมีเพียงหมิงชิวที่ถูกตีจนบาดเจ็บไปทั้งตัว หายใจอย่างรวยริน นี่เป็นสิ่งที่ไม่ว่าอย่างไรเหลียงซินก็คาดการณ์ไม่ถึงว่าเหลียงยินจะลงไม้ลงมือกับนางกำนัลผู้หนึ่งได้หนักถึงเพียงนี้ “เกิดอะไรขึ้น?ครึกครื้นกันขนาดนี้ตั้งแต่รุ่งเช้า” เหลียงซินเดินวนไปรอบห้องอย่างสบายอารมณ์ สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ยายหวัง ยายหวังเป็นนางกำนัลที่ติดตามเหลียงยินมาในวันแต่งงาน สถานะจึงสูงกว่าผู้อื่นไปโดยปริยาย ดังนั้นจึงเอ่ยออกมาอย่างไม่ได้แสดงว่าตนเองนั้นต่ำต้อยหรือหยิ่งทะนงว่า “ข้ารับใช้หมิงชิวผู้นี้ ขโมยเครื่องเงินของพระชายารอง หม่อมฉันกำลังอบรมสั่งสอนนางเพคะ” “ยายหวังเป็นข้ารับใช้ที่ดีอย่างที่คิดไว้จริงๆ กับนางกำนัลร่วมตำหนักยังสามารถลงมือได้หนักถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเจ้าได้ถามหมิงชิวแล้วหรือไม่ว่าเหตุใดต้องขโมยเครื่องประดับของพระชายารอง?” ยายหวังอุทานออกมาอย่างเย็นชา “ขโมยก็คือขโมย นางกำนัลที่มือไม้ไม่สะอาดเช่นนี้ ยังต้องถามเหตุผลอะไรอีกหรือเพคะ?” เหลียงซินมองดูท่าทางโมโหดุดันของนางแล้ว ก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก นึกไม่ถึงเลยว่าท่าทีที่ดุร้าย วางอำนาจของข้ารับใช้เก่า ผ่านไปนานขนาดนี้แล้วก็ยังไม่เลิก? “ถึงแม้ว่านางกำนัลหมิงชิวผู้นี้จะขโมยของจริง เจ้าก็ไม่สามารถใช้การประชาทัณฑ์ลงโทษนางกำนัลผู้นี้ตามอำเภอใจใช่หรือไม่?” เหลียงซินเดินขึ้นไปข้างหน้าอย่างช้าๆแล้วประคองหมิงชิวที่อยู่ด้านหน้าขึ้นมา “เหตุใดเจ้าต้องขโมยเครื่องเงินของพระชายารอง?” เมื่อดวงตาทั้งสี่ข้างประสานกัน เหลียงซินก็ใช้สายตาส่งสัญญาณให้กับนาง ครู่เดียวหมิงชิวก็ตอบสนองกลับมาว่าควรจะทำอย่างไร “กราบทูลพระชายา หม่อมฉันได้ยินพระชายาตรัสเมื่อวานนี้ว่าพระชายารองมีความชื้นในพระวรกายค่อนข้างสูง หากทรงสวมเครื่องเงินก็จะทำให้พระอาการหนักขึ้น ดังนั้นหม่อมฉันจึงเก็บรวบรวมเครื่องเงินของพระชายารอง คิดว่าจะส่งให้กับยายหวัง นึกไม่ถึงว่ายายหวังกลับบอกว่าหม่อมฉันขโมยของของพระองค์ท่าน หม่อมฉันไม่มีความกล้าที่จะขโมยของอย่างเด็ดขาดเพคะ!” หมิงชิวพูดอย่างมีเหตุผลและหลักฐาน สำคัญกว่านั้นก็คือ เมื่อวานเหลียงซินก็ได้พูดประโยคนี้ออกมาแล้วจริงๆ ดังนั้นจึงไม่สามารถทำให้ใครสงสัยได้ พอดีกับที่กำลังพูด เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นและมั่นคงก็ดังสะท้อนมาจากทางด้านนอกประตู ลมพัดมาวูบหนึ่งก็หายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องดูก็รู้ว่าใครมา “เช้าตรู่เช่นนี้ ทะเลาะอะไรกัน?” คิ้วทรงกระบี่ของเฉินห้าวขมวดเข้าหากัน กวาดตามองบริเวณรอบๆทั้งสี่ด้านด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง สายตาที่ดุจดังปลายมีดของเขา สุดท้ายก็มาตกอยู่ที่เหลียงซิน ราวกับว่าเธอนี่แหละที่เป็นต้นเหตุของเรื่องยังไงอย่างงั้น เหลียงซินยืนตัวตั้งตรง มองไปที่เขาอย่างไม่สะทกสะท้าน “พระชายารองไม่แยกแยะว่าอะไรถูกหรือผิดทุบตีคนไปทั่ว ใส่ร้ายนางกำนัลของตนเองว่าขโมยเครื่องประดับ ท่านอ๋องจะทรงมาตัดสินผิดถูกให้ได้หรือไม่เพคะ?” ในใจของเธอรู้ว่า เฉินห้าวไม่มีทางตำหนิเหลียงยินอย่างแน่นอน ทว่าอย่างไรก็ต้องหาวิธีจัดการกับนางกำนัลผู้นี้ ถึงเวลานั้นเธอก็ถือโอกาสพายเรือตามน้ำตามกระแสไปตรงๆว่าต้องการหมิงชิว “นางกำนัลขโมยของ ลากไปตีให้ตายก็หมดเรื่องแล้ว เรื่องพรรณ์นี้ยังคู่ควรให้ข้าต้องมาเอ่ยถามถึงอีกรึ?” เฉินห้าวมองไปยังเหลียงซินอย่างไม่สบอารมณ์ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่แยแส ประโยคที่ดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงปัญหาสำคัญของเขา ทำให้เหลียงซินรู้สึกกลัวจนหนังศีรษะชา ที่แท้หนึ่งชีวิตในสายตาของเขาดุจดั่งต้นหญ้าที่ไร้ค่า จะบอกว่าฆ่าก็ฆ่า จะบอกว่าตีก็ตี เหลียงซินเพิ่งจะเข้าใจว่า หมิงเยว่ในตอนนั้นเหตุใดจึงยากที่จะหลีกหนีความตายพ้น คิดดูแล้ว ในวังแห่งนี้ คนที่ถูกเข้าใจผิดจนกระทั่งถึงแก่ความตายคงจะมีไม่น้อย “ท่านอ๋องเพคะ พระองค์จะไม่ทรงตรวจสอบสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้นจริงหรือเพคะ?จะให้นางกำนัลผู้หนึ่งเสียชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้หรือเพคะ?" เธอกลั้นหายใจ รู้สึกชิงชังความชั่วร้ายนับหมื่นเหล่านี้ในสังคมระบอบทาส “นางกำนัลเพียงคนเดียวเท่านั้น มีค่าพอให้ข้าไปตรวจสอบ?” เฉินห้าวพูดด้วยความดูหมิ่น ถึงขั้นรู้สึกว่ามองเพียงครู่เดียวก็ยังไม่มีความจำเป็น “จะตรวจหรือว่าไม่ตรวจสอบ ความจริงก็จะต้องปรากฏออกมาอยู่ดีเพคะ” เหลียงซินมองไปยังหมิงชิวที่อยู่ด้านข้าง ส่งสัญญาณให้นางเข้ามา “เจ้านำเรื่องที่เกิดขึ้นครู่นี้ ตั้งแต่ต้นจนจบพูดให้ท่านอ๋องฟังอย่างชัดเจน” ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ก็มีเพียงบังคับให้เฉินห้าวฟังหมิงชิวอธิบาย เช่นนั้นตอนจบก็ไม่ใช่การล้อเล่น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม วันนี้เธอจะต้องปกป้องหมิงชิวไว้ให้ได้ นีคือคำสัญญาที่เธอเคยได้ให้ไว้ และยังเป็นความเชื่อมั่นที่อยู่ภายในจิตใจของเธอ รอจนกระทั่งหมิงชิวพูดจบ คิ้วของเฉินห้าวก็เลิกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาที่ยาวและแคบของเขากลับตกลงมาอยู่บนใบหน้าของเหลียงซิน จากนั้นก็เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “เช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอย่างไร?” “ในเมื่อนางกำนัลผู้นี้ไม่ได้ขโมยของ และยังรู้วิชาแพทย์อยู่บ้างเล็กน้อย หม่อมฉันจึงอยากเก็บนางมาไว้ข้างกาย เวลาช่วยชีวิตคนในภายภาคหน้า ก็จะได้มีผู้ช่วยสักคนเพคะ” เหลียงซินกลับไม่ได้ใช้น้ำเสียงในเชิงหารือ แต่กลับเป็นน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นว่าจะต้องได้ ไม่ว่าวันนี้เฉินห้าวจะรับปากหรือไม่ เธอก็จะต้องได้นางกำนัลผู้นี้ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่สามารถหาวิธีที่จะมาขัดขวางเธอได้ ทว่า ผลลัพธ์กลับทำให้เธอตกใจเป็นอย่างยิ่ง เฉินห้าวไม่ได้ทำให้เธอลำบากใจ ก็รับปากอย่างง่ายดายเช่นนี้ “เช่นนั้นก็ทำตามความหมายของเจ้า” เขาพยักหน้าเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าจะสำเร็จง่ายดายถึงเพียงนี้ เดิมทีเหลียงซินบ่มเพาะเหตุผลตั้งมากมายขนาดนั้น ล้วนไม่มีโอกาสที่จะได้พูดออกไป เพียงแต่ อยู่ๆเฉินห้าวก็ประชิดเข้ามาที่ข้างใบหูของเธอ แล้วพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า “อย่านึกว่าข้าดูไม่ออกว่าเจ้ากำลังเล่นละครอะไรอยู่ นางกำนัลผู้นี้ ก็ถือเป็นสิ่งที่ข้ามอบให้แก่เจ้าก็แล้วกัน” เขาขยับเข้ามาใกล้มาก จนลมหายใจอุ่นๆรดลงมาที่ข้างใบหูของเธอ รวมถึงกลิ่นที่คุ้นเคยเป็นพิเศษจากร่ายกายของเขา ทำให้เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่งด้วยร่างกายที่แข็งทื่อ นึกไม่ถึงเลยว่า เขาจะดูออกว่านี่เป็นเพียงกับดักที่เธอสร้างขึ้นได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเพราะเหตุใดเขาถึงไม่ได้ขัดขวาง กลับยังรับปากความต้องการของเธออีก? นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เหลียงซินไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง ถึงขั้นกลัดกลุ้มใจอยู่เล็กน้อย พอดีกับตอนที่เธอกำลังจะพูด เอ่ยถามอย่างชัดเจนนั้น อยู่ๆด้านหลังก็ดังสะท้อนเสียงอันนุ่มนวลขึ้นมาว่า “ท่านอ๋องเพคะ ไม่ว่าอย่างไรนางกำนัลผู้นี้ก็เป็นคนในตำหนักของหม่อมฉัน ไม่ว่าจะทำความผิดอะไร ก็ยังเป็นคนของหม่อมฉันอยู่ หากไปรบกวน ท่านพี่เช่นนี้ เกรงว่าจะไม่ดีจริงๆเพคะ” ในเวลานี้ เหลียงยินเริ่มนึกรู้สึกเสียดายในสิ่งที่ทำลงไปขึ้นมา แสร้งทำทีเป็นแม่พระ จะรับนางกำนัลที่ครู่นี้ถูกตีกลับคืนไป แต่น่าเสียดาย ช้าไปเสียแล้ว เหลียงซินหมุนตัว หันไปส่งยิ้มที่เย็นชาให้กับนาง “ครู่นี้ตอนที่ทำร้ายคน ไม่ยักจะเห็นน้องพูดเช่นนี้ ตอนนี้กลับอยากจะมาแสร้งเป็นคนดี?ตีหน้าตัวเองช่นนี้เจ็บไหม?” ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ สีหน้าของเหลียงยินก็เริ่มไม่ค่อยสู้ดีนัก ทว่า ภาพลักษณ์ภายนอกก็ยังต้องแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น สงบเยือกเย็น ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ก็ไม่สามารถแสดงความโกรธได้ “ท่านพี่สั่งสอนได้ถูกต้องแล้วเพคะ ต่อไปน้องไม่กล้าทำอีกแล้ว” นางพูดพลางกัดริมฝีปาก ก้มหน้าเล็กน้อย มองดูด้วยสายตาที่คล้อยตาม สุดท้าย นางไม่เพียงแต่ต้องมองดูเหลียงซินพาคนจากไปอย่างไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ หากแต่ยังต้องดื่มยาที่ทำจากแมลงชนิดต่างๆภายใต้สายตาทั้งหลายที่เฝ้ากำกับดูแล หลังจากดื่มหมด สีหน้าทั้งใบของนางก็เปลี่ยนเป็นแย่ลงในทันที จนกระทั่งทุกคนจากไป เหลียงยินรีบเรียกยายหวังรินน้ำหวานถ้วยใหญ่ให้นางถึงสองสามถ้วย สีหน้าจึงเรียกได้ว่าดีขึ้นมาหน่อย ดวงตาของเหลียงยินพร่าเลือนไปด้วยน้ำตา ทั้งยังเอนพิงลงไปบนหมอน ดูแล้วเจ็บปวดทุกข์ใจมากเป็นพิเศษ “พระชายารอง ทำให้พระองค์ทรงทุกข์พระทัยแล้ว” ยายหวังตบแผ่นหลังของนางเบาๆด้วยความปวดใจ ใบหน้าทั้งเต็มไปด้วยความรักและห่วงใย ทั้งความเคียดแค้นชิงชังศัตรู “ยายหวัง ข้าได้รับความทุกข์เพียงเท่านี้ไม่เป็นอะไรหรอก เพียงแต่ว่าท่านอ๋อง ช่วงนี้พระองค์ดูเหมือนจะโปรดปราณท่านพี่เป็นพิเศษ ไม่ว่าท่านพี่จะพูดอะไร พระองค์ก็ทรงรับฟัง แม้กระทั่งเรื่องนางกำนัลนี้ก็ด้วย” เหลียงยินพูดไปร้องไห้ไป ราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างใหญ่หลวง ยายหวังเห็นท่าทีที่อ่อนแอเช่นนี้ของนาง ในใจก็เจ็บปวดอย่างสาหัส จะดีจะร้ายนางก็เป็นถึงบุตรสาวของฮูหยิน จะมาได้รับความไม่เป็นธรรมที่หนักหนาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? “พระชายารอง พระองค์ไม่ต้องกังวลพระทัยเพคะ นางกำนัลผู้นี้แม้จะถูกพระชายานำตัวไปแล้วก็ไม่เป็นไร นางยังคงเป็นคนของเรา เพียงแต่ถูกหม่อมฉันซื้อตัวไว้ ไปเป็นสายให้กับพวกเราเท่านั้นเองเพคะ ช่างพอดีกับความตั้งใจของเราเสียจริง!” ยายหวังเผยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ชั่วร้ายออกมา “อ๊ะ?” เหลียงยินแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มือกำผ้าเช็ดหน้ามองไปที่ยายหวังด้วยความตกใจ “นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” ยายหวังยิ้มอย่างเย็นชาจนรอยย่นบนใบหน้าขมวดเข้าหากัน “พระชายารองเพคะ นางกำนัลผู้นี้เดิมทีเป็นน้องสาวของหมิงเยว่ที่ถูกขับไล่ออกจากวังไป คอยรับใช้อยู่ในตำหนักลั่วยินมาโดยตลอด คืนวันนั้นหม่อมฉันเห็นนางไปหาพระชายา จึงนำเงินหนึ่งร้อยตำลึงมอบให้นางเป็นสายให้กับเรา และยังรับปากนางว่าเพียงแค่ทำเรื่องนี้สำเร็จ ก็จะส่งนางออกไปจากวังแห่งนี้เพคะ”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 34 ลากไปตีให้ตาย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A