ตอนที่ 35 การถูกใส่ร้ายที่แสนทรมาน
1/
ตอนที่ 35 การถูกใส่ร้ายที่แสนทรมาน
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 35 การถูกใส่ร้ายที่แสนทรมาน
ตนที่ 35 การถูกใส่ร้ายที่แสนทรมาน เหลียงยินได้ยินดังนั้น สีหน้าที่ครู่นี้ยังหดหู่ คราวนี้ถือว่าดีขึ้นในที่สุด นางกุมมือของยายหวังด้วยความซาบซึ้งใจเล็กน้อย “ยายหวัง ท่านดีกับข้าขนาดนี้ คิดคำนึงถึงข้าในทุกด้าน ข้าไม่รู้จริงๆว่าจะขอบใจท่านอย่างไรถึงจะดี” ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ยายหวังก็ยิ้มขึ้นมาในทันที ในใจราวกับถูกใส่น้ำผึ้งเข้าไปก็ไม่ปาน แม้กระทั่งต่อให้วินาทีต่อไปจะให้นางไปตายก็ยินดี “พระชายารอง พระองค์อย่าได้ทรงตรัสเช่นนี้เลยเพคะ ยกยอหม่อมฉันเกินไปแล้ว ชีวิตอันต่ำต้อยของหม่อมฉัน ตายไปก็ไม่มีค่าพอให้เสียดายหรอกเพคะ ความหวังเพียงหนึ่งเดียวก็คือพระองค์สามารถมีชีวิตที่ดีได้เพคะ” ยายหวังพูดไปพูดมาก็ตื้นตันใจจนน้ำตาไหลพราก นางตามรับใช้ข้างกายฮูหยินมาตั้งแต่เล็ก เหลียงยินก็เป็นเด็กที่นางเห็นมาจนเติบใหญ่ราวกับลูกสาวแท้ๆของนางคนหนึ่ง ดังนั้นแม้ว่าในอนาคตนางใกล้จะตายลงไป ก็ต้องปูทางทั้งหมดให้กับเหลียงยินให้ได้ หลังจากพาหมิงชิวออกมาจากตำหนักลั่วยิน เหลียงซินก็มุ่งตรงกลับมายังตำหนักเจียวหยาง เพียงแต่ว่า ตลอดทางนั้น ในสมองของเธอต่างก็ปรากฏคำพูดนั้นของเฉินห้าวขึ้นอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เธอไม่สามารถที่จะสงบลงได้อยู่นาน นับวันเธอยิ่งจะคาดเดาความคิดในใจของเขาไม่ออกจริงๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังๆมานี้ ก่อนหน้านี้ท่าทีที่เขามีต่อเธอราวกับปฏิบัติต่อศัตรู นักโทษก็ไม่ปาน ทว่าช่วงนี้เขาปฏิบัติต่อเธอ อดทนอดกลั้นทุกเรื่อง อ่อนข้อให้ทุกอย่าง ทั้งยังยอมตามใจเธออยู่บ้าง วันนี้ทั้งๆที่ดูละครของเธอออก แต่กลับยังนำหมิงชิวนางกำนัลผู้นี้มอบให้กับนาง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? “พระชายา หม่อมฉันอยู่ด้านในนี้รับใช้พระองค์นะเพคะ!” หลังจากเข้ามายังตำหนักเจียวหยางแล้ว หมิงชิวก็เสนอว่าจะรับใช้อยู่ด้านในออกมาด้วยตนเอง ทว่า ตลอดมานี้คนที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายของเหลียงซินต่างก็เป็นชุนฮวาและชิวเยว่ ฉะนั้นเธอจึงไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะปฏิเสธออกไป สีหน้าของหมิงชิวเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็กลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว เหลียงซินนึกว่าตนเองดูผิดไป ทว่าความเย็นชาที่ปรากฏขึ้นและดับลงนั้น ราวกับตราประทับอันหนึ่งประทับลงบนใจของเธอ ให้ เธอไม่สามารถที่จะมองข้ามไปได้ เธอยินดีที่จะเชื่อว่าตนเองนั้นดูผิดไป แต่จะไม่ยอมเชื่อว่าหมิงชิวจะมีความรู้สึกไม่พอใจต่อเธออย่างเด็ดขาด “พระชายาเพคะ ครู่นี้หม่อมฉันเข้ามาจากประตูด้านนอก เห็นหมิงชิวไม่รู้ว่ากำลังรื้อค้นอะไรอยู่ในห้องเครื่องเล็ก พระองค์จะเสด็จไปดูสักหน่อยไหมเพคะ?” ชิวเยว่ประคองถ้วยน้ำชาเข้ามาจากประตูด้านนอก พลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย เหลียงซินกลับทำเพียงแค่ส่ายศีรษะ “คงจะหิวแล้วล่ะมั้ง ปล่อยนางไปเถอะ” ชิวเยว่กับชุนฮวาสบตากันอย่างเงียบๆ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา อย่างไรก็ตามพวกนางมีหน้าที่แค่เพียงเชื่อฟังพระชายา พระชายาให้พวกนางทำสิ่งใด พวกนางก็ทำสิ่งนั้น ตั้งแต่ที่เหลียงยินถูกเธอรักษาโดยการให้ดื่มยาไปหลายถ้วยแล้วนั้น ช่วงหลายวันมานี้ปฏิบัติตัวอยู่ในขอบเขตดีไม่น้อย ทั้งไม่ได้มาก่อกวนเธอที่ตำหนักเจียวหยาง ยิ่งไม่ได้เจ็บป่วยร้องปวดไม่เว้นวันอย่างก่อนหน้านี้ ส่วนเฉินห้าวสองวันมานี้ก็วิ่งวุ่นอยู่ในวังหลวง ได้ยินมาว่าช่วงสองวันมานี้ฮ่องเต้ทรงติดเชื้อไข้หวัด ดูไม่มีทีท่าว่าจะทรงหายจากพระอาการ และมีเพียงเหลียงซินเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลายวันมานี้ เธอกลับว่างอย่างต่อเนื่อง ไม่มีคนรบกวนเธอ และไม่มีใครหาเรื่องเดือดร้อนมาให้กับเธอ พอดีกับที่จะให้เธอมีเวลาได้ฝึกตำราเคล็ดลับวิชาอู่กง(ศิลปะการต่อสู้ของจีน)ที่คราวก่อนพี่ชายนำมาให้กับเธอสักหน่อย เคล็ดวิชากำลังภายในของครั้งที่แล้ว เธอเพียงฝึกซ้อมไปแค่นิดเดียวเท่านั้น ก็รู้สึกทั่วทั้งร่างกายได้เชื่อมเข้าหากัน รู้สึกว่าเส้นลมปราณเหริ่นและเส้นลมปราณตูของเธอได้เชื่อมต่อกันแล้ว ครั้งนี้ สิ่งที่เธอต้องการจะเรียนก็คือขั้นที่สาม ระดับความยากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วมากขึ้นแน่นอน เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เธอคาดคิดไม่ถึงก็คือ ความสามารถในการรับสิ่งต่างๆของร่างกายนี้ดีอย่างไร้ที่เปรียบ สมกับที่เป็นทายาทของตระกูลที่สืบทอดวิชาการต่อสู้ เพียงแค่นิดๆหน่อยๆ ร่างกายก็รู้สึกเหมือนอะไรก็ทำได้แล้วไปหมดเสียทุกอย่าง น่าอัศจรรย์จริงๆ “พระชายาเพคะ ดอกไม้ในสวนต่างก็ผลิดอกออกหมดแล้ว พระองค์ทรงประทับอยู่ด้านในห้องทั้งวันพระวรกายจะไม่ดีเอานะเพคะ ออกไปเที่ยวเล่นชมสวนสักหน่อยดีไหมเพคะ?” ในวันนั้น ขณะเหลียงซินกำลังฝึกฝนอยู่ สิ่งที่เห็นก็คือหมิงชิวที่คอยรับใช้อยู่ด้านนอกประตูมาตลอดอยู่ๆก็ผลักประตูออกและเข้ามา ทำให้เธอตกใจเสียยกใหญ่ โชคยังดีตอนที่เธอกำลังฝึกอยู่นั้น ต่างก็อยู่บนเตียงและยังดึงม่านลงมา ฉะนั้นจึงไม่สามารถทำให้คนเห็นได้ชัดเจนนัก เพียงแต่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอยังคงรู้สึกว่าในตัวหมิงชิวมีปัญหาอะไรสักอย่าง ทว่า กลับไม่สามารถพูดให้กระจ่างออกมาได้ “แดดในวันนี้กำลังพอดี ถ้าไม่อย่างนั้นก็ออกไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้กันเถิดเพคะ” เหลียงซินเก็บตำราเคล็ดลับวิชาอู่กงลง เปลี่ยนเสื้อคลุมที่ดูค่อนข้างผ่อนคลายเล็กน้อย จากนั้นก็มายังสวนดอกไม้ ไม่พูดถึงไม่ได้ สวนดอกไม้ที่วังสิงหวังแห่งนี้สวยเกินคำบรรยายจริงๆ ปลูกดอกไม้สดกว่าร้อยชนิด ในฤดูใบไม้ผลิดอกไม้ทุกชนิดผลิดอกประชันขันแข่ง งดงามเป็นอย่างยิ่ง เหลียงซินเดินอยู่ระหว่างหมู่มวลผกา กลิ่นหอมฟุ้งลอยปะทะขึ้นมาบนใบหน้า ดูราวกับว่าเธอคือเทพธิดาแห่งดอกไม้ก็ไม่ปาน เคลิบเคลิ้มอยู่ในสวนแห่งนี้ส่องสะท้อนซึ่งกันและกันกับวิวทิวทัศน์ที่งดงาม แต่เพียงครู่เดียว ก็มีหญิงสาวที่อ่อนช้อยงดงามเดินมาไกลๆ นางสวมชุดสีขาวโพลนราวกับหิมะที่ปกคลุม ท่าทีที่นุ่มนวล งดงามดึงดูดใจคน จนถึงขั้นสามารถทำให้คนหลงรักได้ นางถึงจะเป็นเครื่องประดับที่งดงามที่สุดในสวนที่มีสีสันตระการตาแห่งนี้ “ท่านพี่ก็มาชมดอกไม้ที่นี่เหมือนกัน เป็นน้องที่ล่วงเกินแล้วเพคะ” เหลียงยินยิ้มเล็กน้อยพลางทำความเคารพตามธรรมเนียม “ทิวทัศน์ที่งดงามทุกคนล้วนชมได้ มีอะไรล่วงเกินไม่ล่วงเกินกัน ร่างกายของน้องหญิงคงจะดีขึ้นเยอะแล้ว ถึงได้มีกระจิตกระใจออกมาชื่นชมดอกไม้เช่นนี้” เหลียงซินมองทอดยาวออกไปยังหมู่มวลดอกไม้ที่กำลังผลิดอกประชันกัน มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเป็นมุมเรเดียน “ท่านพี่ตรัสได้ถูกต้องเป็นอย่างยิ่งเพคะ น้องก็อยากจะชมทิวทัศน์ในสวนเช่นกันจึงได้มาที่นี่ ท่านพี่คงไม่ถือโทษนะเพคะ?” ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม เหลียงยินต่างก็แสดงเป็นตัวละครที่อ่อนแอเสมอ เหลียงซินมองดูเธออยู่ครู่หนึ่ง ในแววตาแสดงถึงความไม่แยแสอยู่เล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นก็คือขี้เกียจจะตอบคำถามนี้ของนาง “น้องหญิงอย่าแสร้งแสดงท่าทีอ่อนแอทำตัวน่าสงสารให้บ่อยนัก มันดูเหมือนกับว่าข้ากำลังรังแกเจ้ายังไงอย่างงั้น พูดจาเช่นนี้เจ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือ?อย่างไรเสียวันนี้เฉินห้าวก็ไม่อยู่ พวกเราก็มาเปิดอกคุยกันจะดีกว่า” เหลียงยินมองไปที่เธออย่างตกตะลึง ใบหน้าที่ดึงดูดใจผู้คนฉายแววความไม่เข้าใจออกมา “ท่านพี่ พระองค์กำลังรับสั่งอะไรอยู่กันแน่เพคะ?น้องฟังไม่เข้าใจแม้แต่ประโยคเดียว” เหลียงซินจนปัญญา เธอพูดได้กระจ่างแจ้งถึงเพียงนี้แล้ว นึกไม่ถึงว่านางก็ยังจะแสดงต่อไป ได้ ในเมื่อแสดงได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เช่นนั้นเธอก็จะแสดงเป็นเพื่อน ดูว่าใครจะแสดงได้ถึงตอนสุดท้าย “ไม่มีอะไรจ้ะ เพียงแต่รู้สึกว่าท่าทางเช่นนี้ของเจ้า ทำให้ข้าเห็นแล้วยังรู้สึกว่าน่ารัก สวยงาม น่าดึงดูดใจ เฉินห้าวจะต้องพอพระทัยเจ้ามากเป็นแน่ หากสามารถให้กำเนิดบุตรแก่เขาได้ เช่นนั้นก็คงจะยิ่งดี” เหลียงซินมองไปที่นางขึ้นๆลงๆอย่างพิจารณา “เพียงแต่ว่า ร่างกายของเจ้าในตอนนี้ ดูเหมือนจะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ เช่นนี้แล้วก็ช่างน่าเสียดายจริงๆ” ในวินาทีที่คำพูดนี้ร่วงหล่นออกมา สีหน้าที่แต่เดิมก็ซีดเซียวของเหลียงก็พลันเปลี่ยนเป็นซีดยิ่งกว่ากระดาษขาวในทันที การไม่สามารถให้กำเนิดบุตร เป็นความทุกข์ทรมานที่หนักที่สุดในชีวิตของนาง หากไม่ใช่เพราะเรื่องในปีนั้น นางก็คงไม่สูญเสียทุกสิ่งที่งดงามที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิงไป นี่เป็นสิ่งที่นางเสียดายมากที่สุด ทว่า หากไม่มีเรื่องในปีนั้น นางก็คงไม่สามารถได้แต่งงานกับเฉินห้าว ตอนนี้มาถูกคนผลีผลามเอ่ยถึงเรื่องการให้กำเนิดบุตรเช่นนี้ ในใจของเหลียงยินแท้จริงแล้วเจ็บปวดยิ่งนัก ทว่า คนที่เคยชินกับการสวมหน้ากากอย่างนางแล้ว ในท้ายที่สุดก็ยังสามารถแสดงถึงความสงบได้อย่างผิดแผกจากคนธรรมดาทั่วไป “เพียงแค่ในใจของท่านอ๋องมีหม่อมฉัน หม่อมฉันก็รู้สึกเพียงพอแล้ว ใช่หรือไม่เพคะ ท่านพี่” เหลียงยินสูดหายใจเข้าเต็มปอด ริมฝีปากแดงเอ่ยขึ้น ราวกับกำลังโอ้อวดถึงการได้รับความรักของตนเอง “เจ้าคิดได้เช่นนี้ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว คนเราใช้ชีวิตในโลก ก็มักจะมีบางอย่างที่จะต้องเปิดใจกว้างสักหน่อย” เหลียงซินปัดแขนเสื้อเล็กน้อย จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปยังริมสระบัวที่อยู่ด้านข้างสวนดอกไม้ ดอกบัวที่อยู่ในสระผลิดอกได้อย่างอุดมสมบูรณ์และสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ทุกดอกล้วนราวกับว่าบนฟ้าได้ใส่ใจดูแลเป็นอย่างดีจนออกดอกลงมา เหลียงซินจับจ้องไปยังดอกบัวที่อยู่ในสระ “ท่านพี่ พระองค์ตรัสได้ถูกต้องแล้วเพคะ มักจะมีบางสิ่งที่จำเป็นจะต้องเปิดใจกว้าง ก็เหมือนกับเรื่องที่หม่อมฉันไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ ส่วนพระองค์ก็ต้องเปิดใจกว้างสักหน่อยว่าเรื่องในปีนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระองค์เลย เป็นเพราะหม่อมฉัน...” ยังไม่ทันที่นางจะพูดจบ ทันใดนั้นนางก็จับเอามือของเหลียงซินดึงไปทางข้างกายของตน ตามมาด้วยทั้งร่างของนางก็ร้องขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตกใจและพลิกตัวลงไปในสระทันที ยังไม่ทันที่จะเห็นอะไรได้อย่างชัดเจน ก็ได้ยินเสียง “ตู้ม” ละอองน้ำสาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศ ยังไม่ทันได้คาดการณ์อะไร เหลียงยินก็ล้มตกลงไปในสระบัวแล้ว นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน? อยู่ดีๆก็ตกลงไปในน้ำ? สติของเหลียงซินยังไม่ทันได้กลับมา ชายเสื้อที่อยู่ด้านหลังก็ปลิวพลิ้วขึ้น ตามมาด้วยร่างที่สวมชุดที่ม่วงเข้มหันเข้าไปทางด้านในน้ำ “ตู้ม” ครู่เดียวก็กระโดดตามเข้าไป นั่นคือเฉินห้าว? คิ้วทรงกระบี่ของเขาขมวดเข้าหากันแน่น ดึงเหลียงซินที่ทั้งอ่อนแอและดูอ่อนเพลียอยู่ในน้ำขึ้นมาบนฝั่ง สิ่งที่เห็นก็คือคนสองคนที่ร่างกายเปียกชุ่มไปทั้งตัว และใบหน้าซีดขาว หายใจรวยระรินของเหลียงยิน “เหลียงซิน!คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะผลักเหลียงยินลงไปในน้ำเลยเชียวรึ?หรือว่าเจ้าเบื่อการมีชีวิตแล้วใช่หรือไม่?” เฉินห้าวกัดฟันแน่น จ้องไปที่เธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตขึ้นเรื่อยๆ “หม่อมฉันเปล่า!” เหลียงซินแก้ตัวในทันที “ข้าต่างก็เห็นมากับตา เจ้ายังไม่ยอมรับอีกรึ?เจ้ามันเป็นหญิงจิตใจอสรพิษ!” เฉินห้าวอุ้มเหลียงยินขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง ไม่ต้องคิดก็รู้ได้ในทันทีว่าครู่นี้เธอถูกเหลียงยินใส่ร้ายเข้าให้แล้ว เมื่อครู่นี้เหลียงยินจับมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อย จนกระทั่งเมื่อเฉินห้าวเดินเข้ามาจากทางด้านหลัง ก็แสร้งจงใจปล่อยมือที่จับเอาไว้แน่นของนาง จากนั้นก็ล้มลงไปในทางสระบัว เป็นนักแสดงมืออาชีพอย่างที่คิดไว้จริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะแสดงได้อย่างไม่มีช่องโหว่จนเธอดูไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว แต่นี่ก็ทำให้ร่างกายที่อ่อนแอของเหลียงซินลำบากไม่น้อยเลยทีเดียว ในต้นฤดูใบไม้ผลิที่มีลมหนาวเช่นนี้ ยังจะแสดงฉากตกน้ำ ช่างทุ่มสุดตัวเลยจริงๆ “หม่อมฉันบอกว่าเปล่าก็คือเปล่า หากพระองค์ไม่เชื่อ หม่อมฉันก็ไม่สามารถทำอะไรได้” เหลียงซินหันหน้าหนีอย่างดื้อรั้น เธอไม่เพียงแต่จะไม่ยอมรับ หากยังจะหาหลักฐานพิสูจน์ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องไม่จริงให้ได้ ”ส่งคนมา นำตัวพระชายาลงไปคุกเข่าในน้ำหนึ่งชั่วยาม ให้นางได้ลิ้มลองรสชาติของการตกลงไปในน้ำดู!” เฉินห้าวโมโหจนหน้าดำคร่ำเครียดออกคำสั่งกับข้ารับใช้ที่อยู่ด้านข้าง หลังจากพูดจบก็หันตัวเดินจากไป สีหน้าที่แข็งกร้าวของเหลียงซินไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ยังคงสงบนิ่งมองไปยังด้านหน้า ใบหน้าไร้ความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น ชิวเยว่ที่ได้เห็นทุกสิ่งกับตาอยู่ด้านหลังร้องห่มร้องไห้พลางพูดโน้มน้าวว่า ”พระชายาเพคะ หม่อมฉันดูออกว่าท่านอ๋องไม่ได้ตั้งใจอยากจะให้พระองค์ได้รับโทษจริงๆ เหตุใดพระองค์จึงไม่ยอมอ่อนข้อให้กับท่านอ๋องเล่าเพคะ?” “ยอมอ่อนข้อให้คนกากๆพรรค์นั้น ถึงจะเป็นการดูหมิ่นตนเอง” ลงโทษด้วยน้ำก็ลงโทษด้วยน้ำ เธอก็ไม่ใช่ว่าจะทนไม่ไหวสักหน่อย! “คนกากๆ?คืออะไรเพคะ?” เยว่ชิวพูดซ้ำอีกรอบ คงไม่ใช่ว่าพระชายาถูกทำให้ตกใจกลัวจนสมองผิดปกติไปแล้วนะ? ไม่นาน หัวหน้าข้ารับใช้ก็มาคุมเหลียงซินไปรับโทษ การลงโทษด้วยน้ำเป็นวิธีการลงโทษที่รุนแรงที่สุดในช่วงเวลาอันเหน็บหนาว หากต้องแช่เป็นเวลาหนึ่งชั่วยามแล้วล่ะก็ ตอนที่ลุกขึ้นมาอีกครั้งขาทั้งสองข้างก็คงไร้ประโยชน์ไปแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิ สรรพสิ่งฟื้นคืน แต่ว่าอากาศก็ยังคงหนาวไปถึงกระดูก แช่อยู่ในน้ำเย็นเช่นนี้ ถึงแม้ขาทั้งสองช้างจะไม่เสียหาย ก็คงเปลี่ยนเป็นพิการ โชคยังดีที่เหลียงซินได้เรียนเคล็ดวิชากำลังภายในขั้นที่สามเรียบร้อยแล้ว มีการปกป้องภายในร่างกาย ถึงแม้จะให้คุกเข่าในน้ำเป็นเวลาสองชั่วยาม ทั่วทั้งร่างกายบนล่างก็ยังคงอบอุ่นอยู่ “พระชายา หม่อมฉันจะไปขอร้องท่านอ๋อง ให้ท่านอ๋องอภัยให้พระองค์ คุกเข่าต่อไปเช่นนี้จะทนไม่ไหวเอานะเพคะ!” ชิวเชว่ทนดูต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ รีบร้อนหันหลังกลับเดินไปทางตำหนักลั่วยินในทันที เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า ยังไม่ทันจะได้ออกไปจากสถานที่ลงโทษก็วิ่งกลับเข้ามาอีกครั้งพลางพูดด้วยความตกตะลึงว่า “พระชายา ท่าน...ท่านชายมาเพคะ!”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 35 การถูกใส่ร้ายที่แสนทรมาน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A