ตอนที่ 38 รักษาพระสนมเอก
1/
ตอนที่ 38 รักษาพระสนมเอก
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 38 รักษาพระสนมเอก
ตนที่ 38 รักษาพระสนมเอก องค์หญิงรุ่ยเหอล้มศีรษะกระแทกลงกับพื้น เจ็บจนอวัยวะทุกอย่างบนใบหน้าขมวดเข้าหากันราวกับรอยย่นของซาลาเปาลูกหนึ่ง นางสูงศักดิ์เป็นถึงองค์หญิง ตั้งแต่เล็กจนโตต่างก็ไม่เคยได้รับความรู้สึกไม่เป็นธรรมเช่นนี้ ตอนนี้ไม่เพียงแต่หกล้มลง ยังจะต้องเอ่ยขอโทษเหลียงซินอีก นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? “เฮอะ หม่อมฉันเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงส่ง มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเอ่ยคำขอโทษให้กับหญิงผู้นี้?พี่ห้า พระองค์อย่าอาศัยว่าเสด็จพ่อทรงโปรดปรานพระองค์ ก็จะสามารถทำทุกอย่างตามอำเภอใจได้นะเพคะ” ดวงตาทั้งสองข้างของเธอเริ่มแดงขึ้นมาเล็กน้อย ทว่ากลับทะนงตนไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ นัยน์ตาที่แสนเย็นชาของเฉินห้าวหรี่ลงเล็กน้อย เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เย็นยะเยือกว่า “ชอบที่เจ้าจงใจขี่ม้าในวังหลวง พุ่งชนพี่สะใภ้ ตามข้อกฎหมายแล้ว โทษนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว” องค์หญิงรุ่ยเหอได้ยินดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ครู่นี้นางแข่งม้าอยู่ในสนามแข่ง ก็ได้รู้ข่าวพระสนมเอกโดนยาพิษ ไม่ทันได้คิดไตร่ตรองอะไรมากก็ขี่ม้าตรงเข้ามาเลย ในสถานการณ์ที่คับขัน ไม่ทันได้ไตร่ตรองอะไรมาก นึกไม่ถึงว่ากลับต้องมาพบเข้ากับเฉินห้าวและเหลียงซินบนถนนยาวในวังหลวง โชคร้ายจริงๆ! “ใช่แล้ว!คราวก่อนเสนาบดีขั้นสามพกมีดเข้าเฝ้า เสด็จพ่อต่างก็ทรงพิโรธจนไม่สามารถควบคุมพระองค์ได้ ตอนนั้นก็ทรงมีรับสั่งให้ปลดเขาออกจากตำแหน่ง แม้ว่าสถานการณ์จะไม่เหมือนกัน แต่ว่าก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน เกรงว่าพี่หญิงเก้าก็อยากได้รับการลงโทษเช่นเดียวกันสินะพะยะค่ะ?” ทันใดนั้นเสียงที่อ่อนเยาว์ก็ดังสะท้อนมาจากทางด้านหลัง เมื่อทุกคนหันกลับไปก็พบองค์ชายสิบเอ็ดที่ใบหน้าเชิดขึ้น อกผายไหล่ผึ่ง จูงเสี่ยวป๋ายเดินเข้ามาจากที่ไกลๆ ในขณะที่เขาพูดจบ เสี่ยวป๋ายที่อยู่ด้านข้างก็เห่าร้องขึ้นมาสองครั้งอย่างเหมาะเจาะพอดี จากนั้นก็คลอเคลียอยู่ที่ข้างเท้าของเขาอย่างดีอกดีใจ หมุนวนไปรอบๆด้วยความตื่นเต้นราวกับกำลังคล้อยตามกับคำพูดของเขา ตั้งแต่หลังจากที่เฉินเช่อตกน้ำลงไปในคราวก่อน นี่ยังคงเป็นครั้งแรกที่เหลียงซินได้พบกับเขา ดูท่าทางร่างกายคงจะฟื้นฟูได้พอสมควรแล้ว “พวกเจ้า...” องค์หญิงรุ่ยเหอเห็นว่าไม่มีใครช่วยเธอเอ่ยปาก ก็โมโหจนจะร้องไห้ออกมา เสด็จแม่ของนางคือพระสนมเอก นางเป็นองค์หญิงที่ได้รับความรักการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ แต่ไหนแต่ไรมายังไม่เคยมีใครกล้าสั่งสอนนางเช่นนี้ จึงโมโหขึ้นอย่างที่สุดในทันที “น้องสิบเอ็ด ข้าเป็นถึงพี่สาวของเจ้า สถานะสูงส่งกว่าเจ้า เจ้ายังกล้าพูดกับข้าเช่นนี้เลยเชียวรึ?ช่างไร้อบรมสั่งสอนจริงๆ!” องค์หญิงรุ่ยเหอไม่กล้าทำเช่นไรกับเฉินห้าว แต่กลับระบายความโกรธมุ่งไปที่เฉินเช่อแทน “พี่หญิงเก้าพระองค์ทรงได้รับการอบรมสั่งสอน การอบรมสั่งสอนของพระองค์ก็คือขี่ม้าในวังหลวงหรือพะยะค่ะ?” เพียงคำพูดเดียวของเฉินเช่อ ก็ทำให้องค์หญิงรุ่ยเหอเงียบเหมือนคนใบ้ในทันที เพียงครู่เดียวนางก็เข้าใจได้ว่า ทั้งสองสามคนนี้ล้วนมาจากตะเภาเดียวกัน ภายใต้คนมากรังแกคนน้อยเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็พูดชนะพวกเขาไม่ได้ “ฮึ มีความสามารถพวกเจ้าก็ไปกราบทูลเสด็จพ่อ ข้าไม่มีว่างพอจะมาเสียเวลาอยู่กับพวกเจ้าที่นี่หรอก!” หลังจากที่นางพูดจบ ก็หมุนตัวเดินไปทางวังของพระสนมเอก ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวเท้าที่สองก็ถูกเฉินห้าวดึงปกคอเสื้อเอาไว้ เพียงพลิกมือดันออกไป ก็ทำให้นางมายืนอยู่เบื้องหน้าของเหลียงซินแล้ว “ดูเหมือนว่าเจ้าลืมไปอยู่เรื่องหนึ่ง” เฉินห้าวเตือนขึ้นด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก เหลียงซินกัดฟันแน่น เฉินห้าวผู้นี้กำลังจงใจทำให้เธอกลายเป็นคนเลว ให้องค์หญิงรุ่ยเหอคิดแค้นผูกใจเจ็บต่อเธอล่ะสิ? หยดน้ำตาส่องประกายออกมาจากในดวงตาขององค์หญิงรุ่ยเหอ สุดท้ายก็ยังคงฝืนเอ่ยคำขอโทษด้วยความไม่เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้การข่มขู่บังคับของเฉินห้าว “ขออภัยเพคะ พี่สะใภ้ห้า” ในเมื่อต่างก็กลายเป็นคนเลวแล้ว ตอนนี้จะให้มาแสร้งเป็นคนดีอีกก็คงไม่มีความหมายอะไร เหลียงซินจึงยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ไม่เป็นไร รู้จักผิดแล้วแก้ไขก็ยังไม่สายเกินไป คราวหน้าก็จำไว้ว่าอย่าขี่ม้าในวังหลวงอีก แล้วก็หลังจากกลับไปก็อย่าลืมเปิดๆดูข้อกฎหมายของรัฐหนานเยว่ให้มากหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทำความผิดซ้ำอีก” องค์หญิงรุ่ยเหอโกรธจนหน้าดำขึ้นมาอีกครั้ง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ควบม้าจากไปอย่างรวดเร็ว มองดูด้านหลังของนางที่ค่อยๆเคลื่อนห่างออกไป เหลียงซินรู้สึกแค่เพียงสะใจ ทันใดนั้น เฉินเช่อกลับดึงแขนเสื้อของเธอเบาๆ ดวงตาทั้งสองข้างที่ใสสว่างราวกับน้ำทะเลที่สามารถมองเห็นเข้าไปถึงพื้นข้างในจ้องมองมาที่เธอ “พี่สะใภ้ห้า ได้ยินว่าท่านขอร้องให้เสด็จพ่อช่วยนำเสี่ยวป๋ายคืนมาให้ข้า ขอบใจท่านมาก” มองดูท่าทีของเขาที่น่ารักเฉียวฉลาด ก็รู้สึกสบายไร้กังวลราวกับลมในฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านมาบนใบหน้าก็ไม่ปาน เหลียงซินยิ้มเล็กน้อย “ก็พระองค์เรียกหม่อมฉันว่าพี่สะใภ้ห้าแล้วนี่นา!มีเรื่องอะไรก็จะต้องครอบพระองค์เอาไว้อย่างแน่นอนเพคะ!” ใบหน้าน้อยๆที่ขาวใสของเฉินเช่อแสดงออกถึงความไม่เข้าใจ “ครอบ?ข้า?” เหลียงซินแอบยิ้มเล็กน้อยอย่างไม่ให้ใครเห็น “ความหมายก็คือช่วยพระองค์ ปกป้องพระองค์เพคะ” คำพูดเพิ่งร่วงหล่นลงมา ด้านหลังก็ดังสะท้อนเสียงหัวเราะเย้ยหยันอย่างไม่แยแสของเฉินห้าวขึ้นมา “อย่างไรเจ้าก็หัดปกป้องตนเองก่อน ค่อยไปปกป้องผู้อื่น” เหลียงซินมีท่าทีท้อแท้และหดหู่ใจเล็กน้อย เฉินห้าวพูดได้ถูกต้อง ในยุคสมัยนี้ แม้แต่ตัวเองเธอก็ยังปกป้องได้ไม่ดี จะไปรับปากปกป้องผู้อื่นได้อย่างไร? ทว่า เฉินเช่อกลับดึงแขนเสื้อของเธออีกครั้งพลางมองมาที่เธอด้วยสายตาอันแน่วแน่ “พี่สะใภ้ห้า ข้าเป็นลูกผู้ชาย ข้าปกป้องดูแลตนเองได้ รอข้าโตขึ้นก็ยังสามารถปกป้องท่านได้ด้วย จะไม่ทำให้ท่านโดนผู้อื่นรังแกอย่างเด็ดขาด!” เหลียงซินได้ยินดังนั้นก็อึ้งตะลึงงันในทันที มีความรู้สึกประเภทที่ว่าได้รับความรักอย่างไม่คาดฝันจนรู้สึกประหลาดใจขึ้นในที่สุด เขาเป็นคนแรกหลังจากที่เธอมาถึงในยุคนี้ที่พูดคำๆนี้กับเธอ ว่าจะปกป้องดูแลเธอ แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นเด็กคนหนึ่ง แต่เธอก็ยังคงรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาทั้งสองข้างของเธอโค้งขึ้นเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว กำลังจะเอ่ยคำพูดออกมา ทันใดนั้นเฉินห้าวก็คว้าฝ่ามือของเธอเอาไว้แน่น ลากเธอเดินไปอีกทางด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก “พี่ห้า พี่สะใภ้ห้า พวกท่านกำลังจะไปไหนกัน?” เฉินเช่อที่อยู่ด้านหลังพลางร้องเรียก พลางเดินตามขึ้นมา เสียงที่อึมครึมของเฉินห้าวแผดออกมาจากในลำคอ “เจ้าโปรยเหยื่อให้น้องสิบเอ็ดติดเบ็ดได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?” ดวงตาสองข้างของเหลียงซินเบิกโพลงขึ้น เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “เฉินห้าว อะไรที่เรียกว่าโปรยเหยื่อให้ติดเบ็ด?ความคิดของพระองค์ก็สกปรกเกินไปแล้วกระมัง?เขายังเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น!” “ข้าจะบอกเจ้าให้ ในเมื่อมาเป็นพระชายาของข้าแล้ว ก็อย่าได้มีความสัมพันธ์อันใดกับชายคนไหนอีก ถึงแม้จะเป็นเพียงเด็กก็ไม่ได้เช่นกัน!” คำพูดของเฉินห้าวทำให้เหลียงซินยอมนับถือเขาเลยจริงๆ แต่ว่าเธอกลับมีความตกใจอยู่เล็กน้อย เขา...นี่กำลังหึงอยู่หรือ? เป็นไปไม่ได้!เฉินห้าวผู้ที่ใจแข็งไร้ความรู้สึกราวกับหินกับเหล็กเช่นนี้จะมาหึงได้อย่างไรกัน! หากเป็นเหลียงยินล่ะก็ อาจจะพอมีความเป็นไปได้หน่อย “คนบ้า หม่อมฉันขี้เกียจจะพูดกับพระองค์แล้วเพคะ” เหลียงซินใช้แรงสะบัดมือออกจากมือของเขา รีบเดินอย่างรวดเร็วไปทางพระตำหนักของพระสนมเอก พระสนมเอกพำนักอยู่ในพระตำหนักจิ่นฮว๋า พระตำหนักหลังนี้มองจากด้านนอกแล้วไม่ได้แตกต่างจากพระตำหนักหย่งหนิงของฮองเฮามากนัก พอเข้ามาในตัวตำหนักจึงจะพบว่าด้านในยิ่งงดงามตระการตา ของประดับทุกชิ้นล้วนแกะสลักด้วยความประณีต ล้ำค่ามากเป็นอย่างยิ่ง มากพอที่จะทำให้ดูออกว่านางเป็นที่โปรดปราณถึงขั้นไหน ณ ตอนนี้ ภายในตำหนักล้อมรอบไปด้วยผู้คนมากมาย แม้แต่ฮองเฮาต่างก็อยู่ในนั้นด้วย พอทอดพระเนตรเห็นเหลียงซิน เฉินห้าว เฉินเช่อเดินเข้ามา พระเนตรทั้งสองข้างของพระองค์ก็เปล่งประกาย “พวกเจ้ามาแล้ว รีบเข้าไปดูพระสนมเอกอันเถิด จะต้องรักษานางให้ได้!” เหลียงซินและฮองเฮาสบตาเข้ากันกัน ดูเหมือนต่างก็มีความนัยแอบแฝง เพียงแต่ว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่สามารถที่จะเอ่ยออกมาได้ สุดท้าย เหลียงซินก็ทำได้เพียงแค่เดินผ่านพระองค์มายังปลายเตียงของพระสนมเอก สิ่งที่เห็นก็คือสีพระพักตร์ที่เริ่มคล้ำเป็นสีม่วง ริมฝีพระโอษฐ์ดำเข้ม คาดว่าน่าจะได้รับพิษมาเป็นเวลาหลายชั่วยามแล้ว เหลียงซินเปิดกล่องยาออก ยังคงวางแผนว่าจะใช้วิธีล้างท้องในการรักษา เพียงแค่อยู่ภายในเวลายี่สิบชั่วโมงก็สามารถใช้วิธีนี้ได้ และช่วงเวลาที่พระสนมเอกอันได้รับพิษนั้นก็ยังไม่เกินยี่สิบชั่วโมง ทว่า ด้านข้างกลับสะท้อนเสียงเรียกที่แสดงถึงความประหลาดใจออกมา องค์หญิงรุ่ยเหอมองไปที่เหลียงซินอย่างเหลือเชื่อ “เจ้าจะถอนพิษให้กับเสด็จแม่ของข้า?นี่จะได้อย่างไรกัน?” “เหตุใดจะไม่ได้ เพียงแค่เป็นคนไข้หม่อมฉันก็จำเป็นจะต้องรักษา หรือว่าองค์หญิงรุ่ยเหอไม่ต้องการให้พระสนมเอกทรงฟื้นขึ้นมาหรือเพคะ?” สายตาที่เฉียบคมของเหลียงซินกวาดตาไปที่นางอยู่หนึ่ง ทำให้นางพูดไม่ออกเหมือนคนใบ้ในทันที ในบรรยากาศมีความเงียบที่แตกต่างไปจากปกติอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าไม่นาน องค์หญิงรุ่ยเหอก็เอ่ยปากออกมาอีกครั้ง “หมอหลวงมากมายที่อยู่ที่นี่ต่างก็รักษาเสด็จแม่ได้ทั้งนั้น วิชาแพทย์ของเจ้าจะยอดเยี่ยมยิ่งกว่าหมอหลวงที่อยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ?” ทว่า หมอหลวงที่อยู่รอบๆต่างก็ไม่สามารถยอมรับคำสรรเสริญขององค์หญิงรุ่ยเหอได้ รอกระทั่งนางพูดจบ ทุกคนล้วนรีบส่ายศีรษะปฏิเสธในทันที เสียงที่ดูมีอายุหลายต่อหลายเสียงก็ดังขึ้นมา “หม่อมฉันไร้ความสามารถ พิษที่พระสนมเอกทรงได้รับนั้นช่างแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง หม่อมฉันจนปัญญาจริงๆพะยะค่ะ” ยังไม่ถึงสามวินาที องค์หญิงรุ่ยเหอก็เหมือนกับโดนรุมตีเข้าที่หน้า สีหน้าที่ทะนงตนเริ่มบิดเบี้ยวขึ้น โกรธจนแทบอยากจะกระทืบเท้า เพียงแต่ว่ามีคนอื่นอย่างเหลียงซินและเฉินห้าวคอยขวางอยู่ที่นี่ จึงระเบิดออกมาไม่สะดวก “คราวนี้องค์หญิงสามารถหลีกทางให้ได้หรือยังเพคะ?หากยังยื้อไว้จนพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการรักษาไป ทั้งพระองค์และหม่อมฉันต่างก็ไม่สามารถที่จะรับผิดชอบได้นะเพคะ” เหลียงซินเดินเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ยืนตัวตรงอยู่ที่เบื้องหน้าของนาง บอกเป็นนัยให้หลีกทาง องค์หญิงรุ่ยเหอถูกทำให้โมโหไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ในเวลานี้ก็ไม่สามารถขัดใจเหลียงซินได้ ทำได้เพียงพูดเตือนขึ้นว่า “หากเกิดความผิดพลาดกับเสด็จแม่แม้เพียงนิดเดียว ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าเอาไว้แน่” เหลียงเดินผ่านไหล่ของนางไป ทิ้งเพียงประโยคที่ใช้น้ำเสียงดูเกียจคร้านไม่กระตือรือร้นเป็นย่างยิ่งว่า “หากเกิดความผิดพลาด ก็มีเสด็จพ่อทรงคอยพิพากษาและตัดสินพระทัย องค์หญิงก็ไม่ต้องทรงเป็นกังวลแล้วนะเพคะ พวกท่านออกไปก่อน ที่นี่มีหม่อมฉันผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว” หมอหลวงทั้งหลายค่อยๆปาดเหงื่อ ละมือจากเรื่องที่ยากจะจัดการเช่นนี้ สำหรับพวกเขาคงจะไม่มีอะไรดีขึ้นไปกว่านี้อีกแล้ว นางกำนัลคนอื่นๆอีกสองสามคนประคองฮองเฮาเสด็จออกจากที่นี่ องค์หญิงรุ่ยเหอก็พาคนกลุ่มหนึ่งออกไปเช่นกัน แต่มีเพียงหนึ่งคนที่กลับไม่ได้ออกไปจากที่นี่ เหลียงซินหันหลังกลับไป สิ่งที่เห็นก็คือเฉินห้าวยังคงยืนอยู่ที่ด้านหลังของเธอ พลางจ้องมองมาที่เธอด้วยดวงตาทั้งสองข้างที่เปล่งประกาย ไม่รู้ว่าเป็นห่วง หรือว่าเป็นกังวลอีกกันแน่ “เหตุใดพระองค์จึงยังไม่ออกไปอีกเพคะ?” เธอเปิดกล่องยาไปด้วย ไล่คนไปด้วย เฉินห้าวแหวกม่านออก เพียงครู่เดียวร่างกายที่สูงโปร่งก็เข้ามาด้านในห้อง เอ่ยขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจว่า “ทุกคนไปหมดแล้ว ใครจะมาเป็นผู้ช่วยให้กับเจ้า?ข้าก็ฝืนใจช่วยเจ้าสักครั้ง” เหลียงซินครู่เดียวก็ดูออกว่าที่เขาพูดคือคำโกหก เขาอยู่ที่นี่ ก็แค่ต้องการอยากจะเห็นว่าแท้จริงแล้วเธอทำการรักษาเช่นไรกันแน่ ยังพูดให้ภายนอกดูสง่าผ่าเผยได้ถึงเพียงนี้ ทว่า นี่เป็นถึงแรงงานที่ส่งมาให้ถึงที่โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย จะไม่ใช้ก็เสียไปโดยเปล่าประโยชน์สิ “เช่นนั้นพระองค์ก็ออกไปด้านนอกนำน้ำร้อนเข้ามา อีกสักครู่จะต้องใช้เพคะ” เหลียงซินสั่งการลงไป นึกไม่ถึงว่าเฉินห้าวจะคงเชื่อฟังจริงๆ หันหลังกลับเดินออกไปทางด้านนอกประตูในทันที เพียงแต่ว่า เวลายังไม่ทันเดินได้ถึงสามวินาทีก็กลับเข้ามาอีกครั้ง “พระองค์ไม่ใช่ไปเอาน้ำร้อนมาหรอกหรือเพคะ?เหตุใดจึงกลับมาไวเช่นนี้?” เขาบินได้หรือ? “ไปเอาน้ำร้อน เรื่องเช่นนี้ยังจำเป็นต้องให้ข้าลงมือทำด้วยตนเองอีกหรือ?อีกครู่หนึ่งจะมีนางกำนัลนำมาให้เอง” เฉินห้าวมองไปที่เหลียงซินเหมือนกับกำลังมองคนโง่อยู่ เหลียงซินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เพียงแค่เปิดกล่องยาขึ้น ด้านในแม้ว่าจะไม่ได้มีพร้อมทุกสิ่งอย่าง แต่อยู่ที่นี่สามารถทำเครื่องมือออกมาได้มากมายเช่นนี้ ก็ถือว่าค่อนข้างไม่เลวแล้วล่ะ เฉินห้าวก็ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ครบครันเช่นนี้ บางอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน สิ่งของเหล่านี้จะสามารถถอนพิษให้กับพระสนมเอกอันได้จริงหรือ? เหลียงซินหยิบเครื่องล้างท้องออกมา ใส่เข้าไปในกระเพาะของพระสนมเอกด้วยท่าทีที่ชำนาญ คล่องแคล่วและแม่นยำ จากนั้นก็เริ่มควบคุมการทำงาน “เจ้ากำลังจะทำอะไร?” เฉินห้าวมองไปที่เธอด้วยความตื่นตระหนกตกใจกลัวเป็นอย่างยิ่ง นี่กำลังจะฆ่าปิดปากคนหรืออย่างไรกัน?
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 38 รักษาพระสนมเอก
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A