ตอนที่ 39 ถูกบังคับจูบ
1/
ตอนที่ 39 ถูกบังคับจูบ
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 39 ถูกบังคับจูบ
ตนที่ 39 ถูกบังคับจูบ เหลียงซินอธิบายขึ้นอย่างสบายๆว่า “การล้างท้องก็คือ การชำระล้างยาพิษและสิ่งตกค้างภายในกระเพาะของพระสนมเอกอันให้สะอาด จากนั้นก็เสริมด้วยยา ขจัดสารพิษออกไปให้หมดจดเพคะ” เธอไม่ได้เห็นสีหน้าที่ตกตะลึงของเฉินห้าว เพียงแต่มุ่งมั่นอยู่กับการล้างท้องให้พระสนมเอกอัน หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยามก็ดึงเครื่องล้างท้องออกมา “สารพิษในร่างกายของพระสนมเอกอันน่าจะชำระล้างออกไปได้สะอาดแล้วเพคะ พระองค์ทรงทอดพระเนตรสิเพคะ สารพิษที่อยู่บนพระพักตร์ของพระองค์ท่านหายออกไปไม่น้อย” เหลียงซินสังเกตไปที่สีหน้าของพระองค์ สิ่งที่ดำมืดกำลังลดลงอย่างช้าๆ มองดูฉากที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ ดวงตาของเฉินห้าวก็เปล่งประกาย รู้สึกแค่เพียงว่าเหลือเชื่อ เขานึกถึงคราวก่อนตอนที่โดนพิษของบุคคลลึกลับขึ้นมาในทันที ก็เป็นเหลียงซินที่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ คงจะไม่ได้ใช้วิธีเดียวกันนี้หรอกนะ? นี่เป็นประตูมหัศจรรย์หรือวิธีการที่ยอดเยี่ยมอะไรกันแน่ นึกไม่ถึงเลยว่าต้องการเพียงแค่สิ่งของที่มีรูปร่างแปลกประหลาดเช่นนี้เพียงสิ่งเดียว ก็สามารถช่วยชีวิตคนให้กลับคืนมาได้? “ทุกคนที่ได้รับพิษ เจ้าต่างก็ช่วยได้หมดเลยงั้นหรือ?” ดวงตาทั้งสองข้างของเฉินห้าวจ้องไปที่เธอ พลางเอ่ยถาม “แน่นอนว่าไม่ใช่เพคะ หม่อมฉันเป็นเพียงหมอคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่พระโพธิสัตว์ เพียงแค่โดนพิษภายในสิบชั่วยาม หม่อมฉันล้วนช่วยได้หมดเพคะ แต่หากเป็นพิษร้ายแรง ก็อาจจะต้องมีความเสี่ยงอย่างแน่นอนเพคะ” เหลียงซินเอ่ยออกมาตามตรง ไม่ว่าจะยังไง หากเครื่องล้างท้องที่ทำออกมาอย่างง่ายๆและไม่ประณีตเครื่องนี้ต้องเจอกับคนไข้ที่เสียเวลามานานเกินไป เช่นนั้นก็ไม่มีวิธีใดที่จะสามารถสะท้อนผลลัพธ์ออกมาได้ นึกไม่ถึงว่า ในช่วงเวลาหลังจากที่เธอพูดจบ เฉินห้าวกลับเดินประชิดเข้ามา ไล่ต้อนเธอจนอยู่ในมุมห้อง มือข้างหนึ่งยกขึ้นทาบไปบนผนังด้านข้างของเธอ จากนั้นก็ก้มศีรษะลงมาสบสายตากับเธอ เขาเอ่ยขึ้นทีละคำทีละประโยคด้วยความจริงจังและแน่วแน่ว่า “เจ้าไม่ใช่เหลียงซิน เหลียงซินในก่อนหน้านี้ นอกจากหนึ่งร้องไห้ สองเอะอะโวยวายสร้างแต่ปัญหา สามแขวนคอฆ่าตัวตายแล้ว อย่างอื่นก็ทำอะไรไม่เป็นอีก สถานะตัวตนที่แท้จริงของเจ้าคืออะไรกันแน่?” เหลียงซินถูกเขาจ้องมองจนขนลุกไปทั้งตัว หากไม่ใช่เพราะมือของเธอจิกลงไปบนขาอ่อนอย่างแน่นหนา ก็อาจจะเผยตัวตนที่แท้จริงภายใต้การจ้องมองอย่างตั้งใจของเขาแล้ว เหลียงซินยิ้มออกมาอย่างช้าๆ ในสายตาไม่ได้แสดงออกถึงการโกหกเลยแม้แต่นิดเดียว “ท่านอ๋อง หม่อมฉันก็คือเหลียงซิน แต่ก่อนนั้นหม่อมฉันรักและเลื่อมใสศรัทธาในตัวพระองค์ด้วยใจจริงเพคะ เพียงแต่ว่า ตั้งแต่วินาทีที่หม่อมฉันเหยียบเข้ามาในวังสิงหวัง ความฝันก็แตกกระจาย เป็นความใจร้ายของพระองค์ที่ทำให้มีหม่อมฉันในวันนี้ขึ้นมา” นัยน์ตาของเฉินห้าวหดตัวลงสองทีอย่างรวดเร็วและรุนแรง ดวงตาแคบยาวที่ลึกและเงียบสงบดุจดั่งน้ำนิ่งก็ไม่ปานจ้องมองมาที่เธออย่างประชิด ราวกับว่าวินาทีต่อไปจะฉีกเธอออกให้ขาดจนไม่เหลือชิ้นดียังไงอย่างงั้น มุมปากของเขาโค้งขึ้นเป็นมุมเรเดียนอย่างเหยียดหยาม “พูดเช่นนี้ อย่างนั้นเจ้าก็ควรจะขอบใจข้า ที่เปลี่ยนแปลงเจ้า” เฮอะ—— “หม่อมฉันต้องขอบพระทัยพระองค์ ที่ทำให้หม่อมฉันได้เข้าใจความหมายของการใช้ชีวิตว่าไม่ได้มีเพียงแค่ความรัก แต่กลับอยู่ในด้านอื่นๆ หม่อมฉันเกลียดพระองค์ เกลียดจนแทบอยากจะฆ่าพระองค์ด้วยมือของหม่อมฉันเอง” เหลียงซินมองไปที่เขาด้วยท่าทีที่กระหายเลือด คนทั้งคนเปลี่ยนไปอย่างแปลกหน้าเป็นพิเศษ เฉินห้าวจ้องมองไปที่เธออย่างไม่ละสายตา เวลานี้ ภายในจิตใจของเขาเต็มไปด้วยความต้องการที่จะเอาชนะอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขากำลังเริ่มเตรียมตัวทำอะไรบางอย่าง หญิงที่อยู่ต่อหน้าผู้นี้ เขาจะต้องจัดการให้ได้ “ดีมาก ทางที่ดีที่สุดเจ้าจงจำคำพูดที่เจ้าพูดในวันนี้เอาไว้ให้ดี เกรงว่าเมื่อถึงเวลาเจ้าจะทำใจไม่ได้ที่จะลงมือ” เขาบีบไปที่คางของเธอ ริมฝีปากบางที่เย็นยะเยือกแทบจะประทับลงไปบนริมฝีปากของเธอ เหลียงซินยกมือขึ้น สิ่งที่พุ่งไปทางใบหน้าของเขาก็คือฝ่ามือหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันที่จะกระทบเข้า ก็ถูกเขารับเอาไว้ด้วยสายตาและมือที่รวดเร็วและว่องไว วินาทีต่อมา ริมฝีปากของเฉินห้าวก็ประทับลงมาบนริมฝีปากของเธอ ดูดดื่มซ้ำไปซ้ำมา หอมหวานดุจดังน้ำผึ้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจูบนาง นึกไม่ถึงว่าริมฝีปากของหญิงผู้นี้จะอ่อนนุ่มขนาดนี้ หวานถึงเพียงนี้ ทำให้เขาไม่อาจที่จะสามารถหยุดลงได้ อยากจะสำรวจต่อไปให้ถึงที่สุด ทว่าเหลียงซินกลับตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก หลังจากที่นิ่งอึ้งไปสองวิเหมือนกับคนโง่ ก็ผลักเฉินห้าวออกอย่างรุนแรง ใช้มือถูริมฝีปากด้วยความรังเกียจอย่างถึงที่สุด นี่เป็นจูบแรกของเธอ! “เฉิน ห้าว!” เหลียงซินกัดฟันกรอด ไม่สามารถควบคุมความโกรธที่อยู่ภายในจิตใจได้ ถูกคนที่เธอไม่ได้รัก และยังไม่ได้รักเธอบังคับจูบ ความรู้สึกเช่นนี้ช่างเลวร้ายจนพูดไม่ออกเลยจริงๆ! แม้ว่าเธอจะไม่ใช่หญิงประเภทที่พอเสียความบริสุทธิ์แล้วจะต้องคิดอยากฆ่าตัวตายอะไรทำนองนั้น ทั้งยังเข้าใจว่าแต่งงานเป็นชายาของผู้อื่นแล้วต้องทำเช่นไร แต่ว่า เฉินห้าวพูดอยู่ตลอดเวลาว่าเขาชิงชังรังเกียจเธอ ชั่วพริบตาเดียวกลับจูบเธอ นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าขยะแขยงหรอกหรือ? “เจ้าเป็นพระชายาของข้า ข้าจะทำอะไรกับเจ้าต่างก็ล้วนเหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ความสนใจที่ข้ามีต่อเจ้าก็ช่างมากมายยิ่งนัก” เฉินห้าวป่าวประกาศอย่างเด็ดขาด วางอำนาจ ไม่สนว่าจิตใจของเธอจะเป็นเช่นไรเลยแม้แต่น้อย ท่าทีของเขาดูแล้วทั้งหยิ่งทะนงอย่างบ้าคลั่งไม่สนใจใครและยังคิดว่าตัวเองใหญ่ ราวกับทั่วหล้านี้มีเขาที่ได้รับการเคารพนับถืออยู่เพียงผู้เดียวยังไงอย่างงั้น เขานึกจริงๆหรือว่าผู้หญิงทั้งหมดบนโลกใบนี้ต่างก็ชอบเขา? “เฉินห้าว คนเย่อหยิ่งทะนงตน!”เหลียงซินผลักเขาออกด้วยความรวดเร็ว ทันใดนั้นก็ถือกล่องยาขึ้นแล้ววิ่งออกไปทางด้านนอกประตูของพระตำหนักจิ่นฮว๋าอย่างรวดเร็ว คนจำนวนหนึ่งต่างก็รออยู่ด้านนอก พอเห็นเหลียงซินออกมาต่างก็รุมล้อมเข้ามาในทันที เฉินเช่อยิ่งเป็นคนแรกที่มาถึงข้างกายของเธอ ดูเหมือนเป็นผู้พิทักษ์อย่างเงียบๆยังไงอย่างงั้น “พี่สะใภ้ห้า ใบหน้าของท่านเหตุใดจึงแดงเช่นนั้น ได้รับพิษเช่นเดียวกันใช่หรือไม่?” เฉินห้าวพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนก ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มขมวดเข้าหากันด้วยความเป็นห่วง เหลียงซินเอามือลูบแก้มที่ร้อนผ่าวอย่างทำอะไรไม่ถูกพลางส่ายศีรษะ “ไม่ใช่เพคะ เพียงแค่ด้านในค่อนข้างร้อน พิษของพระสนมเอกถูกถอนออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกครู่หนึ่งก็จะฟื้นขึ้นมาเพคะ” เสียงพูดนั้นเพิ่งร่วงหล่นลงมา องค์หญิงรุ่ยเหอที่อยู่ด้านข้างก็รีบเข้ามารวมที่ด้านหน้าในทันทีพลางเอ่ยขึ้นอย่างเวอร์วัง “จริงหรือ?พิษในพระวรกายเสด็จแม่ของข้าได้รับการถอนออกไปแล้วหรือ?” จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในห้องด้วยท่าทีที่รวดเร็วราวกับเสียงฟ้าร้องที่ดังขึ้นมาจนไม่ทันที่จะได้ปิดหู ทุกคนต่างก็กรูกันตามเข้าไปเช่นเดียวกัน มีเพียงเฉินเช่ออยู่เป็นเพื่อนข้างกายเธอไม่ห่าง เอ่ยถามขึ้นอย่างยืดยาวว่า “พี่สะใภ้ห้า ท่านสุดยอดมากจริงๆ แม้แต่หมอหลวงที่มากมายขนาดนั้นต่างก็ทำอะไรไม่ถูก แต่ท่านใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยามก็สามารถถอนพิษของพระสนมเอกอันได้แล้ว ท่านทำได้อย่างไรกัน?” “ฝีมือทางการแพทย์ของหม่อมฉันดีไงเล่าเพคะ!” เหลียงซินยิ้มขึ้นอย่างตื่นตัว เหมือนกับเด็กคนหนึ่ง “นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว ใครให้ท่านเป็นพี่สะใภ้ห้าของข้า ยอดเยี่ยมที่สุด!” เฉินเช่อยิ้มจนตาหยีพลางพูดขึ้นอย่างเอาใจ ราวกับลมในฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ปานพัดผ่านเข้ามาในหัวใจของเหลียงซิน หากเอามาวางไว้ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดแล้วล่ะก็ เขาจะต้องเป็นหนุ่มน้อยที่แสนอบอุ่นอย่างแน่นอน “เอาล่ะเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันต้องไปที่พระตำหนักของฮองเฮาสักครู่ พระองค์เสด็จกลับไปพร้อมกับพระนมเถิดเพคะ” เหลียงซินเอ่ยขึ้นเบาๆพลางลูบศีรษะของเขาเล็กน้อย ใบหน้าที่ขาวใสของเฉินเช่อส่องสะท้อนความหดหู่ใจออกมาเล็กน้อย พยักหน้าอย่างไม่ได้เอะอะโวยวายอะไรออกมา “ก็ได้ เช่นนั้นข้ากลับไปก่อน พี่สะใภ้ห้า หากครั้งหน้าท่านเข้าวังหลวงอย่าลืมมาหาข้าล่ะ” คงจะชินกับการถูกเย็นชา ถูกละทิ้ง ถูกลืม เขาไม่ได้แสดงท่าทีที่ดูไม่มีความสุขออกมาเลยแม้แต่น้อย หากแต่ยอมรับทุกสิ่งอย่างไม่สะทกสะท้าน มองดูแผ่นหลังของเขาที่ค่อยๆห่างไกลออกไป สิ่งที่เหลียงซินเห็นก็มีเพียงความโดดเดี่ยวอยู่ล้อมรอบตัวเขาอย่างตลอดเวลา หากเป็นไปได้ เธออยากอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเขาอีกสักหน่อยด้วยใจจริง แต่ว่าเธอยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าจะต้องไปจัดการ เธอมายังพระตำหนักหย่งหนิงโดยอาศัยความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ครู่นี้ทรงออกมาจากพระตำหนักจิ่นฮว๋า ในเวลานี้ฮองเฮาก็น่าจะประทับอยู่ในพระตำหนักของพระองค์เอง หลังจากที่นางกำนัลทั้งหลายช่วยเธอกราบทูลรายงานแล้ว จึงได้เข้ามาที่ด้านใน พอเข้าประตูมา เธอก็ได้กลิ่นหอมสดชื่นอ่อนๆลอยเข้ามา กลิ่นหอมที่มีฤทธิ์ให้ร่างกายและจิตใจรู้สึกผ่อนคลายชนิดนี้ ทำให้คนล่องลอยหลงสติจนลืมตัว เกิดแรงกระตุ้นที่อยากจะมัวเมาลุ่มหลงอยู่ ณ ที่แห่งนี้ หลังจากที่เหลียงซินคารวะทำความเคารพตามธรรมเนียมแล้ว ก็นั่งลงในตำแหน่งที่อยู่ด้านข้าง ฮองเฮาที่มีสีพระพักตร์ที่นิ่งสงบ ไม่แยแสกำลังประทับอยู่ด้านบน ดูเหมือนคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าวันนี้เธอจะต้องมา “กราบทูลเสด็จแม่ คาดว่าพระองค์คงจะทรงทราบแล้วว่าเหตุใดวันนี้หม่อมฉันจึงมาที่นี่ หนังสือหย่าที่พระองค์ทรงรับปากไว้ นานเพียงนี้แล้วก็ยังมาไม่ถึง ดังนั้นหม่อมฉันจึงมาที่นี่อย่างสุดวิสัยเพื่อกราบทูลถามพระองค์ด้วยตนเองเพคะ” เธอเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย สีพระพักตร์ของฮองเฮานิ่งสงบและเยือกเย็น “เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ข้าผู้เดียวก็สามารถที่จะตัดสินใจได้ ยังจำเป็นจะต้องทูลถามความคิดเห็นของฮ่องเต้ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ หากห้าวเอ๋อร์ไม่อยากหย่ากับเจ้า ข้าก็ทำอะไรไม่ได้เช่นเดียวกัน” เหลียงซินรู้อยู่แล้วว่าพระองค์จะต้องผิดคำสัญญา เรื่องผ่านมาเนิ่นนานเช่นนี้ หากพระองค์ทรงรับปากจริง หนังสือหย่าก็น่าจะมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่เธอนึกไม่ถึงว่า ฮองเฮาผู้สูงศักดิ์จะกลับสัตย์ที่ได้ให้ไว้เช่นนี้ “กราบทูลเสด็จแม่ ในตอนแรกที่หม่อมฉันช่วยท่านอ๋องถอนพิษออกจากร่างกาย พระองค์ทรงรับรองอย่าเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะมอบหนังสือหย่าให้แก่หม่อมฉัน ตอนนี้กลับพลิกหน้าไม่ยอมทำตามสัญญา พระองค์ไม่ทรงรู้สึกว่าเช่นนี้มันเกินไปหน่อยหรือเพคะ?” เธอโกรธจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นๆลงๆ น้ำเสียงก็ดูจะรุนแรงไปสักเล็กน้อย “หุบปาก!อยู่ต่อหน้าข้า สามารถทำให้เจ้าบังอาจได้ถึงเพียงนี้เลยเชียวรึ?เห็นแก่ฐานะที่เจ้าเป็นพระชายาสิง ข้าก็จะปล่อยเจ้าไปสักครั้ง คราวหน้าไม่สามารถทำผิดได้อีก” ฮองเฮาทรงวางอำนาจ พระพักตร์ที่งดงามราวกับดอกไม้และดวงจันทร์ตอนนี้สีสันเหล่านั้นได้หายไปแล้ว เหลียงซินกลับไม่ไว้หน้า น้ำเสียงยิ่งเพิ่มความตาต่อตาฟันต่อฟันเข้าไปอีก “หม่อมฉันยังนึกว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ที่มีความน่าเชื่อถือได้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะทรงเป็นตะเภาเดียวกันกับพวกเขา ช่างเสียความเชื่อใจที่หม่อมฉันมีต่อพระองค์ไปโดยเปล่าประโยชน์จริงๆ” พระขนงที่เล็กบางและโก่งงอนราวกับต้นหลิวของฮองเฮาขมวดเข้าหากันแน่น ชี้มาที่เหลียงซินด้วยความพิโรธ “วันนี้ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นพระชายาสิงหรือไม่ ในพระตำหนักแห่งนี้ พูดผิดไปก็ต้องได้รับการสั่งสอน ส่งคนมา...” คำพูดของพระองค์ยังไม่ทันได้ตรัสจบ ก็มีร่างๆหนึ่งรีบเดินเข้ามาจากด้านนอกประตู เฉินห้าวก้าวเท้าอย่างรวดเร็วมายังข้างกายของเหลียงซิน คุกเข่าลงไปเฉกเช่นเดียวกันกับเธอ “กราบทูลเสด็จแม่ เรื่องนี้ให้หม่อมฉันจัดการด้วยตนเองเถิดพะยะค่ะ พระชายานางไม่ได้ตั้งใจ” คำพูดทุกคำทั้งทางตรงและทางอ้อมของเขาล้วนกำลังปกป้องเหลียงซิน และฮองเฮาที่เผชิญหน้ากับพระโอรสแท้ๆของพระองค์เอง จึงทรงไม่รู้ว่าจะตรัสอะไรออกมาอีกดี เพียงแค่โบกพระหัตถ์ให้พวกเขาถอยออกไป เหลียงซินจึงถูกลากออกมาจากพระตำหนักหย่งหนิงเช่นนี้ จนกระทั่งหลังจากพ้นประตูใหญ่ออกมา จึงได้สะบัดมือของเฉินห้าวออกอย่างรุนแรง “เป็นเพราะข้าห้ามไม่ให้เสด็จแม่มอบหนังสือหย่าให้แก่เจ้า อยากจะออกไปจากวังสิงหวัง ชาติหน้าก็ไม่มีทาง เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่?” เขามองมาที่เหลียงซินอย่างเคร่งขรึมและจริงจัง แสงยามพระอาทิตย์ตกที่คึกคักและเร่าร้อนจากที่ห่างไกลสะท้อนมาบนเรื่องร่างของพวกเขาทั้งสอง ลากเป็นเงายาวๆสองเส้นออกมาในที่ที่อยู่ระหว่างท้องฟ้าและพื้นดิน ย้อมเป็นสีสันอีกชั้นหนึ่งที่ดูแตกต่างออกไป เหลียงซินเพียงแค่มองไปที่เขาอย่างไม่ได้ใส่ใจอยู่ครู่หนึ่ง สำหรับความป่าเถื่อนของเขาสามารถที่จะเข้าใจได้ ไม่มีอะไรจะแสดงความคิดเห็นออกมา ที่จริงแล้ว ในใจของเธอกำลังคิดว่า อย่านึกว่าไม่มีหนังสือหย่าเธอก็จะออกไปจากวังสิงหวังไม่ได้ สำหรับเธอแล้ว เป็นแค่เรื่องที่ต้องขยับขาเพียงเท่านั้น เหลียงซินเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เฉินห้าวอยู่ด้านหลังของเธอตามมาติดๆ ทั้งสองคนออกจากวังหลวงไปด้วยกัน กระทั่งหลังจากออกนอกวังหลวงแล้ว ดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไป สีของท้องฟ้าค่อยๆมืดครึ้มลง ผู้คนที่อยู่บนท้องถนนก็ลดน้อยลงไปอย่างมากมายด้วยเช่นกัน ขณะที่รถม้าเคลื่อนมายังแยกถนนด้านทิศตะวันออก ม้าก็ร้องขึ้นมาอย่างหาสาเหตไม่ได้ กระโดดไปทั่วทุกทิศราวกับบ้าคลั่ง จุยเฟิงและจู๋เยว่พยายามควบคุมอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่มีวิธีใดที่จะควบคุมหยุดม้าพยศตัวนี้ไว้ได้ “กราบทูลท่านอ๋อง ม้าพยศแล้วเพคะ พระองค์ทั้งสองรีบลงมาจากรถม้าเถิดเพคะ!” จุยเฟิงพุ่งตัวเข้ามาด้านในรถม้าร้องตะโกนเสียงดัง ท่าทางที่มือก็ไม่ได้หยุดพัก ออกแรงดึงบังเหียนพยายามจะให้ม้าหยุดลงให้ได้ ทว่า สิ่งที่นางทำทั้งหมดกลับไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยแม้แต่น้อย เฉินห้าวขมวดคิ้วขึ้น ทันใดนั้นก็จับมือของเหลียงซินเอาไว้ทันที เสียวที่ทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น “ไป ลงจากรถม้า” ในรถม้ากำลังโคลงเคลงส่ายไปมาอย่างหนักจริงๆ ลำพังเหลียงซินจะยืนก็ไม่สามารถยืนให้นิ่งได้ ยิ่งอย่าได้พูดถึงออกไปจากรถม้าเลย รถม้าที่โยกไปโยกมานี้ทำให้ทั้งตัวของเธอชนนั้นชนนี่ไปหมด ทั่วร่างกายทั้งบนล่างเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง “เหลียงซิน ส่งมือมาให้ข้า!” เฉินห้าวโน้มตัวไปข้างหน้าจับริมขอบของรถม้าเอาไว้ พยายามทำให้ร่างกายมั่นคง อีกมือหนึ่งยื่นไปจับมือของเหลียงซิน ทว่า ในนาทีที่ทั้งสองมือใกล้จะสัมผัสเข้าด้วยกัน ทันใดนั้นรถม้าก็พลิกคว่ำลง ทั้งตัวของเหลียงก็กลิ้งทะลุหน้าต่างออกไป “อ๊า!” เหลียงซินร้องขึ้นอย่างเสียงดัง คงไม่ได้โชคร้ายขนาดนี้กระมัง?วันนี้จะต้องเอาชีวิตทิ้งไว้ที่นี่เสียแล้ว!
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 39 ถูกบังคับจูบ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A