ตอนที่ 41 การแบ่งแยกของสามีภรรยา
1/
ตอนที่ 41 การแบ่งแยกของสามีภรรยา
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 41 การแบ่งแยกของสามีภรรยา
ตนที่ 41 การแบ่งแยกของสามีภรรยา “ช่างน่าเกลียด อย่างกับตะขาบ” เฉินห้าวละสายตาด้วยความรังเกียจ เหลียงซินโมโหขึ้นมาในทันที เธอช่วยเขารักษาบาดแผล คำพูดขอบคุณสักประโยคยังไม่พูด นึกไม่ถึงว่าเขายังกล้าจะมารังเกียจฝีมือการเย็บของเธอว่าน่าเกลียดอีกหรือ?เขาควรจะรู้เอาไว้ว่า ในโรงพยาบาลที่ยุคปัจจุบันนั้น คนที่ต่อแถวขอร้องให้เธอทำการผ่าตัดให้มีมากมายจนนับไม่ถ้วน “หากไม่ใช่หม่อมฉัน แขนของพระองค์ก็ถือว่าใช้การไม่ได้ไปแล้ว!ตอนนี้หม่อมฉันก็นับว่าเป็นผู้มีพระคุณของพระองค์ใช่หรือไม่?” ตอนนี้ควรถึงเวลาที่จะพูดคุยเรื่องข้อตกลงกันแล้ว “ไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่ตาย ดังนั้นเจ้าก็ยังไม่นับว่าเป็นผู้มีพระคุณของข้า” เฉินห้าวเหลือบตามองไปที่เธอ ดีมาก!จิตใจของเขาทำด้วยก้อนหินอย่างที่คิดไว้จริงๆ ดูแล้วเธอไม่ควรที่จะช่วยชีวิตเขาไว้เลย! เหลียงซินแอบคิดในใจ จะไม่มีครั้งหน้าอีกต่อไปแล้ว “ได้” ภายนอกของเธอแสร้งทำเป็นไม่ได้รู้สึกอะไร ยกกล่องยาขึ้นพลางหมุนตัวเดินออกไปอย่างเมินเฉย ทว่า ในวินาทีที่เธอหมุนตัวกลับนั้น ฝ่ามือกลับถูกใครบางคนจับเอาไว้แน่น รอยยิ้มอันชั่วร้ายบนริมฝีปากบางของเฉินห้าวปรากฏขึ้น “ข้ากับเจ้าเป็นสามีภรรยากัน แล้วเหตุใดระหว่างสามีภรรยาจะต้องแบ่งแยกกันอย่างชัดเจนขนาดนั้นด้วยเล่า?” สามีภรรยา?เป็นคำที่ฟังดูเสียดสีอะไรขนาดนี้ เหลียงซินนับถือเขาจริงๆที่สามารถพูดว่าสามีภรรยาสองคำนี้ออกมาได้อย่างหลีกเลี่ยงปัญหาที่สำคัญออกไปเช่นนี้ ในโลกใบนี้เธอไม่เคยเห็นสามีภรรยาคู่ไหนที่มีความสัมพันธ์เป็นศัตรูต่อกันอย่างพวกเธอมาก่อน “กราบทูลท่านอ๋อง พระองค์ทรงยกยอหม่อมฉันเกินไปแล้ว สามีภรรยาสองคำนี้หม่อมฉันมิกล้ารับไว้ อย่างไรก็ขอให้ท่านอ๋องโปรดทรงรีบปล่อยมือโดยเร็วด้วยเถิดเพคะ” เธอกลับไม่ได้หันหน้ากลับไป เพียงแค่สลัดมือของเขาออกไปอย่างรุนแรง จากนั้นก็หมุนตัวออกนอกประตูไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีการหยุดค้างใดๆทั้งสิ้น สีหน้าของเฉินห้าวค่อยๆจริงจังขึ้น เพียงครู่เดียวก็เปลียนเป็นลึกล้ำจนไม่สามารถที่จะคาดเดาได้ แววตาที่มืดมนและโหดร้าย บ้าคลั่งราวกับพายุฝนก็ไม่ปาน มือของเขากำแน่นจนกลายเป็นหมัด พยายามควบคุมความผันผวนภายในจิตใจอย่างถึงที่สุด ทว่าความโกรธก็ยังคงล้นเกินออกมาอย่างซ่อนเอาไว้ไม่อยู่ เหลียงซินไม่อยากจะมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับเขา บนโลกใบนี้ไม่เคยมีเรื่องที่เขาควบคุมไม่ได้มาก่อน ถึงแม้ว่าจะให้เขาไม่ได้ชอบเหลียงซิน ก็จะไม่ปล่อยมืออย่างเด็ดขาด สิ่งที่เขาไม่สามารถครอบครองมาได้ ก็ยอมที่จะทำลายมันทิ้งซะ “ปล่อยมือ?ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีทาง” เฉินห้าวพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ ทันใดนั้นจุยเฟิงกับจู๋เยว่ก็ผลักประตูเปิดออก ทั้งสองคนเข้ามายังข้างกายของเขาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านอ๋อง พระองค์ทรงไม่เป็นอะไรแล้วนะพะยะค่ะ?” เฉินห้าวดึงสติกลับมาจากในภวังค์ ชั่วพริบตาเดียวก็เปลี่ยนเป็นเทพมารสะท้านพบ ท่านอ๋องสิงที่เย็นชาไร้ความรู้สึกอย่างที่สายตาคนนอกเห็นกันในทันที “บาดแผลเพียงเล็กน้อย ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เรื่องนี้พวกเจ้าตรวจพบตัวคนทำแล้วหรือยัง?” เสียงทุ้มต่ำของเขาเอ่ยถามขึ้น จุยเฟิงและจู๋เยว่สายหน้าอย่างรู้สึกผิด “หม่อมฉันไร้ความสามารถ ข้อมูลสถานะของคนเหล่านี้นั้นว่างเปล่า ดูไม่เหมือนคนของรัฐเราเลยแม้แต่น้อย ตรวจหาที่มาไม่พบพะยะค่ะ” สีหน้าของเฉินห้าวเคร่งขรึมขึ้น เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้ไม่มีผิด อาวุธที่คนเหล่านี้ใช้มาจากทางฝั่งเดียวกับด้านทิศตะวันตกของแม่น้ำโผซัว วิชาการต่อสู้ก็มีมากมายหลายรูปแบบทั้งประหลาดและพิเศษ ดูแล้วไม่เหมือนคนของรัฐหนานเยว่เลยแม้แต่น้อย ตรวจสอบไม่พบสถานะ นี่ก็เป็นการยืนยันว่า คนที่ต้องการจะเอาชีวิตเขาไม่ใช่คนข้างกายของเขาอย่างแน่นอน “จัดกำลังคนคอยเฝ้ายามและคุ้มกันวังให้มากยิ่งขึ้น แมลงวันตัวหนึ่งก็อย่าให้บินเล็ดลอดเข้ามาได้” แววตาที่ราวกับธารน้ำแข็งแฝงไปด้วยจิตสังหารที่มืดมนและน่าหวาดกลัว คลื่นลูกเก่ายังไม่ทันสงบ คลื่นลูกใหม่ก็ซัดเข้ามา มีความรู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวังหลวงนั้นน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวังสิงหวัง ทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนเข้ามาได้อย่างประจวบเหมาะเกินไปจริงๆ บุคคลลึกลับในวันนั้น ไม่แน่ก็อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ในใจของเขาค่อยๆปรากฏความระแวงและสงสัยออกมา เหลียงซินกับบุคคลลึกลับผู้นั้นแท้จริงแล้วมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่? “พวกเจ้าไปจัดการเรื่องหนึ่งให้ข้า” เฉินห้าวหันไปทางจุยเฟิงกับอยู่เยว่ที่ดูด้านข้าง พูดแผนการที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจออกมาอย่างช้าๆ พอเหลียงซินกลับมาถึงตำหนักเจียวหยางที่พำนักของตนเองแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างของหมิงชิวก็เปล่งประกายขึ้น รีบเข้ามาทำการต้อนรับในทันที “พระชายา เหตุใดพระองค์จึงเข้าไปในวังหลวงนานเช่นนี้เล่าเพคะ?เป็นเพราะเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วใช่หรือไม่เพคะ?” เหลียงซินหันศีรษะเล็กน้อยมองไปที่นางครู่หนึ่ง ท่าทีของนางดูเหมือนบริสุทธิ์ไร้เดียงสา แต่ในความเป็นจริงแล้วกำลังพูดอย่างเป็นพิธีรีตรองก็เท่านั้น นางกำนัลผู้นี้ เหมือนมีเรื่องที่ปิดบังเอาไว้ในใจอย่างที่คิดไว้จริงๆ ดูแล้ว ในตอนแรกเธอก็ไม่สมควรที่จะช่วยชีวิตนางเอาไว้ จิตใจมนุษย์นั้นโหดร้าย น่ากลัวและอันตราย ภายในวังสิงหวังด้วยแล้วยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ทว่า เธอก็ยังแสดงท่าทีเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คิดว่านางเพียงแค่เอาใจใส่ธรรมดาทั่วไป จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “พระสนมเอกทรงได้รับพิษ ดังนั้นเสด็จพ่อจึงเชิญข้าเข้าวังหลวงเพื่อรักษา” เธอแอบสังเกตสีหน้าท่าทางของหมิงชิวอย่างลับๆ นางอุทานออกมาเพียงเล็กน้อยด้วยความตกใจ “พระชายา ฝีมือทางการแพทย์ของพระองค์ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ จะต้องถอนพิษให้กับพระสนมเอกได้แล้วอย่างแน่นอนใช่หรือไม่เพคะ?” “อื้อ” เหลียงซินมองไปที่นางครู่หนึ่ง “เจ้าถามเรื่องเหล่านี้ไปทำไมกัน?” “หม่อมฉันเพียงแค่เป็นห่วงพระชายาเพคะ ดังนั้นจึงถามมากไปเสียหน่อย พระชายาคงไม่ทรงตำหนิหม่อมฉันนะเพคะ?” หมิงชิวรีบร้อนคุกเข่าลงในทันที เหลียงซินยิ้มขึ้นเล็กน้อยพลางพยุงนางให้ลุกขึ้นมา “ได้อย่างไรกัน?ก็เจ้าเป็นห่วงข้า” พอดีกับที่กำลังพูด ชุนฮวาก็ถือกล่องอาหารเข้ามาจากด้านนอกประตู จากนั้นก็กวาดตามองไปยังหมิงชิวด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ “พระชายาเสด็จกลับมา กำลังจะเสวยพระกระยาหารเย็น ก็ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าไปรับอาหารที่ห้องเครื่อง ทั้งวันก็อยู่ที่นี่ตัวติดกับพระชายา เอาเจ้ามามีประโยชน์อะไรกัน?” ชุนฮวาและชิวเยว่ต่างก็ไม่ชอบหมิงชิวสักเท่าไร ดังนั้นในทุกๆวันจึงไม่ต้องการที่จะเห็นนางเป็นอย่างมาก เหลียงซินก็รับรู้เช่นกัน แต่กลับไม่ได้ว่ากล่าวอะไรออกไป สำหรับนางกำนัลสองคนนี้ที่ติดตามเธอเข้ามาจากเรือนแม่ทัพเจิ้นอันในวันแต่งงานแล้ว เหลียงซินรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะยังไงภายในวังท่านอ๋องแห่งนี้ มีเพียงแค่พวกนางสองคนที่ดีต่อเธอด้วยใจจริง “เอาล่ะ พวกเจ้าก็ไปกินอาหารเย็นเถิด ชิวเยว่เจ้าเข้ามารับใช้ข้าตอนอาบน้ำ” เหลียงซินโบกมือขึ้นเล็กน้อยด้วยความอ่อนล้า บอกเป็นนัยให้พวกนางออกไป ชิวเยว่รับคำสั่งอยู่ต่อ รอกระทั่งหลังจากที่ทุกคนออกไปกันหมดแล้วจึงค่อยๆเดินเข้ามาที่ข้างกายของเหลียงซิน เอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “พระชายา มีเรื่องอะไรใช่หรือไม่เพคะ?” นางกำนัลผู้นี้ถือว่าค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียว หากเจ้าของร่างเดิมสามารถรู้จักใช้ประโยชน์ ก็คงไม่ถึงขั้นตกลงไปสู่จุดจบที่น่าอนาถเช่นนั้น “ช่วงระยะนี้ เจ้าจงไปสอดแนมการเคลื่อนไหวของหมิงชิว ดูว่านางล้วนไปมาหาสู่กับใครบ้าง” เหลียงซินสั่งการออกไป “หม่อมฉันรู้สึกตั้งนานแล้วเพคะว่าหมิงชิวแปลกๆผิดปกติ ดังนั้นช่วงสองสามวันมานี้จึงแอบสังเกตนางมาโดยตลอด พบว่าเธอจะออกไปข้างนอกทุกวันตอนเที่ยงคืน และจะกลับมาภายในครึ่งชั่วยาม เพียงแต่หม่อมฉันกลับไม่รู้ว่านางไปทำอะไรเพคะ” ในใจของเหลียงซินยิ่งถูกชักชวนให้สงสัยมากยิ่งขึ้น “ในคืนนี้ข้าจะแอบตามไปดู จำไว้ว่าทำทุกอย่างให้เป็นเหมือนปกติ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น” หลังจากที่หารือเรื่องแผนการรับมือเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลียงซินก็กินอาหารเย็นหลังจากที่อาบน้ำเสร็จตามด้วยฝึกเคล็ดวิชากำลังภายในบนเตียงจากนั้นก็เรียนรู้วิชาการต่อสู้ในตำราตามปกติ หลังจากที่ตั้งแต่เธอฝึกวิชาด้วยตนเองแล้ว ร่างกายของเธอก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด และขณะเดียวกันหากอาศัยวิชาการต่อสู้ของเธอในตอนนี้ก็สามารถสู้ชนะผู้ชายสองคนได้อย่างไม่มีปัญหา ถ้าหากฝึกฝนต่อไปเช่นนี้ จะต้องกลายเป็นผู้เก่งกาจด้านวิชาการต่อสู้อย่างแน่นอน การหนีออกไปจากที่นี่น่าจะเป็นจริงในไม่ช้า ช่วงกลางคืนค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นดึกสงัด แสงจันทร์สาดสะท้อนผ่านเข้ามาจากบานหน้าต่างกระดาษ ส่องสว่างให้กับห้องที่เรียบง่ายนี้ ดวงตาสองข้างของเหลียงซินที่แต่เดิมปิดสนิทเบิกขึ้นในทันทีพลางกวาดสายตามองดูไปรอบด้าน จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้าๆ ออกมายังด้านนอกประตู รอได้ไม่นาน ห้องเล็กๆห้องหนึ่งที่อยู่ด้านข้างก็ปรากฏเงาคนหลบๆซ่อนๆออกไปทางประตูใหญ่ของตำหนักเจียวหยางด้วยความรวดเร็ว เธอจึงแอบตามไปอย่างเงียบๆ สิ่งที่เห็นก็คือหมิงชิวเลี้ยวออกไปทางระเบียงยาวด้านขวาทางด้านนอกประตู ในใจของเหลียงซินค่อยๆกระจ่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทางนี้ ไม่ใช่ทางของตำหนักลั่วยินหรอกหรือ? ไม่นาน ร่างของหมิงชิวก็มาหยุดอยู่บนศาลาริมน้ำเซียงหลานที่อยู่ด้านนอกของตำหนักลั่วยิน จากนั้นยายหวังก็ออกมาจากด้านในทั้งสองคนเริ่มพูดคุยอะไรกันอย่างกระซิบกระซาบ เหลียงซินมองดูอย่างเข้าใจความหมายชัดเจน เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ หมิงชิวยังคงเป็นคนของเหลียงยิน หลายวันมานี้อาศัยอยู่ในตำหนักเจียวหยาง บางทีอาจจะเพียงแค่เพื่อมาสอดแนมทุกการเคลื่อนไหวของเธอก็เท่านั้น แม้แต่ท่าทีที่ตั้งใจยอมจำนน ช่วยเธอเอ่ยปากที่หน้าวังหลวง ก็คงจะล้วนเป็นการเสแสร้งออกมาสินะ! “ต้องการให้ข้าไปช่วยเจ้าสังหารพวกนางหรือไม่?” เสียงที่เย็นชาและมืดมนดังขึ้นที่ข้างใบ้หูของเธอ เธอตกใจจนถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวในทันที สิ่งที่เห็นก็คือบุคคลลึกลับผู้นั้นปรากฏกายในวังสิงหวัง และยังปรากฏกายต่อหน้าเธออีกแล้ว ท่าทางของเธอเปลี่ยนไปในทันที รีบจับบุคคลลึกลับผู้นั้นเอาไว้แล้วพามายังเพิงลับตาคนทางฝั่งตรงข้ามของศาลาริมน้ำเซียงหลาน หลีกเลี่ยงการถูกคนพบเข้า “คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ายังสามารถเข้ามาได้อีก?เฉินห้าวนี่ก็ช่างไม่มีประโยชน์จริงๆ!” เหลียงซินสังเกตดูเขาอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างยิ่ง ื วังสิงหวังที่ยิ่งใหญ่ทรงอำนาจ กลับให้ผู้ลอบสังหารเข้านอกออกในได้อย่างง่ายดาย ทุกอย่างดูล้วนไร้ประโยชน์สิ้นดี! บุคคลลึกลับไม่มีท่าทีปิดบังเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่พูดขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจว่า “ข้าไม่ได้ออกไปจากที่นี่ด้วยซ้ำ แต่อยู่ในคุกใต้ดินใกล้ๆนี้มาตลอด” คราวนี้เหลียงซินยิ่งตกใจหนักขึ้นไปอีก ที่แท้ บุคคลลึกลับผู้นี้อาศัยอยู่ภายในวังสิงหวังมาโดยตลอด! เธอก็ว่า เหตุใดเขาจึงสามารถเข้าออกวังสิงหวังได้อย่างอิสระ แม้แต่เฉินห้าวก็คงจะคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่าเขาไม่ได้ออกไปจากวังสิงหวังเลย แต่กลับอาศัยอยู่ที่นี่ตลอดเวลา! “เจ้าบอกข้า ไม่กลัวข้าไปบอกเฉินห้าว ให้เขามาฆ่าเจ้าหรอกหรือ?” ดวงตาของเหลียงซินดุดันขึ้น จ้องไปที่เขา บุคคลลึกลับกลับพูดขึ้นอย่างไม่แยแสว่า “หากมันมีความสามารถที่จะฆ่าข้าได้ ข้าก็คงแฝงตัวอยู่ในวังของมันไม่ได้นานเช่นนี้ มันถูกคนสรรเสริญว่าเป็นแม่ทัพที่องอาจแห่งรัฐหนานเยว่ แต่ว่าข้ามองว่ามันก็คือถุงกระสอบฟางที่ไร้ประโยชน์” “ข้าเห็นด้วย!” สำหรับสิ่งนี้ เหลียงซินเห็นด้วยเต็มร้อย สายตาของบุคคลลึกลับค่อยๆอบอุ่นขึ้น ภายใต้พื้นหลังที่ถูกระบายสีแต่งแต้มด้วยแสงจันทร์ยิ่งปรากฏให้เห็นความอ่อนโยนเพิ่มขึ้นไปอีก กระทั่งเหลียงซินมองเห็นความรู้สึกอันลึกซึ้งที่ยากจะได้เห็นออกมาจากด้านในแววตาของเขา น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปในทันที พยายามอย่างเต็มที่ให้ดูนุ่มนวลขึ้น “วันนี้ เจ้าคงไม่ได้รับบาดเจ็บนะ?” เหลียงซินรู้สึกแปลกใจขึ้นมาในทันที “อะไร?” ไม่นาน เธอก็รู้สึกตัวว่าเพราะอะไรบุคคลลึกลับถึงได้ถามเช่นนี้ ผู้ลอบสังหารที่วันนี้เธอกับเฉินห้าวพบเข้าหลังจากที่ออกมาจากวังหลวง ที่แท้ก็มาจากฝีมือของบุคคลลึกลับผู้นี้นี่เอง เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกไม่เข้าใจก็คือ เพราะเหตุใดบุคคลลึกลับผู้นี้ถึงได้นำเรื่องทั้งหมดเหล่านี้มาบอกกับเธอ? “เรื่องในวันนี้ที่แท้เป็นฝีมือของเจ้านี่เอง! เจ้าคิดจะใช้วิธีการประเภทนี้มาฆ่าเฉินห้าว?” เหลียงซินถามขึ้นอย่างสงสัย “ไม่ ข้าเพียงแค่ต้องการให้มันรู้ว่า ชีวิตของมัน มีคนมากมายที่ต้องการจะแย่งชิง” เหลียงซินมองไปที่เขาอย่างระมัดระวังและเตรียมความพร้อม ค่อยๆก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว “เหตุใดจึงพูดเรื่องเหล่านี้กับข้า?” บุคคลลึกลับหันไปอีกด้านหนึ่ง เพียงครู่เดียวใบหน้าทั้งใบก็ถูกกลบอยู่ในความมืดมิด “เพราะว่า ข้าไม่คาดหวังให้เจ้าตาย ดังนั้นจึงให้คำเตือนเจ้าด้วยความหวังดี ร่างของเขายิ่งเดินยิ่งไกลออกไป ทันใดนั้นก็หันกลับมาอีกพลางเอ่ยขึ้นว่า “ถือโอกาสเตือนเจ้าเลยแล้วกัน พนันของเรา ไม่นานก็จะถึงเวลาแล้ว” ในใจของเหลียงซินหนักอึ้ง มีเพียงความรู้สึกที่ไม่ดี นี่เธอดึงดูดคนอะไรเข้ามากันแน่นี่? ความคิดของบุคคลลึกลับผู้นี่แตกต่างจากคนทั่วไป ช่างน่ากลัวจริงๆ สิ่งที่ยิ่งทำให้เธอไม่เข้าใจก็คือ เขากับเฉินห้าวมีความเกลียดชังเคียดแค้นฝังลึกอะไรกันแน่ ที่จะคุ้มค่ากับการที่เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะมาจัดการกับเฉินห้าวเช่นนี้ เพียงแต่ว่าในช่วงเวลาที่กำลังถูกการใช้ชีวิตบีบรัดคอจนไร้หนทางที่จะหายใจได้เช่นนี้ ในใจของเธอก็ยังคงมีแสงสว่างแห่งความคาดหวังอยู่บ้าง อย่างน้อยตอนนี้เธอจะต้องพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี ยิ่งบุคคลลึกลับกับเฉินห้าวทะเลาะกันรุนแรงมากขึ้นเท่าไร โอกาสที่เธอจะได้ออกไปจากที่นี่ก็มีมากขึ้นเท่านั้น!
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 41 การแบ่งแยกของสามีภรรยา
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A