ตอนที่ 42 จัดการข้ารับใช้เก่า
1/
ตอนที่ 42 จัดการข้ารับใช้เก่า
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 42 จัดการข้ารับใช้เก่า
ตนที่ 42 จัดการข้ารับใช้เก่า เหลียงซินอาศัยความมืดมิดยามค่ำคืนกลับมายังตำหนักเจียวหยาง หลังจากที่เธอกลับไป ชิวเยว่ที่เฝ้าคอยอยู่หน้าประตูตลอดก็ตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว “พระราชา หมิงชิวกลับมาแล้ว เหตุใดพระองค์เสด็จไปนานขนาดนี้เล่าเพคะ?” “ไม่มีอะไร หมิงชิวนางไม่ได้เกิดความสงสัยเคลือบแคลงใจอะไรนะ?” เหลียงซินพลางถาม พลางเดินเข้าไปทางด้านใน ชิวเยว่ส่ายศีรษะ เดินเข้าไปข้างในห้องพร้อมกับเธอ แสงจันทร์ราวกับปรอทก็ไม่ปานเอนเอียงและตกสะท้อนลงมาภายในห้องที่ดูเรียบง่ายทั้งยังไม่ได้หรูหราห้องนี้ “พระชายา เช่นนั้นพวกเราควรจะทำอย่างไรดีเพคะ?จะจับเอานางโจรสาวผู้ที่ลืมบุญคุณหักหลังเจ้านายมาสอบสวนให้ชัดเจนดีไหมเพคะ?” ชิวเยว่เอ่ยถามด้วยเสียงที่แผ่วเบา เหลียงซินส่ายหน้าอย่างไม่ได้สนใจ หลังจากที่ในใจแอบครุ่นคิดและลังเลอยู่นานจึงเอ่ยขึ้นว่า “ยังไม่ต้องแหวกหญ้าให้งูตื่น ในเมื่อนางต้องการจะสอดส่องความเคลื่อนไหวของข้า เช่นนั้นก็ให้นางสอดส่องไป พรุ่งนี้ก็นำตำแหน่งที่อยู่ของข้าทั้งหมดบอกให้นางได้รับรู้” ชิวเยว่ยิ้มอย่างรู้ใจ “หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ” ภายในห้องหนังสือของวังสิงหวัง แสงจากเทียนที่เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืดลงเล่มหนึ่งกำลังเผาไหม้อย่างอ่อนกำลังอยู่ในความมืดมิดยามค่ำคืน มือของเฉินห้าวที่กำลังประคองกุศโลบายทางการทหารอันเก่าแก่และทรุดโทรมอยู่เล่มหนึ่ง ได้ถูกเขาเปิดไปจนถึงหน้าสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในเวลานี้ จุยเฟิงก็ค่อยๆเปิดประตูห้องสมุดออกอย่างเบามือ “กราบทูลท่านอ๋อง เป็นอย่างที่พระองค์ทรงคาดการณ์เอาไว้ คนชุดดำในวันนี้เป็นพวกที่บุคคลลึกลับส่งมาจริงๆพะยะค่ะ ครู่นี้พระชายายังทรงพบกับบุคคลลึกลับในยามค่ำคืนอยู่ที่เพิงแห่งหนึ่ง เป็นเขาที่เอ่ยปากบอกกับพระชายาด้วยตนเอง” ดวงตาทั้งสองข้างที่ลึกและนิ่งสงบของเฉินห้าวเบิกโพลงขึ้นในทันที สิ่งที่เขาสนใจไม่ใช่คนที่บุคคลลึกลับส่งมา หากแต่คิดไม่ถึงว่าเหลียงซินยังคงไปมาหาสู่กับบุคคลลึกลับผู้นั้นอยู่! “พระชายาได้รับรู้เรื่องนี้แล้ว นางว่าอย่างไรบ้าง?” เขาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “พระชายาทรง...ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองพะยะค่ะ” จุยเฟิงก้มศีรษะลง กุศโลบายทางการทหารเล่มนั้นที่อยู่ในมือของเฉินห้าวถูกเขาฉีกออกเป็นชิ้นๆในทันที แสดงให้เห็นว่า อารมณ์โกรธของเขาแท้จริงแล้วมากมายขนาดไหน หญิงที่สมควรตายผู้นั้น ในช่วงเวลาที่ได้ยินชายอื่นบอกว่าจะสังหารเขา นึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆเกิดขึ้น? ดูแล้ว ช่วงนี้คงจะนิ่งเฉยกับนางมากเกินไป จึงทำให้นางไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ “กราบทูลท่านอ๋อง ยังมีอีกหนึ่งเรื่องพะยะค่ะ บุคคลลึกลับผู้นั้นอาศัยอยู่ในคุกใต้ดินแถวนี้ภายในวังมาโดยตลอด และเขายังพูดว่าเคยมีการท้าพนันกับพระชายาเอาไว้ เพียงแต่หม่อมฉันไม่รู้ว่าการท้าพนันนั้นคืออะไรกันแน่” ดีมาก! เฉินห้าว ขว้างหนังสือที่อยู่ในมือออกไปอย่างรุนแรง จนดัง “ปึงปัง” ไปทั่ว ของที่อยู่บนโต๊ะถูกเขากวาดทิ้งลงกับพื้นในทันที “ซี๊ด” เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอด ครู่นี้กระทบโดนเข้ากับบาดแผลที่แขน เจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง “กราบทูลท่านอ๋อง ทรงพิโรธก็ส่วนทรงพิโรธ แต่ว่าพระองค์ไม่สามารถนำพระวรกายมาระบายพระอารมณ์โกรธได้นะพะยะค่ะ” จุยเฟิงเตือนขึ้นด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา ตั้งแต่หลังจากที่อำนาจทางการทหารถูกแย่งชิงไป เขาก็ไม่ได้เห็นท่าทีที่โมโหร้ายของเฉินห้าวมานานมากแล้ว ตอนนี้กลับเป็นเพราะเหลียงซินจึงโกรธมากถึงเพียงนี้ ไม่ใช่ท่านอ๋องผู้นั้นที่เขารู้จักคุ้นเคยเลยจริงๆ “ใครว่าข้าโกรธ?” เฉินห้าวหัวเราะขึ้นอย่างเย้ยหยัน “เจ้าจับตาดูเหลียงซินต่อไป อย่าเพิ่งมีการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น” “ท่านอ๋อง เช่นนั้นบุคคลลึกลับที่อยู่ในคุกใต้ดินแถวนี้...” จุยเฟิงพูดขึ้นมาอย่างลังเล “ยังไม่ต้องไปสนใจ จับตาดูเหลียงซินหญิงคนนั้นไว้ให้ข้าก็เป็นพอ” สิ่งที่เฉินห้าวสนใจกลับไม่ใช่บุคคลลึกลับผู้นั้น หากแต่เป็นเหลียงซินหญิงผู้นี้ หากนางกล้าหักหลังเขา เขาจะต้องทำให้นางไม่ได้ตายดีอย่างแน่นอน! ในใจของจุยเฟิงเข้าใจอย่างชัดเจน นำยาจินชวง(ยาที่ใช้ในการห้ามเลือดและรักษาบาดแผล)ออกจากอ้อมแขนวางไว้บนโต๊ะหนังสือที่อยู่ด้านหน้า จากนั้นจึงถอยออกไปอย่างเงียบๆ ในค่ำคืนนี้ ภายนอกของวังสิงหวังแลดูคลื่นลมสงบ แต่ในความเป็นจริงแล้วคลื่นพายุพัดโหมกระหน่ำไปทั่วทุกสารทิศ ทุกคนล้วนหลับใหลด้วยความฝันที่แตกต่างกันไป เหลียงซินดูเหมือนยังไม่รู้ว่าทุกการเคลื่อนไหวของเธอได้ถูกคนยึดกุมเอาไว้อย่างแน่นหนา ในวังแห่งนี้ ทุกย่างก้าวล้วนถูกจับจ้อง กระทั่งเธอตื่นขึ้นมา ด้านนอกท้องฟ้าแจ่มใสอากาศปลอดโปร่ง แสงอาทิตย์สว่างไสวสวยงาม เรื่องเมื่อคืนนี้ก็ราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลังจากที่เหลียงซินหวีผมแต่งตัว รับอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ยินเสียงของชุนฮวาดังสะท้อนมาแต่ไกล “พระชายาเพคะ หลี่เต๋อกงกงที่อยู่ในวังหลวงมาแล้วเพคะ ตอนนี้กำลังอยู่ในห้องโถงใหญ่รอพระองค์เสด็จไปรับพระราชทานของกำนัลล่ะเพคะ! “รับของกำนัล?” เหลียงซินแปลกใจเล็กน้อย เธอมีของกำนัลอะไรให้น่ารับกัน? หลังจากมาถึงห้องโถงใหญ่อย่างรีบร้อน สิ่งที่ได้เห็นก็คือหัวหน้าขันทีหลี่เต๋อที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้กำลังรออยู่ด้านใน ยังมาพร้อมกับนางกำนัลและขันทีอีกหลายคนที่มือประคองสิ่งของเอาไว้ยืนเรียงกันเป็นแถว “หม่อมฉันขอคารวะพระชายาพะยะค่ะ หลังจากที่ฮ่องเต้ทรงทราบว่าเมื่อวานนี้พระองค์ทรงช่วยพระสนมเอกถอนพิษได้สำเร็จ ก็ทรงตั้งใจเป็นพิเศษให้หม่อมฉันนำของกำนัลมาส่งให้ พระสนมเอกก็ยังทรงฝากฝังหม่อมฉันให้มาแสดงความขอบพระทัยต่อพระองค์ด้วยพะยะค่ะ หลี่เต๋อโบกมือขึ้นเล็กน้อย นางกำนัลและขันทีที่ยืนเป็นแถวด้านนอกประตูก็ประคองสิ่งของเข้ามาในทันที เหลียงซินมองดูอยู่ครู่หนึ่ง สิ่งของเหล่านี้ล้วนน่าจะเป็นของล้ำค่าจำพวกเพชร ปิ่นปักผมทองคำ สิ่งทอผ้าไหมที่ประณีตงดงาม วัตถุโบราณล้ำค่าชนิดต่างๆ และอื่นๆอีกหลากหลายชนิดที่แปลกและหาได้ยากของยุคนี้ รวมๆแล้วไม่น้อยกว่าสิบอย่าง หากวางไว้ในยุคปัจจุบัน อย่างน้อยก็มีมูลค่าถึงหนึ่งร้อยล้าน “กราบทูลพระชายา ทรงรีบรับพระราชโองการด้วยเถิดพะยะค่ะ” หลี่เต๋อเร่งขึ้น “หม่อมฉันน้อมรับราชโองการ ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่พระราชทานของกำนัลให้เพคะ!” เธอไม่ได้มีการปฏิเสธไม่ยอมรับแต่อย่างใด ของกำนัลเหล่านี้มาได้ประจวบเหมาะเวลาพอดี หากเธอออกไปจากวังสิงหวังแล้ว ที่ที่ต้องใช้เงินจะต้องมีเยอะมากอย่างแน่นอน แม้สถานะของเธอจะเป็นถึงพระชายา ทว่า เบี้ยหวัดเงินปีทั้งหมดต่างก็ถูกยักยอกไปหมดแล้ว หากไม่ใช่ตอนที่เหลียงต้งมาได้ช่วยเพิ่มเติมให้แล้วล่ะก็ เธอก็ไม่มีที่เก็บสะสมไว้แม้แต่นิดเดียวเลยจริงๆ ถึงตอนนี้ แม้แต่ทองคำของรัฐหนานเยว่รูปร่างเป็นอย่างไรเธอก็ยังไม่รู้ “เช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลากลับก่อนพะยะค่ะ” หลี่เต๋อพูดจบก็ถอยกลับออกไป เหลียงซินรีบเรียกชุนฮวากับชิวเยว่มาเคลื่อนย้ายสิ่งของเหล่านี้ทั้งหมดเข้าไปยังตำหนักเจียวหยางในทันที พอดีกับตอนที่เธอกำลังจะออกจากห้องโถงใหญ่ เหลียงยินก็เยื้องย่างจากที่ไกลๆมาถึงยังเบื้องหน้าของเธอ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่ซีดเซียว “น้องขอแสดงความยินดีกับท่านพี่ที่ได้รับพระราชทานของกำนัลจากเสด็จพ่อด้วยเพคะ แสดงให้เห็นว่าฝีมือทางการแพทย์ของท่านพี่นั้นสูงส่ง แม้แต่พระสนมเอกก็ยังทรงชื่นชมด้วยพระราชหฤทัยที่แท้จริงเชียวนะเพคะ!” พอได้ยินเสียงที่ฉอเลาะราวกับนกกระจอกเมฆของเหลียงยิน เหลียงซินก็ขนลุกไปทั่วทั้งตัว “นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะฝีมือทางการแพทย์ของข้าสูงส่ง เกรงว่าตอนนี้เจ้าก็ยังคงนอนอยู่บนเตียงลงมาไม่ได้แล้วกระมัง” เหลียงซินมองสังเกตนางอยู่ครู่หนึ่ง พลางเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา พอพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเหลียงยินก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก ก็เป็นเพราะว่าเหลียงซินที่ทำร้ายให้เธอต้องดื่มยาที่ทำจากแมลงเหล่านั้นไปตั้งหลายวัน ตอนนี้คิดขึ้นมาแล้วยังรู้สึกพะอืดพะอม “ก็เป็นเพราะเหตุนี้ วันนี้น้องจึงได้นำของขวัญมาถวายให้แด่เสด็จพี่เพื่อเป็นการขอบพระทัยเพคะ นี่คือปิ่นใบไม้เขียวดวงจันทร์คล้อยที่ท่านแม่มอบให้แก่หม่อมฉันด้วยตนเองก่อนที่หม่อมฉันจะแต่งเข้าวังสิงหวัง ท่านพี่ได้โปรดทรงรับไว้ด้วยเพคะ!” พูดจบ ยายหวังก็มอบกล่องที่แกะสลักอย่างประณีตมาให้กล่องหนึ่ง หลังจากที่เปิดออก ด้านในก็มีปิ่นปักผมที่ลวดลายประณีตงดงามอันหนึ่งวางนอนอยู่ ดูเหมือนว่าจะล้ำค่ามากเป็นอย่างยิ่ง “หากเจ้ามอบสิ่งของที่มีค่าเช่นนี้ให้แก่ข้า เช่นนั้นก็เห็นเป็นคนนอกแล้ว ปิ่นอันนี้เจ้ารีบนำกลับไปเถิด ข้าเป็นหมอ ช่วยชีวิตคน ไม่ใช่เพื่อรับสิ่งของตอบแทน” เหลียงซินปฏิเสธอย่างแน่วแน่ ทว่า เหลียงยินกลับมีท่าทีไม่รับกลับและไม่ยอมแพ้จริงๆ “ท่านพี่ไม่รับ เป็นเพราะดูแคลนน้องใช่หรือไม่เพคะ?” เฮอะ มาเล่นฉากที่ทำให้ดูน่าสงสารอีกแล้ว “ใช่” มุมปากของเหลียงซินยกขึ้น คำหนึ่งคำเล็ดลอดออกมาจากในลำคออย่างช้าๆ สีหน้าที่ซีดเซียวของเหลียงยินยิ่งเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยให้ดูน่าสงสารมากขึ้นไปอีก ยังไม่ได้พูดอะไร วินาทีต่อมายายหวังก็หยิบเอาปิ่นที่อยู่ในกล่องออกมากดค้างเข้าไปยังศีรษะของเหลียงซินทันที นางพูดขึ้นอย่างรุนแรงและดุดันว่า “แม้ท่านจะสูงส่งเป็นถึงพระชายา แต่ในวังแห่งนี้ พระชายารองถึงจะเป็นหญิงที่ท่านอ๋องทรงรักอย่างแท้จริง หากท่านไม่รู้จักกาลเทศะแล้วล่ะก็ ไม่นานท่านอ๋องก็จะขับไล่ท่านออกไปจากวังในทันที!” ในขณะที่กำลังพูด ยายหวังก็นำปิ่นหยกในมือเสียบเข้าไปบนผมของเหลียงซินโดยตรง ทิ่มแทงเข้าไปในหนังศีรษะ ทันใดนั้น ความรู้สึกเจ็บแปลบแบบชาๆก็หมุนวนอยู่ในสมองของเหลียงซิน พอเธอพลิกฝ่ามือบิดขึ้นก็จับมือของยายหวังเอาไว้ได้อย่างแน่นหนา จากนั้นจึงนำร่างที่สูงใหญ่อ้วนท้วนของนางกดลงไปบนโต๊ะ “โอ๊ย!พระชายาจะฆ่าคนแล้ว!พระชายาจะฆ่าคนแล้ว!” ยายหวังร้องตะโกนเสียงดังขึ้นมาทันที ในวินาทีนั้นทั่วทั้งห้องโถงใหญ่วุ่นวายไปหมด ข้ารับใช้ที่แก่แล้วยังไม่รู้จักตายผู้นี้ หากวันนี้ไม่สั่งสอนนางให้เป็นบทเรียน ก็คงจะยังนึกว่าเธอเหลียงซินผู้นี้รังแกได้อย่างง่ายดายจริงๆ วิชาการต่อสู้ที่เเรียนเมื่อสองวันก่อนพอดีกับที่จะได้ลองบนร่างกายของนางสักหน่อย ดูว่าผลลัพธ์เป็นเช่นไร ขณะที่ยายหวังกำลังดิ้นรนให้หลุดออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้อยู่นั้น เหลียงซินก็จับปกคอเสื้อของนางแล้วผลักไปบนเสาที่อยู่ด้านข้างอย่างสบายๆ จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปกลางอากาศแล้วใช้ขาทั้งสองข้างออกแรงถีบไปยังบริเวณช่วงหน้าอกของนางในทันที “โอ๊ย!” ยายหวังกุมหน้าอกด้วยความเจ็บปวด หน้าตาบิดเบี้ยว ตามติดด้วยกระโดดหมุนตัวถีบอีกหนึ่งท่า เท้าทั้งสองข้างชองเหลียงซินเตะเข้าไปบนใบหน้าของนางทำให้นางพลิกลงไปกองกับพื้น ทิ้งรอยเท้าสีดำเทาไว้บนใบหน้านางเช่นนั้น “พวกเจ้ามัวยืนอึ้งอะไรกันอยู่?ยังไม่รีบเข้าไปพยุงยายหวังขึ้นมาอีก!” เหลียงยินมองดูอย่างตกตะลึง ความหวาดกลัวที่มีต่อเหลียงซินอดไม่ได้ที่จะเพิ่มมากขึ้นไปอีก นางกำนัลสองสามคนจึงรีบเข้าไปเพื่อจะพยุงยายหวังที่นอนอยู่บนพื้นขึ้นมา ทว่า เสียงเตือนที่ทุ้มต่ำก็ดังสะท้อนขึ้นมา “ข้ารับใช้เก่าแก่ผู้นี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เป็นเพียงผู้น้อยแต่กลับคิดสู้กับผู้ที่มีศักดิ์สูงกว่า ข้ากำลังปฏิบัติตามกฎระเบียบของวัง ใครกล้าเข้าไปพยุงถือว่าเป็นการต่อต้านกฎระเบียบของวังแห่งนี้ และจะต้องได้รับจุดจบแบบเดียวกัน” ในวินาทีที่คำพูดเหล่านั้นร่วงหล่นลงมา ทุกคนก็ยืนอึ้ง ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย นัยน์ตาของเหลียงยินส่องประกายความเคียดแค้นชิงชังออกมา แต่เพียงครู่เดียวก็หายไป “ขอบังอาจกราบทูลถามท่านพี่ ยายหวังทำผิดกฎระเบียบของวังข้อไหนหรือเพคะ?ถึงต้องได้รับการลงโทษเช่นนี้?” เหลียงยินเอ่ยถามขึ้นด้วยท่าทีที่แสร้งทำเป็นนิ่งสงบ พอเหลียงซินยกมือขึ้น ชิวเยว่ที่อยู่ด้านหลังก็หอบเอากฎระเบียบวังเล่มหนามายืนอยู่ที่ข้างหลังของเธอ “อ่าน” “กฎระเบียบของวังสิงหวังข้อที่เก้าสิบเจ็ด ในทุกกรณีที่ทำให้ผู้เป็นนายได้รับบาดเจ็บด้วยของมีคม ไม่ว่าจะด้วยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตามโบยหนักสามสิบไม้ ผู้ที่กระทำความผิดร้ายแรงตีให้ตายทั้งหมดไม่มีข้อยกเว้น” ชิวเยว่อ่านออกมาทีละคำทีละประโยค เหลียงซินรับกฎระเบียบของวังที่ทั้งหนาและหนักเล่มนั้นมา แล้วกระแทกลงไปบนใบหน้าของยายหวังอย่างแรง “เจ้าว่า ข้าทำกับเช่นนี้ ถือว่าเบาไปหรือไม่?” ยายหวังฝืนหลับตาลง กัดฟันแน่น ไม่ปริปากอะไรออกมาสักคำ แม้แต่เหลียงยินที่อยู่ด้านข้าง ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว เหลียงซินรู้ว่าเธอชนะแล้ว ในความเงียบของทุกคน เธอจึงได้ตัดสินใจแล้วว่าจะจัดการปกครองภายในวังให้เป็นระเบียบอย่างจริงจังเสียหน่อย ข้ารับใช้ที่ปกติชอบยักยอก ทารุณกรรมผู้อื่น โลภมาก ทั้งหมดนี้จะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว เธอนั่งลงบนที่นั่งทางทิศเหนือหันหน้าเข้าหาทิศใต้ของห้องโถงใหญ่ กวาดตามองข้ารับใช้ที่อยู่ด้านหน้าไปรอบๆ นี่เป็นเพียงครึ่งเดียวของข้ารับใช้ทั้งหมดภายในวัง จึงได้ให้ชุนฮวาไปตามอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือเข้ามาให้หมด อาศัยเรื่องที่วันนี้จัดการกับยายหวัง มาตั้งใจช่วยเฉินห้าวปฏิรูปวังที่มีสังคมอันเลวร้ายแห่งนี้เสียหน่อย เธอพระชายาผู้นี้ ก็ไม่ได้ดำรงตำแหน่งโดยเปล่าประโยชน์แล้ว มิเช่นนั้นคนอื่นก็ยังจะนึกว่าเธอรังแกได้อย่างง่ายดาย! “กราบทูลพระชายา ข้ารับใช้ทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่แล้ว นี่คือบัญชีรายชื่อ โปรดทรงทอดพระเนตรเพคะ” ชุนฮวาหอบเอาบัญชีรายชื่อวางไว้ที่ด้านหน้าของเหลียงซิน เธอดูอย่างคร่าวๆอยู่ครู่หนึ่ง เลือกเอาคนที่เป็นจุดสำคัญของการปฏิรูปทั้งหมดวาดวงกลมสีแดงเอาไว้ ในกลุ่มคนที่ถูกสายตาของเธอกวาดมอง เธอเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีสองสามคนที่กำลังตัวสั่นเทาไม่หยุดด้วยความหวาดกลัว คงจะกระทำความผิดไว้อย่างมากมาย “หัวหน้ากองฝ่ายใน หัวหน้ากองห้องเครื่อง พวกเจ้าทั้งสองออกมา” พอเหลียงซินเอ่ยปากออกไป ทั้งสองคนที่ตัวสั่นมากที่สุดในกลุ่มคนก็ค่อยๆเดินออกมา
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 42 จัดการข้ารับใช้เก่า
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A