ตอนที่ 43 ปฏิรูปวังสิงหวัง
1/
ตอนที่ 43 ปฏิรูปวังสิงหวัง
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 43 ปฏิรูปวังสิงหวัง
ตนที่ 43 ปฏิรูปวังสิงหวัง “หม่อมฉันคารวะพระชายาเพคะ/พะยะค่ะ” เสียงของสองคนชายหนึ่งหญิงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็คุกเข่าลง เหลียงซินมองดูพวกเขาด้วยสายตาที่เย็นชา ทั้งสองคนอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญ แต่กลับไม่ได้ทำตามหน้าที่และความรับผิดชอบที่ควรจะทำอย่างเต็มที่ ยักยอกเสบียงอาหารและเบี้ยหวัดเงินปีของตำหนักเจียวหยาง โทษนั้นไม่น้อย น้ำเสียงของเธอค่อยๆรุนแรงและเข้มงวดมากยิ่งขึ้น “พวกเจ้าเป็นถึงหัวหน้ากอง มีอำนาจในการควบคุมดูแลการจัดสรรเสบียงและเบี้ยหวัดเงินปี คงจะมีการบันทึกสถานภาพการจัดสรรภายในหนึ่งปีกว่ามานี้ของตำหนักเจียวหยาง?” ทั้งสองคนสบตากันครู่หนึ่ง ทั้งยังเงยหน้าขึ้นไปมองเหลียงยิน จากนั้นจึงเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา “ต่างก็มีอยู่ในบันทึกเพคะ” “ดี เช่นนั้นให้เจ้าพูดออกมาด้วยตนเอง หลายปีมานี้ยักยอกเบี้ยหวัดเงินปีกับเสบียงอาหารของตำหนักเจียวหยาง ยอดรวมทั้งหมดไปถึงเท่าไร?” เหลียงซินถามต่อ สองคนนั้นลังเลอยู่สักพักใหญ่ต่างก็ไม่ยอมที่จะพูดออกมา เพียงแค่สังเกตสีหน้าของเหลียงยินอยู่เรื่อยๆ จากนั้นก็นิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน “ไม่พูดใช่หรือไม่?ชุนฮวา เจ้าไปเตรียมเข็มเงินจำนวนหนึ่งมา ใครไม่ยอมพูดก็แทงเข้าไปจากด้านในเล็บจนกระทั่งเอ่ยปากออกมาจึงจะสิ้นสุดลง” หากไม่รุนแรงเสียหน่อย ข้ารับใช้เหล่านี้ก็คงจะยังนึกว่าเธอยังเป็นพระชายาคนนั้นที่อ่อนแอ ออกความเห็นเรื่องอะไรไม่เป็นแบบเมื่อก่อนอยู่ คำพูดเพิ่งหลุดออกจากปากไป ทั้งสองคนที่อยู่ด้านล่างก็เอ่ยปากขึ้นมาในทันที “กราบทูลพระชายา ในหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมานี้ เบี้ยหวัดเงินปีในแต่ละเดือนของตำหนักเจียวหยางเท่ากับสองร้อยตำลึงเงิน แจกจ่ายออกไปจริงๆเท่ากับยี่สิบตำลึง จนถึงวันนี้มีทั้งหมดสองพันห้าร้อยยี่สิบตำลึงที่ไม่ได้แจกจ่ายออกไปเพคะ” สองพันห้าร้อยยี่สิบตำลึง! สุนัขรับใช้เหล่านี้ ช่างเกินไปแล้วจริง! หากไม่ใช่ว่าวันนี้เธอมาปฏิรูปวังสิงหวัง ก็คงจะยังไม่รู้ว่าที่แท้แล้วเป็นพระชายาเบี้ยหวัดเงินปีของทุกเดือนมีมากถึงสองร้อยตำลึง แต่พวกเขาแจกจ่ายให้เธอน้อยนิดเพียงแค่ยี่สิบตำลึง! เหลียงซินหัวเราะขึ้นอย่างประชดประชัน อดกลั้นความโมโหภายในจิตใจ “เช่นนั้นเงินเหล่านี้ไปไหนเสียแล้ว?” “ล้วนนำมาใช้จัดซื้อสิ่งของต่างๆภายในวังแล้วเพคะ” คนผู้นั้นเอ่ยออกมาอย่างขี้ขลาด ข้ารับใช้เหล่านี้ช่างซื่อสัตย์และจงรักภักดีจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะนำเบี้ยหวัดเงินปีของเธอพระชายาผู้หนึ่งมาจัดซื้อของภายในวังที่ขาดไป?! “วังสิงหวังขาดแคลนเงินขนาดนั้นเชียว?” เหลียงซินไม่เชื่อแม้แต่น้อย ตะโกนสั่งออกไปในทันที “ส่งคนมา ลากออกไปถ่วงน้ำให้ตาย!” สีหน้าของหัวหน้ากองฝ่ายในเปลี่ยนไปอย่างมากในทันที ร้องขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด “อย่าเพคะพระชายา หม่อมฉันพูดความจริงเพคะ!เงินเหล่านี้ล้วนถูกพระชายารองทรงนำไปจัดซื้อเครื่องประดับชนิดต่างๆแล้ว แต่ว่าไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้ หากพระชายาไม่ทรงเชื่อก็ทรงไปตรวจสอบด้วยพระองค์เองได้เพคะ” เหลียงยินที่อยู่ด้านข้างสีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที เอามือกุมหน้าอกจากนั้นก็เริ่มไอออกมา นิ้วมือที่เรียวยาวชี้ไปยังหัวหน้ากองฝ่ายใน “เหตุใดเจ้าจึงพูดจาเลอะเทอะเช่นนี้ออกมาได้?ข้าจะนำเบี้ยหวัดเงินปีของท่านพี่ไปจัดซื้อเครื่องประดับได้อย่างไรกัน?อย่ามายุแยงความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านพี่ ส่งคนมา ดึงลิ้นของนางออกมาให้ข้า!” วินาทีต่อมา ก็มีคนเข้าไปเพื่อที่จะดึงลิ้นของหัวหน้ากองฝ่ายในออกมา ทว่า เหลียงซินจะสามารถพลาดฉากละครที่ดีถึงขนาดนี้ไปได้อย่างไรกัน จึงร้องห้ามคนๆนั้นไว้ในทันที “พวกเจ้าหยุดก่อน! ในเมื่อน้องหญิงบอกว่าเปล่า เช่นนั้นก็ควรจะตรวจสอบให้ชัดเจนถึงจะล้างมลทินให้แก่เจ้าได้ เจ้าว่าใช่หรือไม่?” พอหันกลับไป เหลียงยินที่อยู่ด้านข้างก็แสร้งทำเป็นนิ่งสงบ แสดงได้อย่างดีเยี่ยม แต่ว่ามือที่กำลังบิดผ้าเช็ดหน้าไปมาได้หักหลังเธอไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สุดท้าย เธอก็ยังคงเอ่ยออกมาอย่างตัดสินใจอะไรไม่ได้ว่า “ท่านพี่ตรัสได้ถูกแล้วเพคะ” “หัวหน้ากองห้องเครื่อง มาถึงตาเจ้าแล้ว” เหลียงซินเรียกขึ้นอย่างช้าๆ ชายที่อ้วนท้วนผู้นั้นรีบคุกเข่าลงในทันที พูดการกระทำทั้งหมดของเขาออกมาอย่างละเอียด ต่อมาหัวหน้ากองอีกสองสามคนที่อยู่ในนั้น ต่างก็พูดพฤติกรรมการยักยอกที่กระทำต่อตำหนักเจียวหยางทั้งหมดภายในหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมาอย่างไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย สำหรับการรับสารภาพอย่างตรงไปตรงมาของพวกเขา เหลียงซินถือว่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง จุดมุ่งหมายของเธอในวันนี้ไม่ใช่เพื่อที่จะลงโทษบุคคลเหล่านี้ แต่เพื่อจะสร้างผลกระทบของความหวาดกลัวก็เท่านั้น เธอเพียงแค่ต้องการให้พวกเขารับรู้ว่า นับแต่นี้ต่อไป เธอเหลียงซินถึงจะเป็นพระชายาของวังแห่งนี้ “แต่ก่อนข้าร่างกายไม่แข็งแรง ไม่สะดวกที่จะออกความคิดเห็นเรื่องภายในวัง ช่วงนี้ร่างกายดีขึ้นมากจึงได้ถือโอกาสไถ่ถาม ถึงได้พบว่าผู้ที่หลอกลวงเบื้องบน ปิดบังไพร่ฟ้าภายในวังแห่งนี้มีมากมายนัก แต่ก็ดีที่วันนี้แก้ไขข้อผิดพลาดด้วยความจริงใจ ข้าก็จะไม่ทำการลงโทษ หวังว่านับแต่นี้ต่อไปพวกเจ้าจะรับใช้ด้วยความแน่วแน่และความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ ขยันหมั่นเพียร” ผู้คนทั้งหมดที่อยู่ด้านล่างล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกไปตามๆกัน ทุกคนที่ครู่นี้ยังมีสีหน้าที่หวาดกลัว ตอนนี้กลับสบายใจอย่างเต็มที่ แม้แต่เหลียงยินที่อยู่ด้านข้างก็เบิกตาโพลงขึ้นมองไปที่เธออย่างประหลาดใจ สถานการณ์ที่ใหญ่โตเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ลงโทษก็ยังไม่ทำ ปล่อยให้พวกเขาจากไปเช่นนี้? ทว่า พวกเขาล้วนไม่เข้าใจเหลียงซิน ที่ทำเช่นนี้ประเด็นที่หนึ่งก็เพื่อสร้างภาพลักษณ์การจัดการเรื่องต่างๆอย่างชัดเจน การชื่นชมในสิ่งที่ควรชื่นชม การลงโทษในสิ่งที่ควรลงโทษ ประเด็นที่สองคือกลัวเฉินห้าวรับรู้สถานการณ์ในวันนี้แล้วจะนำเธอมารับผิดชอบต่อเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่อาจทำอะไรที่เกินความพอดีได้ ประเด็นที่สามตัวเธอเองนั้นก็ไม่ได้คิดอยากจะลงโทษคนเหล่านี้ เพียงแค่ต้องการสร้างผลกระทบของความหวาดกลัวก็เท่านั้น ในคืนวันนั้น พอเฉินห้าวกลับเข้ามาในวัง ก็รีบเร่งมาถึงยังตำหนักเจียวหยางในทันที เดิมทีเหลียงซินนึกว่าเพราะเรื่องในวันนี้ทำให้เขาโกรธมาก ทว่าบนใบหน้าของเขากลับไม่เห็นอารมณ์โกรธเลยแม้แต่นิดเดียว เธอถึงขั้นสงสัยว่าวันนี้เขาไม่สบายแล้วใช่หรือไม่ “ข้าได้ยินมาว่า วันนี้เจ้าปฏิรูปวังสิงหวังแล้ว?” เฉินห้าวนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆพลางเอ่ยถามขึ้นอย่างช้าๆ “เพคะ ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์กิจธุระย่อมมากเป็นพิเศษ หม่อมฉันจึงถือโอกาสช่วยเหลือพระองค์ในเรื่องนี้ ไม่ต้องขอบใจหม่อมฉันหรอกเพคะ” เหลียงซินตอบกลับด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย เฉินห้าวสงบนิ่งมากเท่าไร เธอก็สงบนิ่งมากเท่านั้น “ดีมาก ยังถือว่ามีท่าทีของพระชายา” นึกไม่ถึงว่าในคำพูดของเขายังพ่วงคำชมเชยเอาไว้อยู่ น้ำในปากของเหลียงซินเกือบจะพุ่งออกมา คราวนี้เขาบ้าไปแล้ว? รู้ว่าเธอปฏิรูปวัง จัดการกับยายหวังที่อยู่ข้างกายของเหลียงยิน คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย กลับยังชมเชยเธออีก? หรือเป็นเพราะว่าหลังจากที่เขาเข้าวังมา เหลียงยินยังไม่ได้ไปฟ้องอะไรเขา?เหตุใดเขาถึงราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเช่นนี้? “ทรงชมเกินไปแล้วเพคะ เป็นถึงพระชายา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่หม่อมฉันควรจะทำ” สีหน้าของเหลียงซินแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย เธอกลับอยากจะดูว่าเขาคิดจะทำอย่างไรกันแน่ “เป็นถึงพระชายา เจ้าน่าจะรู้ว่ายังมีเรื่องอีกมากมายที่เจ้าล้วนยังไม่ได้ทำ?” ดวงตาที่ลึกล้ำและนิ่งสงบเพียงครู่เดียวก็ตกลงมาบนเรือนร่างของเหลียงซิน ตามมาด้วยการแบ่งแยกข้อต่อประเด็นสำคัญออกอย่างชัดเจน นิ้วมือที่เรียวยาวสองนิ้วของเขาชี้ตรงมายังส่วนหน้าอกของเหลียงซินพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “เช่น ปรนนิบัติรับใช้ข้า ให้กำเนิดบุตรธิดา” สีหน้าของเหลียงซินก็เปลี่ยนไป รีบปัดนิ้วมือของเขาออกในทันที ทั้งตัวกระเด้งขึ้นยืนราวกับนั่งทับไปบนสปริงก็ไม่ปาน ต่างก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว เธอเข้าใจความหมายที่อยู่ในคำพูดของเฉินห้าวเป็นอย่างดี เพียงแต่ ผู้ที่แต่งงานกับเขาคือเจ้าของร่างเดิม ไม่ใช่เธอ ตั้งแต่หลังจากที่เธอย้อนเวลาเข้ามาก็ไม่เคยคิดที่จะปรนนิบัติรับใช้เขาเลยสักครั้ง ยิ่งไม่เคยคิดที่จะให้กำเนิดบุตรธิดาแก่เขา คิดไม่ถึงว่า เฉินห้าวที่แต่ก่อนไม่เคยแยแสเธอ กลับสามารถพูดคำเช่นนี้ออกมา? หรือเป็นเพราะว่าร่างกายของเหลียงยินอ่อนแอเกินไป จึงไม่สามารถเติมเต็มให้เขาได้? เหลียงซินหัวเราะขึ้นอย่างประชดประชัน นี่ก็เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด! ถ้าเขากล้าแตะต้องเธอแม้แต่นิดเดียว เธอจะเตะของรักของหวงของเขาให้แตกกระจุยเลย หากไม่เชื่อก็ลองดูได้! “เฉินห้าว หากพระองค์ทรงเกิดไฟราคะสุมสมองแล้วล่ะก็ จะรับนางบำเรอมาเพิ่มสักสองสามคนก็ได้นะเพคะ หม่อมฉันไม่มีความคิดเห็นอะไร” เหลียงซินแบมือออกอย่างผู้บริสุทธิ์ อย่างไรเสียไม่ว่าจะพูดอะไรเธอก็ไม่มีทางจะกำเนิดบุตรธิดาให้แก่เขาโดยเด็ดขาด “รับนางบำเรอ?เจ้าคิดเช่นนี้จริงๆน่ะหรือ?” เฉินห้าวดูเหมือนจะไม่เชื่อ ก็จริงอยู่ เจ้าของร่างเดิมรักเขาจนจะเป็นจะตาย แต่งรับพระชายารองเข้ามาก็สามารถอาละวาดเสียจนจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินให้ได้ ตอนนี้นึกไม่ถึงเลยว่าจะใจกว้างให้เขารับนางบำเรอเข้ามาได้? ตอนนี้พูดออกไป แม้แต่เหลียงซินเองยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อ “แน่นอนว่าจริงสิเพคะ เป็นถึงพระชายา จิตใจต้องกว้างขวาง พระองค์ทรงอยากรับมาเท่าไรก็รับมาเท่านั้นเพคะ” เหลียงซินยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยนและงดงาม ยอมรับอย่างไร้กังวล แววตาที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มของเฉินห้าวตกลงมาบนร่างกายของเธอ นัยน์ตาดูเหมือนจะพ่วงความโกรธที่กำลังอดทนซ่อนเร้นเอาไว้ เพียงแต่ไม่ได้ปะทุออกมาต่อหน้าของเหลียงซินก็เท่านั้น หรือจะว่าเป็นการสังเกตในรูปแบบหนึ่ง หญิงผู้นี้ นึกไม่ถึงว่ายังจะคิดรับนางบำเรอให้แก่เขา?อยากรับเท่าไรก็รับเท่านั้น?นึกว่าเขากระหายถึงขนาดนั้นจริงๆหรือ? “ไม่ใช่ทุกคน ที่จะมีสิทธิ์เป็นนางบำเรอของข้าได้” น้ำเสียงของเขาหยิ่งยโสทั้งยังถือตัว เต็มไปด้วยความไม่แยแสต่อเพศหญิง หญิงผู้นี้ทางที่ดีที่สุดควรจะทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ให้ชัดเจน หากกล้าที่จะรับนางบำเรอให้เขามั่วซั่วแล้วล่ะก็ เขาจะจับนางสับให้ใม่เหลือชิ้นดี! ดูเหมือนว่าเฉินห้าวก็เลือกมากเหมือนกันนะนี่! เหลียงซินเพียงแค่ยิ้มออกมา เกรงว่าคงจะกลัวเหลียงยินเสียใจ ดังนั้นจึงไม่กล้ารับนางบำเรอกระมัง! หลังจากที่เขาพูดจบก็ปัดแขนเสื้อแล้วจากไป รุ่งเช้าวันถัดมา คนที่ห้องเครื่องก็นำอาหารเช้ามาส่งให้เหลียงซินเป็นการเฉพาะ แค่เครื่องเคียงเพียงอย่างเดียวก็ปาเข้าไปสี่ถึงห้าอย่าง รวมถึงโจ๊กรสชาติต่างๆ ของหวานหลากหลายสีสัน น้ำซุปบำรุงร่างกายและอย่างอื่นอีก มองเห็นสิ่งเหล่านี้แล้ว เหลียงซินจึงได้รู้ว่า ของเหล่านั้นที่แต่ก่อนได้กินเข้าไป แม้แต่หมูก็ยังไม่กิน ดูเหมือนการตักเตือนเล็กๆก่อนที่จะทำความผิดร้ายแรงของเมื่อวานจะเห็นผลอย่างมาก คนเหล่านั้นไม่กล้าที่จะมองข้ามเธออีกแม้แต่น้อยอย่างสมบูรณ์แบบ “ชุนฮวาชิวเยว่ พวกเจ้าทั้งสองเข้ามากินอาหารเช้าด้วยกันสิ!” เหลียงซินเชิญชวนอย่างเป็นกันเอง ของเหล่านี้เธอคนเดียวก็กินไม่หมดอย่างแน่นอน “กราบทูลพระชายา หม่อมฉันกินเรียบร้อยแล้วเพคะ วันนี้หัวหน้ากองห้องเครื่องมาส่งด้วยตนเอง อร่อยมากเลยเพคะ!”ชุนฮวาพูดไปก็อดไม่ได้ที่จะเรอออกมา จากนั้นก็หัวเราะด้วยความเขินอาย มุมริมฝีปากของเหลียงซินก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นเช่นเดียวกัน ไม่นาน หัวหน้ากองฝ่ายในก็หอบเอาวัตถุดิบเครื่องแต่งกายที่ใหม่ที่สุดเข้ามา บอกว่าเป็นวัตถุดิบที่ใหม่ที่สุดในปีนี้ แม้แต่เหลียงยินทางนั้นก็ยังไม่มี เหลียงซินก็รับมาไว้ทั้งหมด นอกนั้นก็ยังมีข้ารับใช้อะไรอีกจำนวนหนึ่ง ต่างก็ถูกดึงตัวเข้ามา ข้ารับใช้ที่เต็มทั่วไปทั้งห้องกลับครึกครื้นจนแน่นขนัด แม้กระทั่งตำหนักเจียวหยางที่เก่าแก่ทรุดโทรมขาดการซ่อมแซมติดต่อกันนานหลายปี ก็เปล่งประกายราวกับเรือนหลังใหม่ภายในชั่วข้ามคืน เพียงแต่ข้ารับใช้เหล่านี้เหลียงซินก็ไม่กล้าเอาไว้ใช้ข้างกาย เพียงแค่ให้พวกนางทำความสะอาดเล็กน้อยอยู่ที่ด้านนอกตำหนัก คนที่คอยรับใช้ข้างกายก็ยังคงเป็นชิวเยว่กับชุนฮวาสองคนอย่างเดิม ทว่า การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ไม่ค่อยเหมือนกับที่เหลียงซินได้คาดการณ์เอาไว้แม้แต่น้อย ดูเหมือนจะค่อนข้างมากเกินไปเสียหน่อย ข้ารับใช้เหล่านี้ก็ปฏิบัติต่อเธออย่างขยันขันแข็งแย่งกันเอาความดีความชอบจนมากเกินไป จนกลับทำให้คนรู้สึกค่อนข้างจะหัวรุนแรงเสียด้วยซ้ำ “พระชายาเพคะ ดูเหมือนว่าเมื่อวานนี้พวกเราจะทำถูกแล้วจริงๆเพคะ!ได้ยินว่าเมื่อคืนนี้พระชายารองต่างก็ทรงถูกทำให้ตกพระทัยจนทรงพระประชวร ส่วนยายหวังเช้านี้ก็ยังตื่นขึ้นมาไม่ไหวเลยล่ะเพคะ” ชุนฮวาพูดขึ้นมาอย่างค่อนข้างได้ใจ ชิวเยว่ก็เข้ามามองไปที่นางครู่หนึ่งพลางพูดขึ้นอย่างระมัดระวังและรอบคอบ “กราบทูลพระชายา หม่อมฉันว่าอย่างไรก็อย่าเพิ่งทรงดีพระทัยเร็วเกินไปนัก หม่อมฉันมักรู้สึกว่ามันแปลกๆ” เหลียงซินพยักหน้ารับ นี่ก็ตรงกับที่ในใจเธอคิดเอาไว้ “สองสามวันนี้อย่าเพิ่งป่าวประกาศให้คนนอกรับรู้มากเกินไป พวกเจ้าทั้งสองหาเวลาฝึกอบรมข้ารับใช้ที่มาใหม่ เลือกเอาที่ใช้งานได้สักสองสามคนเหลือทิ้งเอาไว้ คนอื่นๆส่งกลับไปให้หมด” พอเหลียงซินสั่งการ ทั้งสองคนก็รีบออกไปปฏิบัติตามคำสั่งในทันที กระทั่งหลังจากที่เหลียงซินสั่งการเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอหันตัวกลับไปก็เห็นเงาของคนๆหนึ่งส่องสะท้อนและผ่านไปที่ด้านนอกของตำหนักเจียวหยาง สีหน้าของเธอเคร่งขรึมขึ้น รีบตะโกนเรียกออกไป “ใคร?” พูดจบก็รีบยกเท้าขึ้นตามออกไปในทันที ภายใต้กลางวันแสกๆ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าหลบซ่อนอยู่ที่ด้านนอกตำหนักเจียวหยางของเธอคอยแอบฟัง นี่ไม่ใช่การรนหาที่ตายด้วยตนเองหรอกรึ?” นึกไม่ถึงว่าพอออกมานอกประตูตำหนัก ด้านข้างก็มีเงาคนๆหนึ่งกระโดดออกมาพลางร้องเรียกอย่างเสียงดัง ทำให้เธอตกอกตกใจเสียยกใหญ่ กระทั่งหลังจากที่เธอสงบสติอารมณ์ลงมาได้ แล้วมองดูอย่างแน่ชัดถึงได้พบว่าที่แท้ก็คือองค์ชายสิบเอ็ด! เหลียงซินใช้มือกุมหัวใจเอาไว้ หลับตาแน่น พลางเอ่ยออกมาว่า “องค์ชายสิบเอ็ด!ที่แท้เป็นพระองค์นี่เอง โรคหัวใจของหม่อมฉันเกือบจะถูกพระองค์ทำให้ตกใจจนกำเริบออกมาแล้วนะเพคะ!”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 43 ปฏิรูปวังสิงหวัง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A