ตอนที่ 45 กลับบ้านยอมรับผิด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 45 กลับบ้านยอมรับผิด
ต๭นที่ 45 กลับบ้านยอมรับผิด เดิมทีเซี่ยฮว่านจือก็มีท่าทีที่ไม่ค่อยไว้วางใจเสียเท่าไร แต่เห็นเหลียงซินยืนกรานเช่นนี้ก็ไม่อาจที่จะไปเปลี่ยนแปลงความคิดของเธอได้ จึงทำได้เพียงให้คนอีกกลุ่มหนึ่งไปส่งเหลียงซินที่เรือนแม่ทัพเจิ้นอันแทน โชคยังดีที่จากตึกป๋ายเซียงไปยังเรือนแม่ทัพเจิ้นอันไม่ได้ไกลกันมากนัก เพียงแค่ข้ามผ่านถนนสามสายก็สามารถไปถึงได้แล้ว เพียงแต่ทหารวังที่อยู่ด้านนอกช่างมากมายจริงๆ แทบจะนำเอาถนนทั่วทุกแห่งปิดตายยังไงอย่างงั้น แม้เหลียงซินจะไม่รู้ว่าทหารวังเหล่านี้จะมุ่งตรงมาที่เธอหรือไม่ แต่เธอจะให้ถูกพบเข้าไม่ได้อย่างเด็ดขาด หลักจากที่ผ่านพ้นประตูข้างออกมาแล้ว เหลียงซินก็มุ่งตรงเข้าไปยังซอยเล็กๆที่อยู่ด้านหน้าในทันที แต่สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือในซอยเล็กๆที่มืดมิดจนแทบจะมองไม่เห็นสิ่งรอบด้านนี้จะมีทหารวังกำลังตรวจค้นอยู่ด้วย “พระชายาสิง พระองค์เสด็จไปข้างหน้าต่อ หม่อมฉันจะไปเบี่ยงเบนความสนใจจากพวกเขาเอง” ข้ารับใช้ชายสองคนที่อยู่ด้านหลังเอ่ยปาก สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว นี่ก็คือวิธีที่ดีที่สุด เหลียงซินไม่ได้พูดอะไรออกมาเพียงแค่ไปตามที่พวกเขาบอก เพียงแต่ว่า ทางต่อไปข้างหน้าก็เหลือแค่เธอเดินเพียงคนเดียวแล้ว ผ่านซอยเล็กๆแห่งนี้ไปด้านหน้าก็คือถนนสายหลักที่ตรงไปสู่เรือนแม่ทัพเจิ้นอัน ในขณะที่เธอกำลังจะมุ่งออกไปนั้น แสงไฟจากที่ไกลๆก็ตกลงมาบนร่างกายของเธอ “ใครอยู่ตรงนั้น?ออกมาให้ข้าเห็นเดี๋ยวนี้!” เสียงตะโกนที่ทุ้มลึกและทรงพลังดังก้องขึ้น เหลียงซินตกใจ รีบแทรกตัวเข้าไปในความมืด ไม่ส่งเสียงอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังคงถูกพบเข้าแล้ว เสียงฝีเท้าที่อยู่ด้านหน้ายิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใจของเหลียงซินหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม รอบด้านไม่มีทางที่จะให้เดินไปได้ หากถูกพบเข้าล่ะก็... “คือข้าเอง!เหตุใดคืนนี้จึงได้มีคนมากมายเช่นนี้ออกลาดตระเวน แท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” เสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น นี่คือองค์รัชทายาท! “กราบทูลองค์รัชทายาท เป็นท่านอ๋องสิงที่ส่งพวกหม่อมฉันออกมาตามหาพระชายาสิงพะยะค่ะ ทว่านี่ก็หามาทั้งคืนแล้วต่างก็หาไม่พบ รบกวนมาถึงพระองค์ ต้องขอประทานอภัยจริงๆพะยะค่ะ!” ทหารวังผู้นั้นรีบโค้งคำนับลงในทันที เหลียงซินตกใจ ที่แท้ก็มาตามหาเธออย่างที่คิดไว้จริงๆ! “ไม่ได้มีปัญหาอะไร ข้าก็เพียงแค่ถามดู ในเมื่อเป็นเช่นนี้พวกเจ้าก็ไปตามหาต่อเถิด” องค์รัชทายาทตรัสขึ้นอย่างเข้าใจและมีเหตุผล คนเหล่านั้นจึงไม่กล้าพูดอะไรขึ้นอีก รีบถอยออกไปโดยปริยาย เสียงฝีเท้าบริเวณโดยรอบค่อยๆห่างหายออกไป เหลียงซินถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก มาถึงยังด้านหน้าขององค์รัชทายาทอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ทำความเคารพตามธรรมเนียมแสดงถึงการขอบคุณ “ขอยพระทัยองค์รัชทายาทเป็นอย่างยิ่งเพคะที่ทรงช่วยเหลือ สีพระพักตร์ขององค์รัชทายาทเป็นดั่งปกติ ทอดพระเนตรขึ้นลงสังเกตเธออย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตรัสว่า “ขอบใจนี่ก็ไม่ต้องหรอก ข้าคิดว่าเจ้าควรจะอธิบายให้ข้าฟังเสียหน่อย” องค์รัชทายาทพระองค์นี้เป็นพี่น้องแท้ๆกับเฉินห้าว แต่พระองค์กลับทรงยอมช่วยเธอ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ที่มีความยุติธรรม เธอก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าพระองค์จะทรงนำเรื่องในคืนนี้ไปบอกกับเฉินห้าว “ที่จริงแล้ว หม่อมฉันกับองค์ชายสิบเอ็ดแอบหนีออกมาเที่ยวเล่นเพคะ เพิ่งออกมาจากตึกป๋ายเซียงก็เห็นทหารวังมากมายเช่นนี้กำลังตามหาหม่อมฉันจึงได้หลบซ่อนตัวไว้เพคะ” เหลียงซินอธิบายขึ้นอย่างละเอียด “เจ้ากับน้องสิบเอ็ด?เหตุใดจึงไม่ยอมบอกน้องห้าแล้วออกมาอย่างเปิดเผย?” องค์รัชทายาททรงไม่เข้าพระทัยเป็นอย่างยิ่ง “เฉินห้าวนิสัยอย่างนั้น บอกกับเขาไปก็ไม่แน่ว่าจะยอมเพคะ ในเมื่อวันนี้องค์รัชทายาททรงช่วยหม่อมฉัน หม่อมฉันคิดว่าพระองค์ก็คงไม่ทรงคิดตรัสออกไปนะเพคะ?” เหลียงซินเอ่ยถามขึ้นด้วยความรู้สึกโชคดีเป็นอย่างยิ่ง สายพระเนตรขององค์รัชทายาทเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อยในชั่วขณะ ทว่ากลับดูไม่ออกว่ากำลังทรงคิดอะไรอยู่ ดูเหมือนกำลังทรงทำการตัดสินพระทัย ในท้ายที่สุด พระองค์ก็ยังคงตรัสออกมาอย่างจริงจังและรอบคอบว่า “ไม่ว่าจะอย่างไรน้องห้าก็เป็นน้องชายแท้ๆของข้าเสมอ ข้าเพียงแค่หวังว่าอย่าได้มีคนทำร้ายเขา เรื่องในคืนนี้ข้าทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ หวังว่าต่อไปจะไม่มีครั้งหน้าอีก” ดูเหมือนจะเป็นพี่น้องแท้ๆที่มีหัวใจดวงเดียวกันอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ คนนอกยังคงคิดว่าพระองค์กับเฉินห้าวไม่ญาติดีต่อกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วพระองค์เพียงแค่ทรงใช้วิธีการของพระองค์เองมาปกป้องเฉินห้าวก็เท่านั้น เหลียงซินรู้ว่าพระองค์ทรงหมายความว่าอะไร ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฉินห้าวได้กลายเป็นสถานการณ์ที่ใครก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชาตินี้ พวกเขาทั้งสองคนไม่มีทางที่จะได้อยู่ด้วยกัน พอเธอหมุนตัวกลับก็เข้าสู่ทางที่ราบรื่นไร้อุปสรรคขวางกั้นที่อยู่ด้านหน้า ไม่นาน ก็มาถึงยังด้านนอกของเรือนแม่ทัพเจิ้นอัน มองดูสถานที่แห่งนี้ที่เติบโตมาเป็นเวลาสิบเก้าปี ในใจของเหลียงซินก็รู้สึกปั่นป่วน แยกไม่ออกว่าเป็นความรู้สึกแบบไหน รอบดวงตาได้เปียกชื้นขึ้นมาอย่างเงียบๆ นึกไม่ถึงว่าการได้กลับมาที่นี่อีกครั้งจะเป็นเรื่องที่ในใจของเธอปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง ไม่สิ สามารถพูดได้ว่าของเจ้าของร่างเดิม เมื่อข้ารับใช้ชายที่เฝ้าประตูอยู่ด้านนอกเห็นเธอเข้า ก็ยังขยี้ตา พูดพึมพำกับตนเองอย่างไม่กล้าที่จะเชื่อ “นี่ นี่คือคุณหนูสาม?คุณหนูสามกลับมาแล้ว!” ข้ารับใช้ชายคนหนึ่งเข้าไปรายงาน อีกคนเปิดประตูให้กับเธอ เหลียงซินจึงได้เหยียบเข้ามายังสถานที่ที่เธอแสนคุ้นเคยแห่งนี้ทีละก้าว ทีละก้าว จากประตูใหญ่มาถึงสวนที่อยู่ด้านหน้าตามมาด้วยห้องโถงใหญ่ ฉากที่อยู่เบื้องหน้าล้วนเป็นฉากที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง อยู่ที่นี่แล้วเธอได้กลิ่นอายของสายสัมพันธ์แห่งครอบครัว “หา!คุณหนูสามกลับมาแล้ว!” “นายท่านฮูหยินขอรับ คุณหนูสามกลับมาแล้ว!คุณหนูสามกลับมาแล้ว!” “เป็นคุณหนูสามจริงๆด้วย ช่าง...” ตลอดทางต่างก็มีนางกำนัลและข้ารับใช้ชายร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นที่ข้างหูของเธออย่างไม่ขาดสาย พอถึงเวลาที่เหลียงซินเดินมาถึงด้านนอกของห้องโถงใหญ่ เหลียงหงอวี่กับหลินซู่จิ่นก็ได้มาถึงยังเบื้องหน้าของเธอแล้ว หัวคิ้วของเหลียงซินเคลื่อนไหว รอบดวงตากระตุกขึ้นอย่างยากที่จะอดกลั้น เพียงครู่เดียวน้ำตาก็เอ่อล้นออกมา ภายในใจมีเสียงที่ร้องเรียกออกมาอย่างไม่ขาดสายว่ากลับบ้าน! “ท่านแม่ ท่านพ่อ!ลูกกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!” เหลียงซินพูดโพล่งออกไป จากนั้นก็คุกเข่าลง ในความเป็นจริงแล้ว ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือการตอบสนองของร่างกายนี้ด้วยตัวเองเสียมากกว่า “รีบลุกขึ้นมา รีบลุกขึ้นมา!” หลินซู่จิ่นรีบเข้ามาพยุงเธอให้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว น้ำตานองเต็มใบหน้าเช่นเดียวกัน แต่สีหน้าของเหลียงหงอวี่ที่อยู่ด้านข้างกลับไม่ได้น่าดูเช่นนั้น เขาสะบัดแขนเสื้อพลางส่งเสียงอุทานออกมาอย่างประชดประชัน “ไม่อยู่วังสิงหวังตั้งใจเป็นพระชายาสิงของเจ้าต่อไปเล่า ดึกป่านนี้มาทำอะไรที่นี่?” “ลูกคิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่จริงๆเจ้าค่ะ ดังนั้นจึงไม่ได้แจ้งให้ทราบก็แอบมาถึงที่นี่ด้วยตนเอง ขอท่านพ่ออย่าได้กล่าวโทษลูกเลยเจ้าค่ะ!” เสียงพูดของเหลียงซินเพิ่งร่วงหล่นลงมา ก็ถูกหลินซู่จิ่นพยุงให้ลุกขึ้นยืนเรียบร้อยแล้ว “ท่านพ่อของเจ้านั่นก็ตั้งใจแสร้งแสดงออกมาเท่านั้นล่ะ พวกเราเข้าไปข้างในค่อยว่ากัน แต่ว่าเจ้าอยู่ในวังสิงหวังได้รับความไม่เป็นธรรมอะไร?เจ้าบอกแม่มา แม่จะต้องช่วยเป็นหลักให้เจ้าอย่างแน่นอน!” เหลียงซินยิ้มออกมา “ต่างก็ไม่ใช่เจ้าค่ะ ลูกเพียงแค่คิดถึงพวกท่านจริงๆ ดังนั้นจึงได้กลับมา เรื่องในก่อนหน้านี้เป็นความผิดของลูกทั้งหมด ลูกอยากเอ่ยขออภัยต่อท่านพ่อ เอ่ยขออภัยต่อบรรพบุรุษทั้งหลาย หวังว่าพวกท่านจะสามารถให้อภัยกับความอายุยังน้อยไม่รู้ความของลูกได้” คำพูดมาถึงตรงนี้เหลียงหงอวี่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีกดี แต่กลับเป็นหลินซู่จิ่นที่ลูบไล้เหลียงซินอย่างเอ็นดูและทะนุถนอมเอาใจใส่ บ่นคิดถึงและเป็นห่วงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนอย่างไม่ยอมหยุด ถือเป็นลูกสาวคนเล็กที่สุดในเรือน ตั้งแต่เล็กเหลียงซินก็ถูกประคับประคองเอาไว้ในมืออย่างทะนุถนอม ตอนนี้เข้ามายอมรับความผิดด้วยตนเอง พวกเขาไม่อาจฝืนทนกล่าวโทษออกมาได้อย่างแน่นอน นี่ก็คือเหตุผลที่วันนี้เธอยืนกรานที่จะกลับเรือนแม่ทัพเจิ้นอันให้ได้ เธอจำเป็นต้องขออภัยต่อครอบครัวให้กับเจ้าของร่างเดิม ไม่นาน เหลียงต้งกับเหลียงหยิ่งที่ได้ยินข่าวก็รีบมาถึงยังห้องโถงใหญ่ เพียงครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นมีชีวิตชีวาขึ้นมา หลังจากย้อนเวลาเข้ามานี่เป็นครั้งที่เหลียงซินได้พบเหลียงหยิ่ง นางสวมชุดกระโปรงยาวสีเหลืองอ่อนละมุน รวบมวยผมขึ้นอย่างเรียบร้อย ตกแต่งใบหน้าอย่างสวยสด ความงามล่มเมือง ท่าทางมีชาติมีตระกูลทั้งยังสง่างามแบบผู้ดี มองดูแล้วทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้ ทั้งยังอยากที่จะเข้าใกล้ ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม นางก็คือหญิงที่เฉลียวฉลาด ความสามารถและสติปัญญาสูง หาข้อบกพร่องไม่เจอเลยแม้แต่น้อย ประณีตราวกับคนที่ถูกสร้างขึ้นมาก็ไม่ปาน วันนี้พอได้มาพบ ถึงขั้นงดงามกว่าในความทรงจำของเธออีกหลายเท่า “พี่ชาย พี่หญิงใหญ่” เหลียงซินยิ้มขึ้นอย่างอ่อนหวาน “น้องสาม เหตุใดกลางดึกเพียงนี้เจ้าถึงมาที่นี่ได้?” เหลียงต้งเอ่ยถาม “เป็นเพราะคิดถึงพวกท่าน ก็เลยมาหาเจ้าค่ะ!พี่หญิงใหญ่ ข้า...” เหลียงซินพูดจบก็หันไปทางเหลียงหยิ่งอีกครั้ง คำพูดมากมายในเวลานี้กลับพูดไม่ออก เหลียงหยิ่งยิ้มออกมาเล็กน้อย ยื่นมือเข้ามาลูบไล้เส้นผมที่ยุ่งเหยิงของเธอให้เป็นระเบียบ การเคลื่อนไหวอ่อนโยนราวกับเคยทำมาแล้วหลายครั้ง ในน้ำเสียงดูเหมือนมีความถอนหายใจและความรู้สึกเสียดายกับเรื่องที่ผ่านมาอยู่บ้าง “กลับมาก็ดีแล้ว” “เด็กคนนี้ ยังเหมือนตอนเล็กๆไม่มีผิด ชอบตัวติดกับพี่หญิงใหญ่ของนาง” หลินซู่จิ่นหัวเราะขึ้นพลางเอ่ย ความรู้สึกที่ทั้งครอบครัวมีความสุขและรักใคร่กลมเกลียวกันนั้นช่างดีจริงๆ เหลียงซินชอบความรู้สึกเช่นนี้เป็นอย่างยิ่ง เจ้าของร่างเดิมคงจะเสียสติไปแล้วถึงได้ยอมสละครอบครัวที่ดีเช่นนี้เพื่อเฉินห้าว วิ่งไปทนทุกข์ทรมานถึงวังสิงหวัง จนกระทั่งตายก็ยังไม่ได้รับความรักจากเฉินห้าวกลับคืนมาสักครั้ง “พี่หญิงใหญ่ คืนนี้ข้าอยากนอนกับท่าน” เหลียงซินกอดรัดไปที่ต้นแขนของเหลียงหยิ่ง พิงศีรษะลงไปบนไหล่ของนาง “ได้สิ เช่นนั้นคืนนี้เจ้าไม่ต้องกลับไปยังวังสิงหวังหรือ?” เหลียงหยิ่งเอ่ยถาม เหลียงซินส่ายศีรษะ ไม่ได้ตอบอะไร แล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร เหลียงหยิ่งเหมือนจะดูอะไรบางอย่างออกก็เลยไม่ได้ซักถามต่อ จากนั้นจึงพาเธอกลับมายังเรือนกวานเยว่ พอผ่านพ้นประตูเข้ามา เหลียงซินก็หยิบห่อกระดาษสองห่อที่เก็บเอาไว้นานมากออกมาจากด้านหลังอย่างมีลับลมคมใน จากนั้นก็ส่งให้กับเหลียงหยิ่งหนึ่งห่อ เก็บไว้ที่ตนเองอีกหนึ่งห่อ “พี่หญิงใหญ่ วันนี้ข้าไปตึกป๋ายเซียงมา นี่คือเค้กหยกมรกตที่พี่ฮว่านจือวานให้ข้านำมามอบให้กับท่าน ยังมีจดหมายอีกหนึ่งฉบับ” เหลียงซินใส่เข้าไปในมือของนาง ทว่านางกลับไม่อยากจะรับสักเท่าไร นางไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย มองไปยังสิ่งของที่อยู่ในมือด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก จากนั้นวางไปบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ แม้ว่านางจะควบคุมได้ดียิ่ง แต่เหลียงซินก็ยังคงดูออก ความรู้สึกที่อัดอั้นตันใจของนาง “ซินซิน พี่ได้รับปากกับท่านพ่อแล้วว่าจะแต่งกับท่านอ๋องลู่เจ้าของที่พระราชทานหนิงซี กำลังเลือกวันเข้าพิธีแต่งงาน ต่อไปไม่ต้องเอ่ยถึงชื่อของคนผู้นั้นต่อหน้าพี่อีก” เหลียงหยิ่งพูดจบนิ้วมือที่เรียวยาวก็หยิบจดหมายฉบับนั้นที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา ไม่ได้ดูเลยสักนิดก็วางใส่เข้าไปในเทียนไข เผาทิ้งจนมอดไหม้ เพียงครู่เดียวเปลวเทียนที่ส่องสว่างก็จุดติดขึ้นลงบนกระดาษแผ่นนั้น เหลียงซินยืนอึ้งไปครู่หนึ่ง รีบแย่งออกมาจากในมือของนางแล้ววางลงบนพื้นเหยียบจนไฟดับลง จดหมายหนึ่งฉบับ ในท้ายที่สุดแล้วก็เหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว เหลียงซินรู้สึกเพียงว่าน่าเสียดาย ในเมื่อมีคนรัก เหตุใดสุดท้ายแล้วถึงไม่ได้แต่งงานกัน? “พี่หญิงใหญ่ ทั้งๆที่ท่านชอบพี่ฮว่านจือ เหตุใดยังต้องบีบบังคับตัวเองแต่งงานกับท่านอ๋องลู่ที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนด้วยเล่าเจ้าคะ?” เหลียงหยิ่งหมุนตัวกลับไปมองทางนอกหน้าต่างอย่างนิ่งสงบ ไร้กังวล เสียงก็สดใสและเย็นสบายราวกับแสงจันทร์ก็ไม่ป่าน “ชอบก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่ด้วยกัน พี่ทะนุถนอมความรู้สึกที่ฮว่านจือมีต่อพี่ และยังจะฝังลึกลงในจิตใจตลอดไป แต่สำหรับพี่แล้ว ความรุ่งเรืองของเรือนแม่ทัพเจิ้นอันสำคัญกว่าอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นการแต่งงานกับท่านอ๋องลู่ถือเป็นความรับผิดชอบของพี่ เจ้าเข้าใจใช่ไหม?” เหลียงซินนิ่งงันเป็นไม้สลักรูปไก่ไปชั่วขณะ เธอรู้มาตลอดว่าเหลียงหยิ่งเป็นคนที่เฉลียวฉลาดและมีสติเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่รู้ว่านางมีจิตใจและความรับผิดชอบในภาระหน้าที่เช่นนี้ด้วย ผู้หญิงคนหนึ่ง เสียสละความรักเพียงเพื่อความรุ่งเรืองและความสืบเนื่องของวงศ์ตระกูล เธอคิดว่าก็คงมีเพียงเหลียงหยิ่งเท่านั้นที่ทำได้ “พี่หญิงใหญ่ ข้าเข้าใจ...” เหลียงซินเอ่ยปากออกมาอย่างยากลำบาก เธอเข้าใจจริงๆถึงขนาดรู้สึกเศร้าใจเสียด้วยซ้ำ เพียงแค่น่าเสียดายเซี่ยฮว่านจือ คนที่ดีเช่นนั้น ในเวลานี้เอง นางกำนัลที่อยู่ด้านนอกประตูก็เคาะประตูขึ้นอย่างรีบร้อน พูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “คุณหนูใหญ่ คุณหนูสาม ท่านอ๋องสิงเสด็จมาเจ้าค่ะ!ตอนนี้กำลังอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ นายท่านให้พวกท่านรีบตามเข้าไปเจ้าค่ะ!” 
已经是最新一章了
加载中