ตอนที่ 48 ตายก็ไม่มีค่าพอให้เสียดาย
1/
ตอนที่ 48 ตายก็ไม่มีค่าพอให้เสียดาย
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 48 ตายก็ไม่มีค่าพอให้เสียดาย
ตนที่ 48 ตายก็ไม่มีค่าพอให้เสียดาย เหลียงซินอึ้งไปชั่วขณะ คิดไม่ถึงว่าเฉินห้าวจะพูดสิ่งนี้ออกมา ช่างไม่ค่อยเข้ากับนิสัยของเขาเลยสักนิด แต่ว่าแขนของเขาก็ถึงเวลาที่ควรตัดไหมแล้วจริงๆ เธอมองเขาอย่างระแวดระวัง “พระองค์ทรงตามหม่อมฉันเข้ามาเพคะ” เข้าประตูมา เหลียงซินก็หยิบกล่องยาออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะ ด้านในบรรจุเครื่องมือไว้มากมาย เธอหยิบแหนบอันเล็กกับกรรไกรที่ใช้ตัดไหมโดยเฉพาะออกมา หลังจากฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้วก็เริ่มเตรียมการตัดไหม เฉินห้าวจ้องไปยังเครื่องมือเหล่านั้นของเธอด้วยสายตาที่ลึกล้ำและเงียบสงัด แววตามืดมนสงสัย “ทุกครั้งที่เห็นอุปกรณ์เหล่านี้ของเจ้า ข้าล้วนสงสัยว่าแท้จริงแล้วเจ้ามาจากที่ไหนกันแน่” “การตัดไหมเป็นเรื่องที่สำคัญมากไม่สามารถละเลยได้ หม่อมฉันขอแนะนำพระองค์ว่าอย่าได้ตรัสอะไรเลยเพคะ” เหลียงซินถืออุปกรณ์ยืนอยู่ที่ด้านหน้าของเขา ไม่ทำการตอบสนองใดๆ เพียงแค่เริ่มตัดไหมให้เขาอย่างละเอียดรอบคอบ สำหรับศัลยแพทย์ การตัดไหมได้กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา พื้นฐานสุขภาพของร่างกายเฉินห้าวดีมาก หลายวันมานี้ฟื้นฟูได้รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ตอนที่ตัดไหมก็ไม่ได้พบเจอปัญหาใหญ่อะไร อันดับแรกเหลียงซินดึงผ้าที่ปิดอยู่บนบาดแผลออกมาก่อน จากนั้นก็จับหัวด้ายขึ้นนำส่วนของเส้นด้ายที่ฝังอยู่ด้านในผิวดึงออกมาตัดให้ขาด สุดท้ายค่อยดึงเส้นข้างออก กระทั่งหลังจากที่นำเส้นด้ายทั้งหมดดึงออกมาหมดแล้ว จึงถือว่าสำเร็จ เพื่อให้บาดแผลสามารถฟื้นฟูได้รวดเร็ว เธอได้ติดผ้าปิดแผลบางส่วนไว้ตรงด้านบนบาดแผลอีกครั้ง นี่จึงจะถือว่าเสร็จ ไม่นาน เหลียงซินก็เริ่มจัดการเก็บเครื่องมือให้เรียบร้อย ที่ควรฆ่าเชื้อก็นำมาฆ่าเชื้อ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างผ่อนคลายว่า “เสร็จแล้วเพคะ ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งก็สามารถฟื้นฟูเป็นปกติ แต่ว่ารอยแผลเป็นบนบาดแผลไม่สามารถนำออกได้แล้วเพคะ” ครู่นี้เฉินห้าวไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว แต่พอเงยหน้าขึ้น เหงื่อก็ชุ่มไปทั่วทั้งใบหน้า หลังจากที่เขาสวมเสื้อผ้าเสร็จก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก “ลูกผู้ชายอกสามศอก บนร่างกายมีแผลเป็นคือเรื่องแห่งเกียรติยศ เขาคือเทพสงครามของรัฐหนานเยว่ คือแม่ทัพที่ได้รับความเคารพรักจากราษฎร คือคู่ต่อสู้ที่ศัตรูได้ยินเพียงแค่เสียงลมก็หวาดกลัวจนสูญเสียความกล้าหาญ ตั้งแต่วินาทีที่เขาเข้าสู่สนามรบชีวิตก็ได้มอบให้กับประเทศนี้แล้ว แผลเป็นรอยเดียวที่เล็กน้อยแค่นี้ สำหรับเขาแล้วไม่นับว่าเป็นอะไร เหลียงซินที่กำลังเก็บของอยู่นั้นอยู่ๆก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาครู่หนึ่ง ในแววตาที่นิ่งเฉยเปล่งประกายสว่างขึ้น ไม่ช้าก็สงบลงมาอีกครั้ง เธอดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจเฉินห้าวแล้ว ทั้งๆที่ก็เป็นองค์ชายที่ดีรักประเทศ รักราษฎร เหตุใดจึงไม่สามารถทำดีต่อเจ้าของร่างเดิมสักหน่อยนะ? หากไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของเจ้าของร่างเดิม เธอก็ไม่ต้องย้อนเวลามาถึงที่นี่ด้วยความผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจเช่นนี้ “กราบทูลพระชายารอง พระชายาทรงกำลังช่วยท่านอ๋องตัดไหมอยู่ด้านในเพคะ พระองค์ทรงมีธุระอะไร อีกสักครู่ค่อยเสด็จมาใหม่เถิดเพคะ!” เสียงจากด้านนอกประตูดังสะท้อนเข้ามา ดึงดูดความสนใจของเฉินห้าว “ให้พระชายารองเข้ามา” พอเฉินห้าวเอ่ยปาก ประตูห้องก็ถูกคนเปิดออกในทันที จากนั้นก็เห็นเหลียงยินก้าวขาเดินซอยเท้าเล็กๆอย่างงดงามเคลื่อนตัวเข้ามาด้านใน บนใบหน้าที่งดงามสะดุดใจคนของนางดูเหมือนยังพกคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งเอาไว้ เอ่ยขึ้นอย่างโศกเศร้าอาดูรเป็นที่สุดว่า “กราบทูลท่านอ๋อง พระองค์ต้องทรงเป็นหลักในการตัดสินพระทัยให้แก่หม่อมฉันนะเพคะ!วันนี้หม่อมฉันได้ยินว่าหมิงชิวนางกำนัลผู้นี้ถูกคนลอบสังหารก็ไม่กล้าที่จะเชื่อเลยจริงๆ!นางมาถึงท่านพี่ที่นี่ได้เพียงแค่ไม่กี่วัน หากทำผิดอะไรท่านพี่ทรงให้อภัยมากหน่อยก็เพียงพอแล้ว เหตุใดจึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้กันเล่าเพคะ!” มองดูสีหน้าท่าทางเช่นนี้ของเหลียงยิน เหลียงซินก็สามารถเดาออกแล้วว่านางคิดจะทำอะไร นอกเสียจากสงสัยว่าเป็นเธอที่ตั้งใจฆ่าหมิงชิว ต้องการให้เฉินห้าวลงโทษเธอก็เท่านั้นเอง น่าเสียดาย คิดแผนได้ผิดแล้ว เหลียงซินนอกจากจะเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดแล้ว อาชีพรองยังเป็นแพทย์นิติเวชผู้หนึ่ง เรื่องที่อยู่ในสถานีตำรวจแอบอ้างชื่อให้ศพพูดออกมาประเภทนี้ สำหรับเธอแล้วไม่ยากเลยแม้แต่น้อย “น้องหญิงนี่คือสงสัยว่าข้าเป็นผู้สังหารหมิงชิวหรือ?” เหลียงซินเลิกคิ้วขึ้นถาม “หม่อมฉันไม่ได้มีความหมายนี้เพคะ เพียงแต่มีคนกล้าลงมือในวังสิงหวัง ก็ดูจะดุร้ายและบังอาจเกินไปนัก หากไม่สืบหาออกมา จะมีปัญหาในภายภาคหน้านะเพคะ!” ดวงตาทั้งสองข้างของเหลียงซินหรี่ลงเล็กน้อย แอบสังเกตเหลียงยินอย่างเงียบๆ นี่ยังคงเป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้ว่าที่แท้เหลียงซินก็มีสมองที่ใสชัดเจนเช่นนี้ ไม่ใช่หญิงสาวที่ทำได้เพียงร้องห่มร้องไห้ ดูแล้วน้ำนิ่งไหลลึกเหมือนกันนะนี่! “ข้าได้ให้คนไปตรวจสอบแล้ว” เฉินห้าวเอ่ยขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก “คนทั่วทั้งวังสิงหวังต่างก็ไม่มีวิชาการต่อสู้ที่ลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูกถึงเพียงนั้น สามารถใช้เข็มทองเล่มหนึ่งฆ่าคนได้ ฆาตรกรนั้นจะต้องไม่ใช่คนที่อยู่ภายในวัง” เหลียงซินวิเคราะห์ออกมา เฉินห้าวเหลือบมองไปที่เหลียงซินอย่างช้าๆ สบายๆ “พูดได้ดี พูดต่อไป” “เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นฆ่าหมิงชิวเป็นเพราะจงใจยั่วยุ หรือว่ามีเป้าหมายอื่นอีก?หรือจะบอกว่าเจตนาที่แท้จริงของเขาไม่ใช่ต้องการที่จะฆ่าหมิงชิว บางทีอาจเป็นเพียงแค่การฆ่าด้วยความเข้าใจผิด” เหลียงซินแต่งเรื่องตามใจปาก แล้วก็ไม่สนใจว่าคนอื่นจะเชื่อหรือไม่ เห็นได้ชัดว่า เหลียงยินได้เชื่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เฉินห้าวเพียงแค่หัวเราะขึ้นอย่างประชดประชัน ดูไม่ออกว่าแท้จริงแล้วเขาเชื่อหรือไม่เชื่อกันแน่ เธอรู้ว่าอาศัยแค่ความด้านเดียวของเธอโกหกเฉินห้าวไม่ได้ แต่จุดมุ่งหมายของเธอในวันนี้เพียงเพื่อล้างมลทินความสงสัยในตัวเธอก็เท่านั้น เพราะอย่างไรเหลียงซินก็ต้องการใส่ร้ายป้ายสีมาที่เธออยู่ดี ทันใดนั้นเธอก็เดินไปทางเหลียงยิน จากนั้นมองนางอย่างดูหมิ่น ตั้งแต่หลังจากที่หมิงชิวนางกำนัลผู้นี้มายังตำหนักเจียวหยางแล้วข้าถึงได้พบว่าบนร่างกายของนางมีรอยแผลทั้งตัว หลังจากที่ถามถึงได้รู้ว่าถูกทารุณกรรมที่ตำหนักลั่วยิน น้องหญิงจะไม่ต้องการอธิบายเสียหน่อยจริงๆหรือ?” เหลียงยินแสดงบทบาทผู้บริสุทธิ์ ดูเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น “หมิงชิวอยู่ที่ตำหนักลั่วยินไม่เคยได้รับการทารุณกรรมอะไรมาก่อนเลยนะเพคะ น้องไม่รู้ว่าเหตุใดท่านพี่จึงพูดเช่นนี้ ช่างเป็นการใส่ร้ายหม่อมฉันให้ไปยังที่ไร้ซึ่งคุณธรรมจริงๆเพคะ!” หลังจากพูดจบนางก็หันไปทางเฉินห้าวอย่างขอความช่วยเหลือในทันที ท่าทางน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง ไม้นี้ได้ผลอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ เฉินห้าวกวาดตามองมายังเหลียงซิน “อย่าพูดจาเหลวไหล ยินเอ๋อร์ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้เด็ดขาด” “มีหรือไม่มีทางไม่ใช่ท่านอ๋องที่ทรงเป็นใหญ่ หากไม่ทรงเชื่อก็สามารถชันสูตรศพได้ ดูว่าบาดแผลเป็นรอยแผลเก่าหรือไม่” เหลียงซินพูดขึ้นอย่างแน่วแน่ สีหน้าของเหลียงยินค่อยๆเปลี่ยนเป็นซีดขาว นางมองไปยังเฉินห้าวอย่างค่อนข้างกระวนกระวายใจ “ท่านอ๋อง พระองค์ต้องทรงเชื่อหม่อมฉันนะเพคะ หม่อมฉันไม่เคยทำเรื่องที่โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนั้นมาก่อน” สีหน้าท่าทางของเฉินห้าวสุขุมเยือกเย็น ดูไม่ออกว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ไม่รู้ว่าในใจของเขากำลังคิดอะไรอยู่ “เอาล่ะ ยินเอ๋อร์ เจ้ากลับไปก่อน” เหลียงยินมองเขาด้วยความสั่นกลัว ดูเหมือนมีความรู้สึกหดหู่ที่จะสูญเสียความเป็นที่รักไปยังไงอย่างงั้น ทว่าต่อหน้าเฉินห้าวกลับไม่กล้าพูดอะไรมาก กลัวว่าวินาทีต่อไปจะได้กลายเป็นของเซ่นไหว้ของหมิงชิว จึงไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว ถอยกลับออกไปอย่างเร่งรีบ ภายในห้องเหลือเพียงเหลียงซินกับเฉินห้าวแค่สองคน บรรยากาศเงียบเชียบเป็นอย่างยิ่ง ผ่านการสร้างความวุ่นวายถึงขนาดนั้นของเหลียงยิน นำความน่าสงสัยเคลื่อนย้ายไปบนตัวนางได้สำเร็จ เธอมีความรู้สึกลุกนั่งไม่ติด จิตใจไม่สงบ สายตาที่เต็มไปด้วยคำถามนั้นมองจนเธอหายใจไม่ค่อยสะดวก ทันใดนั้นจู่ๆเฉินห้าวก็ลุกยืนขึ้น เดินมาถึงยังข้างกายของเหลียงซินอย่างช้าๆ โน้มตัวลงเข้ามาใกล้ริมฝีปากของเธอ “ข้าให้โอกาสเจ้าหนึ่งครั้งในการอธิบายเรื่องเมื่อคืนนี้ ข้าต้องการฟังความจริง” เหลียงซินเบิกตาทั้งสองข้างขึ้นในทันที ดวงตาทั้งสองคู่สบเข้าหากัน กระแสไฟฟ้าสะท้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นยิ่งเพิ่มความน่าอึดอัดใจ เรื่องเมื่อคืนนี้ เฉินห้าวรู้มากน้อยแค่ไหนกันแน่?มิเช่นนั้นเขาไม่มีทางพูดเช่นนี้ออกมาได้ เหลียงซินเอ่ยปากขึ้นอย่างหยั่งเชิง “เมื่อคืนนี้หม่อมฉันหลับไปแล้ว ไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าพระองค์ทรงอยากฟังหม่อมฉันอธิบายอะไร?” เฉินห้าวกลับพูดข่มขู่ที่ข้างใบหูของเธอ “อยู่ต่อหน้าข้าอย่าพูดคำโกหก มิเช่นนั้นแล้วข้ามีเป็นร้อยวิธีที่สามารถทำให้เจ้ายอมพูดความจริง” สายตาที่รุนแรงและดุดันของเขาสะท้อนขึ้นราวกับคมมีด เหลียงซินมองเขาด้วยหน้าที่ยังคงไม่เปลี่ยนสี บนใบหน้าไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรที่เห็นได้อย่างชัดเจน สงบเยือกเย็นจนเหมือนกับว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอยังไงอย่างงั้น ริมฝีปากแดงของเธอขยับขึ้นเบาๆ “พระองค์มีสิทธิ์อะไรที่จะทรงคิดว่าหม่อมฉันกำลังพูดโกหก?” เฉินห้าวก้มศีรษะลงเล็กน้อยจ้องมองเธอ ลายเส้นบนใบหน้ามัดรวมเข้าหากันแน่น นัยน์ตาสะท้อนความรู้สึกที่เย็นยะเยือก ผ่านไปประมาณสองวินาทีก็ยืดตัวตรงขึ้น เรียกจุยเฟิงกับจู๋เยว่เข้ามา “พระชายาลำเอียงปกป้องโจรนอก นำนางแขวนขึ้น ไต่สวนอย่างเข้มงวด” เฉินห้าวสั่งออกไปอย่างไม่เหลือที่ว่างใดๆเอาไว้ให้เลย จุยเฟิงกับจู๋เยว่ที่อยู่นอกประตูรีบเข้ามาในทันที จับต้นแขนของเหลียงซินเอาไว้คนละข้าง นำเธอลากไปยังด้านนอก เผชิญหน้ากับการกระทำที่รุนแรง ป่าเถื่อนไร้เหตุผลของพวกเขา เหลียงซินไม่มีพื้นที่เหลือในการขัดขืนเลยแม้แต่น้อย! เธอยังนึกว่าเฉินห้าวในหลายวันมานี้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าในกระดูกยังคงมีความรุนแรงเป็นหลัก โชคยังดีที่องค์รัชทายาทในราชวงศ์นี้ไม่ใช่เขา มิเช่นนั้นจะต้องเป็นจักรพรรดิที่โหดเหี้ยมอำมหิต ไร้ซึ่งความสงสารเห็นใจอย่างแน่นอน พอออกนอกตำหนักเจียวหยาง เหลียงซินก็ถูกแขวนบนต้นไม้ที่แสนคุ้นเคยต้นนั้น คราวก่อนตอนที่เธอได้รับการทรมานด้วยแส้ ก็ถูกแขวนอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน ในเวลานี้มือทั้งสองข้างของเธอก็ถูกรัดไว้อย่างแน่นหนา ดูเหมือนกับจะไม่ใช่มือของเธอแล้ว “ท่านอ๋องเพคะ!ท่านอ๋อง!ขอร้องพระองค์ทรงปล่อยพระชายาเถิดเพคะ!เรื่องเมื่อคืนนี้พระชายาของพวกเราไม่รู้เรื่องจริงๆเพคะ...” ชิวเยว่พูดโพล่งขึ้นจากนั้นก็คุกเข่าต่อหน้าของเฉินห้าวในทันที แต่กลับถูกเขาถีบออกไป เหลียงซินทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงได้ตะโกนออกไปว่า “ชุนฮวา ชิวเยว่ พวกเจ้ามีความหยิ่งในศักดิ์ศรีให้ข้าหน่อย ข้ายอมที่จะถูกแขวนไว้ แต่ไม่ยอมให้พวกเจ้าไปขอร้องเขา ได้ยินหรือไม่?” เฉินห้าวผู้นี้ไม่ได้เห็นคนเป็นคนจริงๆ คนประเภทนี้ควรตกนรกขุมที่สิบแปด! ถูกเธอตะโกนออกไปเช่นนี้ ชุนฮวากับชิวเยว่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก เพียงแต่คุกเข่าอยู่ที่ปลายเท้าของเฉินห้าวอย่าเงียบๆ “รอถึงเมื่อไรที่เจ้าคิดจะอธิบายแล้ว ก็ส่งคนมาบอกข้า” เฉินห้าวเอียงศีรษะเล็กน้อย ทิ้งคำพูดเช่นนี้เอาไว้ จากนั้นก็หมุนตัวออกจากตำหนักเจียวหยางไป หลังจากที่พ้นจากสายตาของทุกคนแล้ว อยู่ๆเฉินห้าวก็หยุดฝีก้าวลง หันกลับไปมองทางด้านตำหนักเจียวหยางเล็กน้อย หลังจากที่เงียบขรึมไปสามวินาที ถึงได้ก้าวขายาวๆออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็วราวกับดาวตกก็ไม่ปาน แต่จุยเฟิงและจู๋เยว่ที่อยู่ด้านหลังของเขากลับสบสายตากัน แต่ละคนล้วนส่ายศีรษะกันอย่างเงียบๆ พอเหยียบเข้ามายังประตูห้องหนังสือ เฉินห้าวก็เอ่ยถามขึ้นอย่างทนรอไม่ไหวในทันที “คนที่แอบซุ่มอยู่ด้านนอกตำหนักเจียวหยางได้จัดเตรียมเรียบร้อยแล้วหรือยัง?” จุยเฟิงพยักหน้า “กราบทูลท่านอ๋อง คนของเราได้แต่งกายเป็นข้ารับใช้ชาย ซ่อนตัวดักซุ่มอยู่ด้านนอกตำหนักเจียวหยาง เพียงแค่บุคคลลึกลับผู้นั้นปรากฏกายขึ้น มือธนูก็จะออกมาทำให้ลูกธนูนับหมื่นทะลุหัวใจมัน ในทันทีพะยะค่ะ!” เฉินห้าวพยักหน้าด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยอารมณ์โศกเศร้าที่สลัดไม่ออก “ท่านอ๋อง แต่พวกเราจำเป็นจะต้องใช้พระชายามาล่อให้บุคคลลึกลับออกมาจริงๆหรือพะยะค่ะ?หากถึงเวลาพระชายาทรงได้รับบาดเจ็บ หรือว่าบุคคลลึกลับนำพระชายามาข่มขู่บีบบังคับจะทำอย่างไรพะยะค่ะ?” จู๋เยว่คิดแล้วคิดอีก ในท้ายที่สุดก็ยังคงพูดออกมา ครู่นี้ที่ออกมาจากตำหนักเจียวหยาง พวกเขาก็ดูออกถึงความอาลัยอาวรณ์ของเฉินห้าวแล้ว กระบี่ไม่มีตา ถึงเวลาหากทำร้ายไปถึงพระชายาแล้วล่ะก็ คงจะไม่... นี่ก็เป็นวิธีการที่เฉินห้าวคิดให้สมบูรณ์เพียบพร้อมไม่ออกเช่นเดียวกัน จะทำเช่นนี้ก็ถือเป็นการกำหนดแล้วว่าจะทำให้เหลียงซินต้องได้รับบาดเจ็บ สายตาของเขาเคร่งขรึมขึ้น สุดท้ายก็ยังคงเอ่ยขึ้นทีละคำทีละประโยคออกมาว่า “เสียสละนางคนหนึ่งเพื่อขจัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในวังสิงหวังในอนาคตได้อย่างถาวร นางก็ถือว่าตายได้อย่างมีคุณค่าแล้ว”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 48 ตายก็ไม่มีค่าพอให้เสียดาย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A