ตอนที่ 52 ปกป้องน้องชายห้า   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 52 ปกป้องน้องชายห้า
ต๭นที่ 52 ปกป้องน้องชายห้า ทอดพระเนตรเห็นนางแบบนี้ เฉินหวี้ก็ไม่ได้โกรธ เพราะเขาเชื่อว่าพระดำรัสต่อมาจะทำให้เหลียงซินไตร่ตรองสถานการณ์ปัจจุบันของนางอย่างถี่ถ้วนได้เด็ดขาด “พี่สะใภ้ห้า ท่านได้ทรงทอดพระเตรเห็นแล้ว เมื่อคืนตำหนักอ๋องสิงถูกลอบสังหาร โชคร้ายพระชายารองทรงโดนลูกธนูยิงเข้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตำหนักอ๋องสิงได้เป็นเป้าหมายถูกคนเพ่งจ้องแล้ว หากว่าพระองค์ยังทรงรั้งประทับที่นี่ ไม่เพียงแต่จะทรงรับภัยอันตราย ยังอาจถึงแก่สิ้นชีพได้ ยิ่งกว่านั้น พี่ห้าไม่ทรงโปรดท่านสักนิดเดียว หากท่านทรงแข็งขืนยังประทับอยู่ที่นี่ ไหนเลยยังมีความหมายกระไรเล่า?” เหลียงซินนับว่าฟังเข้าใจความหมายในคำพูดของเขาออกมาได้แล้ว คิดจะดึงผู้คนจากข้างเฉินห้าวมาเป็นพวก เขาก็ไม่ได้นับว่าหาคนผิดจริง ๆ มองดูจากตอนนี้มีเพียงนางเท่านั้นที่เหมาะสมที่สุด แต่เขายังไม่ได้ตรวจสอบให้แน่ชัดว่านางเหลียงซินจะไม่ถูกใครควบคุมอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม! “องค์ชายเจ็ด เจ้าคิดว่าเจ้าทรงมีความสามารถนี้ที่จะช่วยข้าออกไปหรือ?” เหลียงซินเลิกคิ้วเรียวขึ้นเล็กน้อย ในแววตาที่ใสกระจ่างแจ้งแฝงร่องรอยแห่งความสงสัย เฉินหวี้รู้สึกว่าโอกาสมาถึงแล้ว จึงรีบกล่าวทันทีว่า “ตอนนี้นอกจากข้าช่วยเจ้าได้แล้ว ยังมีใครสามารถช่วยเจ้าได้หรือ? ขอเพียงเราสองคนร่วมมือกัน เจ้าก็จะได้อิสรภาพ” แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวังอันรอมานานมาก ราวกับได้รอโอกาสของวันนี้มาเป็นเวลานานแล้ว เหมือนสัตว์ร้ายตัวหนึ่งที่เฝ้าจ้องเหยื่อเป็นเวลานาน ทันทีที่มีโอกาส ก็จะกระโจนเข้าไปทันที และเหลียงซินแทบไม่ต้องดูก็สามารถเดาสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ในจิตใจได้ “ถ้างั้นองค์ชายเจ็ด เจ้าจะทรงได้รับอะไร?” เฉินหวี้ชะงักไปครั้ง ทรงประทับยืนเอาพระหัตถ์ไพล่หลังหันหลังไป มองไกล ๆ ไปยังสวนดอกไม้ ค่อย ๆ ตรัสว่า “ดอกไม้เหล่านี้เป็นเพราะมีผู้ดูแลจัดการ จึงสามารถเบ่งบานได้ แต่ถ้าเจ้าของดอกไม้เหล่านี้ ไม่ได้รู้วิธีที่จะดูแลจัดการดี ๆ สวนดอกไม้ทั้งหมดก็จะเหี่ยวเฉา โลกนี้ ก็จะไม่มีดอกไม้ที่สวยงามเช่นนี้อีกแล้ว” ราวกับเสียงระฆังเตือนภัยดังขึ้น ประดุจเสียงฟ้าร้องฟาดสนั่นใส่ใจของเหลียงซิน นางถามทีละถ้อยคำทีละตัวอักษร “องค์ชายเจ็ด เจ้าทรงต้องการที่จะเป็นผู้ดูแลจัดการสวนนี้หรือ” เฉินหวี้ทรงสำแดงความทะเยอทะยานอย่างโจ่งแจ้งชัดเจน “ลองถามไถ่ทั่วใต้หล้านี้ว่าใครไม่คิดอย่างนั้นบ้าง?” ถึงแม้ว่าเหลียงซินเดาออกถึงเป้าหมายของเขาแล้ว แต่นางกลับไม่สามารถเดาได้ว่าทำไมวันนี้ เขาจึงทรงตรัสคำเหล่านี้กับนางในตำหนักอ๋องสิง หรือเขาทรงเห็นว่านางจะช่วยเขา? นั่น ช่างเป็นความเพ้อฝันของคนโง่จริง ๆ “องค์ชายเจ็ด ถ้าเจ้าทรงฝันยังอาจเป็นไปได้ ที่น่ากลัวที่สุดคือมีคนกระทั่งฝันยังทำไม่ได้ พูดแต่ไม่ปฏิบัติไร้หลักฐาน ยังมีประโยชน์อันใด? เรื่องของข้าไม่ต้องการให้เจ้ากังวลใจ ธุระของเจ้า ข้ายิ่งไม่อาจช่วยได้สักนิด โปรดจำไว้ว่า ข้ากับเจ้าไม่ใช่เป็นคนเส้นทางเดียวกัน” นี่เป็นการปฏิเสธอย่างเปิดเผยไร้การปิดบังทั้งสิ้น แต่ที่เฉินหวี้ไม่เข้าใจคือว่าทำไมเหลียงซินจึงได้ปฏิเสธเขา ? “แม้ว่าเจ้ากับข้าไม่ใช่เป็นคนเส้นทางเดียวกัน งั้นเจ้ากับพี่ห้าก็ยิ่งไม่ใช่เป็นคนเส้นทางเดียวกัน ไม่เป็นไร เจ้าสามารถค่อย ๆ คิด คิดดีแล้วส่งคนมาบอกข้าก็ได้แล้ว” เขาหันหลังไปแล้ว ก็หันศีรษะกลับมาทอดพระเนตรมองเหลียงซินอีกครั้ง “ใช่แล้ว ขึ้นสิบค่ำเดือนหน้า ข้าจะจัดแข่งม้าที่เขาผิงกู่ เมื่อถึงเวลานั้นองค์ชายทุกพระองค์ก็จะทรงเสด็จมา หวังว่าจะได้เห็นเจ้า” เฉินหวี้ถูกปฏิเสธ ก็ไม่ได้ทรงทุกข์พระทัยสักนิดเลย กลับเชิดพระพักตร์ขึ้นแอ่นพระทรวงแล้วเดินออกไปแล้ว ราวกับว่าเมื่อครู่เขาไม่เคยตรัสประโยคนั้นกับเหลียงซินมาก่อน บริเวณศาลาเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมพัดผ่านหูไปเป็นครั้งคราว ในห้วงสมองของเหลียงซินยังคงนึกถึงคำพูดเหล่านั้นที่เฉินหวี้ได้ทรงตรัสเมื่อครู่ ตรึกตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วนไปครั้งหนึ่งแล้ว เขาน่าจะคิดตรัสว่าเขาคิดจะเป็นองค์รัชทายาท ยังมีความหมายที่ชัดเจนมากขึ้นอีกขั้น ก็คือเขาต้องการที่จะร่วมมือกับนางเพื่อกำจัดเฉินห้าว แต่ว่า ที่ทำให้เหลียงซินไม่เข้าใจคือ ทำไมเฉินหวี้จึงมาหานาง ใครก็ได้ทุกคนในประเทศเย่ว์ทางทักษิณสามารถช่วยเขาได้ แต่นางเป็นพระชายาของเฉินห้าว เป็นฝ่ายตรงข้ามกับเขา แต่เขากลับตรัสกับนางว่า... ขณะที่นางกำลังครุ่นคิด ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอันสงบดังมาจากด้านข้าง นางหันศีรษะกลับไป ก็เห็นพระพักตร์อันเศร้าระทมอ่อนโยนนั้นของรัชทายาทเฉินเอวียน นางสับสนเล็กน้อยบ้าง แต่สิ่งที่เมื่อครู่นางและเฉินหวี้ได้กล่าวทั้งหมด คงจะไม่ถูกองค์รัชทายาททรงได้สดับไปจนหมดหรอกน่ะ?” นางได้ถวายบังคมอย่างเปิดเผยครั้งหนึ่ง “องค์รัชทายาท” แววพระเนตรอันอบอุ่นประดุจธาราของเฉินเอวียนได้ทรงพิจารณาดูนางไปครั้ง ในที่สุดก็ทรงประทับนั่งลงบนม้านั่งยาวข้าง ๆ นาง พระพักตร์อันหล่อเหลากลับทรงมั่นคง ให้ความรู้สึกเหมือนอาบต้องสายลมยามฤดูใบไม้ผลิเช่นนั้น “น้องสะใภ้ห้า เมื่อสักพัก ข้าได้ยินทุกอย่างที่เจ้าพูดแล้ว ข้าดีใจที่เจ้าได้ปฏิเสธน้องชายเจ็ด แต่น้องชายเจ็ดสามารถเสด็จมาหาเจ้าแสดงให้เห็นว่ามีความขัดแย้งเป็นช่องว่างระหว่างเจ้าและน้องชายห้า เจ้ายังจำเรื่องที่เจ้าได้สัญญากับข้าเมื่อครั้งที่แล้วได้ไหม?” ครั้งที่แล้ว ขณะที่เฉินห้าวทรงส่งคนไปตามหานางในถนนใหญ่ตรอกซอกซอยน้อย เขาได้ช่วยนางและให้นางสัญญาว่าภายหลังต้องไม่ทำร้ายเฉินห้าวทั้งสิ้น องค์รัชทายาททรงทำได้ถึงขั้นนี้ นับเป็นพี่ชายที่ดีองค์หนึ่งซึ่งหาได้ยากในรอบร้อยปีจริง ๆ เหลียงซินมองเขาอย่างตรงไปตรงมา “ข้าไม่เคยคิดจะทำร้ายเฉินห้าวมาก่อน ขอเพียงให้ข้าได้ออกจากตำหนักอ๋องสิง เรื่องที่เกิดขึ้นในที่นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้า ยิ่งไม่อาจทำร้ายเขาได้เลย” นางไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เฉินหวี้พูดกับนางเมื่อครู่ เพราะเขายังไม่ได้มีคุณสมบัติพอที่จะเจรจาต่อรองกับนาง อย่างที่นางได้พูดกับผู้ชายลึกลับก่อนหน้านี้ นางจะไม่เข้าร่วมทำการชั่วกับคนอื่น ๆ สิ่งที่นางต้องทำ นางต้องทำด้วยตัวเอง ห้ำหั่นศัตรูด้วยมือตนเองจึงจะสะใจ! ดังนั้น องค์รัชทายาททรงระแวงมากไปแล้ว แม้ว่าในจิตใจของนางเคยถือว่าเฉินห้าวเป็นศัตรูมาก่อน แต่เพราะองค์รัชทายาท ความแค้นจงเกลียดจงชังนี้ได้บรรเทาลงไปมาก “เช่นนี้ก็ดี การต่อสู้แย่งชิงระหว่างองค์ชาย เดิมไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้า ในฐานะเพื่อน ข้าไม่หวังดึงเจ้าเข้ามาพัวพัน แต่ในฐานะญาติข้าต้องบอกเจ้าว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เจ้าจะต้องปกป้องน้องชายห้า เรื่องหนังสือหย่า ไม่เพียงน้องชายห้าจะไม่ทรงเห็นด้วย พระบิดายิ่งไม่ทรงเห็นด้วย” คำตรัสขององค์รัชทายาททำให้ในใจของเหลียงซินหงุดหงิด พระองค์ทรงรักปกป้องพระอนุชาก็แล้วไป อาศัยสิ่งใดที่ทำให้นางต้องปกป้องเฉินห้าวด้วย? อีกอย่าง ตามสภาพอารมณ์ สถานะและตำแหน่งของเฉินห้าว มีใครบังอาจแตะต้องเขาสักครั้งได้? “องค์รัชทายาททรงเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้ต้องการเพียงแค่หนังสือหย่า แต่เป็นอิสรภาพและความเคารพนับถือ พวกเจ้าได้คุ้นเคยกับความแตกต่างระหว่างความสูงศักดิ์ความต่ำต้อย ระดับชนชั้น แต่สำหรับข้า ข้าหวังให้ทุกคนเท่าเทียมกัน ดังนั้นข้ากระหายหวังในเสรีภาพ” เหลียงซินรู้ว่ากล่าวเช่นนี้ องค์รัชทายาททรงไม่เข้าใจแน่นอน แม้แต่ตัวนางเองก็มีบางสิ่งไม่เข้าใจทั้งหมด ในที่นี้ทุกคนล้วนมีสถานที่อันมีความนึกคิดซึ่งฝังรากลึก พูดคุยเรื่องเสรีภาพ เรื่องความยำเกรงนับถือกับพวกเขา จะมีความหมายใดเล่า? แต่พระขนงขององค์รัชทายาทกลับขมวดเล็กน้อย หวนระลึกถึงสิ่งที่เหลียงซินกล่าวอย่างรอบคอบ กระทั่งยังโหยหาบ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทรงคิดออกอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่กลับทรงพระสรวลแล้ว “ความคิดของเจ้า ยังเป็นสิ่งที่แปลก ข้าจะไตร่ตรองอย่างดีไปก่อน วันนี้แม้ว่าเจ้าได้ปฏิเสธน้องชายเจ็ดแล้ว แต่ข้าไม่หวังที่จะเกิดเป็นครั้งที่สองอีก โดยแก่นแท้น้องชายเจ็ด องค์นั้น น่ากลัวมากยิ่ง” ทักษะการดูคน เหลียงซินเห็นได้ชัดเจนกว่าใคร เฉินหวี้เป็นคนดีหรือไม่ นางรู้อยู่เต็มอก ยิ่งกว่านั้น นางก็ไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการต่อสู้แย่งชิงราชบัลลังก์ เฉินหวี้คนนี้ก็ยิ่งไม่ต้องพูดแล้ว เจรจาร่วมมือกับเขา ก็คือตนเองแสวงหาความตายเอง “ข้าจะพิจารณาคำตรัสขององค์รัชทายาท แต่ข้าขอเตือนพระองค์ว่าตำแหน่งองค์รัชทายาท ทุกคนก็จ้องมองอย่างดุเดือดพร้อมที่จะคว้าไป มีเพียงปกป้องตำแหน่งองค์รัชทายาท พระองค์จึงจะปกป้องคนที่พระองค์ทรงตริตรองอยากปกป้องได้” เหตุผลที่ชัดเจนแบบนี้ นางเชื่อว่าองค์รัชทายาททรงสดับฟังเข้าใจ แต่สิ่งที่นางคิดจะพูดคือไม่เพียงมีคนคิดจะจัดการกับเฉินห้าว ยิ่งยังมีคนที่ได้จับตาจ้องดูองค์รัชทายาทแล้ว คดีวางยาพิษในพระราชวังเมื่อครั้งที่แล้ว ถ้าไม่ใช่ฮ่องเต้ทรงเชื่อในองค์รัชทายาท และไม่สามารถนำเอาหลักฐานออกมาพิสูจน์ให้เห็นชัดว่าเป็นองค์รัชทายาททรงลงมืออย่างแน่นอน กลัวว่าพระองค์ก็ไม่ได้ทรงประทับยืนอยู่ที่นี่ สายพระเนตรขององค์รัชทายาทที่ดูอ่อนโยนก็ค่อย ๆ กร้าวแข็งคมกริบขึ้น ทรงทอดพระเนตรเหลียงซินด้วยความสนใจ นางให้พระองค์ดูนางจากมุมมองใหม่ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเมื่อพระมารดาทรงรับสั่งให้น้องชายห้าหย่ากับนาง น้องชายห้าทรงตรัสว่าอย่างไรก็ไม่ยอมทั้งนั้น ถ้าพระองค์ไม่ได้ทรงตรัสกับนางในวันนี้ พระองค์ยังจะทรงคิดว่านางเป็นเหลียงซินคนก่อน “ข้าเข้าใจทุกอย่างที่เจ้าพูด” องค์รัชทายาทถอนพระทัยยาวคำหนึ่งอย่างมีความหมาย ถึงแม้ว่าพระองค์จะทรงมีพระทัยเชื่อมทั่วหล้า แต่ว่าในเรื่องการต่อสู้ภายในราชสำนักยิ่งกระจ่างดุจฝ่าพระหัตถ์ ความเข้าใจผิดระหว่างพี่น้องแท้ ๆ ยังไม่ได้รับการแก้ไข อย่าว่าแต่ไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ เหลียงซินเลิกคิ้ว เข้าใจก็ดี กลัวว่าเขาจะถูกปิดบังเก็บไว้ในที่มืด ไม่เข้าใจอะไรเลย พระดำรัสทรงตรัสมาถึงที่นี่ ก็พอประมาณแล้ว เหลียงซินไม่เหมาะที่จะรั้งอยู่ที่นี่นาน ถ้าถูกคนที่จงใจเจตนาเห็นแล้ว หยิบยกนางและองค์รัชทายาทมาแต่งบทความ กระโดดลงสู่แม่น้ำเหลืองก็ไม่อาจล้างได้หมดจด หลังจากนางได้ร่ำลา กำลังจะลงจากขั้นบันได ใครจะรู้พลันยืนไม่มั่นคง ทั่วทั้งร่างเซเอียงไป ก็เกือบจะล้มลง เวลานี้ มือข้างหนึ่งข้างหลังนางจับแขนของนางไว้แน่น เสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลอย่างหนักหนาเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า “ระวัง!” เหลียงซินร้องเสียงทุ้มครั้งหนึ่ง เพียงชั่วขณะก็ได้ยืนทรงตัวอย่างมั่นคงแล้ว นางตบหน้าอกอย่างอกสั่นขวัญแขวน ถ้าองค์รัชทายาทไม่ทรงจับนางไว้ให้ทัน นางคงจะกลิ้งตกขั้นบันไดนี้ไปแล้ว “ขอบพระทัยองค์รัชทายาท” แต่ว่าเรื่องราวก็เป็นสิ่งที่บังเอิญเช่นนี้ เมื่อนางพูดจบแล้ว ในแสงสลัวก็ได้เห็นเฉินห้าวที่ด้านข้าง พระพักตร์ของเขาเป็นสีเขียวคล้ำราวกับว่าเขาได้ทรงทอดพระเนตรเห็นทุกอย่างแล้ว “องค์รัชทายาททรงอารมณ์เพลิดเพลินจริง ๆ ทรงสนิทสนมกับพระชายาของข้าในตำหนักของข้าเช่นนี้ ไม่กลัวถูกคนนินทาหรือ” เฉินห้าวก้าวทีละก้าว ๆ ขึ้นมาบนศาลา น้ำเสียงแปลก ๆกลับตาลปัตร “เฉินห้าว เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” เหลียงซินส่งเสียงให้คำอธิบายได้ทันเวลา แต่เฉินห้าวไม่ฟังไม่ถาม อัดกำปั้นตรงเข้าพระพักตร์ขององค์รัชทายาททันที ล้มเขาลงกับพื้นในท่าเดียว ลมกำปั้นของเขาทั้งรวดเร็วและรุนแรง องค์รัชทายาทได้รับหมัดเดียวจากเขา ก็ไม่สามารถยืนขึ้นได้ มุมปากยิ่งมีรอยเลือดซึมออกมา ดูไปแล้วช่างทุลักทุเลมาก แต่เขากลับไม่ได้มีความหมายจะทรงตำหนิสักนิด ยังคงรักษาท่าทีที่สุภาพและอ่อนโยนตามปกติ “น้องชายห้า ได้ยินว่าในตำหนักของเจ้ามีมือสังหาร ข้ามาเพื่อมาดูเจ้าโดยเฉพาะ พระมารดาทรงทราบแล้ว ก็ทรงเป็นกังวลยิ่ง” องค์รัชทายาทค่อย ๆ ประทับยืนขึ้นจากพื้นดิน แต่กลับถูกเฉินห้าวคว้าคอเสื้อไว้ทีเดียว ทรงกริ้วไม่พอพระทัย “ข้าได้เตือนเจ้าแล้วว่าอย่าได้ก้าวเข้าไปในตำหนักอ๋องสิงสักก้าวมิใช่หรือ? เจ้าไปให้พ้นจากข้าเดี๋ยวนี้!” เหลียงซินที่ด้านข้างไม่ได้พูดจา เพราะนางรู้ว่าถ้านางช่วยพูดให้รัชทายาทในเวลานี้ เฉินห้าวจะยิ่งโกรธมากขึ้น จึงไม่พูดอะไรเสียรู้แล้วรู้รอดไปซะ ถ้าเฉินห้าวรู้ว่าที่รัชทายาททรงทำทั้งหมดนี้เพื่อประโยชน์ของเขาเองในภายภาคหน้า จะเป็นอารมณ์ชนิดไหนนะ? “ได้ ข้าแค่มาดูสักแวบ ทราบว่าเจ้าไม่เป็นไร ข้าก็สบายใจแล้ว ข้าไปแล้ว” องค์รัชทายาททรงเช็ดคราบโลหิตที่ริมฝีปาก ตรัสด้วยความสงบ ขณะที่พระองค์ทรงกำลังจะหันเสด็จจากไปนั้น พ่อบ้านฉินรีบมารายงานว่า “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่ดีแล้ว ข้างนอกมี องครักษ์หลวงมากมาย บอกว่าจะมาจับกุมองค์รัชทายาท!” อะไร? เหลียงซินได้สดับคำ จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นยืน แววตามองไปที่พระพักตร์ขององค์รัชทายาท
已经是最新一章了
加载中