ตอนที่ 55 ประลองฝีมือการยิงธนู   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 55 ประลองฝีมือการยิงธนู
ต๭นที่ 55 ประลองฝีมือการยิงธนู กล่องที่ประณีตนั้นตกเข้าไปอยู่ในมือของเฉินห้าวทันที เหลียงซินซึ่งอยู่ไกลออกไป ได้กลิ่นหอมจากในกล่องนั้นด้วย อยากจะจับมัดใจชายคนหนึ่งไว้ ก็ต้องจับมัดท้องของเขาไว้เสียก่อน ดูไปแล้วเหลียงอินคิดใช้เทคนิคนี้เพื่อให้เฉินห้าวอย่าลืมนางในช่วงหลายวันที่ไปอยู่เขาผิงกู่นี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเฉินห้าวก็ต้องยกย่องให้เกียรตินางจึงจะใช้การได้ เจ้าได้เห็นท่านอ๋องท่านใดที่ขึ้นเขาไปแข่งม้า แต่ยังพกพาขนมขบเคี้ยวไปเอง? “พอแล้ว ข้าทราบแล้ว ร่างกายเจ้ายังไม่หายดี ไม่ต้องออกมาต้องลม” เขาจึงวางกล่องอาหารนั้นไว้ในมือของพ่อบ้านตามสะดวก การเคลื่อนไหวที่หมดจดรวดเร็ว พลิกตัวขึ้นม้า แววตาของเหลียงอินมองไปยังกล่องนั้น มองดูเขาอย่างไม่อาจผละจากไป “ท่านอ๋อง...” แต่ว่า เสียงพูดของนางยังไม่จบลง เฉินห้าวยกตวัดแส้ขึ้นไปครั้ง คนทั้งร่างก็จากไปไม่ทิ้งฝุ่นใด ๆ ไว้เลย เพียงทิ้งเงาหลังที่กว้างหนาร่างหนึ่งไว้ ชั่วขณะ เสียงเกือกม้าก็ดังขึ้น ทุกคนต่างขี่ม้าผ่านลานหน้าตำหนักอ๋องสิง ออกเดินทางไปในทิศเขาผิงกู่อย่างยิ่งใหญ่เกิกเกริก เห็นเงาหลังของเฉินห้าวซึ่งไม่ได้ลังเลระล้าระลังควบไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเหลียงอินยิ่งซีดขาวมากขึ้น เมื่อครู่ฉากนั้นช่างน่าอายจริง ๆ! เฉินห้าวไม่เพียงแต่ไม่รับกล่องที่นางส่งไปให้ ยังทำเหมือนทิ้งขยะ ทิ้งไปให้พ่อบ้านไปแล้ว! เมื่อก่อนเขาไม่เคยปฏิเสธของของนางเลย! ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้าเหลียงซินที่สมควรตาย! มือทั้งคู่ของนางจับผ้าเช็ดหน้าแน่น รอบดวงตาได้เป็นสีแดงไปแล้ว พอหันกลับไป มองหวังโผแฝงด้วยความหมายการตำหนิเล็กน้อย “หวังโผ ข้าบอกแล้วว่าท่านอ๋องรักพี่สาวเข้าแล้ว เจ้ายังให้ข้ามาส่งขนมขบเคี้ยว ครั้งนี้เสียหน้าผู้คนอับอายผู้คนยิ่งนักแล้ว!” หวังโผก็ไม่รู้ว่าเรื่องทำไมจึงกลายเป็นเช่นนี้ได้ เมื่อก่อนไม่ว่าพระชายารองจะทำการใด ท่านอ๋องล้วนโปรดปรานโสมนัสยิ่ง แม้แต่ขนมขบเคี้ยวที่ไม่น่ากินอีก เขาก็จะกลืนลงไปพร้อมรอยยิ้ม แต่ในวันนี้ทำไม... ประเด็นหัวข้อของนางเปลี่ยนไป โยนความผิดพลาดทั้งหมดไปใส่บนศีรษะของเหลียงซิน “พระชายารอง ทั้งหมดนี้ต้องโทษพระชายา!ถ้านางไม่ได้ยั่วยวนท่านอ๋องไปเมื่อคืนนี้ วันนี้ท่านอ๋องจะทำกับท่านแบบนี้ได้อย่างไร? ขอบ่าวเฒ่าคิดหาวิธีจัดการดี ๆ จะไม่มีวันปล่อยให้นางแย่งชิงท่านอ๋องไปจากข้างกายท่านเด็ดขาด!” “หวังโผ เจ้ารู้สึกว่าข้าไร้ประโยชน์เกินไปแล้วใช่ไหม แม้แต่พระทัยของท่านอ๋องก็มัดไว้ไม่ได้?” เหลียงอินใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดแก้มถามอย่างน่าสงสาร ดวงตาประดุจเม็ดถั่วเขียวทั้งคู่ของหวังโผหรี่ขึ้นมาเล็กน้อย “พระชายารอง นี่ไม่ใช่ปัญหาของท่าน แต่เป็นเพราะพระชายาถนัดในการวางแผน เจ้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาใจดี เจ้าไหนเลยเป็นคู่แข่งของนางได้?” “แล้วจะให้ข้าทำยังไง?” เหลียงอินเพียงรู้สึกว่าสถานภาพไม่อาจรักษาไว้ได้ จับมือหวังโผไว้ราวกับขอความช่วยเหลือ เหมือนเกาะแผ่นกระดานที่ลอยอยู่บนผิวทะเล พบกับความหวังได้รอดชีวิตแล้ว กล้ามเนื้อทั่วใบหน้าของหวังโผสั่นกระตุก “ฮึ่ม ก็ปล่อยให้เกือกต่ำต้อยนังนั้น เอ่อระเหยที่เขาผิงกู่สักสองวัน รอนางกลับจวนแล้ว เราจะจัดการนาง! สองวันนี้ขอบ่าวเฒ่าคิดวางแผนการ!” ได้รับการสนับสนุนและรับประกันจากหวังโผ จิตใจของเหลียงอินก็สดใสร่าเริงขึ้นมาทันที เมื่อเรื่องทุกอย่างมีหวังโผให้การสนับสนุนต่อหน้านาง นางไม่กลัวที่จะล้มลงไปด้านหลังบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง ถ้าวันหนึ่งหวังโผไม่ไหวแล้ว นางจะต้องเลือกสุสานซึ่งมีฮวงจุ้ยที่ดีแห่งหนึ่งสำหรับนางอย่างแน่นอน เขาผิงกู่มีระยะทางห่างจากเมืองหลวง ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วยาม เมื่อออกจากประตูเมืองมุ่งไปทางทิศเหนือ เดินทางไม่ไกลมากนักก็จะเห็นเขาผิงกู่สูงตระหง่านเสียดเมฆหุบเขาลึกแล้ว เพราะครั้งหนึ่งเฉินหวี้ออกไปล่าสัตว์ เดินทางผ่านเขาผิงกู่ ไม่ระวังตกหน้าผาไป ในกลางอากาศถูกหวายพันไว้ จึงโชคดีรอดชีวิต แต่กลับได้เห็นทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยมหาที่ใดเสมอเหมือนมิได้ตรงด้านล่าง ดังนั้นหลังจากกลับไปทรงรายงานฮ่องเต้ จึงได้มีพระมหาบัญชาให้กรุยทางเป็นพิเศษบุกเบิกจัดทำสนามแข่งม้า เพื่อใช้ในการแข่งม้าขององค์ชายทั้งหลาย ปัจจุบันเขาผิงกู่ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ใช้แข่งม้าเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ซึ่งฮ่องเต้ไว้ใช้ล่าสัตว์ด้วย หลังจากที่ขบวนทั้งแถวได้เดินทางไปแล้วหนึ่งชั่วยาม เหลียงซินและเฉินห้าวก็ค่อย ๆ มาถึงเนินเขาเทพจุติผิงกู่ ซึ่งก็เป็นที่แข่งม้าด้วย ในสนามแข่งม้ายิ่งใหญ่โอ่อ่าเปิดกว้างมากจริง ๆ ทั้งสองข้างเป็นลานชมสูง ๆ ตรงกลางพื้นที่ที่โล่งใหญ่ที่สุดเป็นลู่วิ่งแข่งม้าที่กว้างใหญ่มาก ข้าง ๆ เป็นสถานที่พักผ่อน ยังมีส่วนหนึ่งที่คงเหลือไว้ให้เป็นที่ไว้ใช้ชมการร้องเพลงเริงระบำ เหลียงซินนับว่าได้เห็นความหรูหราอย่างมีระดับของคนในยุคโบราณแล้ว ไกลออกไป เสียงของเฉินหวี้ดังเข้ามาในหูของนาง “พี่ห้า พี่สะใภ้ห้า พวกท่านมาสายแล้ว!” เขาตะโกนเช่นนี้ ทำให้สายตาของทุกคนย้ายเคลื่อนมายังบนร่างกายของพวกเขาจนหมดสิ้น ชั่วพริบตากลายเป็นจุดสนใจของทุกคน เฉินห้าวสีหน้าสงบเดินอย่างใจเย็นไปข้างหน้า องค์ชายหลายองค์ก็ล้อมเข้ามาทันที ทอดพระเนตรมองดูพวกเขา วันนี้องค์ชายหลายพระองค์และพระชายาของพวกเขาเกือบจะพร้อมหน้ากัน แม้แต่องค์ชายสิบเอ็ดก็ยังได้รับการโปรดเกล้าอยู่ส่วนหนึ่ง ยังมีองค์หญิงองค์อื่น ๆ ก็ทรงเสด็จมาด้วย เพียงแต่ว่ายกเว้นองค์หญิงรุยเหอแล้ว องค์อื่น ๆ เหลียงซินล้วนไม่สามารถขานพระนามออกมาได้ “พี่ห้าทรงมาสายโดยไร้เหตุผล ทำให้เราต้องรอเขาเป็นเวลานาน เป็นเหตุให้การแข่งม้าล่าช้าไป พวกเราควรลงโทษเขาอะไรดี?” คนที่ตรัสคือเฉินลี่ องค์ชายแปด เป็นองค์ชายที่ทรงสุงสิงอยู่ข้างกายเฉินหวี้ในปกติ องค์ชายหลายพระองค์ทรงพระสรวลขึ้นมา ต่างทอดพระเนตรมองไปที่เฉินหวี้ ทุกคนล้วนทราบว่าเฉินห้าวและเฉินหวี้ทั้งสองซึ่งเป็นผู้ทรงได้รับความสนใจมากต่างไม่มีความสุขในระหว่างกัน วันนี้จึงใช้เรื่องนี้ต่อสู้กับเฉินห้าวสักครั้งพอดี แต่ว่า เฉินหวี้กลับทรงโบกมือให้อย่างใจกว้าง วางท่าทางในลักษณะเชิงตำหนิออกมา “พวกเจ้าต่างกำลังพูดเรื่องเหลวไหลใดกัน? เมื่อไม่กี่วันก่อนองค์รัชทายาทได้ถูกขังอยู่ในคุกแห่งสวรรค์ พวกเราต้องให้ความเอาพระทัยใส่ต่อพี่ห้า ดีร้ายอย่างไรก็ปลอบโยนสักสองคำ ในเมื่อพระองค์กับองค์รัชทายาททรงเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ!” รอยพระสรวลบนพระพักตร์ขององค์ชายหลายพระองค์ค่อย ๆ จางหายไป แล้วแต่ละพระองค์ก็ทรงแสร้งแกล้งทำเป็นโสมนัสขึ้นมา เฉินห้าวแค่ทรงลูบเกราะป้องกันที่พระองค์ทรงถืออยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์อย่างไม่ตั้งพระทัย ทรงตรัสเบา ๆว่า “น้องชาย เจ็ดทรงตรัสเหลวไหลอะไรกัน? เราทุกพระองค์ต่างเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ ถ้าเสด็จพ่อทรงได้สดับฟังคำตรัสแบบนี้ ก็จะทรงลงโทษเจ้าอีก” เงียบไปสักพักแล้วเฉินหวี้เปลี่ยนสีหน้าของเขา หัวเราะออกมาอีกครั้งในวินาทีต่อมา “พี่ห้าทรงตรัสได้ถูกต้อง เป็นเพราะเสด็จพ่อทรงสอนให้พวกเราสองสามคนต้องรักใคร่ซึ่งกันและกัน ดังนั้นบัญชีที่องค์รัชทายาททรงวางยาพิษต่อพระราชมารดาของข้า ข้าจึงไม่ได้นับอยู่บนศีรษะของเจ้า” เขาซ่อนดาบไว้ในรอยยิ้ม ในดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย แววตาอันคมเฉียบแคบยาวของเฉินห้าว จู่ ๆ ก็มองจ้องประสานเข้าไปในดวงตาของเขา ในช่วงเวลานั้น ฟ้าดินก็มืดครึ้มอย่างฉับพลัน พายุลมกรรโชกพัดจากพื้นดิน ผ่านเท้าของทุกคนไป เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดน่ากลัวเมื่อครู่นั้นก็ได้มลายหายไปสิ้น เหลียงซินเท่านั้นที่รู้ว่านั่นคือวิชาจิตตังในการฝึกวรยุทธ์เจิ้งหยางถึงชั้นสิบของเฉินห้าว นางเดินงามสง่าไปเบื้องหน้าก้าวหนึ่งอย่างเป็นธรรมชาติ ยืนตรงแน่วอยู่ข้าง ๆ เฉินห้าว ราวกับว่านางกำลังปกป้องเขา เสียงของนางก็ไม่ใหญ่เกินไปหรือเล็กเกินไป ดังกำลังดีที่จะถ่ายทอดให้ทุกคนได้ยินตรงข้างหู “องค์รัชทายาทได้วางยาพิษต่อพระราชมารดาหรือไม่ เชื่อว่าเสด็จพ่อทรงชาญฉลาด เจ้าหน้าที่จากหู้ฉาเอวี้ยนจะสืบด้นพบความจริงได้” นางยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ เฉินห้าว สภาพอารมณ์ของทั้งสองเย็นยะเยือก แม้แต่แววตาก็คมเฉียบพอ ๆ กัน ทำให้องค์ชายอื่น ๆ ต่างไม่กล้าตรัสสิ่งใดกัน “แม้ว่าคำพูดเป็นเช่นนั้น แต่ในเมื่อองค์รัชทายาทได้เข้าคุกแห่งสวรรค์ไปแล้ว ความจริงก็แปดเก้าส่วนหนีไม่พ้นสิบ แต่ว่าเห็นแก่ที่พี่สะใภ้ห้าช่วยชีวิตพระราชมารดาของข้า ข้าจึงเชื่อว่าไม่เกี่ยวกับพวกเจ้าเป็นชั่วคราว” เฉินหวี้ส่งเสียงฮึ่มหนึ่งครั้งอย่างเย็นชา ก็ไม่ใช่เป็นเจ้าที่น่าเข้าไปตอแยด้วย เฉินหวี้ผู้นี้ ต้องการก้าวร้าวบีบคั้นผู้คนในที่นี่ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าองค์รัชทายาทได้ทรงกระทำเรื่องนี้จริง ๆ นางแก้ต่างให้องค์รัชทายาทอย่างโกรธเกรี้ยว “ลักษณะอุปนิสัยขององค์รัชทายาท คนทั้งโลกล้วนประจักษ์แก่ตา ยิ่งกว่านั้นเสด็จพ่อยังไม่ได้ทรงลงพระนามาภิไธย แล้วองค์ชายเจ็ดมาคาดเดาเอาเองในที่นี่ทำไม?” “เจ้า!” เฉินหวี้ยกมือขึ้นครั้งหนึ่ง ชี้ไปที่จมูกของเหลียงซิน แต่ว่าก่อนที่มือของเขาได้สัมผัสใบหน้าของนาง เฉินห้าวก็ได้จับมือเขาไว้อย่างดุร้ายโดยพลัน กุมจับอย่างรุนแรง พลิกมือดันไปครั้งก็ได้ผลักเขาทั้งคนออกไปเลย เฉินห้าวเป็นคนฝึกวรยุทธ์ แต่เฉินหวี้ดูไปแล้วอ่อนโยนมีมารยาท จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเป็นธรรมดา มือที่ถูกจับกุมไว้ก็เจ็บจนหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที “มือของเจ้า ถ้าแตะต้องสัมผัสพระชายาของเปิ่นหวังอีกครา คราวหน้าก็จะไม่ได้แก้ปัญหาอย่างง่ายดายเช่นนี้” เสียงของเฉินห้าวเต็มไปด้วยคำเตือน คำพูดของเขาไม่ทราบว่าได้ทำให้เฉินหวี้ตกใจหรือไม่ แต่กลับทำให้เหลียงซินตกตะลึงไปแล้ว ที่แท้ เขายังสามารถป้องกันได้อย่างกระชับเช่นนี้ ความรู้สึกที่ถูกคนคุ้มครอง ยังนับว่าไม่เลวจริงๆ ! ไม่ถูกต้อง! นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่? นางต้องไม่ลืมความอับอายและการบาดเจ็บที่เฉินห้าวได้นำมาให้นางเมื่อก่อนนี้ อย่าลืมการแก้แค้นและหนีจากตำหนักอ๋องสิง อย่าได้ดื่มด่ำจมปลักไปกับสิ่งเหล่านี้! กำลังเจรจากัน องค์หญิงรุยเหอที่ด้านข้างก็ได้จูงม้าตัวหนึ่งมาจากที่ไกลโพ้น ตะโกนเสียงดังจากที่ไกลว่า “พวกท่านกำลังทำอะไรกัน? เกือบจะเที่ยงแล้ว พวกเจ้ายังไม่เตรียมพร้อมที่จะเริ่มการแข่งม้าหรือ?” คำพูดประโยคนี้ พอดีช่วยแก้ความอึดอัดอันแปลกประหลาดน่ากลัวระหว่างองค์ชายทั้งหลาย บรรยากาศอันละเอียดอ่อนค่อย ๆ หายไป องค์ชายหลายองค์รีบกระจัดกระจายไป ต่างเลือกม้าของตนเอง องค์หญิงรุยเหอกลับเดินอย่างข่มขู่เข้าหาเหลียงซินทีละก้าว ๆ มองนางขึ้นๆ ลง ๆ อย่างพินิจพิจารณา แววตาไม่เพียงแฝงความเกลียดชังแต่ยังแฝงไว้ด้วยความชื่นชมในความงามแวบหนึ่งผ่านไป “พี่สะใภ้ห้า เจ้าเป็นบุตรสาวของแม่ทัพ ได้ยินว่าฝีมือการขี่ม้าและยิงธนูล้วนเป็นเลิศ วันนี้ข้าคิดจะแข่งประลองกับเจ้า เจ้าคงไม่ใช่ไม่เต็มใจหรอกน่ะ?” ถ้าพูดในประเด็นทักษะการขี่ม้ายิงธนู เหลียงซินก็ไม่ได้ถึงครึ่ง แม้แต่ทักษะการขี่ม้าที่ได้เรียนรู้มาในศตวรรษที่ยี่สิบก็เป็นน้ำครึ่งถังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการยิงธนูเลย เหลียงชินแสร้งฝืนใจเย็นอย่างเข้มแข็ง คนพ่ายการต่อสู้ไม่พ่าย แม้ว่าจะไม่เป็นก็ไม่อาจพูดอย่างตรงไปตรงมาได้ ยิ่งไม่อาจเสียหน้าต่อเบื้องพระพักตร์ขององค์หญิงรุยเหอ ให้นางดูเป็นเรื่องตลก นางกำลังคิดว่าจะปฏิเสธอย่างมีไหวพริบได้อย่างไรนั้น องค์หญิงรุยเหอก็ได้ถือคันธนูมาวางไว้ในมือของเหลียงซิน มุมปาก ประดับรอยยิ้ม “เป็นอย่างไร? เจ้าคงมิอาจไม่กล้าหรอกน่ะ?” เหลียงซินสูดหายใจเข้าลึก ๆ กำลังจะพูด พลันมีเงาร่างบอบบางเล็ก ๆร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้านาง “พระพี่นางเก้า พี่สะใภ้ห้ามิได้ทรงตกลงกับท่าน! หรือท่านจะแข่งกับข้าก็ได้ ครั้งที่แล้วท่านทรงพ่ายแพ้แก่ข้าในการแสดงประลองต่อสู้ หรือท่านไม่คิดเอาชนะคืนหรือ?” ผู้ที่กำลังเจรจาเป็นองค์ชายสิบเอ็ด เฉินเช่อ ทำไมเขาถึงมาช่วยนางเจรจาเร็วจัง? หรือรู้ว่านางยิงธนูไม่เป็น? เหลียงซินกระพริบตาปริบ ๆ ไม่คิดว่ามีชีวิตอยู่มานานขนาดนี้ กลับยังต้องให้เด็กกระจ้อยหรอยสิบขวบมาช่วยแก้วงล้อมให้นาง! องค์หญิงรุยเหอทรงกัดพระทนต์ ผลักเฉินเช่อออกไป “ข้ากำลังพูดกับพี่สะใภ้ห้า เกี่ยวเรื่องอะไรกับเจ้าหรือ? เจ้าจงไสหัวไปให้กับข้า!” เฉินเช่อถูกนางผลักไปครั้ง ไม่ทันยืนได้มั่นคง ก็ล้มลงไปกับพื้น ไร้เหตุผลสิ้นดี! เหลียงซินรีบเอื้อมมือไปดึงเขาขึ้นมา ปกป้องเขาไว้ข้างหลังนาง เงยคางขึ้นมองไปที่องค์หญิงรุยเหอ “ท้าประลองก็ท้าประลอง! มีอะไรที่ข้าไม่กล้าเหรอ? ถ้าเจ้าแพ้แล้วก็ต้องขอโทษองค์ชายสิบต่อหน้าทุกคน!” 
已经是最新一章了
加载中