ตอนที่ 57 ด้อยกว่าสุกรสุนัข
1/
ตอนที่ 57 ด้อยกว่าสุกรสุนัข
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 57 ด้อยกว่าสุกรสุนัข
ตนที่ 57 ด้อยกว่าสุกรสุนัข องค์หญิงรุยเหอกำลังจะตรัส เมื่อเงยพระเศียรขึ้น ก็ทรงทอดพระเนตรเห็นองค์ชายหลายองค์ซึ่งกำลังเสด็จเข้ามาหาพวกเขาจากที่ไกล ๆ ผู้ที่ทรงนำหน้าเป็นเฉินหวี้พระเชษฐาของนาง จึงทรงวิ่งไปจับพระหัตถ์ของพระองค์ทันที “พี่ชาย พวกท่านเมื่อครู่กำลังชมอยู่ข้างบน ท่านว่าข้าแพ้แล้วหรือ?” นางตรัสด้วยความเจ้าเล่ห์อย่างไม่เต็มพระทัย เฉินหวี้ทรงหยุดชะงัก ตบพระหัตถ์นางเบา ๆ เพื่อปลอบโยน “เจ้าไม่ได้แพ้แน่นอน พี่ชายต่างทรงเห็นแล้ว” เหลียงซินได้ยินคำตรัส เกือบจะอาเจียนออกมา! พี่น้องสองคนนี้ ช่างน่ารังเกียจจริงๆ ข้อเท็จจริงได้วางไว้ต่อหน้าต่อตา เฉินหวี้ยังทรงสามารถเบิ่งตาโกหกพกลม เพื่อปกป้องพระขนิษฐาของเขาที่เจ้าเล่ห์เอาแต่ใจและไร้เหตุผลผู้นี้ ข่าวกระจายออกไป ต้องถูกคนหัวเราะฟันหลุดร่วงแน่ ๆ นางส่งเสียงฮึ่มอย่างเย็นชาออกไปครั้งอย่างเหยียดหยัน ด่าว่า “ตระบัดสัตย์ต่อสัญญา เทียบไม่ได้กับสุกรสุนัข ไม่แยกแยะชัยชนะพ่ายแพ้ เรียกว่าตาบอด” “คิกคัก” เสียงหนึ่ง องค์ชายที่อยู่เบื้องหลังหลายองค์ต่างมิอาจควบคุมไว้ได้ต้องหัวเราะออกมา แม้ว่าพวกเขาจะไม่กล้าพูดอะไร แต่ดีร้ายอย่างไรต่างก็ได้เห็นชัยชนะและความพ่ายแพ้ประจักษ์แก่ตา แต่ว่า พวกเขาถูกแววตาคมเฉียบของเฉินหวี้กวาดผ่านปราดเดียว ครึ่งคำก็ไม่กล้าพูด หยุดหัวเราะทันที องค์หญิงรุยเหอพิโรธจนกระทืบเท้า เดินรี่ตรงมาข้างหน้านาง “เจ้าว่าอะไร? แน่จริงพูดอีกครั้ง?” เฉินห้าวที่ไม่ได้ทรงตรัสมานานแล้ว ในเวลานี้ทรงประทับยืนอยู่ข้าง ๆ เหลียงซินอย่างมีพันธสัญญาสุดฤทธิ์ ราวกับภูผาใหญ่ลูกหนึ่งปกป้องนางไว้เช่นนั้น “ถ้าแพ้ไม่ได้ งั้นก็อย่าเดิมพัน พ่ายแพ้แล้วยังหาข้อแก้ตัวให้กับตนเอง ไยมิใช่ทำให้ตนเองยิ่งมิอาจรับได้หรือ?” เสียงของเขาลอยระล่องเข้ามาในหูของทุกคน น้ำเสียงแฝงดูถูกดูแคลน “ข้าบอกตั้งแต่เมื่อไรว่าข้าจะไม่ขอโทษแล้ว?” องค์หญิงรุยเหอถูกบังคับจนไร้หนทาง ไม่เต็มใจไม่ยินดีมองไปยังเฉินเช่อ พระพักตร์เต็มไปด้วยความโกรธอย่างท่วมท้น ดวงพระเนตรหงส์งามทั้งคู่ฉายแววเจตนาร้าย “ขออภัยแล้ว น้องชายสิบเอ็ด เมื่อครู่ข้าไม่ควรผลักเจ้า” เสียงของนางค่อนข้างคลุมเครือ กระทั่งทำให้ผู้คนมิอาจฟังได้ชัดเจน แต่เฉินเช่อก็ไม่ได้จับผิดนางมากขนาดนั้น ยิ้มให้นางโชว์เขี้ยวน่ารักสองซี่ “ไม่เป็นไร พระพี่นางเก้าข้ายอมรับคำขอโทษของท่าน การยิงของเจ้าแย่ขนาดนี้ ต้องฝึกดี ๆ จริง ๆ” ในคำพูดของเขามีนัยยะ ยิ่งทำให้องค์หญิงรุยเหอไม่พอใจ แต่ในที่สุดนางเพียงอดกลั้นลมหายใจอึดหนึ่งไว้ ไม่ว่ากล่าวอะไร การเล่นสลับฉากตอนเล็ก ๆ นี้ก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันนี้องค์หญิงรุยเหอทรงทำให้ตัวเองขายหน้า แน่นอนจะไม่ปล่อยให้เหลียงซินผ่านวันเวลาอันมีชีวิตที่ดี จุดนี้นางเองก็รู้ ดังนั้นทุกช่วงเวลาต่อจากนี้ไปในที่นี่ นางต้องระวังให้มากยิ่งเหนืออื่นใด เหลียงซินทิ้งคันธนูและลูกธนู เดินท่องช้า ๆ ลึกเข้าไปในเนินเขาห้วนเซียน ก็ได้เห็นทะเลสาบใสกระจ่างแห่งหนึ่ง ในทะเลสาบ ดูเหมือนยังเลี้ยงปลาที่มีสีสันสวยงามไว้ไม่น้อย น่าดูยิ่งนัก สักพักไม่นาน ข้างหลังเสียงฝีเท้ามั่นคงเดินเข้ามา ไม่ต้องหันกลับไป นางก็ฟังออกว่าเสียงฝีเท้านี้เป็นของผู้ใด “เจ้ามาเพื่อสั่งสอนข้าหรือ? วันนี้ข้าไม่ควรท้าแข่งประลองศิลปะการยิงกับองค์หญิงรุยเหอ ยิงไม่ควรให้นางพ่ายแพ้การแข่งขัน” เหลียงซินกล่าวอย่างไม่หันมา เฉินห้าวเดินอย่างช้า ๆ ไปที่ด้านข้างของนาง ยืนเคียงข้างนางด้วยกัน ไม่ตอบนาง แต่ถามอย่างสงบว่า “เจ้ารักน้องชายสิบเอ็ดหรือ” วันนี้ถ้าไม่ใช่เพื่อเฉินเช่อ นางก็จะไม่แข่งขันกับองค์หญิงรุยเหอ ถ้าเปลี่ยนเป็นเวลาปกติ นางจะไม่คิดริเริ่มที่จะไปท้าประลองศิลปะการยิงอะไรนั่นเอง เหลียงซินไม่คิดว่าเขาจะถามคำถามนี้ ยิ่งไม่คิดว่าเขามองออกว่านางปฏิบัติต่อเฉินเช่อแตกต่างออกไป แต่นางไม่คิดจะซ่อนไว้ เมื่อเอ่ยถึงองค์ชายที่น่ารักดุจแสงสุรีย์ นางก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ “เขาน่ารักมาก อบอุ่นมาก เป็นพี่สะใภ้ห้าของเขา ควรจะปกป้องเขาให้ดี ไม่ใช่เหรอ?” เฉินห้าวร้องคิกเบา ๆ หนึ่งเสียง “เจ้าคิดว่าเจ้าทำแบบนี้กำลังช่วยเขาหรือ?” เหลียงซินได้ยินคำพูดของเขา มองเขาอย่างไม่เข้าใจ หรือว่ายังมีสิ่งไรซ่อนอยู่หรือ? มุมมองจากใบหน้าด้านข้างของเขาชัดเจน มองไปแล้วหล่อคมคายมาก เขามองนางอย่างไม่แยแสไปแวบหนึ่ง เห็นนางสีหน้าจริงจัง ดูปานกระดาษขาวหนึ่งแผ่น ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย “น้องชายสิบเอ็ดพื้นเพไม่ได้สูงศักดิ์ มารดาแท้ ๆ ของเขาเป็นนางห้าม พอเขาเกิดมา มารดาแท้ ๆ ของเขาเสียชีวิตในการคลอดบุตรยาก ต่อมาเขาถูกเลี้ยงดูในสถานที่เหล่าองค์ชาย เป็นแม่นมเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ปกติเสด็จพ่อไม่ได้รักเขา เหล่าองค์ชายองค์หญิงก็แกล้งเขา ถึงแม้ว่าเจ้าจะช่วยเขาในวันนี้ พรุ่งนี้องค์หญิงรุยเหอทรงเสด็จกลับไป ก็จะคืนให้เขาเป็นร้อยเท่า ทีนี้เจ้ายังคิดว่าเจ้ากำลังช่วยเขาไหม?” ทุกอักษรของเฉินห้าวล้วนดุจเฉกเช่นตราประทับ สลักบนหัวใจของเหลียงซิน ฟังจนรอบดวงตาเป็นสีแดงออกมา ไม่คิดว่าโลกนี้ยังมีความสัมพันธ์ทางครอบครัวที่น่ากลัวแบบนี้ “แต่ว่า ต่อหน้าข้า เขาก็ยิ้มหัวเราะมาตลอด และไม่เคยพูดว่าเขาถูกคนรังแก” เหลียงซินพึมพำ ที่แท้ ทุกสิ่งของเฉินเช่อต่อหน้านางล้วนเป็นการเสแสร้งทั้งสิ้น เด็กเล็กขนาดนี้ ก็เข้าใจที่จะอดทน เข้าใจที่จะควบคุมอารมณ์ มิน่า นางมักรู้สึกว่าส่วนตัวเขาแตกต่างจากเขาต่อหน้าคนอื่น ที่แท้เกิดจากความสัมพันธ์ขั้นนี้เอง “โอรสของฮ่องเต้ ประสูติออกมาก็ทรงถูกกำหนดให้ต้องแบกทุกสิ่งนี้ไว้ ไม่ว่าจะเป็นใครต่างเหมือนกันหมด ถ้าไม่อาจทนแบกรับไว้ได้เช่นนั้นก็มีแต่ถูกคนสังหารเท่านั้น” เฉินห้าวกวาดตามองเหลียงซินอย่างเย็นชาไปรอบหนึ่ง วันนี้เขาได้สอนบทเรียนที่สำคัญที่สุดบทหนึ่งในชีวิตแก่นาง ทำให้นางเข้าใจว่าในโลกโหดร้ายสัตว์ที่แข็งแรงกัดกินสัตว์ที่อ่อนแอใบนี้นอกจากการเชื่อฟังแล้ว ก็มีเพียงต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น! ดังนั้นนางต้องแข็งแกร่งขึ้น เช่นนี้ จึงสามารถปกป้องคนที่นางคิดจะปกป้องได้ และต่อกรกับทุกคนที่ทำร้ายนางได้! “พี่ห้า พี่สะใภ้ห้า ที่แท้พวกท่านแอบกระซิบกระซาบกันอยู่ตรงนี้! ข้าตามหาพวกท่านมาครึ่งค่อนวันแล้ว!” เสียงกระหืดกระหอบดังมาจากข้างหลัง เฉินเช่อโบกมือให้พวกเขาแล้ววิ่งมาตรงหน้าพวกเขา เหลียงซินยิ้มลูบศีรษะของเขา ถาม“เกิดอะไรขึ้น?” “เมื่อครู่พี่ชายเจ็ดตรัสว่าพวกเขาต้องการท้าประลองแข่งม้า ทุกคนได้เตรียมพร้อมแล้ว ก็รอพวกเจ้าแล้ว รีบลงไปกับข้าเถอะ!” กล่าวจบ เฉินเช่อก็จับมือนางไว้ ทำท่าจะดึงนางลงไป เฉินห้าวที่อยู่ข้างหลัง หรี่ตาแคบยาวทั้งคู่จ้องไปที่มือทั้งสองซึ่งได้กุมไว้ด้วยกันนั้น เดินผ่ากลางพวกเขาอย่างเงียบๆ แยกพวกเขาออกจากกัน หลังจากนั้น ก็แทรกหว่างกลางพวกเขาไว้ตลอด เดินลงจากภูเขาไป ตลอดทางโดยไม่แยกออกไปเลย เหลียงซินแอบเหลือบมองเขาอย่างลับ ๆ นี่เขาหมายถึงอะไร? ทั้งสามคนมาถึงชายเขาพร้อมกัน เพียงเห็นองค์ชายสองเฉินหลิน องค์ชายสามเฉินหง องค์ชายแปดเฉินลี่ องค์หญิงหกเซียงผิงต่างได้ทรงเลือกม้าเรียบร้อยแล้ว แต่เฉินหวี้และองค์หญิงรุยเหอกลับยังอยู่ในคอกม้าด้านโน้นทรงเลือกม้า ทรงทอดพระเนตรเห็นพวกเขาเดินมาจากที่ไกล ๆ รีบว่า “พี่ห้า พี่สะใภ้ห้า พวกท่านรีบเลือกม้าตัวหนึ่ง รออีกสักพักเริ่มการประลองแข่งม้า กฎของวันนี้ก็คือไม่อนุญาตใช้ม้าที่ตนเองคุ้นเคย เพียงเลือกได้ตามใจแบบสุ่ม ทดสอบความสามารถในการควบคุมทรงม้า” เหลียงซินกวาดตามองเขาครั้งหนึ่ง ในแววตาลางเลือนแฝงป้องกันเล็กน้อยไว้ หลังจากนั้น เงยหน้าขึ้นมองเฉินห้าวอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้นราวกับเจรจาได้ แต่ในไม่ช้า เสียงของเฉินหวี้ก็ดังเข้ามาในหูของพวกเขา “พี่ห้า พี่สะใภ้ห้า พวกท่านมาสายแล้ว เราได้เลือกม้าก่อนไปหมดแล้ว เหลือเพียงสองตัวสุดท้าย พวกเจ้าดูแล้วเลือกเถอะ!” ช่างโหดร้ายมากจริง ๆ ! แม้กระทั่งโอกาสเลือกม้ายังไม่ให้พวกเขา เหลือเพียงสองตัวนี้ที่อ่อนแอมาก แม่ม้าที่ดูไปแล้วยังป่วยให้พวกเขา ม้าตัวนี้สามารถขี่ได้แต่ถ้าไม่ระมัดระวังก็จะเกิดอุบัติเหตุได้ เหลียงซินมองไปยังเฉินห้าว ในเวลานี้ผู้ที่นางสามารถขอความช่วยเหลือได้ก็มีเพียงเขาเท่านั้นแล้ว “เฉินห้าว ม้าสองตัวนี้ทำอย่างไร? แน่ใจนะว่าเราจะขี่ได้?” นางถามเบา ๆ เฉินห้าวจูงม้าตัวหนึ่งมาให้นางอย่างเฉยเมย “อืม เจ้าขี่ม้าตัวนี้ จะเชื่องกว่านิดหน่อย” ม้าของนางตัวนั้น ถึงจะแก่ไปนิด ทว่าดีร้ายอย่างไรก็เชื่อง แต่ม้าของเฉินห้าวตัวนั้นเป็นม้าที่เพิ่งเกิด ถ้าไม่ทันระวังก็จะบ้าคลั่ง เป็นอันตรายมาก ถ้ายามปกติจะไม่ใช้ม้าประเภทนี้ในสนาม แต่ในวันนี้เฉินหวี้ตั้งใจจะหาเรื่องพวกเขา จึงเหลือเพียงม้าสองตัวนี้ไว้สำหรับพวกเขา เหลียงซินมองดูม้าของเฉินห้าวตัวนั้น ในใจสงสัยไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเขาจึงให้ม้าตัวนี้ที่เชื่องกว่าแก่นาง? ตามระดับความเข้มข้นในความเกลียดชังเบื่อหน่ายที่เขามีต่อนาง ไม่ใช่ยิ่งคาดหวังว่านางจะตกม้าตายจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดหรอกหรือ? ในใจนางเริ่มสับสนเล็กน้อยไม่ทราบแน่ชัดว่าเฉินห้าวกำลังคิดอะไรแล้ว “พี่ห้า พี่สะใภ้ห้า พวกท่านต่างเลือกม้าเรียบร้อยแล้วไหม? ข้าบอกกฎกติการอบหนึ่ง ทุกคนวิ่งรอบภูเขานี้สามครั้งแล้วกลับไปยังจุดเริ่มต้น ในเวลาเดียวกันต้องล่าสัตว์ ใครจับเหยื่อได้มากที่สุดและเร็วที่สุดก็นับว่า ใครผู้นั้นชนะ” เฉินหวี้ประกาศกฎกติกาของการแข่งขัน นี่ไม่เพียงแต่ทดสอบศิลปะในการขี่ม้าและการยิง ยิ่งเป็นการทดสอบความแข็งแรงของขาและความมั่นคงของม้า ทุกคนต่างกระตือรือร้นที่จะประลองแข่งขัน เหลียงซินไม่ได้วางแผนที่จะชนะ ดังนั้นจึงไม่ได้ฟังอย่างจริงจัง นอกจากนี้ม้าตัวนี้ของนางแม้ว่าคิดอยากเอาชนะก็ไม่อาจชนะได้ ก่อนที่จะใกล้เริ่มออกเดินทาง พลันเฉินห้าวก็เขยิบเข้ามาใกล้หูของนาง กล่าวว่า “ไม่คิดเกิดเรื่องละก็ อีกสักพักตามข้าไว้ให้ชิด ระมัดระวังรอบด้าน” เหลียงซินตกตะลึงในใจ อีกสักครู่ไม่ควรมีอันตรายน่ะ? มองดูการแสดงออกของเฉินห้าว ไม่เหมือนปลอมแปลง หรือเขารู้แต่แรกว่าเฉินหวี้ได้เชิญพวกเขามาที่เขาผิงกู่แข่งม้า เป็นการวางแผนที่จะฆ่าพวกเขาหรือ? นางขมวดคิ้วไว้แน่น คงไม่ซวยขนาดนั้นใช่มั้ย? ตั้งแต่หลังจากที่นางได้ข้ามมิติมาถึงที่นี่ นางคิดอยากกลับไป แต่ไม่เคยคิดจะฆ่าตัวตายมาก่อน กระทั่งยังคิดจะมีชีวิตอยู่ต่อไปและหาวิธีที่จะกลับไปน่ะ! วันนี้ ชีวิตน้อย ๆ ของนางคงจะไม่ต้องถูกฝังไว้ในที่นี่แล้วน่ะ? “เฉินห้าว พวกเขาบุกมาหาเจ้าใช่ไหม? อีกสักครู่ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าอย่าทำให้ข้าต้องตกทุกข์ไปด้วย!” เหลียงซินกล่าวอย่างไม่เกรงใจสักนิด เวลานี้นางต้องปกป้องตนเองให้ดีแน่นอน เฉินห้าวยิ้มเยาะเย้ย “เจ้าคิดว่าพวกเขาบุกมาหาข้าแล้วจะไม่สังหารเจ้าไปด้วยหรอกหรือ? หญิงโง่!” ได้ยินเขาวิเคราะห์เช่นนี้ เหลียงซินรู้สึกว่าสมเหตุสมผล ในเมื่อนางและองค์หญิงรุยเหอมีความบาดหมางลึกซึ้งต่อกัน ถ้ามี โอกาสฆ่าคนปิดปาก นางต้องเป็นคนแรกที่ถูกสังหารคนนั้นแน่ ๆ ! นางกัดฟันไว้ คลำกริชที่ได้เตรียมไว้ในรองเท้าบู๊ทของนางในยามคับขันยังต้องพึ่งพาตนเอง กริชเล่มนี้เป็นสมบัติที่นางไว้ใช้ปกป้องช่วยชีวิต ต้องไม่ทำให้สูญหายไปเด็ดขาด! “คอยดูไปเถอะ!”แววตาเหลียงซินดำดิ่งต่ำลง ส่งเสียงฮึ่มอย่างเย็นชาครั้งหนึ่ง ตวัดแส้ทีหนึ่ง กระชับบังเหียน ม้าก็ห้อวิ่งตะบึงออกไปอย่างรวดเร็ว
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 57 ด้อยกว่าสุกรสุนัข
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A