ตอนที่ 61 การเข่นฆ่าครั้งใหญ่
1/
ตอนที่ 61 การเข่นฆ่าครั้งใหญ่
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 61 การเข่นฆ่าครั้งใหญ่
ตนที่ 61 การเข่นฆ่าครั้งใหญ่ ทันใดนั้น ธนูที่อยู่รอบด้านก็พุ่งยิงมาทางพวกเขาราวกับสายฝน ฆ่าไม่ตายก็ไม่ล้มเลิก ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ได้กลายเป็นรูพรุนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องรับมือไม่ไหวเป็นแน่ ถึงเวลานั้นพวกเขาถูกพบเข้า ก็ยังคงไม่สามารถผ่านไปได้อยู่ดี หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่ทีแรก สู้ซ่อนตัวอยู่ในป่าเขาไม่ออกมายังจะดีเสียกว่า! เหลียงซินหดตัวในอ้อมแขนของเฉินห้าวอยู่ตลอด และไม่มีเวลาไปคิดถึงระยะห่างที่ทั้งสองคนควรจะรักษาเอาไว้ เพียงแต่เอ่ยขึ้นอย่างกังวลใจว่า “อย่าตรัสถึงเรื่องที่จะจับตัวผู้ลอบสังหารเลยเพคะ แม้แต่จะออกไปจากที่นี่ก็ยังเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดีเพคะ?” “วางใจเถิด ข้าไม่มีทางให้เจ้าตายหรอก” เฉินห้าวพูดอย่างจริงจังทั้งยังแน่วแน่ ในเวลานี้ เผชิญหน้ากับผู้ลอบสังหารมากมายถึงเพียงนี้ ถึงแม้เขาจะเคยเป็นแม่ทัพเทพสังหารที่เป็นที่รู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ก็ไม่มีทางที่จะถอยออกไปโดยครบทั้งสามสิบสองได้ ทว่า เหลียงซินกลับมองไปที่เขาอย่างสนอกสนใจ เธออยากดูนักว่า เขามีวิธีการอะไรที่จะสามารถปกป้องชีวิตของเธอได้ ทันใดนั้น ธนูที่พุ่งมาติดต่อกันไม่หยุดราวกับฝนพายุกระหน่ำไม่ปานก็ได้หยุดลง ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่สับสนอลหม่าน เสียงฝีเท้าของม้าที่ดังโหวกเหวกโวยวาย เสียงดังวุ่นวายต่างๆวิ่งเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ ด้านนอกดูเหมือนกำลังตั้งเค้าเป็นความวุ่นวายฉากใหญ่ มุมปากของเฉินห้าวขยับขึ้นเบาๆ “คนของข้ามาแล้ว!” จากนั้น เขาก็กดไหล่ของเหลียงซินเอาไว้ แล้วออกคำสั่งว่า “เจ้าคอยอยู่ที่นี่อย่าได้ออกไป จัดการกับผู้ลอบสังหารเรียบร้อยแล้ว ข้าค่อยมารับตัวเจ้า” มองดูแผ่นหลังของเขา เหลียงซินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายอย่างไรก็เรียกเขาเอาไว้ แล้วหยิบของห่อหนึ่งออกมาจากอ้อมแขน “เฉินห้าว นี่คือเข็มยาชาเพคะ ทรงแทงลงไปบนร่างกายของศัตรู จะสามารถทำให้พวกมันเกิดอาการชาหมดสติไปชั่วขณะ” ในมือของเฉินห้าวกำห่อเข็มที่แม้ว่าจะเล็กแต่ก็คงประณีตและงดงามเอาไว้ ริมฝีปากบางยกขึ้นอีกครั้ง “สิ่งนี้ ข้าจะเห็นว่าเป็นของที่ระลึกที่เจ้ามอบให้กับข้า ข้าจะเก็บรักษาเอาไว้ตลอดเวลา” พูดจบ เขาก็ออกไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าของเหลียงซินไม่สู้ดีนัก ดูเหมือนจะทำตัวไม่ถูก นี่คืออาวุธลับเข็มพิษที่เธอใช้เวลามากมายกว่าจะประดิษฐ์ออกมาได้ กลับถูกเขารับเอาไว้เป็นของที่ระลึก เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? เขามั่นใจในตนเองจนถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? เป็นเพราะเขาคิดว่าวิชาการต่อสู้ของตนเองนั้นเหนือชั้น ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธลับเหล่านี้ หรือคิดว่าเธอมอบสิ่งของให้กับเขาก็เพระมีใจให้กับกันแน่นะ? น่าแปลกจริงๆ! เหลียงซินชะโงกศีรษะออกไป มองดูเหตุการณ์ด้านนอกที่ทำให้คนรู้สึกใจสั่น สิ่งที่เห็นก็คือร่างกายของเฉินห้าวสวมใส่ชุดเกราะสีม่วง มือกุมกระบี่แห่งเทพสงครามเอาไว้ ยืนอยู่ตรงจุดกึ่งกลางทางเดินบนภูเขาที่เวียนวนอย่างสง่าผ่าเผย ทรงพลัง สูงใหญ่ราวกับเทพองค์หนึ่งก็ไม่ปาน จากนั้น พอมือขวาของเขาชูขึ้นเล็กน้อย ป่าไม้ทั้งสองข้างทางก็มีกลุ่มคนและม้าพุ่งตัวออกมา ผู้ที่นำทัพก็คือจุยเฟิงกับจู๋เยว่ ทุกที่ที่ไปถึงล้วนเกิดลมพายุพัดโหมกระหน่ำขึ้น ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง! เหลียงซินมองดูฉากนั้นอย่างตกใจ เฉินห้าวบอกให้จุยเฟิงกับจู๋เยว่รู้ตั้งแต่เมื่อไรกัน เหตุใดเธอถึงไม่รู้? การต่อสู้ที่ดุเดือดกับผู้ลอบสังหาร กำลังจะเปิดการแสดงขึ้นที่นี่... และจุดที่สูงที่สุดของยอดเขาสนามแข่งม้าฮว่านเซียน เงาคนสองคนกำลังยืนอยู่บนนั้น คนหนึ่งสูงคนหนึ่งตัวเล็ก คนหนึ่งเป็นผู้ชายคนหนึ่งเป็นผู้หญิง กำลังจ้องมองทุกสิ่งทุกอย่างที่ดูเล็กนิดเดียวเมื่อมองจากที่สูงด้านล่างภูเขานี้ ในสายตาแฝงไปด้วยแสงแห่งชัยชนะ เฉินอวี้หัวเราะขึ้นอย่างโอหังและมั่นใจในตนเอง “เฉินห้าวคราวนี้ตายแน่!ดูว่ามันยังจะหนีอย่างไร!” องค์หญิงรุ่ยเหอกลับไม่มีความมั่นใจนี้ หากแต่เอ่ยขึ้นด้วยความกังวลว่า “พี่เจ็ด เฉินห้าววิชาการต่อสู้เหนือชั้น ทั้งยังเป็นแม่ทัพเทพสงคราม องครักษ์ที่อยู่ข้างกายต่างก็ไม่ใช่ธรรมดา ทหารกล้าผู้ยอมสละชีพของพระองค์เหล่านี้จะสามารถจัดการกับพวกมันได้จริงหรือเพคะ?” รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเฉินอวี้หายไปในทันที พลางหรี่ตามองไปที่นาง “น้องหญิงเก้า เหตุใดเจ้าเอาแต่เห็นว่าผู้อื่นแกร่งกล้า แล้วดูถูกพละกำลังของตนเองเช่นนี้เล่า?วันนี้หากไม่สามารถนำหัวของเฉินห้าวมาได้ ในภายภาคหน้าก็ต้องมีสักวันที่ข้าจะทำได้สำเร็จ และทหารกล้าผู้ยอมสละชีพเหล่านั้น หากภารกิจล้มเหลวมีเพียงแต่ต้องตายเท่านั้น ไม่มีทางทำให้แผนการของเราเสียหายได้อย่างแน่นอน” “เช่นนี้หม่อมฉันก็วางใจแล้วเพคะ จะให้ใครรู้ไม่ได้อย่างเด็ดขาดว่าเป็นฝีมือของพวกเรา มิเช่นนั้น เสด็จพ่อจะต้องฉีกพวกเราออกเป็นชิ้นๆแน่!” องค์หญิงรุ่ยเหอกล่าว “น้องหญิงเก้า ผู้ที่จะทำการใหญ่ ไม่มายึดติดในเรื่องเล็กๆน้อยๆ อยากจะเป็นเจ้าของใต้หล้า ครอบครองอำนาจที่สูงที่สุด เช่นนั้นก็จำเป็นต้องผ่านประสบการณ์อันตรายที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดแต่ก็ยังอยู่รอดมาได้ การใช้แผนการร้ายอย่างลับๆทำร้ายผู้อื่น หากไม่ยึดมั่นถือมั่นก็ไม่มีอะไรแล้ว” เฉินอวี้พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับปลงเรื่องความเป็นความตายมาตั้งนานแล้ว องค์หญิงรุ่ยเหอหันหน้าไปอีกทาง ในใบหน้าที่งดงามอ่อนหวานเผยให้เห็นถึงความคาดหวังออกมา คาดหวังวันที่เฉินอวี้จะได้ขึ้นครองราชบัลลังก์วันนั้น ลมกระหน่ำพัดหมุนวนอย่างรุนแรง ลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามาเป็นระลอก ราวกับพายุฝนก็ไม่ปาน เคลื่อนที่ซ้ำไปซ้ำมาบนสนามแข่งม้าที่ดูเบื้องล่าง คนสองกลุ่มพยายามที่จะเข่นฆ่ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย กลุ่มม้าโห่ร้องเสียงดังโหวกเหวก เยอะมากจนมองสถานการณ์ได้ไม่ชัด เหลียงซินได้ยินเพียงแค่เสียงกระบี่ปะทะกันดัง “โช้งเช้ง” ออกมาจากที่ไกลๆ แต่กลับมองไม่เห็นว่ากำลังคนและม้าสองกลุ่มนี้ กลุ่มไหนกันแน่ที่จะมีฝีมือมากกว่ากัน อยู่ๆเธอก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าเธอจะรังเกียจชิงชังเฉินห้าว แต่ในเวลานี้ เธอกลับหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะสามารถมีชีวิตรอดต่อไป ไม่ใช่เพราะเธอทำใจไม่ได้ แต่เป็นเพราะถึงแม้จะตาย เขาก็ต้องตายด้วยน้ำมือของเธอ! ดังนั้น จะเป็นอะไรไปไม่ได้โดยเด็ดขาด! “เฉินห้าว วันนี้จะต้องเอาหัวเจ้ามาให้ได้!เจ้ารอความตายเถิด!” ผู้ลอบสังหารขี่ม้าสีน้ำตาลตัวหนึ่งพุ่งตรงไปทางเฉินห้าวอย่างรวดเร็ว ตะโกนเสียงดังออกมา เฉินห้าวโบกกระบี่ยาวที่อยู่ในมือ ดึงเอาซากศพซากหนึ่งที่อยู่บนพื้นขึ้นมาเหวี่ยงไปทางคนผู้นั้น มุมปากยกขึ้นให้เห็นความรู้สึกเยือกเย็นแห่งความกระหายเลือด “มาลองดูได้ตามสบาย!ข้าไม่ได้ฆ่าคนอย่างสนุกสนานเช่นนี้มานานแล้ว!” ม้าสองตัววิ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ในจุดที่ปะทะกันนั้น เฉินห้าวทะยานตัวขึ้นไปก่อน กระบี่ยาวที่อยู่ในมือพุ่งไปยังคนๆนั้นแล้วแทงลงไปในทันที การเคลื่อนไหวของผู้ลอบสังหารคนนั้นก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน หันข้างหลบได้ในทันที ทั้งสองคนต่อสู้กันขึ้นมาอีกครั้ง ภายในเวลาอันรวดเร็ว เฉินห้าวชูกระบี่ยาวขึ้น อาศัยตอนที่คนชุดดำผู้นั้นไม่ทันได้ระวังสะบัดไปทางด้านหลังของเขา ทันใดนั้นเมฆลมก็เปลี่ยนสี “ฉัวะ” เสียงดังขึ้น ผู้ลอบสังหารคนนั้นไม่ทันได้ป้องกัน ก็ได้ถูกเขาแทงลงไปในทันที เพียงครู่เดียว ผู้ลอบสังหารผู้นั้นก็ลงไปนอนกองกับพื้น ร้องคร่ำครวญอย่างทุกข์ทรมาน เดิมทีเฉินห้าวมีโอกาสสังหารเขาที่นี่ แต่กลับออมมือ เพราะเหลือผู้ลอบสังหารผู้นี้ไว้จึงจะสามารถล้างมลทินให้กับองค์รัชทายาทได้ “เฉินห้าว ทรงระวังด้านหลังเพคะ!” สายตาของเหลียงซินมองเห็นลูกธนูที่แหลมคมพุ่งตรงอย่างรวดเร็วมาจากทางด้านหลังของเขา จึงรีบตะโกนเสียงดังออกไปในทันที ในวินาทีนั้นเอง เฉินห้าวก็หันตัวไปอีกทาง หลบลูกธนูที่แหลมคมดอกนั้นได้อย่างฉลาดหลักแหลม จากนั้นลูกธนูที่มากขึ้นก็ยิงมาทางเขาอีกครั้ง “คุ้มกันท่านอ๋อง!คุ้มกันท่านอ๋อง!” จุยเฟิงตะโกนร้องเสียงดังออกมาจากด้านในความวุ่นวายนั้น ทุกคนก็มาล้อมรอบข้างกายของเฉินห้าวในทันที ไม่ให้เขาถูกทำร้ายแม้แต่นิดเดียว ใจของเหลียงซินรู้สึกกระวนกระวาย เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ราวกับกำลังนั่งรถไฟเหาะตีลังกาก็ไม่ปาน สถานการณ์ที่อยู่เบื้องหน้าทำให้รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเป็นอย่างยิ่ง หากไม่ระวังเฉินห้าวก็อาจจะถูกลูกธนูเหล่านั้นยิงตายได้ ในตอนนี้เอง อยู่ๆก็มีเสียงฝีท้าวของม้าดังสะท้อนมาไกลๆ ฝุ่นตลบอบอวลจากอีกด้านหนึ่งของภูเขาม้วนวนมาถึงทางนี้ ตลอดทาง กองทหารรักษาพระองค์ร่วมร้อยคนเข้ามาล้อมรอบสนามแข่งม้าเอาไว้ ไม่ว่าใครก็หลบหนีออกไปไม่ได้ เสียงที่คุ้นเคยดังสะท้อนลงมาจากที่สูง “ข้าได้รับราชโองการจากฮ่องเต้ให้มาที่นี่เพื่อจับกุมผู้ลอบสังหาร ส่งคนมา ฆ่าต่อไป!” นี่คือเสียงของเหลียงต้ง! เหลียงซินรู้สึกทั้งประหลาดใจและดีใจเป็นอย่างยิ่ง ใจที่กำลังกระสับกระส่ายเพียงครู่เดียวก็นิ่งสงบลง เพียงแต่ไม่รู้ว่าฮ่องเต้ทรงทราบได้อย่างไรว่าพวกเขากำลังลำบาก? คนเหล่านี้ล้วนเป็นทหารคุ้มกันข้างกายผู้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเฉินต้ง เป็นกองทหารรักษาพระองค์ที่ยิ่งใหญ่แข็งแกร่งที่สุดกลุ่มหนึ่งที่เขาฝึกออกมา ทุกคนทั้งกล้าหาญ มีเล่ห์เหลี่ยม วิชาการต่อสู้เหนือชั้น รับมือกับผู้ลอบสังหารเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาเลยแม้แต่น้อย ชั่วพริบตาเดียว ผู้ลอบสังหารเหล่านั้นทั้งหมดต่างก็ถูกปราบจนราบคาบ สนามแข่งม้าที่เสียงดังอึกทึกครึกโครมก็เงียบลงในทันที กลายเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยซากศพ เหลียงซินถอนหายใจอย่างโล่งอก ลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ สิ่งที่เห็นก็คือเฉินห้าวขี่ม้าที่วิ่งอย่างรวดเร็วจากที่ไกลๆมายังถึงยังเบื้องหน้าของเธอ โน้มตัวลงมาเล็กน้อย ยื่นมือใหญ่ที่เปื้อนคราบเลือดอย่างมากมายออกมา “ขึ้นม้า ตามข้ากลับไป” มองดูมือของเขาข้างนั้นที่ยื่นออกมา เหลียงซินก็จับเอาไว้อย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย พอเท้าเหยียบขึ้นก็ไปนั่งอยู่ที่ด้านหน้าของเขา บนแผ่นหลังของเธอยังสามารถรู้สึกได้ถึงแผ่นอกที่กำยำของเขา เธอหลบตัวไปทางด้านหน้าเล็กน้อยด้วยความลำบากใจ อยากจะหลีเลี่ยงการเสียดสีที่หน้าอกของเขา แต่กลับถูกเขาจับเอาไว้แน่น “หลบอะไร?ข้าไม่ได้จะกินเข้าเสียหน่อย!” มือที่ทรงพลังของเขาโอบรั้งช่วงเอวของเธอเอาไว้ แล้วเคลื่อนตัวไปยังทางออกของสนามแข่งม้า เหลียงซินอดกลั้นจนหน้าแดง อยากจะด่าเขา ก็ยังพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว ผ่านมายังด้านข้างของเหลียงต้งและกองทหารรักษาพระองค์ เฉินห้าวเอ่ยขึ้นเบาๆว่า “หัวหน้าราชองครักษ์เหลียง ขอบใจท่านมาก!ผู้ลอบสังหารเหล่านี้เก็บพวกที่รอดชีวิตเอาไว้ นำตัวกลับไปค่อยๆสอบสวน เกรงว่าจะมีความสัมพันธ์กับเรื่องที่องค์รัชทายาทวางยาพิษ” เหลียงต้งยกมือขึ้นคารวะพลางตอบรับ แต่สายตาที่เป็นกังวลกลับอาลัยอาวรณ์มายังเหลียงซิน อยากจะเอ่ยถาม แต่กลับติดอยู่ในลำคอ พูดไม่ออก ทว่าเหลียงซินกลับดูออก ยิ้มหวานให้กับเขาจนดวงตาและคิ้วโค้งขึ้น “ท่านพี่ ข้าสบายดีเจ้าค่ะ ท่านวางใจเถิด!” “ได้ มีท่านอ๋องดูแลเจ้า ข้าวางใจยิ่งนัก” เหลียงต้งพยักหน้ามาที่เธอ ทั้งยังบอกเป็นนัยให้พวกเขากลับไปก่อน ด้านนอกที่เพิ่งมาถึงสนามแข่งม้า สิ่งที่เห็นก็คือองค์ชายพระองค์อื่นอีกหลายพระองค์ล้อมรอบเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ เห็นพวกเขาทั้งสองที่มีท่าทีอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันลำบาก ก็เป็นห่วงอย่างยิ่ง ผู้ที่เอ่ยปากพูดออกมาก่อนก็คือองค์ชายเจ็ดเฉินอวี้ “พี่ห้า พี่สะใภ้ห้า ได้ยินว่าพวกพระองค์ทรงถูกผู้ลอบสังหารตามลอบปลงพระชนม์ ตกลงมาจากหน้าผาที่สูงชัน พวกเราทั้งหลายเป็นกังวลจนนอนไม่หลับทั้งคืน ตอนนี้เห็นพวกพระองค์ทรงไม่เป็นอะไร เป็นเรื่องดีจริงๆ!” เฉินห้าวดึงเชือกบังเหียนม้า เหลือบมองเขาอย่างดูหมิ่น “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าใบหน้าของน้องเจ็ดเต็มไปด้วยความรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นเล่า?” เฉินอวี้ตกตะลึง ลูบใบหน้าอย่างมีพิรุธ “ได้อย่างไรกันพะยะค่ะ!หม่อมฉันเป็นห่วงจะแย่ คงจะเป็นเพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ จึงดูเหมือนกำลังวังชาไม่ค่อยจะดี” เสียงอุทานอย่างประชดประชันดังสะท้อนออกมาจากกลุ่มคน ตามมาด้วยร่างเล็กๆของเฉินเช่อที่แทรกตัวออกมาจากด้านหลังของพวกเขา ฟ้องด้วยสีหหน้าไม่สบอารมณ์ “เมื่อวานนี้ตลอดทั้งคืน พี่เจ็ดไม่เพียงแต่ไม่ทรงส่งคนออกไปตามหา ยังหานางรำมาทำการแสดงที่นี่ หากไม่ใช่หม่อมฉันเข้าวังหลวงไปขอร้องเสด็จพ่อ ไม่แน่วันนี้อาจจะไม่ได้เจอพี่ห้ากับพี่สะไภ้ห้าแล้ว!ตอนนี้เพิ่งจะมาพูดว่าทรงเป็นห่วงก็เป็นการกระทำที่สายเกินไปหน่อยแล้วกระมังพะยะค่ะ?” ข้อสงสัยในใจของเหลียงซินกระจ่างขึ้นมาภายในทันที ที่แท้เป็นเฉินเช่อที่เข้าวังหลวงไปขอร้องฮ่องเต้ เหลียงต้งถึงได้นำกองทหารรักษาพระองค์มาช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ “เจ้า!” การเสแสร้งของเฉินอวี้ได้ถูกเปิดโปง สีหน้าไม่สู้ดีนัก ทั้งยังไม่สามารถพูดอะไรต่อหน้าหมู่คนมากมายเช่นนี้ ทำได้เพียงกลั้นเอาไว้ในใจ “เจอกับผู้ลอบสังหารที่สนามแข่งม้า น้องเจ็ดยังมีอารมณ์ชื่นชมท่วงท่าของนางรำ ดูเหมือนจะไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าผู้ลอบสังหารจะทำร้ายมาถึงเจ้า ดูแล้วน้องเจ็ดช่างดวงชะตาดีจริงๆ” มุมปากของเฉินห้าวยกขึ้นเล็กน้อย จงใจพูดเช่นนี้ออกมา สีหน้าของเฉินอวี้เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก สุดท้ายก็พยายามแสร้งทำเป็นนิ่งสงบลง “โชคยังดีเท่านั้นเองพะยะค่ะ พี่ห้าทรงไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว รีบเสด็จกลับไปพักผ่อนเถิด!เรื่องนี้ หม่อมฉันจะไปรับผิดกับเสด็จพ่อด้วยตนเอง” เฉินห้าวเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา พอหวดแส้ ม้าก็วิ่งไปทางวังสิงหวังอย่างรวดเร็ว
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 61 การเข่นฆ่าครั้งใหญ่
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A