ตอนที่ 64 รอดตายอย่างหวุดหวิด
1/
ตอนที่ 64 รอดตายอย่างหวุดหวิด
หมอยาไร้ใจ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 64 รอดตายอย่างหวุดหวิด
ตนที่ 64 รอดตายอย่างหวุดหวิด ในห้องที่ไฟแรงนี้กำลังแผดเผา สามารถพูดได้ว่าโอกาสที่จะมีชีวิตรอดแทบจะเป็นศูนย์ นอกเสียจากว่าจะมีพายุฝนกระหน่ำลงมา ฝนที่พอจะรดไฟไหม้นี้ให้ดับลงได้ มิเช่นนั้นแล้ว อยากจะมีชีวิตรอดต่อไป ก็ยากราวกับขึ้นสวรรค์ เหลียงซินเข้าใกล้ความสิ้นหวัง ทว่า เฉินห้าวกลับไม่ยอมแพ้ จับข้อมือของเธอเอาไว้แน่น ควบคุมสภาพจิตใจที่คิดอยากจะยอมแพ้ของเธอเอาไว้ “อย่าหลับลงไป!ตามข้ามา พวกเราจะไม่ตายอย่างแน่นอน” เขาพาคนสองคนมุ่งตรงเข้าไปในตำหนักที่ประทับของเฉินเช่อ หลีกเลี่ยงกองไฟที่หนักหน่วง หาทางลับที่ซ่อนอยู่ในตำแหน่งของมุมกำแพงพบ คนทั้งสามก็กระโดดเข้าไปในทันที ในขณะเดียวกัน คานทั้งอันก็ถล่มลงมา พระตำหนักฉู่อิงถูกฝังอยู่ในกองเพลิงขนาดใหญ่ที่ไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง ยามค่ำคืน สะท้อนอยู่ด้านในแสงสว่างจากเปลวไฟ ด้านนอกประตูพระตำหนักฉู่อิง คนเกือบจะทั่วทั้งวังหลวงต่างเคลื่อนพลออกปฏิบัติการ ล้อมรอบเต็มทั่วทั้งพระตำหนักอย่างล้นหลาม ฮ่องเต้ ฮองเฮา พระสนมเอกอัน พระสนมหลานเฟย พระสนมเตี๋ยเฟย และพระสนมต่างๆ ยังมีองค์ชายสาม องค์ชายสี่ องค์ชายเจ็ด และคนอื่นๆต่างก็อยู่ที่ด้านนอกนี้ “สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?ช่วยองค์ชายสิบเอ็ดออกมาได้หรือยัง?หัวหน้าราชองครักษ์อยู่ที่ไหน?” ฮ่องเต้ทรงร้อนรนจนพระพักตร์ซีดขาว แทบจะเป็นการตะคอกออกมา ทรงตรัสถามรวดเดียวหลายคำถาม ทำเอาคนที่อยู่รอบด้านต่างพากันตกใจกลัว เหลียงต้งวิ่งออกมาอย่างกระวนกระวายใจจากด้านในพื้นที่ไฟไหม้ ใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่นควัน นอกจากดวงตาที่เปียกชื้นคู่นั้นแล้ว ใบหน้าที่ดำมืดก็แทบจะมองเห็นได้ไม่ชัด เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “กราบทูลฮ่องเต้ สถานการณ์ไฟไหม้รุนแรงมาก ไม่สามารถควบคุมได้ องค์ชายสิบเอ็ดทรงถูกขังอยู่ด้านใน ท่านอ๋องสิงและพระชายาสิงทรงผลุนผลันเข้าไปช่วยอย่างไม่สนใจอันตราย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ทรงออกมา เกรงว่าจะโอกาสรอดมีน้อยพะยะค่ะ!” ทุกคนต่างก็ถอยหลังไปด้วยความหวาดหวั่นยากที่จะซ่อนความเสียใจและหดหู่ ไม่ว่าจะมาจากใจจริง หรือว่าเสแสร้ง แต่ในเวลานี้ ทุกคนต่างจำเป็นต้องโศกเศร้าอย่างยากที่จะทนไหว มีเพียงเฉินอวี้และองค์หญิงลุ่ยเหอที่อยู่ด้านหลังส่งสายตาหากัน แล้วยิ้มออกมาอย่างเงียบๆ “กราบทูลฮ่องเต้ เรื่องในคืนนี้ เกรงว่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุ หากแต่มีคนก่อขึ้น ฮ่องเต้โปรดทรงตรวจหาความจริง เพื่อแก้แค้นให้กับห้าวเอ๋อร์ จะต้องไม่ให้คนร้ายหลบหนีไปได้อย่างลอยนวลนะเพคะ” ฮ่องเฮาทรงพระกรรแสงออกมาแล้วตรัสขึ้น หากไม่ใช่ยังทรงมีความคิดของพระองค์เองอยู่เล็กน้อย ก็แทบจะทรงหมดสติไปแล้ว สูญเสียพระโอรสที่ทรงโปรดปรานทั้งสองพระองค์ติดต่อกัน ทำให้พระกำลังของฮ่องเต้ไม่สู้ดีนัก ทรงพระกาสะออกมาสองทีอย่างรุนแรง ทรงกัดพระทนต์แน่น ตรัสขึ้นด้วยพระสุรเสียงที่โกรธแค้น “หัวหน้ากองป้องกันและตรวจสอบ ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งวัน ตรวจหาให้พบว่าใครเป็นผู้กระทำ หากหาไม่พบ เจ้าก็หิ้วหัวมาพบข้า!” หัวหน้ากองป้องกันและตรวจสอบเช็ดเหงื่อที่ผุดออกมา พยักหน้าติดต่อกันหลายครั้ง ไม่กล้ามีการละเลยต่อหน้าที่แม้แต่นิดเดียว “ฮ่องเต้เพคะ คนตายไม่สามารถฟื้นคืน แต่พระวรกายของพระองค์นั้นสำคัญนะเพคะ !หม่อมฉันตุ๋นซุปเม็ดบัวเห็ดหูหนูขาวอยู่ในตำหนัก วันนี้เสด็จไปพักผ่อนที่ตำหนักของหม่อมฉันไม่ดีกว่าหรือเพคะ พรุ่งนี้ถึงจะทรงมีพละกำลังในการตรวจสอบเรื่องนี้!” พระสนมเอกอันปลอบประโลมด้วยคำพูดที่อบอุ่นและอ่อนโยน สูญเสียพระโอรสที่ทรงโปรดปรานทำให้ฮ่องเต้ทรงเหนื่อยล้าทั้งพระวรกายและพระหทัย แต่ก็เห็นได้อย่างแน่ชัดว่าพระวรกายของพระองค์สำคัญยิ่งกว่า จึงได้ให้พระสนมเอกอันประคองไปยังพระตำหนักซินฮว๋าของนาง ฮองเฮาทรงกุมพระอุระ ทรงมีความรู้สึกเคียดแค้นชิงชังเป็นอย่างยิ่ง ถึงขั้นอยากจะวู่วามเข้าไปข้างในกองเพลิง หากไม่ได้นางกำนัลที่อยู่ด้านข้างรั้งเอาไว้ ก็คงจะทรงพุ่งพระวรกายเข้าไปแล้ว ลูกชายทั้งสองของนาง คนหนึ่งถูกขังอยู่ในคุกหลวง อีกคนร่างถูกฝังอยู่ในทะเลเพลิง นี่จะให้นางมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร? นางกำนัลและขันทีที่อยู่รอบด้านยังคงสาดน้ำดับไฟกันอย่างรีบร้อนโดยไม่ได้หยุด เฉินต้งคอยบังคับบัญชาอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ แต่ว่ารอจนกระทั่งเพลิงนั้นดับลง ก็ได้เลยเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว พระตำหนักฉู่อิงเงียบเหงาไร้เสียงใดๆ ทุกสิ่งทุกอย่างไหม้เกรียมไปหมด เหล่านางกำนัลขันทีเหนื่อยจนลงไปกองกับพื้น ทำให้วังหลวงที่งดงามสะดุดตาแห่งนี้ถูกแบ่งเป็นสองส่วน ด้านหนึ่งสว่างสดใส อีกด้านหนึ่งมืดมิดไร้แสง ควันไฟเข้มข้นล่องลอยคละคลุ้ง ภายในห้องลับที่มืดหม่น เหลียงซินได้ตื่นขึ้นมาก่อน พอเหลียงซินลืมตาขึ้นมาก็พบเข้ากับแผ่นอกของเฉินห้าว เธออยู่ในอ้อมอกของเขาเช่นนี้มาตลอดทั้งคืน และมือขวาของเขาก็ยังจับเฉินเช่อที่ยังคงหมดสติไป เขาเหมือนกับเทพที่ลงมาจากสวรรค์ ช่วยชีวิตเธอกับเฉินเช่อเอาไว้ “เฉินห้าว เฉินห้าว...” เหลียงซินผลักไปที่อกของเขาเล็กน้อย พลางเรียกด้วยเสียงที่แผ่วเบา ไม่นาน เขาก็ขมวดหัวคิ้วแล้วลืมตาทั้งสองข้าง นัยน์ตาดอกท้อที่ล้ำลึกและแคบยาวคู่นั้นเต็มไปด้วยเส้นเลือด พอเอ่ยปาก เสียงที่ออกมาก็ทุ้มต่ำและแหบแห้งเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว น้องสิบเอ็ดฟื้นขึ้นมาหรือยัง?” เหลียงซินได้ยินเสียงของเขา คิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่น “เสียงของพระองค์...” เมื่อคืนนี้ไฟไหม้รุนแรงขนาดนั้น แม้ว่าจะเข้ามาหลบในห้องลับ แต่ก็ยังสูดควันไฟที่เข้มข้นเข้าไปไม่น้อย ฉะนั้น ลำคอของเขาได้ถูกรมควันทำให้แหบแห้งไปแล้ว เทียบไม่ได้กับเสียงที่ไพเราะรื่นหูแบบเมื่อก่อน แต่ก็มีความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง ทว่า เหลียงซินกลับก้มศีรษะลงแสดงความหมายว่าขอโทษ หากไม่ใช่เพราะความบ้าบิ่นของเธอ คอของเขาก็ไม่เป็นเช่นนี้ อีกหน่อยหากจะฟื้นฟูสู่สภาพเดิม ก็คงจะยากมากแล้ว “เสียงของข้าไม่ต้องรีบร้อน ดูแลน้องสิบเอ็ดไปก่อน เขาเป็นคนที่เจ้าแม้จะทุ่มด้วยชีวิตก็ต้องช่วยออกมาให้ได้ หากตายไป เช่นนั้นก็ขาดทุนแย่” เฉินห้าวยิ้มเยาะเย้ยขึ้น ผลักที่ปิดห้องลับออก เหลียงซินหันกลับไปตรวจดูอาการของเฉินเช่อด้วยจิตใจที่หนักหน่วง เขายังมีลมหายใจ เพียงแค่หมดสติไปชั่วคราวก็เท่านั้น เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก ครั้งนี้ ก็ถือว่าไม่มาโดยเปล่าประโยชน์ อย่างน้อย เฉินเช่อก็ถูกช่วยชีวิตเอาไว้ได้แล้ว “ส่งมือมาให้ข้า” เฉินห้าวยื่นมือออกมา ดึงเธอขึ้นไป แล้วกระโดดลงมาอีกครั้งอุ้มเฉินเช่อขึ้นไปอีกคน ทั้งสามคนเดินออกมาจากด้านในตำหนักฉู่อิงที่ถูกเผามอดจนกลายเป็นซากปรักหักพัง ทุกสิ่งที่เห็นล้วนมืดดำไปหมด เห็นได้ว่าไฟไหม้ใหญ่เมื่อคืนนั้นเผาไหม้รุนแรงขนาดไหน เหล่าขันทีสองสามคนที่อยู่ด้านหน้ากำลังทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุ เห็นพวกเขาทั้งสามออกมาจากข้างในซากปรักหักพัง ก็โยนสิ่งของที่อยู่ในมือทิ้งอย่างตกใจแทบหมดสติ พากันวิ่งหนีป่าราบ พลางตะโกนเสียงดังออกมา “ผะ ผี...” เหลียงซินมองไปยังเฉินห้าว กลับหัวเราะออกมา “คาดว่าพวกเขาคงจะคิดว่าพวกเราตายแล้วเพคะ ตกใจกลัวจนวิ่งหนีไปหมดแล้ว” สามารถมีชีวิตเดินออกมาจากสถานที่ที่เกิดอัคคีภัยได้ แม้แต่เธอเองก็ยังรู้สึกเกินความคาดหมาย นับประสาอะไรกับพวกเขา “เจ้านี่มองโลกในแง่ดีจริงๆ ยังหัวเราะออกมาได้” เฉินห้าวชำเลืองมองไปที่เธอ กลับมีความรู้สึกชื่นชมในตัวเธอ “คนเรามีชีวิตในโลก การได้ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดแล้วเพคะ พระองค์ก็ทรงยิ้มสักหน่อย อย่างน้อยพวกเราก็เก็บชีวิตหนึ่งกลับมาได้นะเพคะ!” เหลียงซินยักคิ้วหลิ่วตา ยิ้มมองไปทางเขา เฉินห้าวไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย “อย่าได้ดีใจเร็วเกินไปนัก เจ้าติดหนี้บุญคุณข้าแล้ว คิดดูว่าจะคืนอย่างไรเถิด” หนี้บุญคุณที่มีให้กันในครั้งก่อนๆพวกเขาได้เสมอภาคกันแล้ว ทว่าในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงหนี้บุญคุณ แต่คือหนึ่งชีวิต เหลียงซินได้ติดหนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ขนาดนี้กับเขาอีกครั้งอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เธอถึงกับคิดไม่ตก หันตัวกลับไปมองเฉินห้าวตรงๆ เอ่ยถามขึ้นทีละคำทีละประโยคว่า “เมื่อวานนี้ ทั้งๆที่พระองค์ไม่ต้องทรงมาช่วยหม่อมฉันเลยก็ได้แท้ๆ แต่เหตุใดพระองค์ถึงได้ยังทำเช่นนั้นเพคะ?” นี่คือคำถามที่เธออยากจะถามมาตั้งนานแล้ว เฉินห้าวช่วยชีวิตเธอไว้หลายครั้งมาก ทุกครั้งล้วนเป็นตอนที่เธอกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤต ยื่นมือเข้ามาช่วย แต่เดิมเธอคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอทั้งสองคือสามีภรรยาจอมปลอม คือศัตรู ต่างฝ่ายต่างชังน้ำหน้ากันและกันแต่เธอกลับค่อยๆพบว่าแท้จริงแล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น การใช้ชีวิตร่วมกันในหลายเดือนมานี้ เธอค้นพบว่าเฉินห้าวปฏิบัติต่อเธอนับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ และเธอก็ดูเหมือนจะไม่ได้เกลียดเขาขนาดนั้น ใจที่คิดอยากจะแก้แค้น ก็ไม่ได้รุนแรงถึงเพียงนั้นแล้ว ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้เอง เฉินต้งนำกองกำลังทหารรักษาพระองค์กลุ่มหนึ่งวิ่งมาแต่ไกล เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้นกระวนกระวายใจมายังเบื้องหน้าของพวกเธอ ขัดจังหวะการพูดคุยของทั้งสอง “พระชา...พระชายาสิง องค์ชายสิบเอ็ด พวกพระองค์ไม่ทรงเป็นอะไร ช่างดีจริงๆพะยะค่ะ!” เหลียงต้งตื่นเต้นจนแทบจะร้องไห้ออกมา “ท่านพี่ ทำให้ท่านเป็นกังวลแล้วเจ้าค่ะ พวกเราดวงแข็ง ไม่ตายง่ายๆเช่นนั้นหรอก!” เหลียงซินจับมือเขาไว้แน่น มอบการปลอบใจให้แก่เขา การรับสัมผัสที่อบอุ่นและจริงใจได้กุมเอาไว้อยู่ในมือ เหลียงต้งถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วเอ่ยขึ้นว่า “เมื่อคืนนี้หลังจากที่องค์ชายสิบเอ็ดทรงถูกขังอยู่ด้านใน พระองค์ทั้งสองทรงผลุนผลันเข้าไปแล้วนั้น พระตำหนักฉู่อิงทั้งหลังก็พังทลายลงมา ดังนั้นทุกๆคนจึงคิดว่าทั้งสองพระองค์ได้สิ้นพระชนม์แล้ว โชคดีจริงๆ โชคดีจริงๆ!” “ท่านพี่ เมื่อวานนี้พวกเราหลบอยู่ในห้องลับของพระตำหนักฉู่อิง ดังนั้นจึงสามารถหลบเลี่ยงออกมาได้เจ้าค่ะ” เหลียงซินอธิบาย ความอดทนของเฉินห้าวที่อยู่ด้านข้างได้ถูกใช้ไปหมดแล้วอย่างเห็นได้ชัด เร่งขึ้นอย่างหงุดหงิดว่า “พวกเจ้าเดี๋ยวค่อยรำลึกความหลังกันกันอีกที เฉินต้ง เจ้าไปตามหมอหลวงมาดูองค์ชายสิบเอ็ดก่อน” ผ่านคำเตือนของเขา ทั้งสองก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก เฉินต้งรีบวิ่งไปทางสำนักหมอหลวงในทันที และเฉินห้าวกับเหลียงซิน ก็ได้อุ้มเฉินเช่อมายังพระตำหนักฉางอันของฮองเฮา พระตำหนักฉู่อิงถูกไฟไหม้เผามอด ทำได้เพียงนำเขาไปพำนักที่นั่นเป็นการชั่วคราว หลังจากที่เกิดเรื่องเมื่อคืนนี้ ฮองเฮาทรงมีพระอาการปวดพระศิระกำเริบ ซึมเศร้า ไม่เบิกบานพระทัยเป็นอย่างยิ่ง บวกกับเมื่อคืนนี้ทรงพระกรรแสงตลอดทั้งคืน พระเนตรทั้งสองบวมราวกับลูกวอลนัทยังไงอย่างงั้น ทรงบรรทมอยู่บนเตียงมาครึ่งค่อนวัน ก็ยังไม่เห็นมีการเคลื่องไหวใดๆ กระทั่งนางกำนัลข้างกายที่อยู่ด้านนอกถลันเข้ามาอย่างรีบร้อนและดีอกดีใจ “ฮองเฮาเพคะ ฮองเฮาเพคะ!ท่านอ๋องสิง พระชายาสิง ยังมีองค์ชายสิบเอ็ด เสด็จมายังด้านในพระตำหนักฉางอันแล้วเพคะ ในเวลานี้ ทรงกำลังอยู่ด้านในตำหนักทางทิศตะวันตกแหละเพคะ!พระองค์ทรงรีบไปทอดพระเนตรเถิดเพคะ!” ฮองเฮาทรงได้ยินดังนั้น ก็ทรงรีบลุกขึ้นมาจากเตียง พระอาการปวดพระศิระ เวียนพระศิระต่างๆล้วนหายไปหมดแล้ว ทรงคลุมเสื้อคลุมตัวหนึ่งแล้วทรงวิ่งไปทางตำหนักทางทิศตะวันตกในทันที ด้านในตำหนักทางทิศตะวันตกสับสนวุ่นวายไปหมด หมอหลวงเข้าๆออกๆเพื่อตรวจรักษาอาการของเฉินเช่อ ต่างพากันตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก พอฮองเฮาเสด็จเข้าไป ไม่ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเฉินห้าว ทว่าพอทรงหันไปอีกทางกลับทอดพระเนตรเห็นเหลียงซินเดินหันหน้าเข้ามา ไม่มีคำอธิบายใดๆ ฝ่ามือหนึ่งก็โบกเข้ามาในทันที เหลียงซินถูกตบจนมึนงง ตอบอะไรไม่ถูก ถึงขนาดยังมองไม่ชัดว่าใครเป็นคนตบ ด้านหน้าผุดแสงดาวขึ้นมา ทั้งตัวดูไม่มั่นคงเอาเสียเลย “เหลียงซิน!ได้ยินมาว่าเมื่อคืนนี้เป็นเจ้าที่พาห้าวเอ๋อร์ผลุนผลันเข้าไปด้านในกองเพลิงก่อน?เจ้ารู้หรือไม่ เกือบจะเป็นเพราะเจ้า ข้าก็จะต้องสูญเสียลูกชายคนหนึ่งไป!หากห้าวเอ๋อร์มีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ข้าจะให้บ้านตระกูลเหลียงของเจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!” ฮองเฮาทรงระบายความพิโรธทั้งหมดลงมาที่เหลียงซิน แทบอยากจะฆ่าเธอในทันที เหลียงซินเอามือกุมหน้าเอาไว้ กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นในปากที่น่าพะอืดพะอมคละคลุ้งขึ้นมา เธอพยายามยืนดีๆอย่างยากลำบาก มองฮองเฮาอย่างไม่ได้รู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยหรือว่าสูงส่ง “กราบทูลฮองเฮา พระองค์เพียงแค่เกือบจะทรงสูญเสียพระโอรสพระองค์หนึ่งไป แต่เมื่อคืนนี้หากไม่ใช่เฉินห้าว องค์ชายสิบเอ็ดก็จะทรงสิ้นพระชนม์อยู่ในนั้นแล้ว!พระองค์ทรงรู้จักรักชีวิตพระโอรสของพระองค์เอง กลับไม่ทรงรู้ว่าชีวิตของผู้อื่นก็สำคัญเช่นเดียวกัน ทรงดำรงตำแหน่งเป็นแม่ของแผ่นดิน ควรจะทรงมีพระทัยที่เชื่อมต่อกันกับทั่วหล้า พระองค์ไม่ทรงละอายพระทัยบ้างเลยหรือเพคะ?” ฮองเฮาไม่เคยถูกใครตำหนิเช่นนี้มาก่อน ทรงพิโรธขึ้นมาในทันที สีหน้าของนางค่อยๆสุดจะทนขึ้น อกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ดวงตาทั้งสองที่แดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธ เด็กผู้หญิงไม่รู้ความจิ๊บจ๊อยคนหนึ่ง ยังกล้ามาสั่งสอนนางเลยเชียวรึ? ทรงหยิบถ้วยชาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วทรงขว้างไปทางเหลียงซินในทันที “เพล้ง” หลังจากเสียงที่หนักหน่วงและทุ้มต่ำดังขึ้น ถ้วยนั้นไม่ได้ร่วงหล่นตกลงมาบนศีรษะของเหลียงซิน หากแต่กระแทกไปบนแผ่นหลังของเฉินห้าว เขาพุ่งตัวเข้าไปปกป้องเหลียงซินเอาไว้
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 64 รอดตายอย่างหวุดหวิด
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A