ตอนที่ 69 หญิงเสเพล   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 69 หญิงเสเพล
ต๭นที่ 69 หญิงเสเพล ท่าทีที่กำลังเหนียมอาย เคอะเขิน ก้มศีรษะลงด้วยใบหน้าที่แดงก่ำของนางนั้น ช่างทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ดูกลายเป็นเรื่องจริงเป็นอย่างยิ่ง ทว่า เฉินห้าวกลับรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก เรื่องเมื่อคืนในความทรงจำของเขา มีความจำช่วงหนึ่งขาดหายไป เขากวาดตามองไปที่เธอด้วยสีหน้าที่มืดครึ้มและเย็นชา บาดแผลทั่วทั้งร่างกายบนล่าง ดูไม่เหมือนเป็นของหลอกตา ยังจะดูเหมือนถูกคนจิก ถูกคนดูดออกมาจริงๆ หรือว่า เมื่อคืนนี้ เขาจะนอนกับเหลียงยินไปแล้วจริงๆ? “เมื่อคืนนี้ ข้าอุ้มเจ้าเข้าห้องมาพักผ่อน เจ้าให้ข้าดื่มเหล้าหนึ่งจอก เรื่องหลังจากนั้น ข้าก็จำไม่ได้แล้ว เจ้าให้ข้าดื่มเหล้าอะไร?” เขาถามขึ้นอย่างซักไซ้ไล่เลียง ต่อให้เขาจะต้องการเธอจริงๆ ก็ไม่อาจจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เขาจะจำอะไรไม่ได้เลยได้ เขาจะต้องทำให้ปัญหานี้ชัดเจนให้ได้ ว่าในระหว่างนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ดวงตาทั้งสองของเหลียงยินเริ่มแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็จับมือของเฉินห้าวเอาไว้แน่น “ท่านอ๋อง ที่พระองค์เสวยเข้าไปก็คือเหล้าไผ่เขียว เมื่อวานหลังจากที่พระองค์เสวยเข้าไปจอกหนึ่ง ก็ทรงรู้สึกว่ารสชาติไม่เลว จึงดื่มกับหม่อมฉันอีกสองสามจอก หลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงต้องการหม่อมฉันเพคะ...” สายตาของเฉินห้าวราวกับคบเพลิงก็ไม่ปาน จ้องเขม็งไปที่นาง “ที่เจ้าพูดมานี้ล้วนเป็นเรื่องจริง?” เหลียงยินตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอไม่กล้าที่จะปฏิเสธ จะยากกว่านี้ก็ทำได้เพียงเดินต่อไปข้างหน้า “หม่อมฉันมิกล้าหลอกลวงพระองค์ หากทุกสิ่งที่หม่อมฉันพูดมีแม้เพียงครึ่งประโยคที่ไม่เป็นความจริง ขอให้ฟ้าผ่าลงมา ไม่ได้ตายดี!หากพระองค์ยังไม่ทรงเชื่อ จะให้ยายหวังเป็นพยานก็ได้เพคะ เมื่อวานนี้นางเป็นผู้เฝ้ายามอยู่ที่ด้านนอกประตูนี้เองเพคะ!” เหลียงยินเอ่ยคำสาบานอย่างแน่วแน่ ทุกคำที่เอ่ยออกมาล้วนเป็นความเท็จทั้งหมด ต่อให้ในภายภาคหน้าจะถูกฟ้าผ่าลงมาจริงๆ เธอก็ยินดีที่จะยอมรับ ไม่คับแค้นใจหรือเสียใจในภายหลัง เพื่อให้ได้ครอบครองเฉินห้าว เธอยอมทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง ลงนรกก็ไม่สนใจ! เห็นท่าทีที่แน่วแน่ของนาง เฉินห้าวก็ไม่อาจฝืนทนถามอีกต่อไป “เข้าใจแล้ว ไปรับใช้ข้าล้างหน้าล้างตา” เขาพูดจนจบอย่างเคร่งขรึมและใจเย็น ในวินาทีที่เลิกผ้าห่มออกนั้น ก็เห็นเลือดสดที่ตอนนี้แห้งกรังเป็นรอยเลือดอยู่บนผ้าปูที่นอน นี่คือร่องรอยที่เหลือทิ้งไว้หลังผ่านจากความดุเดือดรุนแรงเมื่อคืนนี้ สายตาของเขาดูจริงจังขึ้นมาในทันที ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าสิ่งที่หมายถึงอะไร “ท่านอ๋องเพคะ อีกสักครู่หม่อมฉันจะให้นางกำนัลทั้งหลายนำผ้าปูที่นอนไปซักเพคะ” เหลียงยินเอ่ยขึ้นอย่างเขินอาย “อื้อ” เฉินห้าวหันตัวไปอีกด้านด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเตียง สวมใส่เสื้อผ้า เขาไม่ได้เห็นเลยว่า บนใบหน้าของเหลียงยินมีความปลื้มปิติแห่งความได้ใจปรากฏอยู่ ตำหนักเจียวหยาง แสงอาทิตย์ยามเช้าที่สว่างไสวสวยงามลอดผ่านห้อง ส่องสะท้อนเข้ามาด้านในตำหนักเจียวหยาง เหลียงซินยืดเส้นยืดสาย ลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยความงัวเงียเหนื่อยหน่าย เมื่อคืนนี้นอนหลับได้ลึกและสบายมาก โชคดีที่เมื่อคืนนี้เฉินห้าวถูกเหลียงยินเรียกตัวไป ไม่ได้มารบกวนเธออีก “พระชายา พระชายาเพคะ!” ชุนฮวาประคองกะละมังล้างหน้าเข้าประตูมา ร้องเรียกด้วยใบหน้าที่ดูเกินความเป็นจริง เหลียงซินลูบใบหูของตนเองเบาๆ “เป็นอะไรไป?” นางตบโต๊ะอย่างทั้งโกรธทั้งแค้น ใบหน้าที่มีทีท่าโมโหประชิดใกล้เข้ามา “พระชายาทรงรู้ไหมเพคะ?เมื่อคืนนี้ท่านอ๋องบรรทมกับพระชายารองแล้ว!” “อ้อ” เหลียงซินพยักหน้าเล็กน้อย นี่ไม่ใช่เรื่องที่ปกติธรรมดามากหรอกหรือ สมควรจะต้องมารายงานเธอด้วย? “พระชายาเพคะ นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องบรรทมกับพระชายารองนะเพคะ ขนาดวันแต่งงาน ท่านอ๋องยังทรงประทับเพียงแค่ครู่เดียวก็เสด็จกลับตำหนักเฉาหยางแล้ว แล้วก็ไม่รู้ว่าพระนางใช้วิธีการอะไร ทั้งๆที่เมื่อวานนี้ท่านอ๋องทรงประทับอยู่ในตำหนักของพวกเราแท้ๆ!” ชุนฮวาเอามือเท้าสะเอวอย่างโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง ออกหน้าให้กับเหลียงซิน ทว่าเหลียงซินกลับยังคงมีท่าทีที่สบายๆ ใบหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ ไม่มีความโกรธหรือกระทั่งความหึงหวงเลยแม้แต่น้อย เธอเอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่ง “ใจเย็นๆ ก็แค่บรรทมเท่านั้นเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราเสียหน่อย” ไม่ว่าเฉินห้าวจะนอนกับใคร เพียงแค่คนที่นอนด้วยไม่ใช่เธอก็พอแล้ว เหลียงซินอารมณ์ค่อนข้างดี เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ผลักประตูใหญ่ให้เปิดออก อากาศยามเช้าสดชื่นหอมหวานอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ ทำให้คนลืมความกลัดกลุ้มใจและความไม่สบายใจทุกสิ่ง “วันนี้อากาศช่างดีจริงๆ เหมาะแก่การออกไปเดินเล่นข้างนอก” เธอยกเท้าขึ้นจากนั้นก็เตรียมเดินออกไปข้างนอก ชุนฮวาที่อยู่ด้านหลังร้องเรียกอย่างประหลาดใจ “พระชายาเพคะ พระองค์ยังไม่ได้สรงพระพระพักตร์ เปลี่ยนฉลองพระองค์เลยนะเพคะ...” “จริงด้วย” เหลียงซินก้มศีรษะลงมองดูชุดซับในที่อยู่บนร่างกาย หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง วักน้ำในกะละมังขึ้นมาล้างหน้า ชุนฮวาเอ่ยเตือนอย่างตกตะลึงอีกครั้ง “พระชายาเพคะ นั่นคือน้ำที่ใช้ในการแต่งพระพักตร์เพคะ...” เหลียงซินฝืนเข้มแข็งและใจเย็น พยายามทำให้ตนเองดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าพฤติกรรมและอาการที่แปลกผิดปกติได้หักหลังเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนที่มีความรู้และประสบการณ์ต่างก็ดูออกว่า เรื่องที่เมื่อคืนนี้เฉินห้าวนอนกับเหลียงยิน เธอให้ความใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เท่านั้น เมื่อถึงเวลาอาหารเช้า เธอไม่มีแม้กระทั่งความอยากอาหาร “วันนี้เค้กดอกกุ้ยฮวาทำไมหวานขนาดนี้?” เหลียงซินกัดเค้กดอกกุ้ยฮวาที่เธอชอบมากที่สุดไปหนึ่งคำ ก็รู้สึกเพียงแค่ขาดรสชาติแบบที่เคยกินในเวลาปกติไป หมิงเยว่สายตาแหลมคม รีบไปห้องเครื่องพาต้นเครื่องที่เป็นผู้ทำของหวานมาในทันที ตั้งแต่หลังจากที่เหลียงซินปฏิรูปวังสิงหวังไปในคราวก่อนนั้น ข้ารับใช้ในวังต่างก็ขยันขันแข็งมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ไม่กล้าละเลยต่อหน้าที่แม้แต่น้อย ยิ่งเป็นสำรับอาหารในตำหนักเจียวหยางด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง พอต้นเครื่องพ้นประตูเข้ามา ก็รีบร้องขอความเป็นธรรมในทันที “กราบทูลพระชายา เค้กดอกกุ้ยฮวาทุกวันนี้ล้วนทำออกมาตามสัดส่วนที่แน่ชัด ไม่มีทางที่จะหวานเกินไปได้พะยะค่ะ!” “ความหมายของเจ้าคือ การรับรสของข้ามีปัญหา?” เหลียงซินขมวดคิ้วเข้าหากัน กวาดสายตาไปยังต้นเครื่องผู้นั้นทันที ต้นเครื่องผู้นั้นตัวสั่นเทา ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก เธอนำจานเค้กดอกกุ้ยฮวาส่งให้กับชิวเยว่ หลังจากที่ทั้งสองสามคนแบ่งกันชิมเรียบร้อยแล้ว ล้วนพูดความจริงออกมาว่า “พระชายาเพคะ เค้กดอกกุ้ยฮวานี้ ไม่ได้หวานเกินไปจริงๆ...” เหลียงซินโบกมือไปมา บางทีการรับรสของเธอในวันนี้อาจจะมีปัญหาจริงๆ “ช่างเถิดๆ เค้กนี่เป็นของรางวัลให้พวกเจ้าก็แล้วกัน ต่อไปอย่าทำเค้กดอกกุ้ยฮวามาอีก ข้าเลิกกินแล้ว” เธอคิดว่า คงจะเป็นเพราะเรื่องนั้นของเฉินห้าว ถึงได้ทำให้เธอรู้สึกจิตใจไม่สงบ ฉะนั้น เธอจะเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้อีก เธอเหลียงซินคนนี้ จะถูกเรื่องอื่นๆมามีผลกระทบต่ออารมณ์ไม่ได้ ชุนฮวาและชิวเยว่สบตากันและกัน ต่างก็รู้สึกว่าพระชายาในวันนี้แปลกๆ พอดีกับตอนที่กำลังจะพูดเตือนสติออกไป ด้านนอก ก็ดังสะท้อนเสียงฝีเท้าระลอกหนึ่งเข้ามา ไม่นาน เหลียงยินก็ถูกยายหวังประคองเข้ามาด้านในห้องโถง “อาหารเช้าของท่านพี่เหตุใดจึงเสวยของเหล่านี้เล่าเพคะ?ไม่มีของบำรุงร่างกายเลย อีกสักครู่หม่อมฉันจะให้ยายหวังนำรังนกมาให้ ต้มโจ๊กรังนกหวานดีที่สุดเลยเพคะ” เหลียงยินยิ้มจนตาหยีมองมายังเหลียงซิน น้ำเสียงแฝงไปด้วยความโอ้อวด เหลียงซินเหลือบมองไปที่นางอย่างนิ่งๆ “ไม่ต้องหรอก ร่างกายเข้าอ่อนแอถึงเพียงนั้น รังนกเล็กน้อยเหล่านั้นยังไม่พอให้เจ้าบำรุงร่างกายตนเองเลย” พูดจบ เธอก็โบกมือ ให้ชุนฮวาและชิวเยว่เก็บโต๊ะ “ได้อย่างไรเล่าเพคะ วันนี้ท่านอ๋องทรงส่งสิ่งของต่างๆมากมายมายังตำหนักลั่วยิน หม่อมฉันใช้ไม่หมด จึงได้คิดนำมาถวายให้ท่านพี่บ้าง เพื่อเป็นการไม่สิ้นเปลืองเพคะ” เหลียงยินยิ้มอย่างอ่อนหวาน จากนั้นก็โบกมือสั่งให้ยายหวังเข้ามาด้านหน้า หยิบของสองสามอย่างออกมา มีทั้งผ้าแบบแปลกใหม่ เนื้อผ้าชั้นดี เพชรพลอยล้ำค่าสีสันสวยงาม ของบำรุงและโสมต่างๆที่สามารถปรับรักษาบำรุงร่างกายได้ ยังมีของอื่นๆอีก รวมๆกันแล้วมูลค่าสูงเป็นอย่างยิ่ง สิ่งของมากมายถึงเพียงนี้ ก็ขาดทุนนางเหมือนกัน ยอมทำใจนำออกมาได้ ทว่า ผลลัพธ์กลับเห็นได้ชัดเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่แสดงให้ทุกคนเห็นระดับความเป็นที่โปรดปรานของนางในตอนนี้ ยังทำให้เหลียงซินได้รู้ว่า ของเหล่านี้ล้วนเป็นของดีที่เธอไม่เคยได้ใช้มาก่อน สุดท้าย การโอ้อวด จึงจะเป็นจุดประสงค์ในท้ายที่สุดของเธอ “น้ำใจเล็กน้อย ท่านพี่โปรดทรงรับไว้เถิดเพคะ มิเช่นนั้นหม่อมฉันคงไม่สบายใจ” เหลียงยินพูดด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความคาดหวัง มองดูของที่อยู่เบื้องหน้าเหล่านี้ เหลียงซินกลับยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วพยักหน้า “ได้ ข้ารับไว้ เจ้ายังมีธุระอะไรอีก?” น้ำเสียงแลดูรำคาญมาก อยากจะไล่นางออกไปจนแทบจะทนรอไม่ไหว เหลียงยินส่ายศีรษะ เอ่ยขึ้นอย่างเหนียมอายว่า “ไม่มีเรื่องอะไรแล้วเพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวกลับไปพักผ่อน บนร่างกายยังเจ็บอยู่เลย ท่านอ๋องทรงเก่งมากจริงๆเพคะ ท่านพี่พระองค์คงจะมีความรู้และประสบการณ์อย่างล้ำลึกแน่นอนเลยกระมังเพคะ?” เดิมทีนางเพียงแค่อยากโอ้อวดเรื่องที่เฉินห้าวนอนด้วยเมื่อคืนนี้ นึกไม่ถึงว่าคำพูดจะเกินความพอดี ผลที่ได้กลับยังตรงข้ามกับความคาดหวังเสียด้วยซ้ำ เหลียงซินมองไปที่นางอย่างไม่แยแส “ข้าว่า คำพูดเหล่านี้เจ้าเอามาพูดๆกับข้าก็ช่างมันเถิด แต่อย่านำไปพูดด้านนอกโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้น ไม่เพียงแต่ส่งผลร้ายต่อชื่อเสียงอันใสสะอาดของท่านอ๋องแล้ว หากยังทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าเจ้าเป็นหญิงเสเพล” สีหน้าของเหลียงยินเปลี่ยนไปในทันที นางกัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความอับอายขึ้นมาจริงๆ “หม่อม หม่อมฉันไม่ได้มีความหมายเช่นนี้..." นางพยายามอธิบาย “ไม่ว่าเจ้าจะมีความหมายว่าอะไร ต่อไปคำพูดเหล่านี้อย่าได้พูดออกมาอีก จำไว้ว่าสถานะของเจ้าคือพระชายารองแห่งวังสิงหวัง อย่าทำให้ตนเองดูเยี่ยงหญิงโคมเขียว” เหลียงซินพูดตักเตือนอย่างยืดยาว สีหน้าของนางยิ่งแย่ลงไปทุกที ถึงขั้นไม่รู้ว่าจะพูดอะไรถึงจะดี ในเวลานี้เอง ยายหวังผู้ที่ปกป้องเจ้านายด้วยจิตใจที่จงรักภักดีก็รีบเข้ามาขวางที่ด้านหน้าของเหลียงยินด้วยท่าทางเตรียมป้องกัน นางแหงนศีรษะ เอ่ยขึ้นอย่างอวดดีว่า “พระชายาเพคะ ไม่ว่าพระชายารองจะพูดอะไรล้วนรู้จักมองภาพรวม พะว้าพะวังหน้าตาของวังสิงหวัง เรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นต้องให้พระองค์มาลำบากเป็นกังวลพระทัยหรอกเพคะ” เหลียงซินพลิกตัวเล็กน้อย หันกลับไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างทันที แล้วอุทานออกมาอย่างประชดประชันว่า “ก็จริงนะ เหลียงยินมีข้ารับใช้ที่ดีขนาดนี้อย่างเจ้า ทุกเรื่องล้วนกังวลใจแทนนาง ความคิดเห็นก็ออกปากแทนนาง นางยังจะต้องเปลืองสมองนี้ทำไมอีก” สีหน้าของยายหวังก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก แต่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกยังคงแสดงได้ดีกว่าอะไรทั้งสิ้น กระทั่งไม่ได้ไปใส่ใจอะไรเหลียงซิน นางหันกลับไปเอาอกเอาใจเหลียงยิน “พระชายารองเพคะ สิ่งของนำมาให้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรพวกเรากลับไปก่อนจะดีเสียกว่า ท่านอ๋องตรัสแล้วว่า คืนนี้ยังจะเสด็จมาหาพระองค์อีก พวกเราจะต้องกลับไปเตรียมตัวให้ดีเสียหน่อยเพคะ” กระทั่งหลังจากที่พวกเขาเหล่านั้นออกไปจากที่นี่แล้ว ทั้งตำหนักเจียวหยางก็เงียบลงมาในทันที เพียงแต่ ชุนฮวาและชิวเยว่ได้ออกหน้าแทนเธอ ชุนฮวากัดฟันด้วยความโมโห “พระชายาเพคะ เห็นได้ชัดเจนมากว่า พวกนางมาก็เพื่อ ทำวางอำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าของพวกเรา ท่านอ๋องบรรทมกับพระนางครั้งหนึ่ง จำเป็นต้องทำถึงเพียงนี้ไหมเพคะ?” “ก็ใช่น่ะสิเพคะ หากพระชายาของเรามีใจคิดจะทำ ก็ทำได้เช่นเดียวกัน ท่านอ๋องจะต้องทรงถูกพระชายาของเราดึงดวงวิญญาณมาแน่ๆ ถึงเวลานั้น ก็ไม่มีเรื่องอะไรของพระชายารองแล้ว” ชิวเยว่พูดเสริมต่อ ทั้งสองคนพูดอย่างไม่หยุดอยู่ที่ข้างหูของเธอ เหลียงซินรู้สึกเพียงมีเสียงดังหึ่งๆอยู่ น่าขันเป็นอย่างยิ่ง ในสมองของเธอปรากฏฉากที่สระอาบน้ำในคืนวันนั้นซ้ำไปซ้ำมาอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าหากยายหวังไม่ได้เข้ามาเชิญเฉินห้าวออกไป เช่นนั้นผลลัพธ์จะเป็นอะไรนะ? เธอจะยอมจำนนแก่เฉินห้าวจริงๆ?หรือว่าจะต่อต้านทุกวิถีทาง? สุดท้ายคือพยายามโดยเปล่าประโยชน์ หรือต่อต้านได้สำเร็จกันแน่นะ? เหลียงซินเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย กระทั่งแม้ไม่กล้าที่จะเชื่อ ว่าในสมองของเธอยังจะมีความคิดเช่นนี้อยู่ สำหรับเธอแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คืออิสระ นอกนั้น เธอไม่เคยสนใจ 
已经是最新一章了
加载中