ตอนที่ 70 ใจอสรพิษ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 70 ใจอสรพิษ
ต๭นที่ 70 ใจอสรพิษ บนโต๊ะภายในห้องยังวางของที่เหลียงยินส่งมาให้ กองเต็มทั่วทั้งโต๊ะไปหมด เหลียงซินเพียงแค่เหลือบมองอย่างนิ่งๆ จากนั้นก็สั่งลงไปว่า “ของเหล่านี้เก็บเข้าไปให้หมด อย่าวางไว้ตรงนี้” ชุนฮวากับชิวเยว่พยักหน้าเล็กน้อย เริ่มลงมือเก็บสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะ “พระชายา สิ่งของเหล่านี้ให้เก็บไปหมด ต่อไปจะไม่ใช้แล้วหรือเพคะ?” ชุนฮวามองของเหล่านั้นอย่างน่าเสียดาย ยังไม่ทันได้รอคำตอบของเหลียงซิน ชิวเยว่ก็ตบไปที่ศีรษะของนางอย่างรู้สึกเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ “ของที่พระชายารองทรงส่งมายังจะกล้าใช้อีกหรือ?ต้องการอะไรตำหนักเจียวหยางของพวกเราไม่มีหรืออย่างไรกัน?” ชุนฮวาเอามือกุมไปที่ศีรษะ “ก็จริง” ทั้งสองเก็บข้าวของอย่างชุลมุนไปหมด เหลียงซินว่างจนสับสนวุ่นวายในใจ นอนเอนตัวอยู่บนโซฟาอีกด้านอย่างเนือยๆ ไม่มีอารมณ์ออกไปเดินเล่นที่ไหน เรื่องเมื่อวานนี้ยังคงฝังแน่นอยู่ในหัวสมองของเธออย่างชัดเจน ไร้วิธีขับไล่ออกไป ในใจรู้สึกสับสนวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง ทันใดนั้น ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งระลอกหนึ่งดังขึ้น จากนั้นเสียงที่ร้อนรนกระวนกระวายใจก็เอ่ยถามออกมาว่า “พระชายาสิงอยู่ด้านในหรือไม่พะยะค่ะ?หม่อมฉันเป็นคนของวังองค์รัชทายาท ตั้งใจมากราบทูลเชิญพระชายาสิงให้เสด็จไปช่วยชีวิตองค์รัชทายาทพะยะค่ะ!” เหลียงซินได้ยินว่าเป็นคนของวังองค์รัชทายาท ก็รีบลุกขึ้นมาในทันที องค์รัชทายาทเพิ่งจะทรงถูกปล่อยตัวออกมาจากคุก ไม่แน่ว่าอาจจะทรงได้รับการเฆี่ยน ตี ทรมานอย่างหนัก ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลบอบช้ำก็เป็นได้ เธอผลักประตูออก สิ่งที่เห็นก็คือข้ารับใช้หนุ่มยืนอยู่ด้านนอกประตูตำหนัก รอบด้านไม่มีใครอื่น ดูมีความรู้สึกเศร้าวิเวกวังเวงอยู่เพียงลำพัง “องค์รัชทายาททรงเป็นอะไรไป?เจ้าค่อยๆพูดออกมา” เหลียงซินเอ่ยถามขึ้นอย่างจริงจัง “ตั้งแต่หลังจากที่องค์รัชทายาททรงพ้นผิดถูกปล่อยตัวออกมาจากคุกหลวงแล้ว พระวรกายก็ทรงไม่ค่อยดีมาตลอด มักจะทรงประชวรเป็นไข้สูงไม่ยอมลด ทั่วทั้งพระวรกายไร้เรี่ยวแรง บางทียังทรงพระอาเจียนอยู่บ่อยครั้ง นับวันจะยิ่งทรงอ่อนแอลงเรื่อยๆ หมอหลวงทั้งหมดต่างไม่มีวิธีการแก้ไขปัญหานี้ได้ หม่อมฉันได้ยินมาว่าวิชาทางการแพทย์ของพระชายาสิงนั้นลึกล้ำ ฉะนั้นจึงได้เสนอหน้ามาวิงวอนให้พระองค์เสด็จไปช่วยองค์รัชทายาทพะยะค่ะ!” ดูเหมือนองค์รัชทายาทจะไม่ใช่ทรงได้รับการทรมานตอนอยู่ในคุกหลวง แต่เหมือนมีอาการของการโดนวางยาพิษมากกว่า เหลียงซินไม่ทันที่จะได้ลังเล รีบหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องหยิบกล่องยาไปยังหน้าประตูใหญ่กับข้ารับใช้หนุ่มผู้นั้นในทันที ด้านนอก เกี้ยวได้ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนที่เธอกำลังคิดที่จะขึ้นไปบนเกี้ยวนั้น ในที่ที่ไกลออกไปก็ดังสะท้อนเสียงร้องของม้าเข้ามา จากนั้นสิ่งที่เห็นก็มีเพียงเฉินห้าวลงมาจากหลังม้าอย่างสง่าผ่าเผย ขวางทางของพวกเธอเอาไว้ด้วยสีหน้าที่มืดมน “ไม่ให้ไป ตอนนี้รีบกลับเข้าไปเดี๋ยวนี้” เขาออกคำสั่งด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม พอเหลียงซินเห็นเขา ในสมองก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ ตอนนี้เห็นเขาก็รู้สึกเพียงคลื่นไส้ อยากจะอาเจียนออกมา “เฮอะ หม่อมฉันจะไป วันนี้ใครก็รั้งหม่อมฉันไว้ไม่ได้เพคะ” เธอหัวเราะเย้ยหยันอย่างไม่แยแส แล้วยกเท้าขึ้นเดินออกไปข้างนอก มองดูร่างที่ดื้อรั้นไม่ยอมแพ้ของเธอ สีหน้าของเฉินห้าวก็แปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ปลายเท้าจรดลงกับพื้นเบาๆ จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปด้านหน้าด้วยความรวดเร็วคว้าแขนของเธอเอาไว้ ทันใดนั้นก็ถูกเธอสะบัดออกอย่างรุนแรงในทันที จากนั้นทั้งสองคนก็อยู่ที่หน้าประตูใหญ่วังสิงหวัง สู้กันขึ้นมา ภายใต้การถูกจ้องมองจากทุกคน คราวนี้ อารมณ์โกรธของเฉินห้าวรุนแรงมาก ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับเธอแม้แต่น้อย เพียงแค่ในสองกระบวนท่าก็เอาชนะเธอได้ แล้วแบกนางเดินไปทางด้านตำหนักเจียวหยางในทันที เหลียงซินไม่เพียงแต่พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ ยังถูกเขาควบคุมเอาไว้อย่างแน่นหนา นี่คือสิ่งที่เธอเกลียดมากที่สุด “เฉินห้าว พระองค์ทรงปล่อยหม่อมฉันลงไปนะเพคะ!พระองค์ทรงรู้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับองค์รัชทายาทแล้ว?นั่นคือพระเชษฐาแท้ๆของพระองค์นะเพคะ หรือพระองค์จะทรงเบิกพระเนตรมองดูองค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์หรืออย่างไรเพคะ?” เธอพยายามตบตีด้านหลังของเขาอย่างสุดชีวิต ร้องตะโกนเสียงดัง แต่กลับเปล่าประโยชน์ “เชื่อฟังข้าหน่อย เรื่องของวังองค์รัชทายาทมีคนตั้งมากตั้งมายที่คอยเป็นห่วงเป็นกังวล ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาสนใจ” ประโยคเดียวของเฉินห้าวหยุดเธอเอาไว้ได้ ทั่วทั้งร่างกายของเขาล้วนเต็มไปด้วยความมืดมน พาเหลียงซินกลับมายังตำหนักเจียวหยางด้วยความเงียบงันตลอดทาง หลังจากที่โยนเธอลงบนเตียงแล้ว ก็หันหลังให้กับเธอ ยืนอยู่ใต้หน้าต่างภายในห้อง ด้านนอกหน้าต่าง ลมอ่อนๆพัดผ่านต้นหลิว บรรยากาศอึมครึมภายในห้อง แปลกประหลาดขึ้นมาในทันที เหลียงซินนวดคลึงที่ข้อมือ ไม่มีความคิดที่จะหนี หากแต่รู้สึกว่าวันนี้เฉินห้าวโกรธมากเป็นพิเศษ แลดูผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนจะสามารถคลั่งขึ้นมาได้ทุกเมื่อ “เฉินห้าว ทรงเป็นอะไรไปเพคะ?” เธอครุ่นคิดหาคำตอบ แล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบา สิ่งที่เห็นก็คือ แผ่นหลังของเขาแข็งทื่อ แต่กลับไม่ได้หันกลับมา มองดูแล้วน่าอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง “สิ่งที่ไม่ควรถาม ก็ไม่ต้องถามให้มากความ เจ้าเชื่อฟังข้าอยู่ที่นี่ดีๆ ที่ไหนก็ห้ามไปทั้งสิ้น” เขาควบคุมทุกสิ่งอย่างเผด็จการ จะขังเธอไว้ในกรงเล็กๆแห่งนี้ ทำได้เพียงปฏิบัติตามคำสั่งของเขาเท่านั้น ทว่า คู่ต่อกรของเขาไม่ใช่คนอื่น คือเหลียงซิน เธอจะอยู่เฉยๆยอมรับการผูกมัดของคนอื่นอย่างง่ายๆได้อย่างไรกัน? “เฉินห้าว พระองค์ทรงคิดว่าพระองค์จะทรงสามารถกักขังหม่อมฉันเอาไว้ได้?วันนี้วังองค์รัชทายาท หม่อมฉันจะต้องไปให้ได้เพคะ” เธออุทานออกมาอย่างประชดประชัน ไม่สนใจคำสั่งหรือความเหมาะสมใดๆทั้งสิ้น พุ่งตัวออกไปด้านนอกในทันที คิดไม่ถึงว่า พอประตูถูกผลักออก ก็พบเข้ากับเหลียงยินที่หันหน้าเข้ามาทางที่พอดี ทุกสิ่งไร้การป้องกัน ทั้งสองล้มลงกับพื้นด้วยกันในทันที ล้มครั้งนี้ เหลียงซินที่เคยฝึกฝนกำลังภายใน ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร ทว่าเหลียงยินที่ถูกเธอทับไว้ด้านล่างก็คงจะแย่เลยทีเดียว ใบหน้าที่ขาวใสบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด หยาดน้ำตาวิ่งวนอยู่ภายในรอบดวงตา มีท่าทีเจ็บปวดมากอย่างเห็นได้ชัด พอเฉินห้าวได้เห็นฉากนี้ ทั่วทั้งใบหน้าก็ยิ่งมืดมนเข้าไปอีก ยื่นมือออกไปยกปกคอเสื้อของเหลียงซินขึ้นในทันที แล้วโยนเธอลงไปอีกทาง จากนั้นก็ประคองเหลียงยินขึ้นมาอย่างอ่อนโยน “ยินเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” เขาเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เวลานี้ เหลียงยินก็แทรกตัวเข้าไปในอ้อมอกของเขาในทันที น้ำตาที่ราวกับไข่มุกไม่ปานก็ร่วงหล่นลงมา ร่างกายที่เล็กและบอบบางสั่นสะเทือน ทว่า กลับยังเอ่ยขึ้นอย่างปกป้องว่า “ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย โปรดอย่าทรงถือโทษตำหนิท่านพี่เลยเพคะ” ประโยคนี้ ยิ่งเป็นการผลักเหลียงซินให้เข้าไปยังกระแสวิพากย์วิจารณ์ของผู้คนในสังคมที่โหดร้ายและดุดันมากขึ้นไปอีก เฉินห้าวปลอบประโลมนาง และยังหันหน้ากลับมามองเหลียงซินอีกครั้ง พลางออกคำสั่งว่า “มานี่ ขอโทษยินเอ๋อร์เสีย” ได้เข้าหอด้วยกันมาแล้วอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ ท่าทางนี้ของพวกเขา ช่างดูเหมือนเหมือนคู่สามีภรรยาที่รักกันอย่างหาใดเปรียบ และนาง ก็เป็นเพียงคนนอก เหลียงซินหัวเราะขึ้นอย่างป่าวประกาศความโอหังของตนเอง “ขอโทษ?หม่อมฉันเหลียงซินแต่ไหนแต่ไหนมายังไม่เคยขอโทษใครมาก่อน เฉินห้าว หากพระองค์อยากจะช่วยนางแสวงหาความยุติธรรม เช่นนั้นพระองค์ก็ทรงใช้วิธีที่ชำนาญมากที่สุดของพระองค์มาลงโทษหม่อมฉันสิเพคะ” ช่างเป็นหญิงที่ไม่รู้จักความเป็นความตายเลยจริงๆ! มือใหญ่ของเฉินห้าวค่อยๆกำเข้าหากันแน่น สายตาที่ล้ำลึกและเงียบเหงาเย็นชาเผยความเย็นยะเยือกออกมา ราวกับว่าวินาทีต่อไป กำลังจะลงมือฆ่าคนยังไงอย่างงั้น ทว่า เขากลับลังเลไม่สามารถลงมือได้ สำหรับเหลียงซินแล้ว ขีดจำกัดของเขาสามารถปล่อยต่ำลงไปได้อีกครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงขั้นเรียกได้ว่าไร้ขีดจำกัด ในวินาทีนี้เอง เหลียงยินก็กอดเฉินห้าวเอาไว้อย่างหวานหยดเยิ้ม แล้วพูดโน้มน้าวว่า “ท่านอ๋อง โปรดอย่าทรงพิโรธเลยเพคะ ร่างกายของหม่อมฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น เพียงแต่ เพียงแต่ค่อนข้าง...” นางพูดอยู่ดีๆ ไม่นานก็ไอขึ้นมาอย่างรุนแรง เลือดสีแดงสดเอ่อล้นออกมาจากมุมปากของนาง สีหน้าซีดเซียว ท่าทีดูเหมือนทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง “ยินเอ๋อร์ ยินเอ๋อร์?” สีหน้าของเฉินห้าวเปลี่ยนไปในทันที อุ้มนางขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งตัวไปทางตำหนักลั่วยินในทันที สุดท้าย ยังไม่วายทิ้งประโยคหนึ่งเอาไว้ “เหลียงซิน หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับยินเอ๋อร์ ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบ!” มองดูภาพแผ่นหลังของพวกเขาที่ห่างไกลออกไป แววตาก็เหลียงซินก็ค่อยๆมืดหม่นลง สายตาของเธอ อยู่ๆก็ตกลงไปบนผิวพื้น ภายใต้การส่องสะท้อนของแสงอาทิตย์นั้น มีเข็มเงินที่ส่องสว่างเปล่งประกายเล่มหนึ่งตกอยู่ เข็มเงินนี้ ไม่ใช่ของเธอหรอกหรือ? แต่ว่าเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้? เหลียงซินกุมเข็มเงินเอาไว้ ไม่ว่าเธอจะคิดอย่างไร ก็ล้วนคาดเดาไม่ออก ทว่าในคืนวันนั้นเอง ตอนที่เฉินห้าวถลันเข้ามาในห้องของเธอด้วยความโมโหสุดขีด เธอก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น “เหลียงซิน เจ้านี่มันหญิงอสรพิษ!นึกไม่ถึงว่าจะกล้าใช้เข็มเงินแทงยินเอ๋อร์เลยเชียวหรือ?หากไม่ใช่ข้าค้นพบได้ทันเวลา ยินเอ๋อร์ก็คงจะกระอักเลือดจนตายเพราะเจ้า!” ในมือของเขาก็กำลังกำเข็มเงินสองเล่มนั้นอยู่ เปรียบเทียบกับที่ครู่นี้ตอนนี้เหลียงยินล้มลงไป เข็มเงินเล่มนั้นที่เก็บขึ้นมาได้จากใต้ร่างกายของนาง น่าจะเป็นแบบเดียวกัน หรือจะว่า มีเข็มเงินทั้งหมดสามเล่ม เพียงแต่เล่มนี้ไม่ได้แทงเข้าไป เพราะฉะนั้นจึงบอกได้ว่า นี่คือละครฉากหนึ่งที่นางเล่นเองกำกับเอง พอดีกับ นำเจ้าโง่เฉินห้าวใส่เข้าไปในกะลาครอบ เหลียงซินเลิกคิ้วขึ้นยิ้มเล็กน้อย ไม่เพียงแต่ไม่มีความเสียใจในภายหลังและพยายามจะแก้ไขให้ดีขึ้น หากแต่ยังอุกอาจขึ้นเป็นพิเศษ มองไปที่เฉินห้าวอย่างโอหัง มุมปาก ยกขึ้นเล็กน้อย “ใช่เพคะ หม่อมฉันมองนางขัดหูขัดตามานานแล้ว ถึงแม้หม่อมฉันจะยอมรับ แล้วพระองค์ทรงคิดจะทำอย่างไรเพคะ?”เธอแบมือออก ยอมรับอย่างเริงร่าและเป็นธรรมชาติ ดวงตาของเฉินห้าวหดตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็วและรุนแรง จิกเข้าที่คอของเธออย่างแรงในทันที “เหลียงซิน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบยินเอ๋อร์ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นพระชายารองของข้า และยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้า เจ้าจะดีกับนางเสียหน่อยไม่ได้เลยเชียวหรือ?นางน่าสงสารมากพอแล้ว!” เหลียงซินอดกลั้นจนแดงไปทั้งหน้า หายใจอย่างยากลำบาก เอ่ยขึ้นอย่างติดๆขัดๆว่า “หม่อมฉันว่าพระองค์ น่าสงสารยิ่งกว่า” ไม่มีความสามารถในการแยกแยะถูกผิด ส่องสะท้อนความดีความชั่วได้เลยแม้แต่น้อย ถูกคนจับใส่ไว้ในกะลาเล่นวนไปเวียนมาก็ยังไม่รู้ตัว จนถึงวันนี้ก็คงยังนึกว่า ยินเอ๋อร์ของเขาเป็นผู้บริสุทธิ์มีจิตใจเมตตา นิสัยอ่อนโยน เป็นเด็กผู้หญิงที่ไร้เล่ห์เหลี่ยมอยู่กระมัง เฉินห้าวได้ยินดังนั้น ก็โยนเธอลงบนเตียงอย่างรุนแรง “ปึ้ง” ครู่เดียว ก็ถีบโซฟาที่อยู่ด้านหน้าอย่างแรงกระเด็นออกไปในทันที “เหลียงซิน หากเกิดอะไรขึ้นกับยินเอ๋อร์ เจ้าก็รอเป็นของที่ฝังลงไปพร้อมกับนางได้เลย!” เขาเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความก้องกังวานราวกับเสียงลมก็ไม่ปาน หลังจากพูดจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อ หมุนตัวออกจากตำหนักเจียวหยางไปในทันที เหลียงซินลุกขึ้นจากเตียงขึ้นมานั่งอย่างใช้แรง ลูบหน้าผากที่ถูกกระแทกชนจนบวม ทว่ากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ใจ ได้ด้านชาไปหมดแล้ว เดิมทีเธอคิดว่า ที่เฉินห้าวปกป้องเธอในสนามแข่งม้านั้นมาจากใจจริง ตอนนี้ดูแล้ว เหลียงยินถึงจะเป็นคนที่สำคัญมากที่สุด ในใจของเธอเคยมีความรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อยนั่น สุดท้ายก็ถูกกดทับกลับไปยังก้นบึ้งของหัวใจ แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย “พระชายา ทรงมาทาว่านหางจระเข้เถิดเพคะ เช่นนี้สามารถลดอาการบวมได้ ท่านอ๋องก็ทรงเกินไปแล้วจริงๆ!” ชิวเยว่นำว่านหางจระเข้ที่สดใหม่เข้ามา แล้วทาลงบนหน้าผากของเหลียงซินอย่างระมัดระวัง “นั่นน่ะสิ!” ชุนฮวาถอนหายใจพลางเสริมทับ เพียงครู่เดียว เหลียงซินก็โบกไม้โบกมือ “ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้าทั้งสองต้องดูแลตัวเองให้ดี หากมีคนมาหาเรื่อง ไม่ต้องไปเกรงใจ สู้กลับไปเลย” เธอสามารถถูกรังแกได้ แต่ชุนฮวากับชิวเยว่จะถูกรังแกไม่ได้โดยเด็ดขาด! พวกนางทั้งสองติดตามเธออย่างไม่ปริปากบ่นและไม่รู้สึกเสียใจภายหลังมานานขนาดนี้ ต่างขยันขันแข็ง สุขุมรอบคอบ ไม่ว่าจะอย่างไร ก็จะให้พวกนางได้รับความไม่เป็นธรรมไม่ได้อีกเป็นอันขาด “พระชายา มาถึงตอนนี้แล้ว พระองค์ไม่ต้องทรงเป็นห่วงพวกเราอีกต่อไปแล้วเพคะ วันนี้ที่พระชายารองล้มลงเหตุใดจึงได้รุนแรงถึงเพียงนั้นเพคะ?แล้วเข็มเงินเล่มนั้นเกิดอะไรขึ้นอีกกันแน่เพคะ?” ชิวเยว่เอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “คงจะไม่ใช่ วันนั้นที่พระชายารองเสด็จมาทรงมอบสิ่งของให้ที่ตำหนักเจียวหยาง ส่งคนมาแอบเอาเข็มเงินไปกระมัง?”ชุนฮวาคาดเดาออกมาอย่างใจกล้า
已经是最新一章了
加载中